'คุณเซน… คุณเป็นเจ้านายที่ดีจริงๆ'
คำชมเชยแบบซื่อๆของคุณป้ายังก้องอยู่ในหัวผม มันเป็นสิ่งที่เจ้านายทุกคนอยากจะได้ยิน มันคือความสำเร็จที่มีคุณค่ามากกว่ายอดขายมากมายนัก แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้ยินมันจากคนที่มีท่าทีต่อต้านผมตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าทำงาน
เอ… หรือคุณป้าเค้าพูดไปเรื่อยเปื่อย เค้ากะแค่จะหยอดๆผมเล่นหรือเปล่านะ ปกติเค้าเป็นผู้หญิงที่พูดทุกอย่างที่ใจคิดออกมาตรงๆ บางทีก็พูดจาดูซีเรียสเชียว อือม์ แต่บางทีก็เห็นชอบพูดเล่นไปเรื่อย
เฮ้ย แล้วทำไมผมต้องนึกถึงคนตาโตๆนั่นตลอดเวลาด้วย คุณเซนครับ คุณกำลังเดินหลงไปมาในห้างเอ็มควอเทียร์นะครับ
…วันนี้ผมอุตส่าห์รีบออกมาจากออฟฟิศเร็วกว่าปกติ เพื่อมาเดินหาซื้อของขวัญวันเกิดให้กับผู้ซึ่งเป็นที่รักทั้งสองคน
โอเค ผมอาจจะเป็นเจ้านายที่ดี แต่คงไม่ใช่พ่อที่ดีแน่ๆ คิดดูสิ ผมจำชื่อพนักงานทุกคนได้ แต่กลับลืมวันเกิดของพ่อตัวเองและของลูกตัวเองซะงั้น แล้วผมก็คุยกับคุณไมตรีเรื่องของงานได้เป็นนานสองนาน แต่ผมคุยดีๆกับลูกชายได้ไม่เกินสิบนาที
นึกถึงวันที่เห็นลูกชายร้องไห้เพราะผมจำวันเกิดเค้ากับปู่ไม่ได้ ทำเอาผมรู้สึกผิดลึกๆในใจ ไม่นึกว่าเจ้าลูกชายที่เห็นท่าทางห้าวๆหน้าตากวนโอ๊ยและไม่เคยเกรงกลัวใคร พอเอาเข้าจริง กลับน้อยใจพ่อที่จำวันเกิดปู่ไม่ได้ แล้วก็ร้องไห้ง่ายๆซะงั้น …เด็กหนอเด็ก
คืนนั้นผมรู้สึกผิดจนนอนไม่หลับทั้งคืน
เรนคงจะรักปู่มากกว่าพ่อ ผมรู้ตัวดี….
เฮ้อ! หลังจากมื้อซูชิฉลองวันเกิด เมื่อวานผมเลยตั้งใจว่าจะเลิกงานเร็วหน่อยเพื่อมาหาซื้อของขวัญ แต่ก็กลับมีปัญหาเรื่องงานที่ทำให้ผมต้องอยู่ออฟฟิศจนดึกดื่นเพื่อรอคำตอบจากทางโรงงานผลิตซิปที่ยุโรป เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดอย่างเต็มๆของแผนกออกแบบ การสั่งวัตถุดิบจากโรงงานเดียวโดยไม่มีแผนสำรองเป็นความประมาทที่ไม่น่าให้อภัย
ยอมรับว่าเมื่อรู้เรื่องนี้จากแผนกจัดซื้อตอนก่อนเลิกงาน ทำเอาผมโกรธขึ้นมาหนึ่งแวบ แต่เมื่อเห็นสีหน้าแสดงการรับผิดและพยายามขอโทษขอโพยแทนลูกน้องของคุณลลินคนตาโตแล้ว ผมก็ต้องพยายามนับหนึ่งถึงสิบภายในใจ บางทีการทำงานที่ใดที่หนึ่งมานานๆก็อาจทำให้เราเลินเล่อและชะล่าใจ คงต้องเห็นใจคุณป้าเขาหน่อย
แล้วก็อีกอย่าง… ภาพของเธอที่วิ่งตามหัวขโมยที่จตุจักรวันนั้นยังติดตาผมอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ผมจะเอ่ยปากขอบคุณเธอ และพยายามจะตอบแทนเธอด้วยการเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือไปแล้ว แต่อันที่จริง ความประทับใจในความกล้าหาญของเธอกลับยังคงเด่นชัดอยู่ในใจของผม แต่ก็นะ เมื่อวานตอนเย็นเห็นหน้าตาเธอเคร่งเครียดกับการแก้ปัญหาแทนลูกน้องในแผนก แต่ไหงตอนห้าทุ่มกลับเดินกรึ่มร้องเพลงลั้ลลากลับเข้ามาในออฟฟิศ? คือไปกินเหล้าย้อมใจคลายเครียดว่างั้น?
เฮ้อ ไม่รู้เป็นอะไร เวลาผมเห็นใบหน้าร่าเริงที่มาพร้อมกับดวงตากลมๆโตๆอันสดใสนั่น ผมกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดทุกที
ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเข้าข่ายการบูลลี่ แล้วมันก็ทำให้เธอไม่พอใจ แต่ทำไมผมอดใจไม่ได้ ผมขอเข้าข้างตัวเองได้ไหม คือการได้แกล้งแหย่คุณป้าเรื่องความสูงวัยเนี่ย นับเป็นความบันเทิงใจเล็กๆน้อยๆหนทางเดียวในตอนนี้ที่ผมพอจะหาได้จากภาวะตึงเครียดจากงานการที่ต้องรับผิดชอบ แล้วอีกอย่าง คงเป็นเพราะผมแกล้งล้อเล่นเธอมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่เห็นเธอเคยโกรธจริงๆจังๆซักที ทำเป็นงอนนิดๆหน่อยๆ แต่เผลอแป๊บเดียวก็หายแล้ว
คนแก่ก็งี้มั้ง งอนง่ายหายเร็ว
แล้วก็คงไม่เฉพาะผมเท่านั้นที่ชอบแหย่เธอเล่น ผมสังเกตเห็นพนักงานคนอื่นๆก็ชอบเข้าไปคุยเล่นกับเธอ นี่ผมก็สงสัยนะ ว่าตอนผมไม่อยู่ในออฟฟิศ คุณป้าเค้าได้ทำงานบ้างหรือเปล่า หรือคุยเล่นเรื่อยเปื่อยไปทั้งวัน?
"คุณเซนมายืนเหม่ออะไรแถวนี้คะ"
เฮ้ย เสียงคุ้นๆว่ะ คล้ายเสียงคุณป้า
นี่ผมคิดถึงคนตาโตคนนั้นจนมีอาการหูแว่วเชียวเรอะ?
แต่นั่นไม่ใช่เสียงแว่ว เพราะอยู่ๆตากลมโตสดใสก็โผล่มาข้างหน้าผม เอ้ยยยย ทำไมอายุยืนอย่างนี้ มาจากไหนเนี่ย!
"คุณลลินมาช้อปปิ้งหรือครับ" เมื่อหายตกใจแล้ว ผมจึงทักทายออกไป
เธอคงจะมาหาซื้อเสื้อผ้าตามประสาผู้หญิง คิดว่าห้างนี้น่าจะมีเสื้อผ้าลายดอกไม้ขายอยู่เยอะ
"โอว ช้อปที่นี่คงไม่ไหวมั้งคะ ชั้นไม่เหมาะกับของหรูๆหรอกค่ะ คุณเซนอย่าไปบอกใครนะคะ ความจริงแล้วชั้นชอบเสื้อผ้ามือสอง ยิ่งพวกที่มาจากญี่ปุ่นนะคะ ชอบมากกกกก"
อยู่ดีๆคุณป้าก็พรั่งพรูความในใจเรื่องรสนิยมการแต่งกายให้ผมได้รับรู้
แต่ก็จริงของคุณลลินเขา ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพนี่มันช่างหรูหราใหญ่โตจริงๆ ช่างสวนทางกับรายได้เฉลี่ยของประชากรยังไงก็ไม่รู้แฮะ นี่ผมยังสงสัย ใครกันที่มาช้อปปิ้งที่ห้างแพงๆแบบนี้ คนกรุงเทพเขามีเงินเยอะกันขนาดนั้นเลยรึ
"รวมถึงชุดที่ใส่ไปทำงานด้วยหรือครับ" ผมอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าลายดอกไม้ที่คุณป้าใส่มาวันนี้
"งั้นสิคะ เราต้องรู้จักมิกซ์แอนด์แมทช์ค่ะคุณเซน นี่ชุดลายดอกไม้เล็กๆสีม่วงพื้นขาวแบบนี้ ก็ต้องเข้าคู่กับสร้อยลูกปัดลูกใหญ่สีเหลืองเพื่อความไม่น่าเบื่อ เรื่องการจับคู่สีน่ะสำคัญนะคะ"
ผมก็ว่านะ ลายดอกไม้บางลายบนเสื้อผ้าของเธอมันคุ้นตาผมมาก อ้อ มาจากญี่ปุ่นนี่เอง ผมว่าผมเคยเห็นพวกแม่บ้านญี่ปุ่นเค้าใส่กัน ชุดกระโปรงเดี่ยวๆท่อนเดียวแบบนี้
แต่ก็แปลก งานออกแบบโซฟาของคุณลลินนี่เค้าเจาะตลาดกลุ่มไฮโซนี่นา แล้วผมเห็นเค้าชอบแต่งตัว ผมก็ยังนึกๆอยู่ว่าเขาน่าจะรสนิยมสูงแบบไฮเอนด์ไฮโซอะไรพวกนั้น
อือม์ จะว่าไป คุณตาโตเค้ารสนิยมดีใช่เล่น นี่มองไม่ออกเลยว่าชอบใส่เสื้อผ้ามือสอง รู้จักแต่งตัว สมกับที่เรียนมาทางศิลปะจริงๆ
"อ้าว แล้วถ้าไม่มาช้อปปิ้งแล้วมาทำอะไรครับ นวดเท้าเหรอ" ผมได้ยินมาว่าคนรุ่นนี้เขาชอบพากันไปนวดตัวนวดเท้า
"คุณเซน! ใครเค้ามานวดเท้าที่เอ็มควอเทียร์กันคะ นวดตลาดนัดแถวบ้านน่าจะเหมาะกว่านะคะ ชั้นนัดเพื่อนมากินข้าวค่ะ แต่โดนเพื่อนเทไปแล้ว เซ็งเลย"
อ้อ…
"ว่าแต่คุณเซนมาทำอะไรคะ เห็นยืนมึนงงเหมือนหลงทาง"
"เอ้อ ผมจะมาหาซื้อของขวัญวันเกิดน่ะครับ"
"อ๋อ ค่ะ งั้นตามสบายนะคะ ไม่กวนแล้วค่ะ บายค่ะ เจอกันพรุ่งนี้" แล้วคุณเค้าก็ทำท่าจะจากไปง่ายๆซะงั้น
"ดะเดี๋ยวครับ คุณลลิน!"
ผมเกิดไอเดียขึ้นมาฉันพลัน ให้คุณป้าช่วยเลือกของขวัญให้พ่อดีกว่า วัยเกือบจะใกล้เคียงกันน่าจะรู้ใจกัน ผมนี่กำลังมึนตึ๊บอยู่พอดีว่าจะซื้ออะไรให้พ่อกับเจ้าเรนดี…
"ซื้อชาดีไหมคะ ชาจีนหรือชาญี่ปุ่นน่าจะดี คุณราเชนทร์คงชอบ เอ ไม่รู้ว่าห้างนี้มีร้านขายชานำเข้าดีๆหรือเปล่า ขึ้นไปชั้นไหนดีนะ"
ไอเดียจากคุณลลินก็มาทันทีหลังจากผมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเธอ
แล้วเธอก็พาผมเดินมาที่ข้างๆลิฟต์แก้วตรงโถงโปร่งกลางห้างที่มีดงต้นไม้เหมือนเถาวัลย์ เพื่อสอดสายตาไปตามชั้นต่างๆในห้างหรูนั้น
"พ่อผมเค้าเป็นเซียนด้านดื่มชาน่ะครับ ซื้อไปไม่ถูกใจก็กลัวเค้าไม่ดื่ม พ่อผมเอาใจยากนิดนึงครับ"
"โอเค งั้นเนกไทดีไหมคะ เอาลายแบบเรียบๆหน่อย ชั้นเคยเห็นคุณราเชนทร์ใส่ลายเรียบร้อยมากตอนมีประชุม เอ ชั้นไหนขายเสื้อผ้าผู้ชายนะ" คุณลลินแกพยายามมองไปรอบๆทั่วๆห้างอีกที
"ตอนนี้พ่อผมเค้าเก็บตัวมากเลยครับ แทบไม่ค่อยได้ไปงานสำคัญที่ไหน เกรงว่าจะไม่ได้ใช้เนกไทอีกต่อไปแล้ว"
"อือม์ งั้นเป็นกระเป๋าสตางค์ดีไหมคะ แบบกระเป๋าหนังดีๆนุ่มๆ ดีไซน์เรียบๆ เอ ชั้นไหนขายกระเป๋าสำหรับผู้ชายนะ" คราวนี้เธอออกเดินนำผมเพื่อตามหาแผนกขายกระเป๋าสตางค์
"เอ่อ คือ พ่อผมไม่ชอบพกเงินน่ะครับ ปกติไปไหนมาไหนกับคุณมะพร้าว เอ้อ คนสนิทประจำตัวเค้า คุณมะพร้าวจะเป็นคนจัดการตลอด"
"เอ้อ… โจทย์ยากจังเลยนะคะ" คนตาโตเริ่มยิ้มแห้งๆแหยๆ
บอกแล้วครับว่าพ่อผมเอาใจยาก
"เอ่อ คือ แล้ววันนี้ผมก็ต้องหาของขวัญให้ลูกชายผมด้วย เค้าเกิดวันเดียวกับพ่อผม"
ผมตัดสินใจบอกโจทย์ยากข้อสองให้กับคุณป้าไป ผมไม่คิดว่าเค้าจะมีไอเดียอะไรสำหรับเด็กผู้ชายอายุสิบห้า ผมอยากจะแค่ระบายความเหนื่อยใจว่าผมจะต้องหาของขวัญถึงสองชิ้นในวันนี้ เรื่องของการหาของขวัญนับว่าเป็นความยากลำบากในชีวิตของผมอีกหนึ่งเรื่อง
"เหรอคะ น่ารักจังเลย หลานชายเกิดวันเดียวกับคุณปู่ แล้วลูกชายคุณเซนอายุเท่าไหร่คะ" นัยน์ตากลมโตนั้นมีแววระยับระยิบและอบอุ่นยามเมื่อได้พูดถึงเด็กและคนชรา
แต่แปลกแฮะที่คุณป้าเธอไม่เห็นติดใจสงสัยถามถึงเรื่องแม่ของเจ้าเรน
ผมชักอยากจะรู้ซะแล้ว ว่าคนที่บริษัทเค้ารู้เรื่องของครอบครัวผมกันมากแค่ไหน…
"อายุสิบห้าครับ" ผมบอกอายุลูกชายไป
เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ตอนนี้เจ้าเรนมันก็ต้องสิบหกแล้วมั้ง เอ้อ ช่างมันเถอะ
"อือม์ เด็กอายุสิบห้า… แล้วแกชอบทำอะไรเป็นพิเศษคะ"
ผมพยายามนึก นอกจากเล่นเกมกับอ่านการ์ตูนแล้ว เจ้าเรนชอบทำอะไรอีกบ้าง
นึกไม่ออกแฮะ…
อ้อ รู้ละ!
"ผมว่าเค้าชอบเล่นสเกตบอร์ดนะครับ ผมเคยเห็นบอร์ดในห้องเค้า มันดูเก่าๆโทรมๆ งั้นผมซื้อบอร์ดใหม่ให้แกดีกว่า" ผมนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง เฮ้อ โล่ง อย่างน้อยก็ได้ของขวัญเจ้าเรนละ
"อย่าเลยค่ะ ของอย่างนี้เค้าต้องมาเลือกเอง"
อ้าว ซวย คุณป้าไม่เห็นด้วยหรือครับ
"เอาเป็นเสื้อยืดเอาไว้ใส่เล่นสเกตไหมคะ แล้วก็ต้องเป็นเสื้อยืดลายไฟลุกช่วงโชติของยี่ห้อ Thrasher เห็นพวกนักเล่นสเกตเค้าฮิตกัน"
เชี่ย! คุณป้ารู้เรื่องพวกนี้ได้ไงครับเนี่ย!
แต่เหมือนคุณลลินจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
"แหม ก็ชั้นกำลังจะไปเข้าคอร์สเรียนสเกตบอร์ดนี่คะ ก็ต้องศึกษากันบ้างว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่ฮิปๆ จะให้เสื้อยืดลายดอกไม้ไปเล่นก็น่าจะโดนเด็กๆโห่เอานะคะ"
"โห งั้นอีกหน่อยก็ต้องมีป้าลินแข่งกับป้าเจี๊ยบแล้วสิฮะ หรือป้าเจี๊ยบแกคือไอดอลของคุณ คูลอ่ะ!" ผมหมายถึงป้าเจี๊ยบนักสเกตบอร์ดทีมชาติไทยวัย 62
"คุณเซน! คุณรู้ได้ไงคะเนี่ย ป้าแกเท่สุดๆ นั่นคือความใฝ่ฝันในวัยเกษียณของชั้นเลยนะคะ รู้มั้ยคะว่าป้าแกเริ่มเล่นสเกตบอร์ดตอนอายุ 57"
"อ๋อ วัยใกล้เคียงกับคุณลลินแล้วนะครับ อ้อ มิน่าล่ะ คุณลลินถึงอยากไปเรียนเล่นสเกตบอร์ดตั้งแต่ตอนนี้" ผมพูดหน้าตาย
ใจนึงก็อยากจะตบปากตัวเองที่ชอบไปบูลลี่เธอ แต่อีกใจนึงก็อดไม่ไหว และก็รู้ว่าต้องได้รับสายตาค้อนกลับมาจากคนข้างๆแน่ๆ
นั่นไง มาละ ท่างอนประจำตัว…
"โอเค ในที่สุดก็เรียบร้อยซะที มาเป็นทีมไฟลุกช่วงโชติเลยครับสำหรับคุณปู่และคุณหลาน หมวกแก็ปสำหรับคุณปู่ใส่ตีกอล์ฟ ส่วนแขนสั้นมีฮู้ดสำหรับเจ้าเรนใส่เล่นสเกตบอร์ด"
ผมสำรวจข้าวของในถุงอีกที ขณะเดินเข้ามาหาคุณลลินที่กำลังยืนดูสินค้าอื่นๆอยู่ภายในร้านขายสินค้าสำหรับนักสเกตบอร์ดนั้น
"หมวกนี่ล่ะค่ะเริ่ด คุณราเชนทร์ท่านน่าจะชอบ ชั้นจำได้ว่าเคยตามไปดูคุณราเชนทร์กับคุณไมตรีไปตีกอล์ฟด้วยกันหนนึง เห็นพวกนักกอล์ฟเค้าก็ใส่หมวกแก็ปกันทั้งนั้น แล้วก็เข้าคู่กับของคุณหลานด้วย" เธอท่าทางภูมิอกภูมิใจกับผลงานการเลือกของขวัญของตัวเอง
ผมเห็นด้วยกับของขวัญของพ่อ หมวกแก็ปที่เข้าธีมกะเสื้อของหลาน พ่อต้องชอบแน่ๆ อะไรก็ตามที่มีส่วนข้องเกี่ยวกับหลานชายคนโปรด พ่อผมเค้ายินดีทุกอย่าง
"ขอบคุณมากครับ"
ผมนึกดีใจที่เจอคนตาโตโดยบังเอิญที่นี่ ไม่งั้นผมต้องเสียเวลาเดินหลงไปมาอีกพักใหญ่
"คุณเซนว่าถ้าชั้นใส่เสื้อมีฮู้ดอย่างนี้ตอนเล่นสเกตบ้างจะโอเคมั้ยคะ" ดวงตากลมโตของเธอดูจริงจังและฝันไปไกลขณะยืนจ้องเสื้อมีฮู้ดลวดลายไฟลุกช่วงโชตินั้น
เอ้อ จะให้ตอบว่าอะไรดีล่ะฮะคุณป้า
"ผมก็เคยเห็นป้าเจี๊ยบแกใส่อยู่นะครับ" ต้องเลี่ยงๆไป และต้องเป็นคำตอบแนวให้กำลังใจ ให้เธอรู้ว่ายังมีเพื่อนวัยเดียวกัน
แล้วผมก็เห็นสายตานั้นเริ่มสับสน
"เอ้อ งั้นเรื่องเสื้อฮู้ดเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ แล้วนี่คุณเซนมีการ์ดอวยพรหรือยังคะ"
ห้ะ การ์ดอวยพร! นี่สมัยนี้เค้ายังให้การ์ดอวยพรกันอีกรึ ให้แค่ของขวัญก็พอแล้วมั้ง หรืออย่างมาก เดี๋ยวผมเขียนโน้ตสั้นๆใส่โพสต์อิทแปะแนบไป
"เสื้อนี่ หมวกนี่ ซักวันนึงมันก็เก่า เราก็ทิ้ง แต่การ์ดอวยพรนี่อยู่ตลอดไปนะคะ" เหมือนคุณตาโตคนข้างๆนี้เขาจะอ่านใจผมออก
"แต่ผมไม่รู้จะเขียนอะไร แล้วก็ไม่รู้จะซื้อการ์ดแบบไหน"
"คุณเซน!" คุณลลินเขาทำตาที่โตอยู่แล้วให้โตขึ้นไปอีก
"ใครเค้าซื้อการ์ดกันคะ ของอย่างนี้มันต้องทำเองค่ะ"
เฮ้ย ยิ่งไปกันใหญ่ ทำการ์ดเองเรอะ ฝันไปเถอะ มันกุ๊กกิ๊กไปหรือเปล่าวะ
"คือผมไม่มีอุปกรณ์น่ะครับ" ผมพยายามหาทางเลี่ยงที่ดูมีเหตุผล
"อูย ก็ที่ออฟฟิศเราไงคะ อุปกรณ์เพียบ อย่าลืมนะคะว่าชั้นอยู่ฝ่ายออกแบบ เราต้องทำโมเดลจำลองประกอบการออกแบบโปรดักต์อยู่แล้วค่ะ มีตัวอย่างผ้า มีกระดาษแข็ง คัตเตอร์ กรรไกร กาว ครบค่ะ"
"แล้วผมก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องงานศิลปะ" ไอ้เรื่องงานช่างตอกตะปูเลื่อยไม้น่ะผมสบายมาก แต่จะให้มานั่งทำการ์ดแผ่นเล็กๆมุ้งมิ้งๆ ผมคงไม่ไหวอะนะฮะ
"เดี๋ยวชั้นทำให้เองค่ะ" คุณป้าทำหน้าตื่นเต้น
"ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ"
"อูย ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ชั้นชอบทำงานศิลปะทุกชนิด แล้วของขวัญเนี่ยเราก็ต้องจัดการห่อแบบสวยงาม คนรับจะได้ชื่นใจ ชั้นถนัดมากค่ะเรื่องการห่อของขวัญแบบเก๋ๆไม่มีใครเหมือน" คุณป้าทำหน้าเต็มใจ
"เอ้อ…" จะปฏิเสธยังไงดีวะ
"ไปกันเถอะค่ะ ออฟฟิศเราก็อยู่ตรงนี้เอง แล้วเดี๋ยวเราสั่งอะไรอร่อยๆมากินกันก่อนจะเริ่มมือทำกันนะคะ คุณเซนเลี้ยงชั้นแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน ว่าแต่วันนี้คุณเซนอยากจะกินอะไรคะ ไม่เอามาม่าคัพแล้วนะคะ" โอ้ว แผนการณ์มาเต็ม ดูเหมือนเธอจะรวบรัดผมง่ายๆซะงั้น
แล้วมือเล็กนั้นก็คว้าแขนผมลากให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ดะ ดะ เดี๋ยวครับป้า ไม่เอา ไม่ไป!...