ท้องฟ้ายามค่ำคืน หมู่ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับเป็นจุดเล็กๆ ดวงจันทร์ส่องแสงสีขาวนวลอย่างสวยงามพร้อมกับสายลมเย็นๆที่คอยพัดผ่าน
ฉากด้านหน้าเริ่มเคลื่อนที่ลงมามองเห็นเงามนุษย์หลายคนวิ่งตามบางสิ่งอย่างขะมักเขม้น
กระทั่งปรากฏบุคคลหนึ่งกำลังนั่งแกว่งเท้าไปมาอย่างสบายใจ ตัวมันสวมชุดสูทสีดำและสวมหน้ากากสีเทามีลวดลายแปลกๆ
บุคคลดังกล่าวยกมือขวาขึ้นพร้อมนำนิ้วชี้และนิ้วโป้งผสานงานกันจนมีรูปร่างคล้ายแว่นตามันนำมือข้างดังกล่าวเข้าใกล้นัยน์ตาพร้อมกับหลับตาข้างซ้ายลงและเล็งมองบางสิ่งที่อยู่ในระยะไกล
ภายในการมองเห็นดังกล่าวจะพบสัตว์ประหลาดตัวใหญ่สีดำเมื่อใครได้เห็นพลันต้องขนลุกและรู้สึกขยะแขยงทั้งสิ้น มันมีฟันที่แหลมคม มีรูปร่างที่ไม่สมมาตร มีน้ำเหลืองไหลออกมาจากตัวและเมื่อสังเกตดีๆบริเวณต้นคอจะพบสัญลักษณ์รูปกะโหลกสีขาวหนึ่งชิ้น
"หื้ม...วิญญาณคำสาประดับหนึ่ง"
"เห้อ! เสียเวลานอนชะมัด!"
เมื่อสบถเสร็จมันล้วงหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแต่ไม่นานก็หยุดการกระทำดังกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าว
"กลับไปนอนดีกว่า..."
"คนเยอะขนาดนี้ยังไงก็ล่าสำเร็จอยู่แล้วไหนจะเป็นวิญญาณคำสาประดับหนึ่งอีก ถ้าไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไป"
ไม่นานหลังจากนั้นบุคคลสวมสูท สวมหน้ากากก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และในเวลาเดียวกันสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยงก็หัวหลุดออกจากบ่าโดยไม่รู้ตัว โลหิตสีดำเหนี่ยวกระชูดพุงขึ้นในอากาศ ไม่กี่นาทีต่อมาร่างสัตว์ประหลาดก็ค่อยๆสลายหายไปกับสายลมในยามค่ำคืน
.
.
.
ท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้ม ยังคงไม่ปรากฏแสงตะวันสีส้มเหลือง หยดน้ำค้างบนใบไม้ต้นหญ้ากำลังไหลรินลงสู่พื้น ผู้คนมากมายหลากหลายอายุกำลังออกกำลังกายในช่วงเช้าตรู่ในสวนสาธารณะ
สวนสาธารณะดังกล่าวมีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ใจกลาง อ้อมล้อมด้วยดอกไม้นานาชนิดและด่านทิศตะวันออกที่มีแสงตะวันอร่ามปรากฏมีแม่น้ำสายยาวไหลผ่านมอบบรรยากาศสงบให้แก่ผู้คน
พบชายชราผมหงอกขาวอายุราว50ปี กำลังยืนยืดเส้นยืดสาย ขณะที่กำลังทำกิจกรรมของตนอยู่นั้นชายชรามองเห็นบุคคลหนึ่งที่คุ้นเคยมันจึงโบกมือทักทายอย่างเป็นมิตร
เมื่อบุคคลดังกล่าวเริ่มวิ่งเข้ามาใกล้ชายชรายิ้มแย้มและพูด
"ยังฟิตเหมือนทุกเช้าเลยนะพ่อหนุ่ม...ใครได้เธอเป็นแฟนคงโดนเธอจัดหนักทุกคืนแน่ๆ"
ปรากฏชายหนุ่มอายุราว20ปี ใบหน้าหล่อเหลายากจะหาใครเทียบเคียง นัยน์ตาสีฟ้า ผมสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน ร่างกายใหญ่โต กล้ามเนื้อแน่นทุกสัดส่วน ไหล่กว้าง ผิวขาว สูง1.88เมตร
"คุณทรานซ์ก็พูดเกินไป...ถ้าผมจะจัดหนักใครสักคนละก็ทุกคืนมันคงไม่พอผมจะจัดตั้งแต่ดึกๆยันเช้าเลยละครับ"
ชายหนุ่มหนึ่งชีวิต ชายชราหนึ่งชีวิตทั้งสองต่างหัวเราะอย่างมีความสุข พูดคุยอย่างสนิทสนม
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ท้องฟ้าเริ่มปรากฏแสงตะวันผู้คนมากมายต่างหยุดทำกิจกรรมออกกำลังกายทุกคนต่างหันมองแสงสีส้มเหลืองอร่ามที่กำลังปรากฏขึ้น
แสงตะวันอร่ามสาดส่องสะท้อนกับแม่น้ำสายยาวที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตชาวเมืองทิงเก็น
.
.
.
บ้านหนึ่งหลังที่มีขนาดใหญ่โต มีทั้งหมด4ชั้น ภายในบ้านถูกตกแต่งด้วยของหรูหรามากมายและมีโคมไฟขนาดใหญ่ถูกห้อยติดตกแต่งอยู่ใจกลางห้องนั่งเล่นอยากสวยงาม
ชั้นที่3 พบห้องนอนขนาดใหญ่ มีทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องเขียน โคมไฟ ชั้นหนังสือและห้องน้ำภายในห้องนอน
ขณะนั้นได้ยินเสียงใครสักคนหมุนเกลี้ยวฝักบัวกระทั่งพบชายหนุ่มผมสีดำสนิทกำลังยืนหลับตาและเงยหน้าขึ้นปล่อยให้น้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัวไหลผ่านสู่ร่างกายชำระเหงื่อไคลหลังออกกำลังกายเมื่อช่วงเช้าตรู่
"วันนี้ไปเที่ยวหอนางโลมคงดีไม่น้อย"
"เออ...เกือบลืมไปซะสนิทวันนี้เรามีนัดออกล่าสมบัติที่เกาะลึกลับกับทีช"
"ช่างเถอะใครสน หนีนัดแม่งเลยละกัน"
"เพื่อนก็เพื่อนสิวะ ผู้หญิงต้องมาก่อน!"
หนึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มพร้อมจะก้าวเท้าเปิดประตูออกจากบ้านทันใดนั้นมีใครบางคนมายืนรอด้านหน้าประตู
"เห้อ! มาตามถึงบ้านเลยเหรอฟะ" หมุนกลอนเปิดประตูพร้อมกับฉีกยิ้มแห้ง "ไงวะกำลังออกไปหาพอดีเลย"
ปรากฏชายหนุ่มอายุราว20ปี ใบหน้าหล่อคมเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวแทนนิดๆ ร่างกายสมสวน สูง1.85เมตร
"อรุณสวัสดิ์! แต่งตัวหล่อดีนิ" เว้นวรรคเล็กน้อย "นี้หรือการแต่งตัวออกไปล่าสมบัติ?"
"ใช่แล้วละ เขาเรียกว่าแฟชั่นออกล่าสมบัติแบบใหม่น่ะ นายคงไม่ได้ยินข่าวลือสินะเพราะนายอยู่แต่ในทะเล"
ทีชมองหัวจรดเท้า "ไปหอไปหอนางโลมสิไม่ว่า"
"คนเราน่ะต้องเสพความสุขบางสิ ไม่ใช่เอาจริงเอาจังกับงานอย่างเดียว...นายน่ะก็หัดเอาฉันเป็นเยี่ยงอย่างซะทีช"
"ฉันไม่ได้รวยเหมือนนายซะหน่อย..."
.
.
.
ฝูงนกมากมายกำลังบินไปกับสายลมในท้องทะเลพวกมันกางปีกสีขาวบินอย่างพร้อมเพรียงกัน
ไม่นานก็มีชายหนุ่มผมสีดำสนิท นัยน์ตาสีฟ้าเดินออกมาจากห้องกัปตัน มันยืนมองทิวทัศน์น้ำทะเลพร้อมกับเงยหน้ามองเสียงสายลมปะทะกับเสากระโดงเรือจากนั้นกระดกเบียร์ดื่มไปพลางๆ
"เกาะลึกลับ? มันจะเป็นเกาะแบบไหนกันนะถ้ามันมีสมบัติจริงๆเราจะเอาสมบัติไปทำอะไรดีละ?"
"เพราะปกติเราก็รวยอยู่แล้ว ไม่ค่อยต้องการพวกมันสักเท่าไหร่...สิ่งที่ต้องการน่ะมีเพียงสิ่งเดียว!"
ในขณะที่เดวี่กำลังจะกล่าวบางสิ่งเสียงกัปตันเรือลำนี้อย่างทีชก็ดังขึ้น
"ไพ่ทรชน!"
เดวี่เหลือบมองและพูด "แสนรู้จังเลยนะ"
"ฉันไม่ใช่หมาเว้ย!" ทีชมองเห็นบางสิ่งในระยะไกล "ทุกคนเตรียมตัว!"
เสียงเหล่าลูกเรือดังกระหึ่มอย่างเเข็งเเรงแต่ละคนต่างพากันฮึกเหิมพร้อมจะต่อสู้กับภัยอันตรายที่จะเข้ามาเยือน
ไม่นานเรือลำขนาดใหญ่ที่มีกัปตันนามว่าทีชก็หยุดลง
"ฉันขอรออยู่ที่เรือก็แล้วกัน..."
"จะไม่ลงไปสำรวจจริงๆงั้นเหรอ?" ทีชถามเพื่อความแน่ใจ
เดวี่พลางจุดไฟแช็กสูบบุหรี่ "ขอให้โชคดี" พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องกัปตัน
...
บนเกาะลึกลับ ที่มีแต่เสียงน้ำทะเลซัดเข้าชายฝั่งและความเงียบสงบที่เต็มไปด้วยความขนลุก
"ทีชฉันว่ามันเงียบสงบเกินไป"
"ใช่ โดยปกติแล้วเกาะลึกลับจะมีวิญญาณคำสาปเต็มไปหมด"
"แต่เกาะนี้กับเงียบสงบจนผิดปกติ!"
สัญญาณนักผจญภัยกระตุ้นทีชผู้ที่เป็นกัปตัน มันเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มเข้ามาสำรวจ
ทีชไม่รอช้าสั่งรองกัปตันอย่างเอ็นโซ่และเหล่าลูกเรือฝีมือดีเดินตามทันที
...
เดวี่สูบบุหรี่อย่างไม่รีบร้อนพลางปล่อยควันสีขาวออกมาและมองภาพจอที่ฉายอยู่ด้านหน้า
"แปลกมากหรือเรียกว่าแปลกเกินไปเลยก็ว่าได้" พลางครุ่นคิด "หรือนี้จะเป็นเกาะลึกลับแบบใหม่ที่ยังไม่ถูกคนพบในหน้าประวัติศาสตร์?"
เปล่งภาษาโบราณ "เจมิไนท์!"
หลังจากสิ้นสุดเสียงมีอีกหนึ่งบุคคลปรากฏขึ้นยืนอยู่ด้านข้าง ทุกสัดส่วนของบุคคลดังกล่าวเหมือนกับเดวี่ทุกประการ ต่อมาร่างแยกเดวี่พลันหายไปอย่างไรร่องรอย
...
ไม่นานร่างแยกเดวี่พลันปรากฏขึ้นยืนอยู่ทางด้านข้างเอ็นโซ่
"เดวี่!" เอ็นโซ่โพลงขึ้นด้วยความตกใจ!
"นี้ไม่ใช่ตัวจริงเป็นแค่ร่างแยกน่ะ" ทีชตอบให้รองกัปตันอย่างเอ็นโซ่หายตกใจ
เอ็นโซ่เป็นชายหนุ่มอายุราว22ปี ผมสีทองผูกผ้าโผกหัวสีแดง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายสมส่วน สูง1.91เมตร
ทีชพูดกับตัวเอง "หมอนั้นคงรู้สึกเหมือนกันสินะว่าเกาะลึกลับแห่งนี้มันแปลกเกินไป"
ทีชกล่าวกับเหล่าลูกเรือ "ทุกคนจงระวังตัวให้ดี!"
เมื่อได้ยินเสียงกัปตันเตือนอีกครั้งพวกมันต่างระมัดระวังตัวมากขึ้นอีกระดับ
...
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ทีชและเหล่าลูกเรือเดินลึกเข้ามาใจกลางเกาะในระหว่างทางที่เดินเข้ามาพวกมันทุกคนต่างพากันงุนงงกับเหตุการณ์ที่เจอวันนี้ทั้งสิ้น บ้างคิดว่านี้คือเกาะลึกลับจริงๆหรือ บ้างคิดว่าเกาะแห่งนี้จะมีสมบัติเหลือหรือไม่
ร่างแยกเดวี่กล่าว "ฉันว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า รอให้พลังพร้อมกว่านี้ค่อยมาใหม่ก็ไม่สาย"
"หมายความว่ายังไง?" ลูกเรือถามด้วยความสงสัย
"เหมือนที่เดวี่บอกไปเมื่อครู่พวกเราจะกลับกันเลย...เพราะเกาะลึกลับแห่งนี้มีเจ้าของที่ยิ่งใหญ่คอยปกครอง!"
เหล่าลูกเรือต่างเผยท่าที่สงสัย "ทำตามที่กัปตันพูดเถอะน้า ถึงเรือเมื่อไหร่ฉันคนนี้จะอธิบายให้ฟัง"
...
ใช้เวลาไม่นานเหล่านักล่าสมบัติก็มาถึงชายฝั่งและรอเรือก็แล่นเข้ามารับกลับขึ้นเรือ แต่แล้วกับมีบางสิ่งผิดปกติเรือลำขนาดใหญ่หายไปต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่ยืนอยู่ชายฝั่ง
"ทุกคนเตรียมตัวพร้อมรบ!" ทีชพูดกระตุ้นลูกน้อง
เสียงความฮึกเหิมเหล่าลูกเรือดังลั่นชายฝั่งทะเล!
จากนั้นไม่นานวิญญาณสีดำน่าขยะแขยง มีดวงตาหนึ่งข้าง ไม่มีเท้า ปรากฏขึ้นหลายสิบตัวพวกมันต่างกีดร้องโหยหวนหวังจะเอาชีวิตผู้บุกรุกเกาะ
เหล่าวิญญาณและเหล่าลูกเรือต่างพวยพุ่งโจมตีกันและกัน
"ส่วนมากเป็นวิญญาณคำสาปไม่เกินระดับสอง ยังไงเราก็ชนะแน่"
"อย่าประมาทไปเอ็นโซ่"
...
"พวกกัปตันละ" ลูกเรือคนหนึ่งโพลงถามลูกเรืออีกคน
"ไม่ต้องเป็นห่วงไป ทีชและคนอื่นๆยังอยู่บนเกาะมีแค่พวกเราเท่านั้นที่ถูกแยกออกมา" เดวี่กระดกเบียร์อย่างสบายใจ "เอาละๆ พวกนายทุกคนพร้อมจะล่าวิญญาณกันหรือยัง?"
"พวกเราพร้อมอยู่แล้วเพื่อนกัปตันลุยกันเลย" เสียงลูกเรือยังคงฮึกเหิมอย่างแข็งแรง
— 次の章はもうすぐ掲載する — レビューを書く