Unduh Aplikasi
72.72% Twilight memories : รักต้องห้ามชายาแวมไพร์ / Chapter 8: การฝึกฝนยามรัตติกาล

Bab 8: การฝึกฝนยามรัตติกาล

เช้าวันแรกของการเรียนการสอนนักเรียนชั้นแลนเฌียนห้อง 4 มีอาการสะลึมสะลือ คาบแรกเป็นวิชาประวัติศาสตร์เบื้องต้นของมาสเตอร์โดมนิเตอร์ บานประตูห้องแห่งการหวนคืนถูกเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ไว้หนวดเคราสีดำ เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยทักทายว่า

"สวัสดีเด็ก ๆ ห้อง 4 วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนการสอน ครูชื่อโดมนิเตอร์ คูซาอิน รับผิดชอบประวัติศาสตร์เบื้องต้น ก่อนจะเริ่มเรียนกันครูมีคำถามพวกเธอเสนอความคิดเห็น พวกเธอคิดว่าประวัติศาสตร์ที่เรียนกันมาตลอดนั้นเป็นความจริงหรือไม่" มาสเตอร์โดมนิเตอร์เกริ่นคำถามที่ทำเอานักเรียนทุกคนงงไปตาม ๆ กัน ประวัติศาสตร์ที่เรียนมาต้องผ่านตากระทรวงศึกษาธิการมาก่อนบรรจุลงในตำราเรียน แน่นอนว่ามันต้อง..

"เป็นความจริงสิครับ" เอลีนยกมือขึ้นตอบ "ก่อนจะบรรจุอยู่ในหลักสูตร เนื้อหาต้องผ่านตากระทรวงศึกษาธิการมาก่อน แถมเนื้อหายังเขียนด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งนั้น ผมเชื่อว่าพวกเขาคงไม่แถข้าง ๆ คู ๆ กันหรอก"

"ถือเป็นคำตอบที่ดีเลย ไม่ทราบว่าเธอชื่ออว่าอะไรนะ" มาสเตอร์โดมนิเตอร์พูดด้วยท่าทางสนใจในคำตอบของเอลีน

"เอลีน บาร์เบอร์ครับ" เอลีนเอ่ยชื่อตัวเอง มาสเตอร์โดมนิเตอร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเอ่ยต่อว่า

"จากคำตอบของคุณบาร์เบอร์ ครูมีคำถามต่อว่าพวกเธอรู้จักตำนานแวมไพร์ตัวแรกของโลกใบนี้รึเปล่า" มาสเตอร์โดมนิเตอร์เอ่ย "ถ้ารู้จัก อยากให้ลองแบ่งปันกับเพื่อน ๆ เกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มา ก่อนตอบอย่าลืมเอ่ยชื่อเหมือนเดิมนะ"

"พลัมเมอร์ พอร์ตแมนครับ ผมเคยอ่านเจอว่าแวมไพร์ตัวแรกเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนทางพันธุกรรมในช่วงเกิดสงครามและโรคระบาดเมื่อหลายร้อยปีก่อน เดิมทีเขาเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อภาวะอดอยาก เขาต้องดื่มเลือดเพื่อประทังชีวิต หลังจากได้ดื่มติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ร่างกายของเขาจึงเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถรับอาหารอย่างอื่นได้อีกนอกจากเลือด" พลัมเมอร์เอ่ยตอบ

"แรนดอล เรย์โนลครับ ผมเคยฟังจากคุณย่าว่าแวมไพร์ตัวแรกเป็นคู่ชายหญิง พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน เดิมทีเป็นเพียงมนุษย์ที่ถูกนำมาทดลอง แต่การทดลองดันผิดพลาด พวกเขามีสติปัญญาเหนือมนุษย์ และฆ่าทุกคนในฐานการทดลองจนหมดก่อนจะหนีออกมา ว่ากันว่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ตระกูลเบรคสืบทอดสายเลือดมาจากแวมไพร์เพศชาย ส่วนตระกูลสายผู้หญิงคือตระกูลไลฟ์ลี่" แรนดอลเอ่ยตอบ แน่นอนว่าสิ่งที่เขารับรู้มาคล้ายคลึงกับพลัมเมอร์ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย

"เซนแยร์ เซลเลอร์ครับ ผมได้ยินมาว่าแวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากมิติอื่น พวกเขาสามารถเดินทางข้ามมิติได้" เซนแยร์เอ่ยตอบ

นักเรียนในชั้นต่างทยอยยกมือตอบคำถามของมาสเตอร์โดมนิเตอร์ หลายคนหลากเรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมา เมื่อเห็นว่าได้คำตอบมาเยอะพอสมควรแล้วนั้น มาสเตอร์โดมนิเตอร์จึงแสดงท่าทางให้นักเรียนเงียบเสียงลง จากนั้นเขาจึงเอ่ยว่า

"เห็นไหมว่าเพียง 1 เรื่องราวอาจจะมีคำบอกเล่าได้เป็นร้อย ประวัติศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน เรารู้เรื่องราวผ่านหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ เรารู้ว่าคนในยุคนั้นกินอยู่ยังไง สภาพสังคมเป็นเช่นไร แต่ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะถูกต้องไปเสียหมด ประวัติศาสตร์เหมือนกับการคาดเดามีทั้งผิดและถูก เพราะฉะนั้นชั้นเรียนของครูจึงไม่คิดให้พวกเธอท่องจำเพื่อสอบเพียงอย่างเดียว แต่เราจะมาพูดคุยมุมมองของพวกเธอต่อเรื่องราวเหล่านี้"

"น่าสนใจดีนะ ว่าไหม" โคโกะเอ่ยกับเอลีน ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสเปล่งประกายเมื่อรู้ว่าการเรียนการสอนไม่ได้เน้นการท่องจำเพียงอย่างเดียว มือบางเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนสนิท แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับมา จึงหันไปดูพลันพบว่าเอลีนหลับคาโต๊ะเรียนไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เขาถอนหายใจยาวออกมา มือแบบางฟาดลงบนไหล่ของเอลีนหนึ่งป้าบเล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมา

"อะไรกันเนี่ย คนกำลังหลับสบาย" เอลีนบ่นกระปอดกระแปด

"เดี๋ยวก็ถูกหักคะแนนกันพอดี" โคโกะเอ่ยเตือนเอลีน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังส่งสายพิฆาตใส่กันและกันมาสเตอร์โดมนิเตอร์เรียกเอลีนอีกครั้ง

"เอาละ คุณบาร์เบอร์ ครูอยากให้เธอลองทายเล่น ๆ ว่าวิชาของเราจะเริ่มที่ตรงไหน"

"อา..เอ่อ" เอลีนมีท่าทีลนลานขึ้นมาทันที เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากโคโกะ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาล้อเลียนและใบหน้ากลั้นขำ แย่ละสิจะตอบว่ายังไงดี วิชานี้คือประวัติศาสตร์เบื้องต้น คงจะเรียนประวัติศาสตร์ทั่ว ๆ ไปล่ะมั้ง "เอ่อ..เรียนตั้งแต่ยุคหินเลยรึเปล่าครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยตอบด้วยท่าทีไม่มั่นใจ

"ถูกต้อง เราจะเรียนกันตั้งแต่ยุคหินยาวเลยมาจนถึงยุคปัจจุบัน แต่เราจะเรียนภาพรวมเท่านั้น ไม่เน้นจุดใดเป็นพิเศษ หากต้องการรู้ลึกมากขึ้นพวกเธอจะได้เจอในชั้นโดนิด และหากอยากรู้เป็นพิเศษเฉพาะเจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่งพวกเธอจะได้เรียนรู้เมื่อเรียนหมุนเวียนในชั้นโบโซนิดขึ้นไป เอาละ..เรามาเริ่มกันที่ยุคหินเก่า"

บรรยากาศการเรียนเริ่มต้นขึ้น มาสเตอร์โดมนิเตอร์เปิดเครื่องฉายภาพ ซึ่งเมื่อกดปุ่มสีทองด้านข้างกระดานดำแล้วนั้น กระดานดำจะยุบตัวเข้าไปในกำแพง กระจกจะเข้ามาแทนที่ กลายเป็นแผ่นสะท้อนภาพฉายให้กับเครื่องฉาย ภาพที่สะท้อนลงบนแผ่นกระจกเป็นภาพวาดของสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้ายลิง แต่มีสันกรามที่ใหญ่กว่ามาก ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เครื่องนุ่งห่ม ในมือถือเครื่องมือหินกระเทาะ

"นี่คือภาพวาดจากการสันนิษฐานของนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบอารายธรรมยุคหินเก่าในประเทศฟรองซัวร์โดยหลักฐานพวกนี้คาดเดาจากการขุดค้นพบชิ้นส่วนกราม สะโพกและซี่โครง" มาสเตอร์โดมนิเตอร์บรรยายพร้อมกับชี้ภาพหลักฐานบนหน้าจอไปด้วย

"ฮาว น่าเบื่อชะมัด" เอลีนเอ่ยพร้อมกับปิดปากที่กำลังหาวหวอด ๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรับรู้ถึงแรงหยิกหลังจากเพื่อนสนิทตัวเล็กข้างตัว "เจ็บนะ!" เขาเอ่ยกระซิบกับโคโกะที่จดทุกอย่างลงบนสมุดอย่างมันมือ

"ถ้ามาสเตอร์ถามขึ้นมา โคโกะไม่รู้ด้วยนะ" โคโกะเอ่ยล้อเอลีน เขาเชื่อว่ามาสเตอร์เหมือนจะสอนไปเรื่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วขณะสอนเขากวาดตาดูทุกคนในห้องไปพร้อมกัน หากใครเกิดมีท่าทีสัปหงก เขาจะเรียกให้ตอบคำถามทันที เรียกว่าเป็นวิชาที่น่าสยดสยองสำหรับคนชอบแอบหลับในคาบเรียนอย่างเอลีนไม่น้อย

เอลีนที่มีประสบการณ์แอบหลับจนมาสเตอร์เรียกให้ตอบคำถามจึงหยิบปากกามาจดเนื้อหาลงในสมุด ถึงแม้ว่าจะโดนหยิกหลังหรือโดนปลุกให้ตื่นจากการฟังบรรยายอันน่าเบื่อ แต่รอยยิ้มกลับปรากฎบนใบหน้าของเขา คนที่ปลื้มมาตลอดตั้งแต่สมัยชั้นประถมมานั่งเรียนข้าง ๆ แถมยังปลุกให้เราตั้งใจเรียน ชีวิตแฟนคลับของเขาสมบูรณ์แบบแล้วสำหรับวันนี้

เสียงระฆังดังเหง่งหง่างบ่งบอกว่าหมดคาบเรียนวิชาประวัติศาสตร์เบื้องต้น มาสเตอร์โดมนิเตอร์ปิดเครื่องฉาย เขากดปุ่มสีทองด้านข้าง กระจกค่อยเคลื่อนกลับลงไป กระดานดำค่อย ๆ เคลื่อนกลับมาที่เดิม เด็กห้อง 4 พากันรวบอุปกรณ์การเรียนสอดไว้ที่สายคาดหนังที่รัดหนังสือเอาไว้ หลายคนเดินออกมาจากห้องแห่งการหวนคืนด้วยสภาพอิดโรย เพราะโดนยัดข้อมูลยุคหิน ยุคสำริด ยุคโลหะอย่างเต็มเหนี่ยวจากมาสเตอร์โดมนิเตอร์ นอกจากต้องชื่นชมตัวเองที่ผ่านชั้นเรียนอันแสนทรหดกับ 3 ยุค 3 ชั่วโมงมาได้แล้วนั้น ยังต้องชมมาสเตอร์ที่สามารถบรรยายเรื่องราวพวกนี้ราวกับกำลังพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย

"ฉันยอมใจมาสเตอร์โดมนิเตอร์เลยจริง ๆ เขาสามารถพูดถึงยุคหิน ยุคสำริด ยุคโลหะรวดเดียวโดยที่จิบน้ำแค่ตอนต้นคาบ" เวอร์นีย์ ไวส์แมน เด็กหนุ่มผมยุ่งไม่เป็นทรงสีโรสวู้ดเอ่ยกับเอลีน

"เขาสามารถจำเรื่องราวพวกนี้ได้ยังไงกันนะ พวกนายดูสิ..ฉันจดตามที่เขาพูดมันกินหน้ากระดาษสมุดโน้ตไปตั้ง 15 หน้า!" เวอร์นอน ไวส์แมน ฝาแฝดของเวอร์นีย์ที่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ ต่างกันเพียงทรงผม เวอร์นีย์จะมีผมทรงเซอ ๆ ไม่เป็นทรง ในขณะที่เวอร์นอนจะผมสั้นเกรียน เวอร์นอนโชว์ความหนาของหน้ากระดาษสมุดโน้ตที่เขาจดตามคำบรรยายของมาสเตอร์ชนิทที่ว่าจดแบบลืมหายใจ

"เอลีนน่ะนะหลับน้ำลายยืด ต้องให้โคโกะคอยหยิกหลังตลอดเลย" โคโกะเอ่ยแซวเอลีนกับฝาแฝดไวส์แมน ทำเอาเจ้าตัวร้อนรนรีบเอามือปิดปากของเด็กหนุ่มหน้าสวยเอาไว้

ตุบ! ในขณะที่ทั้ง 4 คนกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานเพื่อตรงไปยังโรงอาหาร โคโกะเดินชนเข้ากับใครบางคน หนังสือวิชาประวัติศาสตร์เบื้องต้นเล่มหนาพร้อมด้วยสมุดโน้ตหล่นทับลงบนเท้าของคน ๆ นั้นเข้าอย่างจัง เขาก้มลงไปเก็บหนังสือและสมุด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาตั้งใจว่าจะขอโทษ ทว่าเมื่อดวงตาสีฟ้าอ่อนใสสบเข้ากับดวงตาสีนิล ร่างกายของโคโกะหยุดค้างนิ่งในบัดดลเช่นเดียวกับชายหนุ่ม

ดวงตาสีฟ้าอ่อนใส ผมสีขาวพิสุทธิ์ เหมือนกับเด็กคนนั้นไม่มีผิด แม้เขาจะจดจำได้เพียงสีผมและสีตา แต่สีทั้งสองนั้นกลับหาได้ยากยิ่งทั้งในกลุ่มแวมไพร์หรือกลุ่มมนุษย์ รสชาติของเลือดที่ไม่เหมือนใครยังคงติดอยู่ที่ประสาทสัมผัสของเขาไม่มีวันจางหายจนกว่าจะได้ลิ้มลองมันอีกครั้ง

"ขอโทษครับ" โคโกะกัดฟันกล่าวขอโทษ คนตรงหน้าเป็นใครทำไมเขาจะจำไม่ได้..ทาคุยะ เบรค ร่างบางรวบเก็บหนังสือและสมุดโน้ต ทำทีว่าจะเดินตามกลุ่มเพื่อน ๆ ไป ทว่าข้อมือของเขากลับถูกทาคุยะจับเอาไว้แน่น

"ขอ..คุยด้วยหน่อยได้ไหม" ทาคุยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้รอบข้างหวั่นเกรงจนไม่กล้าขัดคำของเขา

แน่นอนว่าโคโกะต้องปฏิเสธอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากปฏิเสธ มือของใครบางคนจับมือของทาคุยะหวังจะดึงออก ทว่ามือของชายหนุ่มไม่มีวันที่จะปล่อยง่าย ๆ เอลีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงปราศจากความขี้เล่นเหมือนทุกครั้งว่า

"คุณไม่เห็นเหรอว่าเพื่อนผมเขาไม่สบายใจที่จะคุยกับคุณ การที่คุณทำตัวแบบนี้มันโคตรจะเสียมารยาทจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นนักเรียนไบรอันนาเลยนะครับ"

คิ้วเรียวของทาคุยะขมวดมุ่นเข้าหากันในทันที เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีมนุษย์คนไหนกล้าพูดจาสามหาวใส่เขา เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้กระทำรุนแรงหรือพูดจาไม่ดีใส่เด็กหนุ่มผมสีขาวผู้มีใบหน้างดงาม และไม่ใช่เรื่องที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนี้จะมายุ่ง แต่ถึงจะหงุดหงิดไม่น้อยทาคุยะเลือกที่จะปล่อยมือของเด็กหนุ่มผู้งดงามไปโดยไม่พูดอะไร เขาหันหลังให้กับทั้งสอง เอย์จิหันมาทำท่าขอโทษขอโพยถึงจะเดินตามหลังทาคุยะไป

"ให้ตายสิ! พวกแวมไพร์นี่ถือดีเหมือนกันหมดทุกตัวเลยรึไงนะ" เวอร์นอนเอ่ยอย่างหัวเสียก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

"เขาเป็นถึงหลานชายของประธานสภากลางฝ่ายแวมไพร์เชียวนะ จะมาเหมือนพวกเราได้ยังไง เวลาอยู่ล้านคงถูกสอนให้ทำหน้านิ่งเหมือนกล้ามเนื้อบนหน้าตาย" เวอร์นีย์เอ่ยล้อเลียนพร้อมกับหันไปหัวเราะคิกคักกับฝาแฝดผู้น้อง

"ฉันมีคำถาม ที่พวกนายบอกว่าเขาเป็นหลานชายของประธานสภากลางฝ่ายแวมไพร์ " เอลีนเอ่ยถาม

"เขาคนนี้มีชื่อเสียงจะตาย ทาคุยะ เบรค หลานชายของ 'โทโมอิทสึ เบรค' เป็นแวมไพร์..สายเลือดบริสุทธิ์ด้วยนะ" เวอร์นอนพูดเสียงเบา "ว่ากันว่าที่นี่ไม่มีใครกล้าขัดทาคุยะ เบรคคนนั้นเลยสักคนเดียว ไม่สิ..ในชั้นเรียนแวมไพร์จะมีแวมไพร์ 5 ตนที่ถูกขนานนามว่า 'รัตติกาลอันสูงส่ง' พวกเขามาจาก 5 ตระกูลแวมไพร์เก่าแก่และมีชื่อเสียง ยิ่งไปกว่านั้นแทบไม่มีสายเลือดอื่นใดมาปะปน ตระกูลพวกนั้นมีตระกูลเบรค ตระกูลทากาฮาชิ ตระกูลคอลลิน ตระกูลอันโดะและตระกูลโรแวน"

"พวกนายจะบอกว่าประเทศของเราในตอนนี้อยู่กำมือของแวมไพร์งั้นเหรอ" เอลีนเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตามหนังสือประวัติศาสตร์ที่เรียนมาบอกว่าตระกูลอาเดลลี่สามารถกำจัดอิทธิพลของแวมไพร์ได้ แล้วทำไมทุกคนถึงต้องเกรงใจตระกูลเบรคขนาดนั้น

"เอลีนคงไม่ได้ตามข่าวการเมืองเท่าไหร่สินะ ไม่สิ..เรื่องการเมืองน่ะถูกปิดบังจากสายตาประชาชนมาโดยตลอดนั่นละ" โคโกะเอ่ยก่อนจะตักมันบดกินก่อนจะเอ่ยต่อว่า "ตอนนี้รัฐสภา กระทรวง หรือแม้กระทั่งสื่อล้วนมีแวมไพร์อยู่เบื้องหลัง ถ้าจะให้ไล่เรียงแบบง่าย ๆ ตระกูลเบรคจะมีอิทธิพลอยู่ที่สภากลางและรัฐสภา ตระกูลทากาฮาชิจะมีอิทธิพลอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ตระกูลคอลลินและตระกูลอันโดะมีอิทธิพลในเรื่องการผูกขาดอัญมณี และสุดท้ายตระกูลโรแวนมีอิทธิพลในสื่อ ถึงจะเป็นแวมไพร์แต่พวกเขากลับเห็นด้วยกับกฎหมายห้ามวิจารณ์ราชวงศ์"

"เรื่องนี้พวกเราคงไม่ได้เรียนจนกว่าจะจะขึ้นชั้นโดนิดนั่นแหละ" เวอร์นอนเอ่ยอย่างจนปัญญา

"ถึงโรงเรียนเราจะเป็นพื้นที่อิสระในเรื่องวิชาการ แต่กลับมีผลงานวิชาการออกไปเผยแพร่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนคนส่ง มันเป็นเรื่องที่แปลก ใช่..มีข่าวลือว่าอาจารย์ใหญ่เนโรมีความสัมพันธ์กับกลุ่มรัตติกาลอันสูงส่ง" เวอร์นีย์เอ่ย

เอลีนรู้สึกว่าเขาช่างมีความรู้อันน้อยนิดเมื่อเทียบกับทั้ง 3 คน อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นคนธรรมดา มีเป้าหมายเพียงเรียนจบ แล้วออกไปสืบทอดกิจการร้านเสริมความงามของทางบ้านเท่านั้น ทว่าเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากเพื่อนแล้วนั้นโดยเฉพาะโคโกะ ทำให้เขายิ่งสงสัยเกี่ยวกับความลับของโครงสร้างสังคมมากขึ้นทีละน้อย..

.

.

- ห้องแห่งการเปิดโปงและปิดบัง -

ห้องแห่งการเปิดโปงและปิดบังเป็นห้องเรียนที่มีความกว้างที่สุด บนเพดานห้อยโคมไฟระย้าทำจากคริสตัลมีค่าราคาเหยียบหลักสิบล้านลิวโร ดวงไฟของโคมไฟจะไม่มีวันดับจนกว่าอัญมณีที่เป็นตัวกำเนิดพลังงานจะสลายหายไป วันนี้พื้นที่ของห้องแห่งการเปิดโปงและปิดบังเต็มไปด้วยโต๊ะทรงกลมที่บนโต๊ะมีชุดทานอาหารครบคอร์ส โต๊ะ 1 โต๊ะจะมีนักเรียนนั่ง 5 คน มาสเตอร์อานา ยูกิระ แอนนาเบตตา เป็นอาจารย์วัยชราลูกครึ่ง เธอชอบเกล้าผมทรงสูงตามแฟชั่นชนชั้นสูงที่เรียกว่า 'พูฟฟ์' บนผมที่เกล้าสูงนั้นประดับไปด้วยโบว์และดอกไม้ บางครั้งมักจะมีนักเรียนแอบขำขันกับเครื่องประดับฟูฟ่าบนหัวของมาสเตอร์

"สวัสดีเด็ก ๆ ทั้งหลายวันนี้เป็นวันแรกของการเรียน เราจะมาเริ่มต้นกันที่มารยาทบนโต๊ะอาหาร" มาสเตอร์อานาเอ่ยพร้อมกับจับไหล่ของเด็กนักเรียนห้อง 4 คนหนึ่งให้ยืดตรง เธอเป็นมาสเตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าระเบียบ และเฮี้ยบเป็นที่สุด "ก่อนอื่นต้องรอให้เจ้าภาพนั่งลงก่อน ผู้เป็นแขกถึงจะเริ่มทยอยนั่งลง มือทั้งสองข้างต้องอยู่บนโต๊ะ ห้ามเอาไปสอดใต้ผ้าคลุมโต๊ะเป็นอันขาด"

เพี๊ยะ! เสียงไม้หวดทำจากหนังหวดลงบนมือของเอลีนจนเจ้าตัวต้องสะบัดมือที่กำลังวางอยู่บนตัก

"วันนี้เราจะมาเรียนกันตั้งแต่การนั่ง การจับช้อนส้อมมีด แก้วน้ำ รวมไปถึงมารยาทที่พึงกระทำ เพราะมันจะเป็นตัวบ่งบอกว่าพวกเธอได้รับการศึกษามาแบบไหน อีกทั้งบนโต๊ะอาหารสามารถเป็นสนามรบที่พวกเธออาจจะถูกเปิดโปงหรืออาจจะเป็นเวทีที่เอาไว้แสดงเพื่อปิดบังจุดประสงค์ ในทางการทูตแล้วโต๊ะอาหารเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลชั้นเลิศ จะถูกเปิดโปงหรือปิดบังเร้นกายมารยาทบนโต๊ะล้วนเป็นส่วนประกอบหนึ่ง"

"ชีวิตฉันโคตรห่างไกลจากเรื่องพวกนี้เลย" เอลีนบ่นกระปอดกระแปดขณะพยายามจับส้อมตามมาสเตอร์อานา ช่างแตกต่างจากโคโกะที่ดูคล่องมือราวกับเป็นเรื่องปกติ เขาน่ะมาจากครอบครัวชนชั้นกลางนี่น่า โอกาสจะได้เข้าร่วมงานระดับสูงน้อยนิด ในหัวคิดแค่เรื่องรายได้พอกินไปวัน ๆ เท่านั้น

"ไม่แน่นะ อีกหน่อยเอลีนอาจจะได้แฟนเป็นชนชั้นสูงก็ได้ใครจะไปรู้ ได้ยินมาว่านายเองก็ทำผมเก่งนี่" โคโกะที่นั่งอยู่ข้างเอลีนเอ่ย

"นั่นพ่อแม่ฉันต่างหาก ฉันน่ะยังอีกยาวไกล แต่ว่าก็ว่าเถอะพวกชนชั้นสูงมีช่างประจำตัวกันทุกคน แถมคนเหล่านั้นล้วนจบการศึกษาจากโรงเรียนลาเบลเล่กันทั้งนั้น" เอลีนเอ่ย เขาเลือกที่จะไม่เข้าเรียนที่ลาเบลเล่เพราะเขาไม่อยากเรียนเรื่องพวกความสวยความงามอะไรมากมาย เขาตั้งใจว่าถ้าจบการศึกษาจากที่นี่ไปจะไปลงเรียนวิชาการบริหารที่สถาบันบริหารบิสเซอเน่ด้วยซ้ำ เพราะเขาตั้งใจจะบริหารมากกว่ามาลงมือทำเอง เรื่องช่างน่ะหาจ้างได้ เพราะในแต่ละปีโรงเรียนด้านความสวยความงามจะผลิตนักเรียนผู้เชี่ยวชาญมาไม่น้อย

"น่าแปลกที่นายไม่เรียนที่ลาเบลเล่" โคโกะเอ่ย เขาสงสัยอยู่ไม่น้อยเลยว่าทำไมเอลีนถึงมาสอบเข้าที่นี่

"ฉันไม่ได้ชอบเรื่องความสวยความงามเท่าไหร่" เอลีนเอ่ยก่อนจะรับตะกร้าขนมปังมาจากเพื่อน

โคโกะไม่ได้ถามอะไรต่อมากกว่านั้น เขาทาเนยสีแดงลงบนขนมปังตามมารยาทแบบถูกต้อง เรื่องพวกนี้เขาเรียนตั้งแต่ที่เป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวเบลินดาในช่วงแรก ๆ วิชานี้จึงค่อนข้างจะน่าเบื่อสำหรับเขา เพราะเรียนในสิ่งที่รู้มาแล้วหลายอย่างด้วยกัน..

.

.

กลางคืนมาเยือนโคโกะออกไปซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ร้านค้าของโรงเรียน เพราะมีจดหมายเวียนร่อนมาว่าให้นักเรียนชั้นแลนเฌียนทุกคนซื้อเมล็ดพันธุ์เตรียมเอาไว้สำหรับฝึกสัตว์วิเศษในคาบเรียนของมาสเตอร์อิพาเซร่า โทโคเมะ โคโกะจึงอาสาไปซื้อให้ทั้งในส่วนของตัวเองและของเอลีน ทำให้ในตอนนี้เด็กหนุ่มจากเมืองดราคูลอยู่เพียงลำพัง ในมือของเขามีจดหมายสีดำฉบับใหม่ ในนั้นเขียนข้อความด้วยปากกาสีเงินว่า

'มองฝั่งตรงข้ามของตึก จะเห็นไฟสัญญาณสีแดง มาเจอกันที่ลานฟอนตานา อย่าลืมเอาสลิงกี้มาด้วย'

เอลีนหยิบสลิงกี้ขึ้นมาใส่กระเป๋ากางเกง เขาดับไฟภายในห้องจนมืดสนิทก่อนจะออกจากห้องมุ่งสู่ลานฟอนตานาในยามค่ำคืน

ลานฟอนตานาในยามค่ำคืนมีลมพัดเอื่อย ๆ แสงไฟจากโคมไฟช่วยให้เกิดแสงสว่างในบางจุด กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์จากต้นไม้รอบสวนส่งกลิ่นหอมกรุ่นเหมาะสมที่จะเป็นสถานที่เดทในยามค่ำคืนมากกว่าเป็นสถานที่ฝึกฝน เอลีนเดินมายังจุดนัดหมาย เบื้องหน้าคือชายหนุ่มร่างยักษ์ ศีรษะล้าน สวมเพียงกางเกงขาจั๊มพ์สีดำกลมกลืนกับความมืดมิด

"มาแล้วเหรอ" ชายร่างยักษ์เอ่ยโดยที่หันมาช้า ๆ "ฉันจะมาฝึกนายใช้สลิงกี้เป็นเวลา 3 วัน หลังจากนั้นไม่ว่านายจะใช้ได้คล่องแคล่วมากน้อยแค่ไหน นายจะต้องรับภารกิจในฐานะเลทเทอร์เรีย รายได้จะหักเป็น 30% เข้ากองกลาง 70% เป็นของนาย ก่อนจะเริ่มฝึกนายต้องรู้จักเจ้าพวกนี้ซะก่อน"

ชายร่างยักษ์เทตะขอหลากหลายรูปแบบ หลากหลายขนาดลงบนพื้นหญ้าที่ช่วยกลบเสียงให้เบาลง เด็กหนุ่มมองตะขอเหล่านั้นด้วยอาการสงสัยและอึ้งในเวลาเดียวกัน

"นี่คือตะขอที่จะเชื่อมกับสลิงกี้" ชายร่างยักษ์อธิบาย "ขอสลิงกี้ของนายด้วย"

"อืม" เอลีนตอบรับพร้อมกับส่งสลิงกี้ให้กับชายร่างยักษ์ที่รับมันไปเชื่อมต่อกับตะขอ

"นี่คือตะขอหัวแหลม เอาไว้สำหรับโจมตีและช่วยให้นายโจมตีศัตรูได้ด้วยการดึงเข้าไปใกล้ ต่อมาคือตะขอเกี่ยวสามหัวเอาไว้ใช้ยึดเกาะกับเสาหรือต้นไม้ ส่วนเจ้านี้คือตะขอตัวเอสช่วยให้นายไต่ลงมาจากกำแพงได้" ชายร่างยักษ์อธิบายตะขอพื้นฐานให้กับเอลีน "วันนี้เราจะฝึกตะขอพื้นฐานกันก่อน เชื่อมตะขอหัวแหลมซะ"

เอลีนพยักหน้าเข้าใจ เขาเชื่อมต่อตะขอหัวแหลมเข้ากับสลิงกี้ จากนั้นเขาจึงเริ่มฝึกฝนการใช้ตะขอกับคนจากเลทเทอร์เรีย..

ขณะเดียวกันโคโกะกำลังไล่นิ้วแตะลงบนเมล็ดพันธุ์สำหรับฝึกฝนสัตว์วิเศษ เขาหยิบเมล็ดพันธุ์หลายซองใส่ลงไปในตระกร้า จังหวะนั้นเขาเจอเมล็ดพันธุ์ดอกกุหลาบสีขาว ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ซองสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาหยิบมันในทันที แต่ชั่ววินาทีที่หยิบซองเมล็ดพันธุ์นั้นมือของเขากลับหยิบซองพร้อมกับมือของใครบางคน เด็กหนุ่มหันไปมองพร้อมกับผละมือออกจากซองเมล็ดพันธุ์ดอกกุหลาบสีขาว เขาสัมผัสได้ในทันทีว่าบุคคลตรงหน้าคือแวมไพร์

"เธออยากได้เมล็ดดอกกุหลาบขาวสินะ" เด็กหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีไพลินเอ่ยอย่างราบเรียบขณะมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้า "เธอนี่เองที่ท่านทาคุยะอยากคุยด้วย" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดทะเล้นพร้อมกับก้มหน้าลงมาใกล้ แล้วใช้มือเชยใบหน้างดงามให้สบกับดวงตาสีไพลินของเขา

"หมายถึงรุ่นพี่เมื่อตอนกลางวันสินะครับ" โคโกะเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจต่อให้พื้นที่ตรงนี้จะเป็นกลาง แต่พวกแวมไพร์ไม่มีทางไว้ใจได้เลยสักตนเดียว พวกมันไม่ต่างกับเดรัจฉานที่พร้อมจะฉีกกระชากเหยื่อยามหิวโหย

"แต่ฉันได้ยินมาว่ามีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ ลืมแนะนำตัวไปเลย อันโดะ โคเมย์ คือชื่อของฉัน หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้เจอกัน" โคเมย์เอ่ย เขาหยิบถุงเมล็ดพันธุ์ดอกกุหลาบขาวติดไปด้วย

อันโดะ..ตระกูลแวมไพร์เศรษฐีใหญ่ที่ผูกขาดการค้าอัญมณี และด้วยเหตุนี้เองทำให้ตระกูลอันโดะรู้ประสิทธิภาพของอัญมณีดีที่สุดจนมีคำกล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถปราบได้ด้วยพลังจากอัญมณี...


next chapter
Load failed, please RETRY

Status Power Mingguan

Rank -- Peringkat Power
Stone -- Power stone

Membuka kunci kumpulan bab

Indeks

Opsi Tampilan

Latar Belakang

Font

Ukuran

Komentar pada bab

Tulis ulasan Status Membaca: C8
Gagal mengirim. Silakan coba lagi
  • Kualitas penulisan
  • Stabilitas Pembaruan
  • Pengembangan Cerita
  • Desain Karakter
  • Latar Belakang Dunia

Skor total 0.0

Ulasan berhasil diposting! Baca ulasan lebih lanjut
Pilih Power Stone
Rank NO.-- Peringkat Power
Stone -- Batu Daya
Laporkan konten yang tidak pantas
Tip kesalahan

Laporkan penyalahgunaan

Komentar paragraf

Masuk

tip Komentar Paragraf

Fitur komentar paragraf sekarang ada di Web! Arahkan kursor ke atas paragraf apa pun dan klik ikon untuk menambahkan komentar Anda.

Selain itu, Anda selalu dapat menonaktifkannya atau mengaktifkannya di Pengaturan.

MENGERTI