หลังจากวิ่งหน้าตั้งกลับมาถึงหมู่บ้านอัปสรสีหะทิศอุดร ผมก็ตรงไปที่ลานชำแหละซากสัตว์ เพื่อขอให้ช่วยจัดการกับซากกวางกับหมีที่ได้มา ซึ่งทุกคนต่างยินดีที่ได้วัตถุดิบชั้นดี โดยเฉพาะหมีที่นานๆครั้งถึงจะได้มา
"ท่านผู้ถูกเลือกเก่งจังเลยนะเจ้าคะ"
มะลิสาวร่างเล็กจนเหมือนเด็กสาวเข้ามาคุยกับผม ซึ่งจากการพูดคุยก็ได้รู้ว่าเนื้อสัตว์มายาที่ผมหามาได้ ทำให้ทุกคนมีอาหารการกินที่ดีขึ้น ทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือหมู่บ้านนี้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นการตอบแทนที่ดูแลผมอย่างดีมาตลอด
"ไม่หรอก แค่โชคดีน่ะ"
"แล้วท่านผู้ถูกเลือกอยากได้ส่วนไหนเป็นพิเศษไหมเจ้าคะ"
ผมจึงแจ้งความต้องการให้มะลิทราบ ว่าเขากวางกับดีหมีจะเป็นส่วนประกอบในการทำยาปลุกพลังเวท ที่ผมต้องนำไปให้ภัสสรปรุงยาให้ ซึ่งมะลิก็รับคำด้วยดี แต่ผมรู้สึกว่ามะลิยังเรียกว่าผู้ถูกเลือกอยู่ จึงออกปากขอให้เธอเรียกผมด้วยชื่อ
"จะดีเหรอเจ้าคะ"
"ดีสิ เรียกผมด้วยชื่อเถอะ"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านวี"
มะลิยิ้มให้ผม ส่วนละไมที่ตัวติดกับผมทันทีที่เข้าหมู่บ้านก็ดูเหมือนจะวางแผนอะไรสักอย่างกับมะลิ ซึ่งหากผมคาดไม่ผิด คืนนี้ผมน่าจะต้องเหนื่อยอีกแน่ๆ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วสิ
แต่เรื่องความต้องการทางเพศคงต้องเก็บไว้ก่อน เพราะตอนนี้เป้าหมายหลักของผมคือการเรียนเวทมนตร์ ซึ่งกว่าได้จะวัตถุดิบมาก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่า เพราะการชำแหละซากหมีต้องใช้ความชำนาญสูง
เพราะต้องคอยระวังไม่ให้วัตถุดิบส่วนอื่นเสียหาย ทั้งเนื้อหนังและเครื่องใน ด้วยทุกอย่างของหมีหิมพานต์สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เรียกว่าสมกับเป็นสัตว์มายาในพื้นที่ชั้นในของป่าละมั้ง
แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าเลเวลเพิ่มขึ้นสองเลเวล จึงเปิดหน้าต่างค่าสถานะออกมาดูเพื่อวางแผนการฝึกฝนต่อจากนี้
ผู้ถูกเลือก เลเวล 26
ชื่อ ทวีโชค ใจงาม
สัญชาติ ไทย
พลังชีวิต 185 พลังเวท 10
ความแข็งแกร่ง 15 ความอดทน 52
ความว่องไว 11 (+15) ความแม่นยำ 12
พลังโจมตี 7 (+15) พลังป้องกัน 104 (+18)
แต้มทักษะ 50
ทักษะ
- ฟื้นฟูขั้นกลาง
- ช่องเก็บของต่างมิติขั้นต้น
- ซ่อนเร้นขั้นต้น
- ยั่วยุขั้นต้น
- ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์
- หัตถกรรมขั้นต้น
ความสามารถพิเศษ - ควบคุมประจุไฟฟ้าในร่างกายและพลังงานไฟฟ้าในอากาศ
และถ้าจำไม่ผิด ค่าสถานะของผมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งการต่อสู้กับสัตว์มายาที่แข็งแกร่งกว่ามากอาจจะมีส่วน แต่การไปเสี่ยงแบบนั้นอีกคงต้องขอผ่าน เพราะผมยังไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งก่อนจะเข้ารับการทดสอบจากพระเจ้า
แต่การที่ค่าความอดทนของผมเพิ่มขึ้นนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์กับสามสาว ละไม มณี แล้วก็รายาน่าจะมีส่วน เพราะแต่ละคนทำเอาผมแทบไม่ได้นอน แถมยังมีลีลาเด็ดกันคนละแบบด้วย
โอ๊ะ แย่ละสิ ดันนึกเรื่องที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศซะได้ จนชักกลัวใจตัวเองจะเสพติดเซ็กส์เอานะเนี่ย
"ท่านวีโปรดรอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าพเจ้าจะทำการปรุงยาให้บัดเดี๋ยวนี้"
ภัสสรที่รับวัตถุดิบไปก็เดินเข้าไปในเรือน ส่วนผมกับละไมก็นั่งรอกันอยู่ที่ห้องรับแขก โดยระหว่างนั้นละไมก็ชวนผมคุยเรื่องภายในหมู่บ้าน รวมถึงเรื่องที่ผมกับมณีมีเซ็กส์กันด้วย
แถมละไมยังอยากจะลองเล่นเซ็กส์หมู่กับมณีดูด้วย แหม อัปสรสีหะนี่ใจกล้ากันดีจัง แต่ถ้าคิดว่าพวกเธอเป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบผู้ถูกเลือกแล้ว มันก็ดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
และแน่นอนว่าผมไม่คิดจะยอมแพ้ให้กับกามารมณ์ แต่ในเมื่อผมมีทางแก้ด้วยทักษะที่ใช้แต้มแลกมา การหาความสุขใส่ตัวสักเล็กน้อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจากที่ดูหน้าต่างค่าสถานะ อาการผิดปกติก็ยังไม่มีให้เห็นด้วย
"ขออภัยที่ให้รอเจ้าค่ะ ยาปลุกพลังเวทเสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านวีทานได้เลยเจ้าค่ะ"
ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับละไม ภัสสรก็เดินออกมาพร้อมถือถ้วยขนาดกลางเหมือนถ้วยซุปไว้ในมือ ซึ่งภายในนั้นมีของเหลวสีน้ำตาลแดงดูไม่น่าไว้ใจอยู่เกือบเต็ม และผมแน่ใจว่ามันต้องเป็นยาปลุกพลังเวท แต่ทำไมหน้าตามันชวนสยองพิลึก
"ขอบคุณครับ"
-ท่านทำภารกิจจากอัปสรสีหะภัสสร ทำการรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงยาปลุกพลังเวทสำเร็จ ได้รับยาปลุกพลังเวทหนึ่งถ้วย-
เมื่อผมรับถ้วยยามา เสียงของระบบก็ดังขึ้นให้แน่ใจว่าของเหลวน่าสงสัยนี่คือยาปลุกพลังเวท ก่อนที่ผมจะยกถ้วยขึ้นดื่มจนหมดโดยกลั้นหายใจไว้ด้วย เพราะสัญชาตญาณมันบอกว่าอย่าประมาทจะดีกว่า
และดูเหมือนผมจะคิดถูก เพราะยานี่มีรสชาติขมจนบอระเพ็ดยังชิดซ้าย แถมยังมีกลิ่นคาวจนแทบอ้วก แต่เพื่อทักษะด้านเวทมนตร์แล้ว ผมก็ฝืนตัวเองให้กลืนยาลงไปจนหมด ก่อนจะรีบปิดปากตัวเองไม่ให้อ้วกออกมา จนในที่สุดยาก็ลงไปอยู่ในท้องจนหมด
"ไหวไหมเจ้าคะ"
ละไมเข้ามาถามผมด้วยความเป็นห่วง แต่ภัสสรกลับอมยิ้มเหมือนกำลังกลั้นขำ ที่ดูแล้วก็รู้ได้เลยว่าเธอจะต้องรู้ถึงรสชาติของยาอย่างแน่นอน ทว่าผมจะบ่นก็คงไม่ได้ ในเมื่อยังต้องขอร้องให้เธอช่วยสอนเวทมนตร์
หลังจากนั้นผมก็มีอาการเหมือนไข้ขึ้น แต่ภัสสรบอกว่ามันคือผลข้างเคียงจากการปลุกพลังเวท ที่ไม่เป็นอันตรายอะไร ซึ่งก็เป็นจริงตามที่เธอว่า ด้วยอาการไข้และปวดเมื่อยตามตัวหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง
แล้วเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาเรียนเวทมนตร์สักที
"ก่อนอื่น ขอให้ท่านวีลองปล่อยพลังเวทออกมานะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าพเจ้าจะคอยช่วย"
ภัสสรอธิบายว่าการปล่อยพลังเวทออกจากร่างนั้นให้นึกถึงการควบคุมลมหายใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ไหลเวียนไปตามร่างกาย ก็จะสามารถรับรู้ถึงพลังเวทในร่างกายได้เช่นกัน
ที่แม้จะฟังดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วมันยากเอาการ เพราะผมนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจอยู่นานก็ยังไม่รู้สึกถึงพลังเวท จนภัสสรเข้ามากอดที่ด้านหลังจนผมสมาธิแตกกระเจิงนั่นแหละ พลังงานบางอย่างถึงถูกปลดปล่อยออกมา
"แหม ท่านวีนี่เป็นประเภทตกใจง่ายนะเจ้าคะ แต่ก็ช่วยให้พลังเวทไหลเวียนได้ดีทีเดียว แบบนี้สนใจเรียนตัวต่อตัวกับข้าพเจ้าไหมเจ้าคะ"
ภัสสรยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งผมรู้ดีว่าเธอต้องการอะไร และแน่นอนว่าผมเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธสาวงามผมสีเงินนัยตาสีเขียวหรอก จะติดก็แค่ว่าถ้าทำแบบนั้นผมคงไม่ได้เรียนเวทมนตร์แน่ๆ
ดังนั้นเพื่อทำตามเป้าหมายให้ลุล่วง ผมจึงยื่นเงื่อนไขให้ภัสสร ทั้งที่ใจจริงผมอยากพาเธอเข้าห้องเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ
"ผมขอเรียนให้ใช้เวทมนตร์ได้ก่อนดีกว่าครับ แล้วหลังจากนั้นถ้าภัสสรอยากสอนผมในห้องส่วนตัว ผมก็ยินดีร่วมด้วยอยู่แล้ว"
"แหมๆ ท่านวีนี่เล่นตัวจังนะเจ้าคะ แต่แบบนี้ก็น่าสนใจดี ฉะนั้นข้าพเจ้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะเจ้าคะ แล้วหลังจากนี้ก็ขอให้รักษาสัญญาด้วยนะเจ้าคะ"
แล้วภัสสรก็ลงมือกระตุ้นพลังเวทของผมเหมือนในหนังกำลังภายใน ด้วยการส่งพลังเวทของตัวเองเข้ามาในร่างผม เพื่อให้สามารถใช้พลังเวทได้ง่ายยิ่งขึ้น เหมือนกับการทำเส้นทางให้พลังเวทไหลเวียนได้ง่ายนั่นเอง
แต่ความทรมานนี้ก็ทำเอาแทบจะหมดหวังเหมือนกัน เพราะมันรู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากภายใน แล้วถ้าผมไม่หลอนไปเอง ตอนนี้ผมกำลังมีควันลอยออกมาจากหัวด้วย หรือพลังเวทที่ว่ามันจะเป็นเหมือนกำลังภายในของพวกจอมยุทธกันนะ
"ฟู่ เสร็จเรียบร้อยเจ้าค่ะ เท่านี้ท่านวีก็น่าจะใช้เวทมนตร์ได้แล้ว"
-ท่านได้รับการปลดปล่อยพลังเวท ได้รับทักษะควบคุมพลังเวทขั้นต้น-
และเหมือนเป็นการยืนยันคำพูดของภัสสร ระบบก็แจ้งเตือนว่าผมได้ทักษะเกี่ยวกับเวทมนตร์ ทำให้ตอนนี้ผมสามารถเรียนรู้การใช้เวทมนตร์ได้เสียที เพียงแต่ภัสสรดูเหมือนจะอยากได้ชั่วโมงเรียนตัวต่อตัว
ทำให้ผมต้องตามใจเธอ ด้วยการตามเข้าไปที่ห้องนอนของภัสสร ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงสวาทกันอย่างดุเดือด และขอยอมรับเลยว่าภัสสรให้ความรู้สึกแตกต่างจากอัปสรสีหะคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้ว ละไมเหมือนสายลมเย็นสบายที่ไม่รีบร้อนและทำให้ผ่อนคลาย ส่วนมณีเหมือนเปลวไฟที่ร้อนแรงและทำให้ตื่นเต้นทุกการเคลื่อนไหว แล้วรายาก็เหมือนกับพื้นหญ้าที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล
แต่ภัสสรนั้นเหมือนกับแสงแดดที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เมื่อแรกเริ่มจะอ่อนโยนและอบอุ่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะร้อนแรงแผดเผาให้เหนื่อยล้า สุดท้ายก็ค่อยๆเย็นลงให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว
"เป็นอย่างไรเจ้าคะ ข้าพเจ้านั้นไม่ด้อยไปกว่าใครใช่ไหมละเจ้าคะ"
"ครับ ยอดเยี่ยมมากเลยครับ"
จากนั้นผมก็นอนพักกับภัสสรอยู่ครึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกมาเรียนรู้การใช้เวทมนตร์อย่างจริงจัง แต่สิ่งที่ผมมุ่งเน้นให้ความสำคัญก็คือ การใส่พลังเวทเข้าไปในวัตถุ เพื่อใช้ในสร้างอุปกรณ์ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้ผมหารายได้มาใช้จ่ายในโลกแห่งความเป็นจริง
"ท่านวีรู้สึกจะสนใจการปลุกเสกเป็นพิเศษ ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าจะให้ท่านเห็นการเพิ่มคุณสมบัติธาตุในอาวุธนะเจ้าคะ"
ภัสสรนำอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ผมทำขึ้นมาปลุกเสก ซึ่งหลังจากผมได้รับทักษะควบคุมพลังเวทมา ก็ทำให้รับรู้ได้ว่าระดับพลังเวทของภัสสรนั้นสูงมาก จนรายาเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย และนั่นทำให้ผมคาดหวังว่าอุปกรณ์ที่เธอปลุกเสกจะเป็นของดี
"ท่านวีอยากให้ข้าพเจ้าผสานธาตุเข้ากับดาบเล่มนี้สินะเจ้าคะ อยากได้ธาตุอะไรเหรอเจ้าคะ"
"ธาตุไฟก็แล้วกันครับ"
แล้วในพริบตาต่อมา ดาบหนอนชาเขียวของผมก็เปล่งแสงสีแดงก่อนจะปรากฏลวดลายบนใบดาบ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเปลวไฟ และกระบวนการทั้งหมดนี้ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที สมแล้วที่เป็นผู้ฝึกสอนด้านเวทมนตร์
"ท่านวีน่าจะยังไม่ทราบ ว่าสามารถตรวจสอบคุณสมบัติของสิ่งของต่างๆได้ หากมีทักษะวิเคราะห์นะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าพเจ้าจะทำให้ดูก่อน แล้วหากฝึกฝนมากๆเข้า เดี๋ยวก็ได้ทักษะเองเจ้าค่ะ"
ภัสสรพูดขึ้นก่อนที่หน้าต่างสีฟ้าใสจะลอยขึ้นมา แล้วเมื่อเธอปัดหน้าต่างมาทางผม รายละเอียดของดาบหนอนชาเขียวก็ปรากฏในหน้าต่างนั้น
อุปกรณ์ประเภทดาบ
ชื่อ ดาบหนอนชาเขียวติดไฟ
พลังโจมตี 15
คุณสมบัติพิเศษ - แฝงธาตุไฟในการโจมตี
และถ้าผมจำไม่ผิด ดาบหนอนชาเขียวที่ได้มาตอนแรกจะมีพลังโจมตีสิบหน่วย แต่พอภัสสรปลุกเสกให้แล้วก็เพิ่มเป็นสิบห้าหน่วย แถมด้วยธาตุไฟที่เสริมเข้ามา จนชื่อดาบเปลี่ยนไปด้วย
แล้วถึงชื่อมันจะฟังดูตลก แต่อาวุธธาตุนั้นมีประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย และน่าจะช่วยเบาแรงผมไปได้ไม่มากก็น้อย เพราะการใช้พลังจิตจะทำให้ปวดหัวตลอด แม้ว่าจะมีทักษะฟื้นฟูค่อยช่วย ผมก็ไม่ชอบความเจ็บปวดอยู่ดี
"เอาล่ะเจ้าค่ะ ท่านวีลองทำดูบ้างนะเจ้าคะ"
แล้วโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว ภัสสรก็บอกให้ผมลองปลุกเสกดูบ้าง พร้อมกับอธิบายว่าการปลุกเสกนั้นไม่ได้ยากอะไร ถ้าเป็นแค่การใส่พลังเวทเข้าไปในวัตถุเท่านั้น และถือเป็นขั้นเริ่มต้นสำหรับการปลุกเสกด้วย
ทำให้ผมที่ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ หยิบปลอกแขนที่ทำขึ้นเป็นชิ้นแรกๆมาเป็นหนูทดลอง เพราะหากเสียหายก็ยังไม่เสียดายเท่าไหร่ และเมื่อตัดสินใจแล้วก็ได้เวลาลงมือทำ
"ตั้งสมาธิ แล้วใส่พลังเวทเข้าไปช้าๆเจ้าค่ะ ดีเจ้าค่ะ"
ภัสสรคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ ผมที่กำลังถือปลอกแขนไว้ในท่าพนมมือ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าพลังเวทกำลังไหลไปที่ปลอกแขน แต่ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ผสานเข้าเป็นเนื้อเดียว จนพลังเวทของผมหมดก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ
"ก็ถือว่าท่านวีเรียนรู้การไหลของพลังเวทได้แล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่การผนึกพลังเวทในวัตถุเจ้าค่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าเจ้าค่ะ"
แล้วการฝึกนรกของผมก็เริ่มต้น และนี่เป็นสิ่งที่ผมได้รับรู้ในภายหลังว่าภัสสร เป็นผู้ฝึกสอนเวทมนตร์ที่เข้มงวดที่สุดในบรรดาผู้ฝึกสอนทั้งหมด แต่จะมานึกเสียใจทีหลังก็สายไปซะแล้ว
แถมถ้ามองในแง่ดี ภัสสรก็ถือว่าสวยที่สุดในบรรดาผู้ฝึกสอนทั้งหมด ดังนั้นการที่ผมได้มีเพศสัมพันธ์กับเธอก็ถือว่าไม่เสียเปล่าที่เลือกเรียนกับเธอ ที่เหลือก็แค่ทนการฝึกให้ได้เท่านั้นเอง