Vegas 's
ตั้งแต่วันที่ต้องปลอมตัวเป็นเวนิสพี่ชายฝาแฝดของตัวเองเพื่อสละตำแหน่งให้ตัวเองจนมาถึงวันนี้ชีวิตที่แสนสงบสุขของผมมันก็ไม่เคยสงบสุขอีกต่อไป มีหลายต่อหลายคน ผู้สื่อข่าวหลายสำนักเริ่มพูดเรื่องของผมมากขึ้นทั้งเรื่องสมัยเด็ก เรื่องสมัยเรียน หรือเรื่องที่ผมเป็นนักแข่งรถ และแน่นอนผมมักจะถูกเปรียบเทียบกับเวนิสเสมอมันเป็นเรื่องที่ผมโดนมาตั้งแต่เด็ก โดนจนชินแล้วด้วยซ้ำ และชีวิตที่ปกติมีแค่ไปเที่ยวบ้างกลับไปนอนบ้านบ้าง ไปหาคู่นอนบ้างก็ต้องปรับเปลี่ยนอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำแทนเวนิสทั้งหมด และเรื่องที่ต้องเตรียมตัวรับตำแหน่งเจ้าเมืองฝั่งเหนืออีก โชคดีที่ยังมีเฮียโรมและป๊าคอยช่วย ไม่งั้นผมคงตายแน่ ๆ เหมือนกับในวันนี้ที่เจ้าเมืองหลัก หรือเจ้าเมืองหลวงอย่างเฮียเตชินทร์เรียกเจ้าเมืองทุกเขตเข้ามาประชุมถึงแผนการดูแลเมืองในปัจจุบันและผมก็ต้องเข้าประชุมในฐานะว่าที่เจ้าเมืองฝั่งเหนือ
"ทุกคนมาครบแล้วนะครับ งั้นเริ่มประชุมเลย" เฮียเตชินทร์เริ่มพูดขึ้นโดยรายงานความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตของตัวเอง สภาพแวดล้อม สวัสดิการในเมือง และอื่นๆ ว่ามีความพร้อมมากพอต่อประชาชนหรือมีอะไรที่ต้องแก้ไขหรือเปล่าในเขตของตัวเอง แต่สิ่งที่เจ้าเมืองแต่ละคนพูดไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด นี่เฮียโรมกับไอ้เวนิสมานั่งทนฟังอะไรแบบนี้ได้ไงตั้งหลายชั่วโมง
"ต่อไปก็เหลือเขตพิเศษกับเขตเหนือใครจะพูดก่อน" เฮียเตชินทร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เฮียทาวน์รายงานเขตทางใต้จบ ผมและไอ้สีฝุ่นมองหน้ากัน ทั้งผมและมันต่างไม่ชอบขี้หน้ากัน เรื่องนี้ทุกคนในบ้านรู้ และผมก็ไม่ชอบที่จะต้องมาเห็นหน้ามันเหมือนกัน
"เขตทางเหนือไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ" ผมพูดจบแล้วกวาดสายตามองไปรอบห้อง แต่ดูเหมือนไอ้คนตรงหน้าผมมันจะไม่ยอมจบ
"แต่ผมได้ยินว่าฝั่งเหนือมีค่าฝุ่นสูงมากเลยนะครับ ไม่ทราบว่าเฮียเวกัสเข้าไปดูหรือยัง" มันบอกผมพร้อมกับยกยิ้มเหมือนกับว่ามันเหนือกว่าผม เป็นใบหน้าแบบที่ผมอยากจะเข้าไปซัดสักทีถ้าไม่ติดว่าเฮียโรมส่งสายตาปรามผมก่อน
"ตอนนี้กำลังดำเนินการแก้ไขครับ ถ้าเรียบร้อยแล้วจะไปรายงานอีกครั้งครับ" ผมบอก เฮียเตชินทร์พยักหน้าเพื่อบอกว่าเข้าใจ
"ส่วนฝั่งเขตปกครองพิเศษไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ" มันพูด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอ อยากจะขำให้ฟันร่วง
"แต่ผมได้ข่าวว่าคนในกำแพงมีการทำบัตรปลอมเพื่อออกมาจากนอกกำแพงเยอะนะครับ ไม่ทราบว่าได้ตรวจสอบหรือเปล่า" ผมถามพร้อมกับแสยะยิ้มให้มัน วูบหนึ่งมันทำสีหน้าไม่พอใจก่อนจะยิ้มกว้างเหมือนทุกอย่างไม่มีอะไร
"ไว้ผมจะตรวจสอบ แล้วมารายงานนะครับ" สีฝุ่นมันพูดด้วยท่าทางไม่ยี่หระเท่าไหร่
การประชุมยังคงดำเนินการไปอย่างน่าเบื่อจนเวลาผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมงเฮียเตชินทร์ถึงได้ยุติการประชุมแล้วให้ทุกคนแยกย้ายไปทำภารกิจของตัวเองได้ผมบิดตัวไล่ความเมื่อยล้าออกจากตัวเองทันทีที่ประชุมเสร็จ
"คุณเวกัสจะกลับเลยไหมครับ" ยูโรมันเอ่ยถามผมพร้อมหยิบสมุดโน้ตและปากกาจากมือผมไปถือ ผมส่ายหน้าไปมา
"อยากไปสนามแข่ง ไม่ได้ไปนานแล้ว" ผมบอกมันและมันทำสีหน้าเหมือนไม่อยากให้ผมไป แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็คงจะบอกผมว่า คุณเวนิสไม่อนุญาตครับ แต่ตอนนี้ไม่มีไอ้เวนิสแล้วก็คงไม่มีใครมาห้ามผมอีกแล้ว
"จะกลับแล้วหรอเวกัส" เฮียโรมเดินมาทักผมขณะที่ผมเพิ่งเดินออกจากห้องประชุม
"ครับ"
"เวกัส มึงเจอคู่แห่งโชคชะตาตัวเองหรือยัง" คำถามนี้อีกแล้วจริงๆ ไอ้เวนิสมันก็ถามผมนะ แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
"ยังครับ"
"รีบหาให้เจอ ถ้าขึ้นรับตำแหน่งแล้วมีคู่โชคชะตาเคียงข้างจะยิ่งแข็งแกร่ง" เฮียพูดด้วยรอยยิ้มเครื่องหมายการค้า มันเป็นคำที่ป๊าสอนพวกเรามาตั้งแต่เด็กว่าการได้รักกับคนที่เป็นคู่โชคชะตาตัวเองดีที่สุด แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เลย จะมีคู่โชคชะตาไปเพื่ออะไรในเมื่อเราไม่ได้รักกันอยู่ดี แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้าแล้วถามสารทุกข์สุกดิบเฮียไปเรื่อยแล้วก็บอกว่าอีกไม่นานเบอร์ลินน่าจะกลับไปอยู่ที่เซฟเฮาส์แล้ว เฮียก็ฝากดูน้องตามประสาพี่ชายคนโตแค่นั้น
"เวกัสจะไปสนามแข่งรถใช่ไหมครับ" ยูโรมันถามผมย้ำขณะที่ขับรถให้ผม ผมพยักหน้าให้มันแล้วเสมองไปทางอื่น จะว่าไปก็คิดถึงตัวเองตอนเป็นอิสระเหมือนกันนะ ตอนที่ไม่ต้องมีหน้าที่อะไรมาเกี่ยวข้องแบบนี้
"ไอ้เซฟมันเป็นไงบ้าง" ผมถามไอ้ยูโรในขณะที่สายตายังคงมองอยู่ที่ข้างทาง
"ก็เหมือนเดิมครับ มันยังคงนิ่ง เหมือนไม่คิดอะไร แต่ผมว่ามันก็เสียใจเหมือนกัน"
ยูโรมันพูดรายงานผม ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เรื่องของไอ้เซฟกับเวนิสมีแค่ผมกับไอ้ยูโรที่รู้ เพราะว่าวันนั้นผมวิ่งหนีไอ้ยูโรที่มาห้ามผมไม่ให้ไปสนามแข่ง และผมกับไอ้ยูโรก็ไปเจอกับไอ้เวนิสที่ยืนจูบกับไอ้เซฟ ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกมันไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่อัลฟ่ากับอัลฟ่ามันรักกันไม่ได้ และนั่นคือสาเหตุที่ไอ้เซฟมันถูกเปลี่ยนให้ไปดูแลเบอร์ลินที่เซฟเฮ้าส์และเปลี่ยนเป็นไอ้เมตรมาดูแลไอ้เวนิสแทน
แต่อย่างว่า ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ยิ่งเป็นความรักแบบนี้ยิ่งเจ็บ และยิ่งคนที่รักจากไปโดยที่ไม่มีวันหวนกลับก็ยิ่งเจ็บปวดยิ่งกว่า ผมรู้ว่าไอ้เซฟมันกำลังแตกสลาย แต่คนอย่างมันไม่มีทางร้องไห้ให้ใครเห็นหรอก
ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงสนามแข่งรถผมบอกให้ไอ้ยูโรมันยืนรอข้างนอกวันนี้โชคดีที่สนามไม่มีใคร เพราะจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากมาแข่งกับใครหรอกก็แค่อยากมาขับรถเร็วๆ เพื่อระบายอารมณ์แค่นั้น เพราะการแข่งรถ หรือการอยู่ในสนามมันทำให้ผมได้เป็นตัวของตัวเอง เป็นแค่ไอ้เวกัสวัยรุ่นคนหนึ่งไม่ต้องมาแบกรับคำว่าทายาทคนที่ 6 ของรัตนพงษ์พิพัฒน์ ไม่ต้องแบกรับตำแหน่งว่าที่เจ้าเมืองฝั่งเหนืออะไรทั้งนั้น ที่นี่ผมได้เป็นผม ตัวผมที่จะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องถูกเปรียบเทียบ ทุกครั้งที่ได้แข่งรถมันเหมือนว่าผมได้ฮีลตัวเองจากเรื่องเฮงซวยในชีวิตทั้งหมด
Nubneng ' s
แปลก
ผมว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่ที่ไอ้ยูโรมันบอกว่ามันต้องไปข้างนอกก็ไม่มีใครเปลี่ยนเวรมาเฝ้าผมเลย เขาไม่กลัวผมจะหนีหรอหรือประเมินว่าผมจะไม่หนีแน่ๆ ผมยืนไปเกาะลูกกรงเพื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นคนสักคน ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหาคำตอบอะไรได้ผู้ชายร่างสูงผิวเข้มก็เดินตรงมาที่ผมแล้วไขกุญแจให้ทันที ผมมองอย่างไม่เข้าใจ หรือพวกมันจะปล่อยผม
"ตามมา คุณชาล์วให้กูมาช่วยมึง" มันบอกผมแต่ทันทีที่ได้ยินชื่อคุณชาล์วผมก็ใจชื้นแล้ว แสดงว่าคุณชาล์วต้องรู้เรื่องผมแล้วสั่งให้คนมาช่วยใช่ไหม อย่างน้อยคุณชาล์วก็ไม่ทอดทิ้งผม คนที่เข้ามาช่วยผมรีบดึงมือผมแล้วออกไปจากคุกทันที เราทั้งคู่หลบซ่อนบอดี้การ์ดออกมาอย่างยากลำบาก เพราะมีบอดี้การ์ดเฝ้าค่อนข้างเยอะ แต่คนคนนี้ก็พาผมออกมาทางด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนเฝ้าได้สำเร็จ เขาเดินพาผมออกมาเรื่อย ๆ จนถึงถนนเส้นหนึ่ง
"มึงเดินออกไปจากตรงนี้สักหนึ่งกิโลนะ จะมีรถรอรับอยู่ กูต้องรีบกลับไปเดี๋ยวมีคนสงสัย" เขาบอกผม
"ขอบคุณมากๆ นะพี่ ขอบคุณมาก" ผมไม่รู้ว่าจะขอบคุณเขายังไงดีถ้าไม่ได้เขาผมก็คงไม่มีทางได้อิสระแบบนี้ เขาไม่ได้พูดอะไรแค่บอกให้ผมรีบไป แต่จังหวะที่ผมหันหลังความรู้สึกเจ็บและชาบริเวณแขนก็ทำให้ผมทรุดตัวลงและหันหน้าไปมองเขา เขาฉีดยาอะไรสักอย่างมาที่แขนผม
"หึ พวกคนในกำแพงแม่งโง่" มันพูดพร้อมกับส่งสายตาดูถูกมาให้ผม "เขาสั่งให้กูมาเก็บมึง แต่ได้ข่าวอยากมีชีวิตดีๆ นอกกำแพง งั้นมึงก็อยู่ที่นี่แหละ" มันพูดแล้วหัวเราะอย่างสะใจเหมือนกับคนบ้าพร้อมกับขว้างเข็มฉีดยาในมือทิ้ง
"มึงฉีดอะไรใส่กู"
"ยากระตุ้นฟีโรโมนไง มึงได้มีผัวสมใจ แล้วได้เป็นคนนอกกำแพงสมใจแน่เชื่อกู" มันพูดเสร็จก็ถีบผมให้ล้มลงผมพยายามพยุงตัวขึ้นจะสู้กับมันแต่ก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองมันอ่อนแรงไปหมดความรู้สึกวูบวาบแล่นเข้าสู่ร่างกายจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เกิดอะไรขึ้นกับตัวผม
"ดูสิมีคนได้กลิ่นมึงแล้วอยากได้มึงจนตัวสั่นแล้ว ขอให้มีความสุขสำหรับคืนนี้" มีผู้ชายท่าทางน่ากลัวสี่ห้าคนกำลังเดินมาที่ผม สีหน้าสายตาที่ดูหื่นกระหายของพวกมันทำให้ผมหวาดกลัว ผมพยายามวิ่งหนีแต่ก็รู้สึกยิ่งวิ่งยิ่งหมดแรง
"อย่าเข้ามา!!" ผมตะโกนลั่นแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเลยพวกมันพยายามวิ่งมาที่ผม ผมพยายามโยนก้อนหิน โยนของอะไรที่ใกล้มือใส่พวกมันแต่ก็ไม่เป็นผลเลย ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อย กลิ่นฟีโรโมนของพวกมันปะปนกันไปหมดจนผมรู้สึกอยากจะอาเจียน มันไม่ได้หอมแต่รู้สึกขยะแขยงทุกครั้งที่พวกมันเข้าใกล้
"อย่าเข้ามา บอกว่าอย่าเข้ามาไง" ผมพยายามปัดป้องตัวเองแต่พวกมันคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาที่ตัวผม คนหนึ่งล็อกตัวผมไว้ส่วนอีกคนก็ล็อกตัวผมไว้แน่น ผมพยายามดิ้นหนีแล้วแต่มันไม่ได้ผลเลย ทำไมผมต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย ถ้ารู้ว่าโลกนอกกำแพงมันจะโหดร้ายขนาดนี้ ผมไม่ควรฝันที่จะออกมาเลย ผมพยายามดิ้นสุดชีวิตแล้วก็ปล่อยโฮออกมาแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย พวกมันยังคงแตะต้องร่างกายของผมในขณะที่ผมรู้สึกทั้งหวาดกลัวและขยะแขยงพวกมัน ใครก็ได้ช่วยผมที
ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นสองนัดพร้อมกับร่างของไอ้เลวที่มันฉีดยาใส่ผมและไอ้คนที่มันกำลังจะปลดกางเกงผมตายคาที่ จากนั้นคนอื่นรวมทั้งผมต่างหันไปมอง ผมมองคนที่เข้ามาช่วยชีวิตผมทั้งน้ำตา เป็นไอ้เวกัสกับไอ้ยูโรที่ยืนจ่อปืนมาตรงหน้าผม ก่อนที่ทั้งคู่จะยิงไอ้กลางหน้าผากไอ้พวกที่เหลืออย่างไม่ลังเล เหลือเพียงแค่ผมกับไอ้คนที่มันล็อกแขนผมอยู่
"มึงจะปล่อยมันดีๆ หรือจะตายตามเพื่อนมึงไป" เวกัสมันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาคมดุที่ใครต่อใครก็ต้องหวาดกลัว แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าสายตาคู่นี้มันช่วยผมมาแล้วถึงสองครั้ง ไอ้คนที่ล็อกตัวผมมันรีบผลักผมทิ้งแล้วรีบวิ่งหนีทันทีแต่ยังไม่ทันได้วิ่งไปไกลไอ้เวกัสก็ลั่นไกยิงมันทิ้งอย่างไม่ไยดีเลย
"น่าจะเป็นไอ้ว่านครับ มันเพิ่งเข้ามาสังกัดคุณเวนิส" ผมได้ยินไอ้ยูโรรายงานอะไรสักอย่างน่าจะพูดถึงไอ้คนที่พาผมหนีออกมาแต่ผมไม่มีแรงที่จะถามอะไรแล้ว ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา พร้อมกับร่างกายที่ยังคงรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ตลอดเวลา
เวกัสเดินมาตรงหน้าผมก่อนจะใช้กระบอกปืนหนักๆ ฟาดมาที่หน้าผมอย่างแรงจนหน้าหัน ผมเงยหน้ามองไอ้คนที่มันฟาดปืนใส่ผมอย่างโกรธเคือง และมันก็ส่งสายตาโกรธเคืองมาให้ผมเช่นเดียวกัน
"มึงรู้ไหม! ถ้ากูไม่เลือกจะกลับทางนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น!" มันตวาดใส่ผม ดูก็รู้ว่ามันโกรธแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าไม่ได้มันผมก็คงตายทั้งเป็นไปแล้ว
"ขอบคุณที่ช่วย" ผมบอกมันและเป็นอีกครั้งที่สายตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง กลิ่นหอมของเปลือกไม้ที่ผมมักจะได้กลิ่นจากคนตรงหน้ายิ่งทำให้ผมรู้สึกสั่นไหวกว่าเดิม
"ยูโรพามันกลับด้วย แล้วเอาไปขัง" มันออกคำสั่งกับไอ้ยูโรแล้วจะหันหลังเดินหนี แต่ผมก็ไม่รู้ทำไมถึงเลือกที่จะคว้ามือมันไว้
"เวกัส ช่วยหน่อยได้ไหม"
TBC