เมื่อมณีมาลาได้เห็นสภาพของผู้เป็นลูกเลี้ยง ก็ให้สังเวชใจนัก จากที่เคยใส่ชุดสง่างามของเจ้าชาย กลับต้องมาใส่ชุดเยี่ยงนักโทษ จากที่เคยเดินเหินได้อิสระ กลับต้องมาถูกขื่อคาจำไว้ หากแต่แววตานั้นยังเป็นแววตาของนักรบโดยแท้
"ท่านแม่" มณีโชติพูดเสียงแหบพร่า "เหตุใดท่านจึงมาที่นี่พระเจ้าค่ะ"
มณีมาลายื่นถุงผ้าอะไรบางอย่างให้ มณีโชติรับไว้ ยังคงสับสน
"ผงนิทรา" มณีมาลากระซิบ "เจ้าจงใช้ผงนี่หนีไปเสียเถิด ไปให้พ้น แล้วอย่ากลับมาอีก"
"ท่านแม่ ข้าถูกจองจำเช่นนี้ จะหนีไปได้อย่างไร"
มณีมาลาหยิบพระขรรค์ข้างเอวขึ้นมา ก่อนจะฟันลงที่โซ่ล่าม ปล่อยมณีโชติให้เป็นอิสระ
เสียงดังลั่นที่เกิดขึ้นนั้นย่อมได้ยินไปถึงข้างนอกแน่นอน และพวกทหารข้างนอกก็กำลังจะกรูเข้ามา มณีมาลารีบส่งพระขรรค์ให้มณีโชติที่กำลังงงอยู่
"เร็วเข้า" เธอเร่ง "รีบใช้ผงนิทราและหนีไป"
มณีโชติเองรู้ว่าเขาควรทำอะไร เขาตัดสินใจฟันแขนของมณีมาลาอย่างแรง เป็นจังหวะเดียวกับที่พวกทหารเปิดประตูเข้ามา ก่อนที่เขาจะเหาะไปบนอากาศด้วยอำนาจของพระขรรค์
"เดี๋ยว เดี๋ยว" กูณฑ์ขัดขึ้น "ทำไมเขาต้องฟันคนที่ช่วยเขาด้วยล่ะ"
มลถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เคียวก็ขัดขึ้นเสียก่อน
"ฟังไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ นายนี่ชอบขัดจริงเชียว" เขาพยักเพยิดไปทางมล "เล่าต่อเถอะ"
ความจริงแล้วตอนมลฟังฤๅษีเล่ามาถึงตรงนี้ เขาก็ขัดขึ้นเหมือนกัน
"ท่านพ่อของข้าไม่ได้กระทำการเนรคุณเช่นนั้นแน่"
"เหตุใดเจ้าจึงว่าพ่อของเจ้าทำการเนรคุณ"
"พระนางมณีมาลาอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วย ท่านพ่อกลับฟันแขนของนางเสีย ไม่เท่ากับเนรคุณหรอกหรือ"
ฤๅษียิ้ม "การของกระทำของพ่อเจ้ากอปรด้วยความเมตตาและสติปัญญา เจ้าคิดว่าหากพระนางอยู่ดีโดยไร้รอยขีดข่วน แต่พ่อของเจ้าหนีไปได้ เจ้าคิดว่าพระนางจะรอดเงื้อมมือของอัครเดชหรือ มณีโชติทำดังนี้เพื่อให้พระนางมีโอกาสแก้ตัว"
มลหน้าซีด "อัครเดชคงไม่กล้าฆ่าแม่แท้ ๆ ของหรอกใช่ไหม"
"เขากล้าวางยาพิษพ่อ ใส่ร้ายน้องชาย ส่งหลานอย่างเจ้าให้ออกมาตาย อะไรเล่าที่เจ้าคิดว่าจะห้ามไม่ให้เขาฆ่าแม่ของตัวเอง โดยเฉพาะแม่ที่มีใจไปหาศัตรูเช่นนี้"
"ชั่วช้ายิ่งกว่าเดรัจฉาน" มลพูดออกมาอย่างคับแค้นใจ ทำไมหนอเขาถึงไม่โตกว่านี้ เก่งกาจมากกว่านี้ ขนาดกับคนในครอบครัว อัครเดชยังทำการอำมหิตถึงเพียงนี้ คิดแล้วก็สงสารประชาราษฎร์ที่ต้องมีคนอกตัญญูไร้คุณธรรมอย่างนี้เป็นผู้ปกครอง
"แล้วพระนางเป็นอย่างไรบ้าง" มลถาม เมื่อเขารู้ว่าพ่อของเขารอดจากห้องขัง ทั้งยังมีอาวุธติดมือก็โล่งใจ แต่พระนางมณีมาลาเล่าเป็นอย่างไรบ้าง
"พระนางฉลาดสมเป็นยอดหญิง"
เมื่อมณีมาลาถูกฟัน เธอก็รู้ทันทีว่าควรทำอะไร เธอกุมแขนที่เลือดไว้ก่อนจะร้องโอดครวญ
"โอ๊ย! ไอ้เด็กเนรคุณนั่นฟันข้า ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว"
เสียงร้องของมณีมาลา ทำให้พวกทหารเสียสมาธิ เปิดโอกาสให้มณีโชติหนีไปได้
"รีบไปจับมันมาสิ" มณีมาลาแกล้งทำเป็นสั่ง เธอรู้ว่าทหารพวกนี้ไม่ได้เชี่ยวชาญการสู้รบเท่ามณีโชติ บางคนยังเหาะไม่เป็นด้วยซ้ำ อีกประการหนึ่งเธอรู้ว่าพวกทหารไม่กล้าทิ้งเธอไปในสถานการณ์แบบนี้แน่ อย่างไรเธอก็ดำรงตำแหน่งเป็นพระมารดาของเจ้าแผ่นดิน
"พระนางทรงเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ" หัวหน้าทหารถามอย่างเป็นกังวล ถ้าแขนของพระมารดาเจ้าแผ่นดินหลุด หัวของเขาก็คงหลุดออกจากบ่าเช่นกัน
"เจ็บ" มณีมาลาคราง ครั้งนี้ไม่ได้เสแสร้งแล้ว
หัวหน้าทหารเรียกหมอเข้ามา หมอเข้ามาตรวจดูอาการและรักษาบาดแผล ก่อนจะทูลให้พระนางพักผ่อน
"โชคยังดีที่แผลไม่ลึกพระเจ้าค่ะ" หมอทูลรายงานอัครเดชที่เป็นกังวล
"แล้วข้าจะเข้าไปเยี่ยมได้หรือไม่"
"ย่อมได้พระเจ้าค่ะ"
อัครเดชเข้าเฝ้าผู้เป็นมารดาที่กำลังนอนพักอยู่บนเตียง ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้เลย เขาควรจะไปตามหามณีโชติ ไม่รู้ป่านนี้มันจะไปถึงไหนแล้ว แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาต้องถูกประจานว่าเป็นคนอกตัญญูแน่
"ท่านแม่เป็นอย่างไรพระเจ้าค่ะ"
"เจ็บ" มณีมาลาว่า
"หมอรักษาไม่ดีหรือพระเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้า.." อัครเดชเริ่ม แต่มณีมาลาขัดขึ้น
"แม่เจ็บที่ใจ" ปกติมณีมาลาไม่ค่อยใช้มารยาเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็น เธอก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน
"แม่หลงเอ็นดูลูกเสือ ลูกจระเข้แท้ ๆ แม่อุตส่าห์ไปเยี่ยมมัน แต่มันกลับทำร้ายแม่เช่นนี้" พูดจบ เธอก็ทำเป็นร้องไห้
"ท่านแม่จะบอกว่าท่านไม่ได้จะไปช่วยมันหรือพระเจ้าค่ะ" อัครเดชถามอย่างคลางแคลง
มณีมาลาสะอึกสะอื้น "เจ้าพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร แม่บาดเจ็บถึงเพียงนี้ ลูกยังหาว่าแม่เข้ากับพวกกบฏ หากเจ้าคิดแบบนี้ก็จงฆ่าแม่เสียเถิด"
อัครเดชนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ถูก
"ท่านแม่ ข้าเชื่อท่านแม่โปรดอย่าร้องไห้เลย"
"แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป" มณีมาลาถามเสียงเครือ "เจ้าจะไปจับมันกลับมาหรือ"
อัครเดชยิ้ม "ข้าไม่เสียเวลาจับมันกลับมาหรอกพระเจ้าค่ะ มันจะมาหาเราเอง"
หัวใจของผู้เป็นแม่ตกอยู่ไปที่ตาตุ่ม ได้แต่ภาวนาให้มณีโชติหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ภายนอกเธอทำเป็นยินดี
"เจ้าสมกับเป็นพระราชาจริง ๆ แต่มณีโชติรู้ว่าเจ้าต้องฆ่ามันแน่ เหตุใดมันจะกลับมาอีก"
"ถ้ามันรักเมียมันก็ต้องกลับมาแน่พระเจ้าค่ะ" อัครเดชว่า แววตาเป็นประกายระยิบระยับ
มณีมาลาตกใจไปแวบหนึ่ง แต่ก็ตั้งสติได้ทัน "ป่านนี้มันไม่หนีไปแล้วหรือ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกพระเจ้าค่ะ มีหรือข้าจะปล่อยครอบครัวพวกกบฏไป ข้าได้ขังนางจันทาประภาไว้แล้ว ข้าจะใช้มันเป็นเหยื่อล่อให้มณีโชติมา
มณีมาลาใจหายวาบ โธ่ ชายก็ตายเพราะหญิง หญิงก็ตายเพราะชาย ขอให้มณีโชติหนีไปเถิด อย่าได้อาลัยในตัวจันทประภาเลย
แม้ว่าอัครเดชจะบอกว่าขังจันทประภาไว้ แต่ความเป็นอยู่ของจันทประภาดีกว่ามณีโชติมาก เธอเพียงแต่ถูกคุมตัวไว้ในตำหนักของเธอเท่านั้น ไม่ได้ถูกล่ามโซ่ ใส่เครื่องจองจำ หรือทรมานอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นกินรีก็อยากเลือกที่จะถูกทรมานเคียงข้างสามีมากกว่าอยู่สุขสบายกายแต่ทรมานใจเช่นนี้ ตอนนี้แม้จะบินไปหาสามีก็ทำไม่ได้ เพราะปีกและหางของเธอถูกยึดไปเสียแล้ว กินรีที่ไม่มีปีกและหางก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ อาจจะอ่อนแอกว่าเสียอีก
"น้องสะใภ้ ดูสีหน้าท่าทางไม่ดีเลยนะ" อัครเดชล้อ แม้เขาจะกังวลเรื่องที่มณีโชติหนีไปได้ แต่เขาจะไม่แสดงอาการออกมาให้จันทประภาจับพิรุธได้เป็นอันขาด
"โปรดปล่อยสามีของข้าเถิด" จันทประภาอ้อนวอนไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ เธอเชื่อมั่นแน่ว่าสามีของเธอไม่ทำอะไรแบบนั้น เขาไม่เคยทำร้ายแม้แต่สัตว์สักตัวด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ผู้เป็นพ่อเลย
"เจ้าจะไปอะไรนักโทษทำไมเล่า สู้หาสามีใหม่ไม่ดีกว่าหรือ อย่างไรมันก็ต้องตายอยู่แล้ว" อัครเดชถามพลางนำมือลูบไล้ไปที่แขนของเธอ
กินรีกลั้นหายใจอย่างนึกรังเกียจ อัครเดชช่างชั่วช้ายิ่งนัก วางแผนฆ่าน้องชายตัวเองยังไม่พอ ยังจะจีบเอาน้องสะใภ้เป็นภรรยา เธออยากด่าประจานให้สาแก่ใจ แต่หากจันทประภาทำตามที่คิด เธอคงไม่มีโอกาสรอดแน่ เธอจึงปราศรัยด้วยถ้อยคำอันอ่อนหวาน
"เจ้าพี่" จันทประภาพูดด้วยเสียงหวานราวน้ำผึ้ง "เจ้าพี่พูดอย่างนี้ไม่ถูกนัก หากสามีข้าเพิ่งตาย แต่ข้าหาสามีใหม่เลย เจ้าพี่ว่ามันจะไม่เป็นที่ครหาหรอกหรือ สามีใหม่ข้าก็คงพลอยถูกติฉินนินทาไปด้วย ยิ่งหากสามีใหม่ข้าเป็นผู้ใหญ่ เป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฎร์ แต่กลับได้หญิงโลเลเป็นภรรยาก็ย่อมเสื่อมเกียรติ เจ้าพี่ไม่คิดอย่างนั้นหรอกหรือ"
อัครเดชได้ฟังเหตุผลก็นิ่งไป เขาเพิ่งได้ราชบัลลังก์ ตอนนี้พวกขุนนางก็แบ่งเป็นหลายฝ่าย แม้ว่าส่วนใหญ่จะสนับสนุนเขา แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าใครที่เป็นพวกของมณีโชติบ้าง หากเขารับจันทประภามาเป็นเมียอีกคนก็คงยากที่จะรักษาความนิยมชมชอบจากพวกขุนนางไว้ได้
"เจ้าพูดถูก จงพักผ่อนให้สบายเสียเถิด ข้าจะไม่มากวนเจ้าแล้ว"
ตอนนี้อัครเดชไม่สามารถทำอะไรกับมณีโชติได้ ได้แต่เพียงเฝ้ารอเท่านั้น เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นงานคนอื่น
"ใครขอรับ" มลถามขึ้น
"ก็เจ้าอย่างไรล่ะ"
อัครเดชลอบไปหาธนบาล สั่งให้เขาส่งมลไปทำภารกิจอะไรก็ได้
"ยิ่งไกลยิ่งดี เอาให้มันไม่ต้องกลับมาอีก หรือตายไปเลยก็ได้" อัครเดชกำชับ
ธนบาลเริ่มมีทีท่าไม่สบายใจ เรื่องไม่ให้สอนวิชาหรือปล่อยให้เด็กกลั่นแกล้งรังแกกันแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง เขาก็พอทำได้อยู่หรอก แต่การส่งเชื้อพระวงศ์ที่มีอายุเพียงแปดเก้าปีไปตาย ก็ออกจะเกินไปหน่อย
"อ๋อ! เขาพอมีจิตสำนึกอยู่เหมือนกันหรือ" มลตัดพ้อ "แล้วเหตุใดเขาถึงยังส่งข้ามาอีกเล่า"
อดีตพระราชามองมลอย่างเมตตา "ความดีนั้นคนดีทำง่าย คนชั่วทำยาก ตรงกันข้ามความชั่วนั้นคนดีทำยาก คนชั่วทำง่าย แม้ว่าธนบาลจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกผิดก็ไม่อาจเอาชนะความโลภที่มีอยู่ในใจได้ เมื่ออัครเดชถ้าเสนอทองให้เขาเพิ่มขึ้น เขาก็รีบทำภารกิจ
"ชีวิตของข้ามีค่าเพียงแค่ทองไม่กี่ถุงหรือ"
"ชีวิตของเจ้ามีค่ามากกว่านั้น อย่างน้อยก็มีค่าสำหรับข้า สำหรับอุสา และสำหรับพ่อแม่ของเจ้า"
"ท่านเล่าต่อไปเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของข้า นางถูกอัครเดชย่ำยีหรือไม่" แค่คิดว่าแม่ของเขาจะตกเป็นของลุงใจเหี้ยม เขาก็โกรธแค้นจนทำอะไรไม่ถูก นางจะต้องทุกข์ระทมขนาดไหน
"ข่าวดีคือนางไม่ได้ถูกอัครเดชย่ำยี"
คำพูดของฤๅษีทำให้สีหน้าของมลแช่มชื่นขึ้น
"แต่ข่าวร้ายก็คือ.."
หากอัครเดชเกิดในอารยธรรมภายนอก เขาย่อมเป็นนักการเมืองที่ดีได้แน่ นักการเมืองที่ดีในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงนักการเมืองน้ำดี มีคุณธรรม ทำงานเพื่อประชาชนอะไรหรอก แต่หมายถึงนักการเมืองที่ฉลาด เจ้าเล่ห์ รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่ในตำแหน่งได้นานที่สุด รู้จักเลือกคบคน
หลังจากข่าวว่ามณีโชติถูกประหาร ทิ้งให้นางจันทประภาเป็นชายาม่าย ก็เริ่มมีสาส์นมาสู่ขอมากมาย ตอนแรกอัครเดชจะเผามันทิ้งเสีย พวกนี้กล้าดีอย่างไรจึงมาชุบมือเปิบของที่ควรเป็นของเขา แต่คิดไปคิดมาอีกทีตอนนี้เขาก็เป็นกษัตริย์มีทั้งชายาและสนมไม่รู้เท่าไหร่ แม้จะไม่มีใครงามเท่าจันทประภา แต่ก็ยังพอแก้ขัดไปได้ อีกอย่างหนึ่งถ้าเขามีอำนาจมากกว่านี้ ต่อให้สวยกว่าจันทประภาร้อยเท่าก็คงหามาเชยชมได้ไม่ยากนัก แต่อัครเดชเพิ่งราชาภิเษก เขาต้องหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และการสร้างพันธมิตรที่ดีก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเป็นทองแผ่นเดียวกัน
อัครเดชเล็งเห็นแล้วว่าพญารากษสน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งแข็งแกร่ง รักพวกพ้อง และหวงถิ่นยิ่งกว่าอะไร เขายกจันทประภาให้ก็เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งได้พันธมิตรที่แข็งแกร่ง อีกทั้งถ้ามณีโชติรู้ข่าวว่าเมียรักของมันถูกยกให้รากษสเช่นนั้นก็ย่อมไปชิงคืนมาแน่ และคนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างมณีโชติจะทำอะไรได้
พอคิดแผนได้ดังนี้ เขาก็รีบมีราชโองการสั่งยกจันทประภาให้พญารากษสทันที
เมื่อจันทประภาได้รับราชโองการดังนั้นก็ถึงกลับเป็นลมไป พวกนางกำนัลต่างเข้ามานวดฟั้นให้ พอเธอฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่คร่ำครวญปานใจจะขาด ชีวิตหนอชีวิต สามีกับลูกก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้กลับต้องถูกยกให้เป็นเมียรากษสเสียแล้ว ไม่ว่านางกำนัลจะปลอบอย่างไร กินรีก็ไม่ยอมขึ้นไปบนราชรถเด็ดขาด ทั้งยังคว้าปิ่นปักผมมาขู่จะทำร้ายตัวเองเสีย หากยังคงบังคับ ขู่เข็ญเช่นนี้
พวกนางกำนัลต่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี พญารากษสต้องการจันทประภาเพราะเธอสวยสง่า หากทำร้ายตัวเองจนมีแผลก็ยากที่จะเป็นที่โปรดปรานได้ ความผิดก็จะตกอยู่ที่พวกเธอ นางกำนัลคนหนึ่งจึงตัดสินใจไปกราบทูลเรื่องกับอัครเดช
อัครเดชสบถในใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นมณีโชติ ขนาดตัวมันไม่อยู่ เมียมันยังสร้างความเดือดร้อนได้ถึงเพียงนี้ อัครเดชรีบไปตำหนักของจันทประภาทันที
"จันทประภา น้องรัก พี่เองก็เจ็บปวดเหมือนกันที่ต้องยกเจ้าให้คนอื่น ตอนนี้หัวใจของพี่เหมือนกับมันจะดับดิ้นไปเสียให้ได้ แต่ว่าตอนนี้พี่เป็นพระราชา พี่ทำอะไรก็ต้องคิดถึงบ้านเมืองและประชาชนเป็นสำคัญ พญารากษสนั้นดุร้าย เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็มีหวังยกพวกรากษสมาบุกเมืองเราแน่ ตัวพี่เองไม่เคยเสียดายชีวิต แต่เป็นห่วงลูกเด็กเล็กแดงจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย พวกเราวิทยาธรเองต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ก็คงไม่อาจต่อต้านพญารากษสได้ เจ้าทำเพื่อเผ่าของเราสักครั้งไม่ได้หรือ แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นวิทยาธรโดยกำเนิด แต่ก็เป็นด้วยการแต่งงาน เจ้าเป็นคนของเผ่าเราแล้ว โปรดคิดถึงประชาชนเถิด" อัครเดชปลอบอดีตน้องสะใภ้ด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน แต่ความหมายในประโยคไม่ต่างอะไรกับยาพิษ คำพูดของเขาหมายถึงหากเธอไม่ยอม แล้วพวกรากษสยกพลเข้ามาชิงตัว ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ความผิดก็จะตกอยู่ที่เธอ จันทประภารู้จักพวกรากษสดี พวกนี้เป็นพวกโมโหร้าย รักแรง เกลียดแรง หากให้พวกมันยกทัพเข้ามาในเมือง ก็ยากที่วิทยาธรตนใดจะรอดจากมันไปได้ แล้วลูกชายของเธอที่ยังเยาว์วัย ไร้เดียงสา ลูกชายที่ไปอยู่ไกลหู ไกลตาเธอจะเป็นอย่างไร ถ้าพวกรากษสเข้ามา อย่างไรเธอก็ปล่อยให้มลเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด
"ข้าจะทำตามที่เจ้าพี่สั่ง" จันทประภาว่า แล้วเดินไปขึ้นราชรถอย่างสง่างาม ฝากชะตากรรมตัวเองไว้กับฟ้าดิน