Unduh Aplikasi

Bab 3: แม่ก็คือแม่

"เอ่อ ผมว่าผมเหนียวตัวไปหมดเลย ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า" กูณฑ์เริ่ม เขาค่อย ๆ ถอยหลังหนี แต่แม่จับบ่าเขาไว้แน่น

"จะเล่าให้แม่ฟังเอง หรือจะให้แม่โทรหาครู"

กูณฑ์ถอนหายใจ เหมือนกับให้เลือกว่าจะตายวิธีไหนเลย

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ" กูณฑ์ยักไหล่ "ผมแค่ต่อยไอ้คนปากเสียไปทีนึง"

"แค่เหรอ" แม่ทวนคำ แววตาวาวโรจน์ "ลูกก่อเรื่องที่โรงเรียนกี่ครั้งแล้ว"

"ขอโทษครับ" กูณฑ์ก้มหน้า "แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ ถ้ามันแค่ว่าผม ผมก็พอทนได้อยู่หรอก แต่มันว่าไปถึงแม่ มันหาว่าแม่เป็น เป็น…กะหรี่" เขาเริ่มพูดไม่ปะติดปะต่อเพราะความขมขื่นและเกลียดชัง

"เป็นกะหรี่ก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่" แม่พูดอย่างไม่ยี่หระ "ทำงานสุจริต โอเค มันอาจผิดกฎหมายในประเทศนี้ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นกะหรี่กับเป็นโจรในเสื้อสูท แม่เลือกเป็นกะหรี่ดีกว่า"

"แม่ไม่เข้าใจ" กูณฑ์ว่า "มันหาว่าผมไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของพ่อ เพราะผมของผม" เขาดึงเส้นผมของตัวเองออกมาดู นึกเจ็บใจที่มันยังมีสีแดงเพลิงเหมือนเดิม

"ถ้าไม่ใช่ลูกจริง ๆ ลูกคิดว่าพ่อเขาจะรักลูกมากขนาดนี้เหรอ" แม่ย้อนถาม "ตลอดเวลาที่ลูกอยู่กับเรา พ่อกับแม่เคยทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหรือไง"

"มันไม่ใช่แบบนั้น" กูณฑ์ว่า "ผมแค่.. ไม่ชอบที่พวกนั้นพูดถึงครอบครัวเราแบบนั้น"

"ลูกรู้ไหม ปากคนมันก็พูดไปเรื่อย มันไม่ว่าลูกเรื่องนี้ มันก็หาเรื่องอื่นมาว่าลูกอีก ถึงตอนนั้นลูกจะทำยังไง"

"ผมก็จะต่อยให้พวกมันหุบปากให้หมด" กูณฑ์พูดอย่างเลือดร้อน

แม่ถอนหายใจ "ยิ่งลูกไปดิ้นตามมัน มันก็ยิ่งชอบใจ"

"แต่ผมทนไม่ได้" กูณฑ์ว่า เสียงสั่นด้วยแรงอารมณ์"แม่ไม่เป็นผม แม่ไม่เข้าใจหรอก"

"ทำไมแม่จะไม่เข้าใจ" แม่ว่า "ลูกคิดว่าแม่ทำด้วยหินเหรอไง ถึงจะไม่รู้สึกอะไรกับคำพวกนั้น แต่แม่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีรุนแรง"

"แล้วให้ผมทำยังไง ปล่อยให้มันดูถูกครอบครัวเราไปเรื่อย ๆ เหรอ" กูณฑ์ตัดพ้อ

"ทำไมลูกต้องใส่ใจความคิดคนอื่นขนาดนั้นด้วย เขาจะคิดยังไงก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลงสักหน่อย"

"แม่ไม่เข้าใจ" กูณฑ์ย้ำคำเดิม ความจริงแล้วผู้ใหญ่ไม่เคยเข้าใจอะไรเขาเลย พวกเขาไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่ถูกล้อเลียน ถูกกีดกันออกจากกลุ่ม พวกเขาบอกว่าไม่ต้องไปสนใจ แต่กูณฑ์จะไม่สนใจได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นหัวข้อสนทนา

"ความจริงแล้วลูกก็กังวลใช่ไหม"

กูณฑ์เงียบ แม่พูดต่อ

"พ่อกับแม่แต่งงานกันด้วยความรัก แม่รักพ่อของลูก และเขาก็รักแม่ แม่ไม่เคยนอกกายนอกใจพ่อของลูกเลย แม่ถือว่าเมื่อจะแต่งงาน ใช้ชีวิตร่วมกับใคร ก็ควรหยุดที่คนนั้น ถ้ายังรักสนุก ไม่คิดผูกพันก็อย่าไปทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจดีกว่า หรือลูกก็เชื่อข่าวลือนั่น ลูกคิดว่าแม่นอกใจพ่อจริง ๆ หรือ" เสียงของแม่มีแววตัดพ้อ

"ไม่ใช่นะครับ" กูณฑ์รีบปฎิเสธ "ผมจะไปคิดงั้นได้ไง"

'แกไม่คิดจริง ๆ เหรอ" เสียงน่ารังเกียจในหัวของกูณฑ์ดังขึ้น 'แกยอมรับเถอะว่าแกระแวงมาตลอด"

กูณฑ์สั่นหัวเพื่อไร้ความคิดบ้า ๆ ออกไป กดทับมันไว้ไม่ให้มันพูดอะไรที่ทำให้เขารู้สึกอ่อนไหวอีก

"ผมเชื่อว่าแม่ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น" กูณฑ์ว่า การพูดออกมาทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น เขาเชื่อจริง ๆ ว่าแม่ไม่คิดนอกใจพ่อ เธอเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด มันต้องมีเหตุผลอื่นที่เขาสีผมไม่เหมือนพ่อแม่ บางทีเขาอาจจะถูกสลับตัวที่โรงพยาบาลก็ได้ เหมือนในละครที่แม่ชอบดูอยู่บ่อย ๆ

"แม่แน่ใจเหรอครับว่าผมเป็นลูกแท้ ๆ ของแม่" กูณฑ์ถาม ถ้าเขาเชื่อว่าแม่ไม่เคยนอกใจ นอกกายพ่อ แต่หลักฐานบนหัวของเขาก็ปรากฏชัดว่าเขาไม่อาจเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อได้ ดังนั้นคงมีคำตอบอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นว่าเขาเองก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของแม่เหมือนกัน

แม่ขมวดคิ้ว "ทำไมลูกถึงถามอย่างนั้น"

"แม่ไม่คิดเหรอครับว่าบางทีผมอาจจะถูกสลับตัวก็ได้"

"คิดว่าตัวเองเป็นทายาทเศรษฐีพันล้านหรือไง" แม่พูดพลางหัวเราะ "ต้องพิสูจน์ปานดำปานแดงด้วยหรือเปล่า"

กูณฑ์ไม่ขำด้วย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมในละครต้องพิสูจน์ตัวตนด้วยปานดำ ปานแดง มันไม่ได้มีอะไรรับรองเลยสักนิดเดียว ถ้าอยากพิสูจน์สายเลือด ทำไมไม่ตรวจดีเอ็นเอให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ

"ผมอยากตรวจดีเอ็นเอ" กูณฑ์พูดอย่างหนักแน่น

"กูณฑ์" แม่พูดอย่างอ่อนใจ

"ผมพูดจริง ๆ" กูณฑ์ยืนยัน "ผมต้องการรู้ความจริง"

"งั้นรออยู่ตรงนี้" แม่ว่า เธอเดินออกจากห้องครัวไป ทิ้งให้กูณฑ์รออย่างกระสับกระส่าย ไม่นานแม่ก็กลับมาพร้อมเอกสารที่ดูเก่า

"อ่านซะ"

กูณฑ์รับเอกสารมาอ่าน ข้างบนเป็นตารางที่ดูเวียนหัว แต่ข้างล่างมีประโยคสั้น ๆ ที่กูณฑ์ไม่เคยรู้เลยว่าเขาต้องการได้เห็นมันมากแค่ไหน

"จากการพิสูจน์โดยวิธีทางนิติวิทยาศาสตร์ ปรากฏว่าเด็กชายกองกูณฑ์ ภูเขี้ยว กับนายวาเรศ ภูเขี้ยว ผู้ซึ่งได้รับการกล่าวอ้างว่าเป็นบิดานั้น ผลพิสูจน์ออกมาแล้วว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นบิดากับบุตรกันจริง"

"เป็นบิดากับบุตรกันจริง" คำนี้สะท้อนก้องในใจของกูณฑ์ เขาใช้นิ้วลูบไปบนถ้อยคำที่แสนงดงาม รู้สึกราวกับความทุกข์ ความกังวลทั้งปวงได้ยกออกไปจากอกของเด็กหนุ่ม

"สบายใจหรือยัง" แม่ถาม

กูณฑ์พยักหน้า

"ปู่ของลูกให้แม่ไปตรวจดีเอ็นเอ" แม่เล่า "ตอนแรกย่าของลูกจะให้แม่หย่ากับพ่อเสียด้วยซ้ำ แล้วก็ด่าแม่ต่าง ๆ แม่ไม่บอกหรอกนะว่าท่านพูดอะไรบ้าง"

"จริงเหรอครับ" กูณฑ์ว่าอย่างไม่อยากเชื่อ ทุกวันนี้ย่ารักและเอ็นดูแม่เขามากกว่าพ่อของกูณฑ์ซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ เสียอีก

"ก็นะ หลานออกมาหัวแดงเป็นฝรั่งอย่างนี้ก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา แม่มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เลยยอมตรวจดีเอ็นเอ"

"แต่ทำไมผมถึงหัวแดงล่ะครับ" กูณฑ์ถาม ถึงเขาจะเรียนไม่เก่งนัก แต่ก็พอรู้มาบ้างว่าลูกส่วนใหญ่แล้วจะมีสีผมเดียวกับพ่อแม่

"อยากฟังคำตอบแบบเชิงไสยศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ล่ะ"

"เอาวิทย์ก่อนดีกว่าครับ ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เท่าไหร่"

"ขนาดไม่เชื่อยังขอพระแม่ไป" แม่แซว "แล้วไหนล่ะพระเครื่อง"

"เอ่อ ผมลืมไว้ห้องเก็บของน่ะครับ" กูณฑ์เกาแก้ม มัวแต่ยุ่งกับเจ้าผีประหลาดนั่นจนลืมพระไปเสียสนิท

แม่ส่ายหน้า "จริง ๆ เล้ย" เธอตั้งท่าจะบ่นต่อ แต่กูณฑ์ขัดขึ้น

"แม่เล่าทฤษฎีให้ฟังต่อสิครับ"

"แม่ก็ไม่ได้เรียนสูง แต่ถ้าจะให้เดา ก็น่าจะมีบรรพบุรุษของลูกคนใดคนหนึ่งเป็นฝรั่งและก็เพิ่งมาปรากฏที่รุ่นลูก"

กูณฑ์พยักหน้า ฟังดูเป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อถือ ถึงแม้ว่าเท่าที่เขารู้ทั้งฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ของเขาจะไม่มีใครเป็นฝรั่งก็เถอะ

"แล้วเรื่องไสยศาสตร์ล่ะครับ" กูณฑ์ถามเขาถามเล่น ๆ ไปอย่างนั้นเอง เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ ถ้าก่อนหน้านี้เขาคงยืนยันเลยว่าไม่เชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้ แต่หลังจากที่เจอเคียว เขาก็ต้องยอมรับว่าในโลกนี้ยังมีอะไรที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะ

"ลูกอาจเป็นเทพแห่งไฟกลับชาติมาเกิด" แม่พูดพลางหัวเราะ

"ไร้สาระจริง" กูณฑ์พูดอย่างไม่พอใจ

"แต่แม่ว่ามันเป็นไปได้อยู่นะ" แม่ว่า แววตาระยิบระยับ "นอกจากผมจะเหมือนไฟแล้วลูกยังใจร้อนอย่างกับไฟอีกด้วย"

"งั้นวัยรุ่นทุกคนก็เป็นเทพแห่งไฟหมดแหละแม่" กูณฑ์ย้อน "ไปหาดูได้เลยว่าใครใจเย็นบ้าง"

แม่หัวเราะก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม "ก็เพราะลูกใจร้อนอย่างนี้ ครูเลยเรียกแม่ไปพบ"

กูณฑ์ถอนหายใจ นึกว่าจะรอดแล้วเชียว

"แล้วจดหมายที่ครูฝากให้แม่อยู่ไหน" แม่ถาม

"อยู่ห้องเก็บของครับ" กูณฑ์สารภาพ

"ไปเอามาเลย" แม่ว่า "แล้วทีหลังก็อย่าโกหกแม่อีกนะ"

กูณฑ์เดินย้อนกลับไปห้องเก็บของเพื่อเอาจดหมายมาให้แม่ เขาตัดสินใจวางหนังสือหนังสือเจ้าปัญหาไว้ที่เดิม

"อยู่นี่ก่อนนะ ขอเคลียร์ตัวเองก่อน แล้วจะหาวิธีช่วย"

"อือ โชคดีนะ" หนังสืออวยพร

กูณฑ์กล่าวขอบใจ เขาจำเป็นต้องใช้โชคมากทีเดียว

วันนี้เป็นวันพิพากษา พูดอย่างนี้อาจจะเวอร์ไปหน่อย แต่กูณฑ์คิดอย่างนั้นจริง ๆ ครูฝ่ายปกครองบอกรายละเอียดการทะเลาะกันให้ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายฟัง

"ฉันไม่ยอมจริง ๆ นะคะ" แม่ของโฆษิตจีบปากจีบคอว่า ท่าทางน่าหมั่นไส้เหมือนลูกชายไม่มีผิด

"ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ" แม่ของกูณฑ์โค้งคำนับ กูณฑ์ไม่ชอบเลยที่แม่ทำอย่างนั้น เขาไม่ผิดสักหน่อย

"ดูสิคะ ท่าทางไม่สำนึกผิดสักนิด"

"กูณฑ์ ขอโทษเขาไป ลูก"

กูณฑ์ทำหน้าบึ้ง ทำไมเขาต้องขอโทษด้วย เจ้านั่นเป็นคนหาเรื่องเขาก่อนแท้ ๆ

"กูณฑ์" แม่พูดย้ำ

"ขอโทษ" กูณฑ์พูดเสียงกระด้าง

"ผมไม่ถือหรอกครับ" โฆษิตว่า สีหน้าพอใจอย่างน่าหมั่นไส้จนกูณฑ์อยากต่อยอีกสักที เขาลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบให้กูณฑ์ได้ยินเพียงคนเดียว "ลูกกะหรี่ก็อย่างนี้แหละ"

กูณฑ์สูดหายใจลึก ๆ นับหนึ่งถึงสิบ เขาจะไม่เต้นไปตามคำพูดของเจ้านี่อีกแล้ว พอกันที

"ทำได้ดีมากเลย ลูก" แม่ชม เมื่อพวกเขาออกมาจากนรกอันหนาวเหน็บนั่นได้แล้ว

"ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย" กูณฑ์ว่า เขิน ๆ อยู่สักหน่อยที่แม่ชม

"เพราะลูกไม่ทำอะไรเลยนี่แหละ" แม่ว่า "แม่รู้ว่าเขาจงใจยั่วโมโหลูก แต่ลูกก็อดทนไม่ตอบโต้ เก่งมาก"

กูณฑ์ยิ้ม "ก็ผมลูกแม่นี่ครับ"


Load failed, please RETRY

Status Power Mingguan

Rank -- Peringkat Power
Stone -- Power stone

Membuka kunci kumpulan bab

Indeks

Opsi Tampilan

Latar Belakang

Font

Ukuran

Komentar pada bab

Tulis ulasan Status Membaca: C3
Gagal mengirim. Silakan coba lagi
  • Kualitas penulisan
  • Stabilitas Pembaruan
  • Pengembangan Cerita
  • Desain Karakter
  • Latar Belakang Dunia

Skor total 0.0

Ulasan berhasil diposting! Baca ulasan lebih lanjut
Pilih Power Stone
Rank NO.-- Peringkat Power
Stone -- Batu Daya
Laporkan konten yang tidak pantas
Tip kesalahan

Laporkan penyalahgunaan

Komentar paragraf

Masuk