Unduh Aplikasi
55.12% รักครั้งใหม่... ขอไม่ออกแบบ / Chapter 43: แค่มองตาก็รู้ใจ

Bab 43: แค่มองตาก็รู้ใจ

"ต๊าย หัวใจละลายเลยค่ะซิส นี่ลูกชายคุณเซนจริงเหรอคะ หล่อกว่าพ่อตั้งแยะ"

ป้าคิตตี้เขาอุทานเสียงสูงตอนที่ป้าลินพาผมเข้าไปแนะนำตัวกับบรรดาเหล่าน้าอาป้าลุงในออฟฟิศของพ่อ การปรากฏตัวของผมที่บริษัททำเอาพวกผู้ใหญ่เขาแตกตื่น ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าผมจะเข้ามาช่วยพ่อทำงาน

"จริงค่ะ หนูก็ว่าน้องเรนหล่อกว่าพ่อ คุณเซนนั้นเค้าหน้าเรียวๆตาเรียวๆจืดๆ แต่น้องเรนนี่หน้าคมคิ้วเข้ม"

อันนี้เป็นความเห็นของน้าเยลลี่ที่กำลังยืนจ้องหน้าผมอย่างตั้งใจ ซึ่งเรื่องที่ผมหล่อกว่าพ่อนั้น ผมได้ยินจนชินแล้ว

วันนี้เป็นวันที่ผมเข้ามาทำงานวันแรก ผมไม่อยากมาสาย หลังเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมงผมจึงรีบขี่จักรยานตรงมาจากโรงเรียนเลย ผมนัดกับพ่อแล้วว่าวันนี้พ่อเลิกงานเมื่อไหร่ เราจะขี่จักรยานกลับบ้านพร้อมกัน ป้าลินเขาแนะนำมา

ปกติผมเดินไปโรงเรียน ความจริงผมอยากจะขี่จักรยานไปโรงเรียนตั้งนานแล้ว แต่ปู่เขายังเป็นห่วง ซอยแถวบ้านเราแม้จะเป็นซอยแคบๆ แต่รถเยอะมาก คนเขาใช้เป็นทางลัดเลี่ยงรถติดจากถนนสุขุมวิทกัน แต่ไปๆมาๆทุกซอยแถวนี้ก็กลายเป็นรถติดไปด้วย ผมคิดว่าเดินเอาน่าจะเร็วที่สุดแล้ว จากบ้านไปโรงเรียนก็ประมาณหนึ่งกิโล ผมใช้เวลาเดินประมาณยี่สิบนาที ก็โอเคอยู่ แม้จะเดินยากนิดนึงเพราะฟุตบาทมันมักจะมีพวกป้ายโฆษณา หรือเสาไฟฟ้า หรือต้นไม้มาเกะกะ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงถนนแถวสุขุมวิทนี้ก็นับว่าคุณภาพดีกว่าถนนในส่วนอื่นๆของกรุงเทพ

ผมชอบเดินมากกว่านั่งรถหรือซ้อนมอเตอร์ไซค์ ทุกครั้งที่ผมได้เดิน ผมรู้สึกได้ถึงอิสรเสรี จะก้าวยาวก้าวสั้นก็เรื่องของผม จะแวะตรงไหนก็แวะได้สะดวก นึกจะเลิกเดินก็เลิกได้เลย

ส่วนโรงเรียนของผมก็ห่างจากบริษัทของพ่อประมาณสองกิโลเมตร ซึ่งถ้าขี่จักรยานมายังไงก็ถึงเร็วกว่าเดินแน่นอน ผมบอกปู่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เกิดเป็นคนกรุงเทพต้องอดทน อีกอย่างผมไม่ชอบนั่งวินมอเตอร์ไซค์ เขาขี่กันซอกแซกเหลือเกิน ผมขี้เกียจลุ้นความตายไปทุกวินาทีที่อยู่บนเบาะรถ

อ้อ เมื่อกี้ตอนผมออกมาจากโรงเรียน ผมเจอคุณฝนที่หน้าประตูโรงเรียนด้วย คุณฝนเจ้าของร้านขายขนมที่แม่เล็กเอาไปฝากขายนั่นล่ะ ทีแรกผมไม่เห็นเธอหรอก แต่เธอเรียกผมไว้ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะจำผมได้ ก็ผมใส่หมวกกันน็อคสำหรับขี่จักรยานอยู่ ผมก็เลยต้องหยุดทักทาย ถามว่าเธอมาทำอะไรแถวนี้ คุณฝนเค้าดูอึกๆอักๆบอกว่าเผอิญผ่านมา เหมือนเธออยากจะพยายามชวนผมคุยยาวๆ แต่ผมคุยกับเธอนิดๆหน่อยๆแล้วก็ขอตัว เพราะผมอยากจะรีบมาบริษัทพ่อ

ผมว่าผมเคยเห็นเธอแวบๆแถวๆโรงเรียนหลายครั้งแล้วนะ แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ นึกว่าเขามาหาลูกหลานของเขา นี่ก็ว่าจะถามลิสาว่านัดกับคุณฝนไว้บ้างหรือเปล่า แต่ก็ลืมทุกที ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของผม

ในที่สุดผมก็มาถึงที่ทำงานพ่อตอนบ่ายสามกว่าๆนิดหน่อย ใช้เวลาขี่จักรยานไม่ถึงสิบนาทีจากโรงเรียน ตอนผมมาถึง เผอิญพ่อประชุมติดพันอยู่กับลูกค้า ป้าลินจึงเป็นคนดูแลผมแทนพ่อ ป้าเขาพาผมเดินดูรอบๆออฟฟิศชั้นล่างและชั้นบน ก่อนที่จะพาผมเข้าไปห้องทำงานรวมห้องใหญ่ที่น้าอาป้าลุงเขานั่งทำงานกันอยู่ น้าพลอยก็นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย น้าพลอยเขาพยายามจะขอทำหน้าที่ดูแลผมแทน แต่ป้าลินเขาไม่ยอม เขาบอกว่าผมมาที่นี่เพื่อมาทำงานให้แผนกเขา ผมต้องอยู่กับเขา

อย่าแย่งกันฮะ จะให้ผมอยู่กับใครก็ได้ฮะ น้าพลอยก็สวยน่ารักดี ป้าลินก็… เอ่อ ตาโตดี

ป้าลินชี้ให้ผมดูโต๊ะทำงานของพ่อ ซึ่งสะอาดเรียบร้อยและว่างเปล่า นี่พ่อเขามาทำงานจริงๆเรอะ แล้วเป็นถึงเจ้าของบริษัททำไมนั่งทำงานปะปนไปกับพนักงานงี้อะ ผมจำได้ว่าปู่เคยมีห้องทำงานส่วนตัวอยู่ด้านใน ป้าลินเขาบอกว่ามันกลายเป็นห้องหนังสือบวกห้องนั่งเล่นไปแล้ว นี่ปู่เขารู้หรือเปล่าเนี่ย ว่าพ่อเอาห้องประจำตำแหน่งของปู่มาทำแบบนี้ พ่อนี่ช่างกล้า

แต่ผมก็ชอบออฟฟิศนี้นะ มันเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่ กว้างขวางและร่มรื่นดี ผมเคยได้ยินพ่อเขาถามปู่ว่าทำไมไม่สร้างเป็นตึกสูงๆจะได้ประหยัดพื้นที่ และเผื่อมีส่วนไหนที่เราไม่ใช้งาน เราจะได้เปิดให้เช่าได้ แต่ปู่เขาบอกว่า เขาไม่ชอบขึ้นลิฟต์ และเขาชอบที่โล่งๆเพดานสูง เพราะมันหายใจได้สะดวก อีกอย่างหากห้องทำงานโล่ง พนักงานจะได้หัวสมองแจ่มใสคิดงานได้ดี ปู่เขาว่างั้น…

หลังจากทุกคนในห้องทำงานใหญ่ได้ทักทายผมอย่างหนำใจแล้ว ป้าลินจึงพาผมมาที่ห้องออกแบบของแผนกเรา โดยมีทีมงานทั้งหมดของป้าลินตามมาด้วย แต่ละคนดูแปลกๆ โดยเฉพาะป้าคิตตี้ แต่รวมๆก็ดูใจดีกันทุกคนนะ

"แล้วน้องเรนคิดจะเปลี่ยนสีผมบ้างไหมครับเนี่ย" คำถามนี้มาจากลุงสุกรี ลุงเขาดูเท่ดี ไว้ผมยาวด้วย

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่ตรงกลางของห้อง และถูกรุมล้อมด้วยน้าอาลุงป้าแก๊งออกแบบ

"ก็ตอนนี้ยังไม่มีสีอื่นที่โดนใจฮะ" ผมตอบไปตามตรง นึกสงสัยว่าเรื่องผมสีฟ้าของผมมันน่าสนใจตรงไหนเนี่ย

"โอเค เก็ท!" ลุงสุกรีดีดนิ้วดังเป๊าะ ผมชอบลุงสุกรีนะ ลุงเขาดูเข้าใจอะไรง่าย

ผมกวาดตามองเรื่อยเปื่อยไปทั่วห้อง ผมชอบห้องนี้นะ อุปกรณ์เยอะดี คงได้ทำอะไรสนุกๆ บนโต๊ะก็เห็นมีแบบร่างบนกระดาษหลากหลายขนาดวางระเกะระกะอยู่ มีทั้งแบบที่ยังเป็นลายเส้นขาวดำแล้วก็แบบที่ลงสีแล้ว

"แล้วทีมป้าลุงทำแต่ลายดอกไม้เหรอฮะเนี่ย"

ผมอดที่จะถามไม่ได้ เพราะเมื่อกี้ตอนเดินเข้าตึกมา ผมก็เห็นโซฟาที่เป็นสีพาสเทลแบบเรียบๆตั้งอยู่ในโชว์รูมนะ แสดงว่าโซฟาพวกนั้นเป็นของทีมออกแบบทีมอื่น ผมจำชื่อทีมไม่ได้ละ ป้าลินเขาก็แนะนำอยู่ น้าผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าทีมนั้นเขาก็ดูวัยรุ่นดี

"เอ้อ เรียกพี่ก็ได้มั้งเนาะ พี่จ้า นี่พี่ๆเองนะจ๊า" น้าเยลลี่เขาเอ่ยทักท้วงมา

"แต่ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะน่ะสิฮะ ผมไม่อยากปีนเกลียว ปู่กำชับมา ว่าหากยังไม่รู้จักสนิทสนมก็ควรให้ความเคารพคนทุกคน ผมเลยคิดว่างั้นเราก็ควรเรียกกันไปตามวัยจะดีกว่า"

ผมทัดทานน้าเยลลี่กลับไป ตอนนี้ผมเสมือนเป็นตัวแทนของพ่อและของปู่ด้วย ผมต้องระมัดระวังเรื่องความนอบน้อมกับผู้ใหญ่ คนที่สูงวัยกว่าเราก็ต้องเรียกสรรพนามเขาให้ถูกต้อง

"โอเค งั้นเอาที่สบายใจ" น้ำเสียงน้าเยลลี่ดูเหมือนถอดใจยังไงไม่รู้

"นี่น้องเรนจ๊ะ ลายดอกไม้น่ะเป็นซิกเนเจอร์ของบริษัทเราเลยนะ จะบอกว่าเชยล่ะสิ เด็กก็งี้ ไม่รู้จักถึงความคลาสิค" ป้าคิตตี้เขาเบะปาก ดูเขาจะเป็นคนไม่ยอมคนง่ายๆ

"ป่าวฮะ ก็สวยดี แต่สีมันแสบตาไปหน่อย ก็แค่นั้น" ผมยักไหล่ พูดไปอย่างใจนึก ผมชินกับลวดลายแบบนี้มานานแล้ว ก็ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก

"นี่ เรน น้าถามหน่อย เรนเห็นพวกโซฟาสีพาสเทลที่โชว์อยู่ข้างล่างนั่นใช่ไหม เรนว่าเป็นไง สวยป่าว" คราวนี้เป็นป้าลินที่ดูจริงจังขึ้นมา ตากลมโตของป้าเขาจ้องหน้าผมเขม็งเพื่อรอคำตอบ

"ก็..." ผมใช้เวลาคิดนิดนึง ก่อนจะตอบออกไป

"สีมันน่าเบื่อไปหน่อยฮะ"

"กรี๊ดดดด!" คำตอบของผมทำเอาลูกทีมของป้าลินเขากระโดดตบมือไฮไฟว์กันยกใหญ่

"เห็นไหม นึกอยู่แล้วว่าวัยรุ่นหน้าหล่อนี่รสนิยมดีจริงๆ" ลุงสุกรีดีใจออกนอกหน้า

"น้องเรนนี่ตาแหลมจริงๆจ้า" พี่เยลลี่เขาดูปลาบปลื้ม

"แต่ก็สวยดีนะฮะ" ผมพูดต่อ และเหมือนคำพูดผมจะไปทำร้ายจิตใจพวกเขาโดยไม่คาดคิด เพราะพวกเขาต่างหุบยิ้มกันโดยฉับพลัน

"แล้วน้องเรนว่าโซฟาแบบไหนสวยกว่ากันคะ ระหว่างลายดอกไม้คลาสิค กับพวกสีพาสเทลน่าเบื่อนั่น ตอบค่ะ!" ป้าคิตตี้เขาคาดคั้นมา

"เอ้อ..." ผมเริ่มตะกุกตะกักเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของป้าคิตตี้ ปากของป้าเขาทาลิปสติกสีแดงจัด ดูๆไปก็แอบน่ากลัว

"บอกไม่ได้อะ มันคนละแบบ แล้วแต่คนชอบ" ผมจำต้องประนีประนอมไป เพื่อรักษาบรรยากาศดีๆเอาไว้ในบริษัทของพ่อ

"แหม อยู่เป็นนะเราเนี่ย" น้าเยลลี่ค้อนผม

"แล้วทำไมพวกป้าลุงไม่เอาทั้งสองแบบมาผสมกันล่ะฮะ" ผมลองเสนอความเห็นแบบเด็กๆออกไป

"เรื่องอะไร แนวทางใครก็แนวทางมันสิ" คราวนี้เป็นเสียงป้าลินที่ออกแนวเย่อหยิ่ง

"พวกผู้ใหญ่ก็งี้ มีทิฐิไม่เข้าเรื่อง" ผมพูดพลางยักไหล่ พร้อมกับมองตรงๆไปที่พวกเขา

ผมว่าพวกผู้ใหญ่บางทีก็น่ารำคาญนะ

"..."

เหมือนเหล่าป้าลุงเขาจะอึ้งๆเงียบๆกันไป

"แล้วน้องเรนไปเรียนรู้การลงสีเริ่ดๆแบบนี้มาจากไหนคะเนี่ย" ไม่นานเสียงป้าคิตตี้เขาก็ดังทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนนี้เขาและป้าลุงคนอื่นๆต่างคนต่างกำลังจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง พวกเขากำลังดูเพจการ์ตูนออนไลน์ที่ผมวาด คาดว่าป้าลินคงแนะนำให้พวกเขาดู

"จากเกมฮะ" ผมตอบป้าคิตตี้โดยไม่ลังเล

ผมชอบเล่นเกม บางทีก็เล่นออนไลน์กับคนอื่น แต่บางทีก็ชอบเล่นกับปู่มากกว่า ปู่เขาใจป้ำ เขาชอบใช้เงินซื้อไอเท็มเทพๆ ส่วนผมไม่มีตังค์เยอะก็เลยมีแต่ตัวกากๆ แต่ผมว่ามันท้าทายดี ใช้ไอ้พวกตัวกากนี่แหละจัดการกับอาวุธเทพๆของปู่

"นั่นไง เห็นไหม การเล่นเกมก็มีประโยชน์" คราวนี้พี่เอกซึ่งเงียบมาตั้งแต่ต้นส่งเสียงดังขึ้นมาบ้าง

พี่เอกเขาอายุน้อยที่สุดในบริษัทนี้แล้วมั้ง ค่อยยังชั่วหน่อยที่ออฟฟิศนี้ยังมีคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมบ้าง พี่เอกเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ไม่ได้อยู่ในแผนกของป้าลิน แต่ทำไมเขาถึงตามติดทีมของป้าลินตลอดก็ไม่รู้

"หูย ลายเส้นเฉียบหล่อขนาดนี้ พี่ว่าน้องเรนน่าจะวาดการ์ตูนสายวายบ้างนะจ๊ะ" น้าเยลลี่เขาเริ่มแนะนำทางเลือกใหม่ๆในการวาดการ์ตูนให้กับผม

"อ่อ ที่เป็นผู้ชายรักกับผู้ชายน่ะหรือฮะ"

"นั่นแหละ ดูพวกเหล่าเทพเจ้ากรีกที่น้องเรนวาดพวกนี้สิ หล่อทุกตัวเลย ไม่เขียนให้พวกเทพมารักกันเองบ้างอะ แค่คิดก็ฟินแล้วนะเนี่ย" ปกติหน้าตาน้าเยลลี่เขาดูเฉยมากนะ แต่ตอนนี้หน้าตาเขาเคลิ้มมากเลยขณะจ้องลายเส้นบรรดาเหล่าทวยเทพของผม

"เอ่อ… ผมวาดไม่เป็นอะฮะ ไม่มีประสบการณ์ตรง" ผมยังจินตนาการไม่ออกเลยแฮะ

"ให้พี่สุกรีกับพี่เอกเขาแสดงให้ดูก็ได้" น้าเยลลี่หันไปทางเพื่อนร่วมงานของเขา ผมมองตามไปก็เห็นชายทั้งสองคนเขากำลังโผเข้าหากัน

เอ้อ เหมือนเขาจะไปกันใหญ่แล้ว...

ผมเลยหันกลับมามองเล่นไปเรื่อยเปื่อยบนโต๊ะกว้างนั้น ก็เห็นแผ่นกระดาษเล็กๆจดเลขอะไรเป็นแถวๆ ผมเอื้อมมือไปหยิบมาดู แล้วเอ่ยถามลอยๆ

"มีโพยหวยใต้ดินด้วย ใครเป็นเจ้ามือฮะเนี่ย"

ผมรู้จักเพราะผมเคยแอบเห็นคุณมะพร้าวพ่อบ้านของเรากับป้าคนทำความสะอาดที่บ้านเขาจดส่งให้กันอยู่บ่อยๆ

"เฮ้ย เอ้อ มาอยู่แถวนี้ได้ไงเนี่ย น้องเรนพี่ขอคืนนะ" ลุงสุกรีรีบผละจากการกอดกับพี่เอก แล้วเอื้อมมือมาฉวยกระดาษแผ่นนั้นไปจากผม

"สุกรี นี่เธอยังเป็นเจ้ามือหวยอยู่อีกเรอะ ไหนบอกว่าเลิกแล้วไง แล้วนี่ใครเล่นบ้าง คิตตี้ เยลลี่ สุกรี น้องเอก เล่นกันทุกคนเลยหรือเปล่า พวกเธอก็รู้ว่าคุณเซนเธอห้ามเล่นพนันในที่ทำงาน แล้วนี่น้องเรนเค้ารู้เรื่องแล้ว ซวยกันทุกคนล่ะทีนี้" เสียงป้าลินแหววขึ้นมา มีการอ้างอิงถึงพ่อผมและตัวผมนิดหน่อย

แล้วผมก็เห็นบรรดาป้าลุงเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วสภาวะของห้องก็เข้าสู่โหมดเดดแอร์

"ไหนฮะ วันนี้มีอะไรให้ผมช่วยทำ นี่ก็สี่โมงเย็นแล้วนะฮะ"

ผมพูดขึ้นทำลายความเงียบนั้น เอาล่ะ คงต้องเริ่มงานเสียที เสียเวลากันมามากพอแล้ว

"ป้าลุงไม่ต้องปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นลูกเจ้าของบริษัทหรอกนะฮะ ทำตัวสบายๆกันฮะ อย่าเกร็งฮะอย่าเกร็ง เรื่องโพยหวยผมสัญญาว่าจะเก็บเงียบไว้ฮะ ผมไม่เอาไปบอกพ่อหรอกนะฮะ" ผมพูดต่อไป พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่บวกกับเป็นกันเอง ทำเอาบรรยากาศที่เดดแอร์อยู่แล้ว ยิ่งเดดหนักเข้าไปอีก

ทำไม ผมพูดอะไรผิดเหรอ

"พี่ลินค้า คุณก้องมารออยู่ข้างล่างค่า"

แล้วจู่ๆก็มีเสียงหวานๆใสๆดังออกมาจากอินเตอร์คอมที่ติดอยู่บนกำแพงที่มุมห้อง เสียงใสนั้นมาช่วยทำลายมวลอากาศที่แปลกๆนั่น และทุกคนก็หันไปจ้องเจ้ากล่องเล็กๆสี่เหลี่ยมสีดำโดยพร้อมเพรียง

"เอ๊ะ ก้องมาอีกแล้วหรือ" ป้าลินเขาพึมพำ ก่อนจะเดินไปหาเจ้ากล่องสีดำนั้นแล้วกดสวิตช์พูดตอบกลับไป

"จ้า ขอบคุณจ้าน้องน้ำหวาน เดี๋ยวพี่ลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"

"วันนี้ทำไมมาเร็วจัง เห็นทุกทีมาตอนเย็นๆมาคอยรับกลับบ้าน" น้าเยลลี่เขาสงสัย

"แหม ซิส หมู่นี้แฟนเก่ามาหาทุกวันเลยนะค้า สงสัยจะได้ขยับเลื่อนขั้นเป็นแฟนใหม่ในไม่ช้าล่ะมั้ง" ป้าคิตตี้เขาแซวป้าลินด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย

"มิน่า หมู่นี้พี่ลินดูอารมณ์ดีล้นเหลือ อ่อ กำลังมีความรักนี่เอง" ลุงสุกรีเขาสรุป

"เจ๊ลินของเรากำลังจะขายออกแล้วจ้า" พี่เอกเขาสนับสนุนเสียงดัง

แล้วทุกคนในห้องก็ร้องโห่ฮิ้วแสดงความดีใจให้ป้าลิน ผมเห็นป้าลินเขาแอบยิ้มเขิน หันมาพยักหน้าให้ลุงสุกรี ชี้มือมาทางผม แล้ววิ่งออกจากห้องไป

อ่อ คนชื่อก้องเป็นแฟนเก่า ซึ่งกำลังจะกลายเป็นแฟนใหม่ของป้าลิน ไม่เห็นลิสาเคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเลย ความจริงมาทำงานที่บริษัทพ่อก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้เรื่องที่ลิสาไม่รู้บ้าง หึหึ

และเพราะป้าลินเขาต้องรีบลงไปหาแฟนเก่าเขา เขาจึงให้ลุงสุกรีเป็นคนอธิบายงานแรกให้กับผมแทน มันคืองานลงสีน้ำโซฟาสามสี่แบบที่ลุงสุกรีเขาร่างเอาไว้แล้ว ความจริงทีมเขาออกแบบหลายๆสีในคอมกันแล้วแหละ แล้วก็ปริ้นท์ออกมาแล้วด้วย แต่ป้าลินเขาอยากพรีเซนต์โซฟาพวกนี้กับลูกค้าโดยใช้เป็นสีน้ำระบายลงบนกระดาษแทน เขาบอกว่าได้อารมณ์ละเมียดละไมกว่า เห็นว่ากำลังเตรียมตัวไปพรีเซนต์กันถึงบาหลีเลยทีเดียว

ลุงสุกรีบอกว่าป้าลินเขาอยากทดสอบทั้งฝีมือการวาดและฝีมือการระบายสีน้ำของผม เขาเลยให้ผมลองลอกแบบที่ลุงสุกรีเขาทำเสร็จแล้ว แล้วก็ระบายสีด้วยเฉดสีที่มาจากความคิดของผมเอง

อือม์ น่าสนุกดีอยู่เหมือนกันแฮะ เรื่องระบายสีน้ำนี่ผมก็ถนัด ที่โรงเรียนเขาสอนพื้นฐานมานิดๆหน่อยๆ แต่ผมมาเรียนเองจากยูทูปซะเยอะ นี่ผมก็ยังสงสัยว่าคนสมัยก่อนที่เขาไม่มียูทูป เขาเรียนอะไรพวกนี้กันจากไหน ต้องนั่งรถไปเรียนกับครูที่เก่งๆงี้เรอะ ผมโชคดีจริงๆที่เกิดในยุคนี้

อือม์ แต่ผมคิดว่าผมคงต้องไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะเริ่มลงมือจะดีกว่า เพราะถ้าลงนั่งแล้วก็จะยาว ผมสามารถนั่งวาดรูประบายสีได้ทีละหลายๆชั่วโมง มันเพลินอะ เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

ว่าแล้วผมก็ขอตัวจากพวกป้าลุงเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ทางด้านในสุดของตึก…

แต่ในระหว่างทางผมก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างริมหน้าต่างตรงมุมของทางเดินก่อนเลี้ยวไปห้องน้ำนั่น เขาคนนั้นกำลังมองลงไปด้านล่างอย่างตั้งใจ

ผมจึงค่อยๆย่องเข้าไปหาเขาอย่างเงียบๆ

"พ่อประชุมเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะเนี่ย แล้วนี่พ่อมาแอบดูคนเค้าจู๋จี๋กันเหรอ"

ผมกระซิบเบาๆที่ข้างหูเขา ส่วนสายตาก็มองไปยังด้านล่างที่เป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก บริษัทของเรามีสวนหย่อมบริเวณด้านข้างของตึกโดยรอบเพื่อให้พนักงานได้มานั่งพักผ่อนยามต้องการคลายเครียด มีชุดเก้าอี้ม้าหินวางไว้เป็นจุดๆ ปู่ผมเขาเป็นคนชอบต้นไม้ รอบๆตึกทำงานของเราจึงร่มรื่นสามารถนั่งเล่นนั่งคุยกันได้นานๆ

พ่อเขาหันมามองผม ไม่ตอบอะไร สีหน้านั้นดูซึมๆนิดหน่อย เราสบตากันหนึ่งแวบ แล้วเขาก็หันไปจับจ้องคนคู่นั้นที่ข้างล่างต่อไป

ผมจึงยืนอยู่ตรงนั้นกับพ่ออย่างเงียบๆ สองสามวันมานี้พ่อเขาดูเงียบขรึมผิดปกติ ดูจากปฏิกิริยาของชายหญิงสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนชิงช้าตัวเดียวกันข้างล่างนั่น และดูจากท่าทางของพ่อผู้เป็นคนแอบดู เด็กหัวไวอย่างผมก็คิดว่าพอจะเข้าใจอะไรๆแล้ว

และก็เป็นเพราะผมตัวสูงเกือบเท่าพ่อแล้ว ผมจึงเอื้อมมือข้างหนึ่งไปโอบบ่าพ่อไว้ บีบไหล่เขาเบาๆ แล้วอยู่ดีๆผมก็พูดขึ้นมาลอยๆ

"ลิสาบอกว่า ป้าลินเขาชอบผู้ชายที่เป็นพ่อบ้าน ซ่อมแซมของในบ้านได้ และยิ่งทำกับข้าวเก่งเขายิ่งชอบ"

เพื่อนผมคนนี้เขาช่างพูดช่างคุยตามประสาผู้หญิง ช่างสรรหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่าให้ผมฟังตลอด ผมก็ชอบฟังนะ ลิสาเขาคุยสนุกดี ผมจึงแทบจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลิสา รวมไปถึงเรื่องครอบครัวของลิสาด้วย

"ลิสาบอกว่า ป้าลินเขาชอบกินสปาเกตตีผัดน้ำมันมะกอกกับพาร์ม่าแฮม คู่กับสลัดผักร็อกเก็ต และก็ต้องเป็นน้ำสลัดบัลซามิกแบบอิตาเลี่ยนเท่านั้น"

ผมเปิดเผยข้อมูลของป้าลินต่อไปโดยไม่สนว่าจะมีใครตั้งใจฟังหรือไม่ ผมสังเกตเห็นความสนิทสนมของพ่อกับป้าลินมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่หัวหินแล้ว สองสามวันมานี้ที่หน้าตาเขาเศร้าๆไป มันต้องเกี่ยวข้องกับลุงที่ชื่อก้องนี่อย่างแน่นอน

และเมื่อผมแอบมองพ่อด้วยหางตา ก็พบว่าพ่อยังคงจับจ้องป้าลินกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งบนชิงช้านั่น แล้วผมก็เห็นความเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นในแววตาของพ่อ

แล้วพ่อก็เผยอยิ้มน้อยๆ แต่ผมว่าเป็นยิ้มที่ดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้แฮะ...


next chapter
Load failed, please RETRY

Status Power Mingguan

Rank -- Peringkat Power
Stone -- Power stone

Membuka kunci kumpulan bab

Indeks

Opsi Tampilan

Latar Belakang

Font

Ukuran

Komentar pada bab

Tulis ulasan Status Membaca: C43
Gagal mengirim. Silakan coba lagi
  • Kualitas penulisan
  • Stabilitas Pembaruan
  • Pengembangan Cerita
  • Desain Karakter
  • Latar Belakang Dunia

Skor total 0.0

Ulasan berhasil diposting! Baca ulasan lebih lanjut
Pilih Power Stone
Rank NO.-- Peringkat Power
Stone -- Batu Daya
Laporkan konten yang tidak pantas
Tip kesalahan

Laporkan penyalahgunaan

Komentar paragraf

Masuk