กลับมาที่จวนแม่ทัพไร้พ่าย
ล่วงเข้ายามอู่แล้ว โรงทานที่ตั้งขึ้นชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อฮูหยินน้อย ยังมีผู้คนมาต่อแถวรับอาหารอย่างต่อเนื่องทำให้เฟิ่งอิงผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ต้องสั่งให้คนของตนและหน่วยพยัคฆ์ดำบางส่วน กว้านซื้อส่วนประกอบที่ใช้ในการทำข้าวต้มมาเพิ่มอีกจำนวนมาก โดยใช้โรงครัวของจวนแม่ทัพเป็นที่ประกอบอาหาร
บุรุษร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์สีดำสนิทไร้ลวดลายแต่ความมันวาวของผ้าบ่งบอกว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ยืนกอดอกมองดูความเรียบร้อยครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับเข้าไปในจวนแม่ทัพของน้องเขย ปล่อยให้คนของหน่วยพยัคฆ์ดำของตนดูแลต่อไป สองเท้ามุ่งหน้าไปยังเรือนที่พักของน้องสาว โดยไร้ผู้ติดตาม เมื่อไปถึงก็พบเข้ากับ สี่องครักษ์ยืนเฝ้าหน้าประตูเรือน
"คุณชายชิง"จิ๋นอี้ก้มศีรษะทักทายเฟิ่งอิง
"อืม"เฟิ่งอิงทักทายกลับสั้นๆแล้วเดินเข้าไปในด้านใน
"อา....อาเฟิ่ง นั่งลงสิ"ชิงหยวนกวักมือเรียกบุตรชายบุญธรรม
"ขอรับ"เฟิ่งอิงเดินไปนั่งข้างชิงหยวน ดวงตาคมเรียวดุเหลือบมองไปยังเตียงนอนที่มีม่านโปร่งสีฟ้าปิดกั้นอีกฝั่งไว้ จนทำให้มองเห็นร่างบอบบางได้ไม่ใคร่ถนัด แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา ชายหนุ่มมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงดึงสายตากลับมา
"ร่างของนางเป็นดังคำเจ้าพยัคฆ์น้อย เพียงแต่ออกจะเย็นชืดคล้ายถูกแช่แข็ง"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นกลางวงสนทนา เบนสายตาจากเตียงของภรรยารักที่มีสี่สหายน้อยนอนเฝ้าไม่ห่าง กลับมามองลูกน้อยทั้งสองกำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของมารดา และท่านแม่ยาย ที่นั่งถัดจากตนด้วยสายตาอ่อนโยน
"อา...เช่นนั้นค่อยเบาใจหน่อย ข้าหวังว่า สิ่งที่เราทำนี้ จะช่วยให้นางฟื้นคืนกลับมามีชีวิตอีกครั้งในเร็ววัน"ชิงหยวนกล่าวพลางถอนหายใจเสียงดัง
"ท่านแม่ทัพ องค์รัชทายาทกำลังเสด็จมาที่นี่ขอรับ"จิ๋นอี้เดินเข้ามารายงานแม่ทัพหนุ่มสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน ยกเว้นแม่ทัพหนุ่มที่มีสีหน้าไม่ใคร่พอใจกับความใส่ใจ ที่แม่ทัพหนุ่มคิดว่ามากเกินเหตุของสหายต่างศักดิ์ผู้นี้
"เจ้าสองคนรั้งอยู่นี่ คอยดูแลหลานๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเถิด"มู่หลิ่งฟู่กล่าวพร้อมกับลุกขึ้น ตามด้วยชิงหยวนเฟิ่งอิงและแม่ทัพหนุ่มที่ทำสีหน้าระอาใจก่อนจะพากายสูงสง่างามรั้งท้ายตามไป
ที่โถงรับรองแขก
"เรื่องเป็นเข่นนี้เอง หากนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้นางกลับหายใจอีกครั้ง เราก็จะช่วยด้วยอีกแรง!!"ฉีเฟยหลงกล่าวขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวจบ
"น้ำพระทัยขององค์รัชทายาท กระหม่อมขอรับไว้ด้วยใจ เพียงแต่...."
"เราทำเพื่อหลินเอ๋อร์กับหลานของเราเจ้ากล้าขัดขวางรึ?"ฉีเฟยหลงขัดไม่รอให้แม่ทัพหนุ่มกล่าวจบ
"แล้วองค์รัชทายาทจะทรงช่วยเยี่ยงไร?"มู่หลิ่งฟู่ทูลถามความคิดเห็น
"หึๆเรื่องนี้คงบอกพวกท่านไม่ได้ "ฉีเฟยหลงยิ้มเจ้าเล่ห์จิบชาเบาๆ
ขณะที่กำลังสนทนากันอย่างเข้มข้น ทหารยามนายหนึ่งก็เดินเข้ามารายงานว่า มีขันทีในวังนำของขวัญมามอบให้แม่ทัพหนุ่มและฮูหยินน้อย พอรู้ว่าเป็นขันทีประจำพระองค์ของฝ่าบาทก็คาดเดาได้ว่า ฝ่าบาททรงทราบเรื่องที่นางเสียชีวิตหลังให้กำเนิดทายาทแล้ว
"อู่กงกง ท่านกลับไปก่อนเถิด เราจะกลับไปทูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทราบเอง"ฉีเฟยหลงกล่าวแทนเพราะไม่อยากเห็นแม่ทัพหนุ่มลำบากใจ
"เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา ท่านเสนาบดี ท่านแม่ทัพ อา..ไม่ต้องลำบากไปส่งหรอกท่าน ข้ากลับเองได้"อู่กงกงยกมือห้ามแม่ทัพหนุ่มที่ขยับกายจะลุกขึ้นไปส่งตน
หลังจากอู่กงกงจากไปแล้ว ฉีเฟยหลงขอไปเยี่ยมชิงหลิน โดยอ้างว่าจะได้กลับไปทูลฝ่าบาทได้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ ซึ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มเกิดอาการหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จำต้องพยักหน้าเชื้อเชิญสหายต่างศักดิ์ไปยังเรือนพัก
เมื่อสิ่งที่ต้องการรู้ก็ได้รู้ เมื่อคนที่อยากพบก็ได้พบสมใจแล้ว ฉีเฟยหลงก็ควบม้าจากไปด้วยรอยยิ้ม ผิดกับเจ้าของจวนที่หน้าบึ้งตึง เดินตึงๆกลับเข้าเรือนพักด้วยความหงุดหงิดใจ
--------------
เช้ามืดวันที่สอง บนท้องฟ้าเหนือจวนแม่ทัพไร้พ่าย เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้น เมื่อเหล่าวิหคนับพันนับหมื่นบินวนเป็นวงกลมทั้งยังส่งเสียงร้องดังก้องไปไกลนับลี้ ปลุกให้ชาวบ้านในรัศมีหนึ่งลี้ ตื่นจากหลับใหลและออกมาดูด้วยความรำคาญใจ ก่อนจะกลายเป็นตื่นตระหนก หลายคนถึงกับรีบเข้าบ้านปิดประตูลงกลอนไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยความหวาดกลัว
แต่มีชาวบ้านหลายคนทำใจกล้าเดินไปยังที่เกิดเหตุ ยิ่งพอได้รู้ว่าทิศทางที่เกิดเหตุการณ์ประหลาด คือ จวนแม่ทัพไร้พ่าย ก็เกิดความสนใจใคร่รู้และประหลาดใจขึ้นมา
"แย่แล้ว!!!!....เกิดเหตุร้ายกับธิดาสวรรค์!!!!"
"แย่แล้ว!!!...เกิดเหตุร้ายกับธิดาสวรรค์!!!
"แย่แล้ว!!!....เกิดเหตุร้ายกับธิดาสวรรค์!!!"
เสียงร้องตะโกนของเหล่าขอทานน้อยหลายสิบชีวิต ที่วิ่งไปทุกตรอกซอกซอย อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใบหน้ามอมแมมของเด็กน้อยเต็มไปด้วยเหงื่อและคราบน้ำตาแห่งความเสียใจ
ใช่....ขอทานน้อยเหล่านั้นวิ่งตะโกนไป..ร้องไห้ไป....
ชาวบ้านร้านตลาดทั้งหลาย เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกน ต่างพากันออกมาดูอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"หยุดก่อนเจ้าขอทานน้อย!!!"ชายวัยกลางคนที่กำลังจะไปจวนแม่ทัพไร้พ่ายเอ่ยเรียกขอทานน้อยคนหนึ่งที่กำลังจะวิ่งผ่านตนเองและพวกไป
"เจ้าบอกว่าเกิดเหตุร้ายกับธิดาสวรรค์?"
"ขะขอรับ"ขอทานน้อยหอบหายใจปนเสียงเสียงสะอื้นตอบเบาๆ
"ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า!!?"ชายฉกรรจ์หนวดเฟื้มตวาดถามเสียงดังจนขอทานน้อยสะดุ้งตกใจ
"เจ้าอาวาสวัดต้าเจาซื่อ เป็นคนบอกพวกข้าน้อยขอรับ"ขอทานน้อยตอบ ตัวเขาและขอทานคนอื่นๆกว่าร้อยชีวิต ได้รับความช่วยเหลือเรื่องอาหารและที่พักอาศัย จากไต้ซือซิ่นเจี้ยน แลกกับการทำความสะอาดวัด และช่วยงานเล็กๆน้อยๆตามคำสั่ง
"เมื่อเช้ามืด ไต้ซือซิ่นเจี้ยน ได้เรียกขอทานน้อยและแจ้งว่า ยามนี้ ธิดาสวรรค์กำลังประสบเคราะห์กรรม อยู่ระหว่างความเป็นความตาย การจะช่วยธิดาสวรรค์ได้นั้น ต้องอาศัยแรงศรัทธาอันแรงกล้าจากทุกคน ช่วยกันสวดภาวนาอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ธิดาสวรรค์จึงจะรอดพ้นเคราะห์กรรมในครั้งนี้ได้ขอรับ"ขอทานน้อยพูดตามที่ไต้ซือซิ่นเจี้ยนบอก อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
"ไอหยา!!...ข้านึกไว้แล้วเชียวว่าต้องเกิดเหตุร้ายกับธิดาสวรรค์"
"แล้วนั่นเจ้าจะไปที่ใด?"
"วัดต้าเจาซื่อ!!"
"ข้าไปด้วย!!!"
"ข้าก็ด้วย!!"
"ดี!! เข่นนั้นก็ไปกันเลย!!"
ขอทานน้อยยิ้มทั้งน้ำตา ดวงตาใสซื่อมองดูกลุ่มชาวบ้านนับร้อยมุ่งหน้าไปยังทิศทางวัดต้าเจาซื่อด้วยความยินดี เกิดความฮึกเหิมขึ้นในใจสองเท้าน้อยๆเริ่มออกวิ่งตะโกนถ้อยคำนั้นอีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง...ไปเรื่อยๆ....
ไต้ซือซิ่นเจี้ยนเล่าให้ฟังว่า เขาและขอทานคนอื่นๆล้วนได้รับความช่วยเหลือจากธิดาสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยามป่วยก็ส่งหมอมาตรวจดูอาการ และที่สำคัญ พวกเขาได้รับโอกาสทางการศึกษา ซึ่งเป็นที่สุดของความปรารถนาในใจ นั่นเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใดตนและเหล่าขอทานน้อยจึงรักและเทิดทูนธิดาสวรรค์นัก
-------------
ภายในจวนแม่ทัพไร้พ่าย
แคว้กๆๆๆๆๆๆๆๆ!!
ร่างสองบุรุษและสองสตรี ในอาภรณ์เรียบหรู ทหารยามและบ่าวไพร่ รวมกันกว่ายี่สิบชีวิต กำลังเงยหน้ามองบนท้องฟ้า ด้วยความตื่นตระหนกไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ชวนตะลึงเช่นนี้มาก่อนในชีวิต บ่าวไพร่หลายคนถึงกับแข้งขาอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความหวาดกลัว มีเพียงแม่ทัพหนุ่มและเฟิ่งอิงที่ดูจะไม่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยเคยพบเจอมาบ้างแล้ว ดวงตาของบุรุษทั้งสองเปี่ยมไปด้วยความหวัง
"อาเหวิน?....นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เป็นลางดีใช่หรือไม่?"มู่ฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายสองมือที่กุมมือชิงฮูหยินสหายรักสั่นระริกและเย็นเฉียบ
"ท่านแม่ทัพ!!" ยังไม่ทันที่แม่ทัพหนุ่มจะตอบคำถามมารดา จิ๋นอี้ก็ก้าวเร็วๆเข้ามาหาแม่ทัพหนุ่มด้วยท่าทางรีบร้อน
"มีเรื่องอะไร?"แม่ทัพหนุ่มหันหน้ามาถามองครักษ์หนุ่ม
"ท่านมาดูด้วยตาตนเองเถิด"คำพูดปริศนาขององครักษ์ ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไพล่นึกไปถึงถ้อยคำเมื่อวานของสหายต่างศักดิ์ขึ้นมา จึงรีบรุดไปยังด้านหน้าจวน พร้อมบิดาและท่านพ่อตา เสียงที่ดังเข้ามาให้ได้ยิน ทำให้ทุกคนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจนเกือบจะกลาย เป็นวิ่งด้วยความร้อนใจ แต่ใบหน้ายังคงรักษาความนิ่งสงบเอาไว้ได้
"ขอให้ธิดาสวรรค์แคล้วคลาด!!"
"ขอให้ธิดาสวรรค์ปลอดภัย!!"
"ขอให้ธิดาสวรรค์แคล้วคลาด!!"
"ขอให้ธิดาสวรรค์ปลอดภัย!!"
ภาพที่เห็นทำแม่ทัพหนุ่มตะลึง ชาวบ้านหลายพันคนคุกเข่าเงยหน้ามองบน สองมือประกบกัน กล่าวถ้อยคำอวยพรให้ภรรยารักของตน แคล้วคลาดปลอดภัย จากนั้นก็แนบศีรษะกับพื้นระหว่างมือทั้งสอง ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา พลันหัวใจก็รู้สึกตื้นตันและอบอุ่นจนขอบตาร้อนผ่าว หลินเอ๋อร์...เจ้าเห็นรึไม่ว่ามีผู้คนรักและศรัทธาเจ้ามากเพียงใด? ผิดกับมู่หลิ่งฟู่และชิงหยวนที่ซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ต้องเงยหน้ามองบนเพื่อกักเก็บน้ำตาที่พร้อมจะหยดได้ทุกเมื่ออย่างสุดกำลัง
เฟิ่งอิงเองแม้ใบหน้าคมเข้มจะเรียบเฉย แต่ดวงตากับไหวระริกด้วยความยินดี ไม่ว่าผู้คนเหล่านี้จะทราบเรื่องจากใครก็ตาม หากแรงศรัทธาอันล้นหลามนี้ ทำให้นางฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งได้ เขาก็อยากจะคำนับให้สักพันครั้งด้วยความขอบคุณ สวรรค์...ท่านได้ยินคำอ้อนวอนนี่รึไม่? เฟิ่งอิงถามในใจ
การอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยจิตใจที่แน่วและศรัทธาอันแรงกล้า ดำเนินต่อไปจากหนึ่งชั่วยามเป็นสองชั่วยาม สามชั่วยามสี่ชั่วยามจนมีหลายคนเป็นลมต้องหามออกมารักษา ครั้นพอได้สติก็กลับมาใหม่ไม่ฟังคำทัดทานของใคร
แม่ทัพหนุ่มที่คราวแรกจะให้พวกเขากลับไปเพราะเกรงพวกเขาจะลำบาก จำต้องยกเลิกความคิดนั้น เมื่อเห็นความฮึกเหิมมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจของพวกเขาและให้การสนับสนุนเรื่องอาหารการกินแทน
การสวดอ้อนวอนดำเนินไป จนกระทั่งล่วงเข้ายามจื่อในคืนเดือนดับไร้ดวงจันทรา เหล่าวิหคยังคงบินวนเหนือท้องฟ้าอย่างไม่ยอมแพ้แก่ผู้คนเบื้องล่างได้เกิดสิ่งอัศจรรย์บางอย่างขึ้น
"โอ....ดูนั่น!!"หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอุทานออกมาเสียงดัง ชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า
"ปาฏิหาริย์!! ปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นแล้ว!!"เสียงของชายชราที่ดังแทรกขึ้นมา ทำให้การสวดอ้อนวอนหยุดชะงัก ทุกใบหน้าที่อ่อนล้าแต่พลังใจเต็มเปี่ยมแหงนหน้ามองท้องฟ้าบ้าง
"นั่น!!...ราชามังกรฟ้าในตำนาน!!!"เสียงแหบพร่าของชายชราวัยแปดสิบปลายๆดังขึ้น แม้จะมิได้ดังเท่าใดนัก แต่เพราะทุกคนกำลังตื่นตะลึงกับปาฏิหาริย์บนฟ้า จึงทำให้ได้ยินสิ่งที่ชายชราพูดได้อย่างชัดเจน
"อะไรนะท่าน!!? นั่นคือราชามังกรฟ้าที่ล่ำลือกันว่ามีพลังอำนาจสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนได้น่ะรึ!"ชายชราอ่อนวัยกว่าเล็กน้อยขึ้นด้วยท่าทีตกใจ
"เป็นบุญตาของข้าแท้ๆที่ได้มีโอกาสพบราชามังกรฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังได้พบธิดาสวรรค์ผู้เปี่ยมเมตตา แม้ตายก็ตายตาหลับแล้ว"
ไร้เสียงตอบกลับแต่ในใจต่างคิดไม่แตกต่างจากชายชราผู้นั้น ทุกสายตากลับไปมองท้องฟ้ายามดึกที่เคยมืดสนิทจนถึงเมื่อครึ่งเค่อ บัดนี้ถูกฉาบด้วยรัศมีสีฟ้าสดใสราวกับอัญมณีล้ำค่า อันเกิดจากอำนาจของสัตว์รูปร่างคล้ายมังกร กางปีกสีท้องฟ้าขนาดมหึมาออกเต็มที่ คะเนความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่ง ไปยังอีกข้างหนึ่ง น่าจะราวสามลี้
พวกเขายันตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากด้วยนั่งคุกเข่าเป็นเวลานานหลายชั่วยามติดต่อกัน แม้จะมีลุกไปทำธุระส่วนตัวบ้างกระนั้นก็ยังเกิดอาการชาปวดเมื่อยจนต้องนิ่วหน้าสายตาเขม้นมองร่างมหึมาของราชามังกรฟ้า เต็มไปด้วยพลังอำนาจแทบไม่กระพริบตาราวกับเกรงว่า เมื่อใดกระพริบตาภาพความมหัศจรรย์นี้จะหายไป
ขณะที่ด้านนอกตกอยู่ในความเงียบ กลางสวนในจวนแม่ทัพไร้พ่ายกลับมีบรรยากาศตึงเครียด เมื่อได้ฟังถ้อยคำของราชามังกรฟ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ
"ความดีที่ได้กระทำไว้ทั้งหมดของนาง รวมถึงแรงศรัทธาของมนุษย์เหล่านั้น ยังไม่เพียงพอให้ข้าชุบชีวิตนาง"
"แล้วท่านจะให้พวกเราทำเยี่ยงไร? โปรดแจ้งมาเถิด หากข้าสามารถทำได้ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้าล้วนยินดีทำ!!"แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
ดวงตาสีท้องฟ้าหลุบตาลงมองมนุษย์หนุ่ม ที่ในอ้อมแขนมีหญิงสาวไร้ลมหายใจอยู่ หญิงสาวที่มันยอมทำพันธะสัญญาด้วย ตามคำขอของเจ้ายมบาลน่าตายตนนั้น มันมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตาสีท้องฟ้าไปรอบๆ และหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อพบสิ่งที่ต้องการ พลางเอ่ยออกมาแบบไม่ขยับปากเช่นเดิม "เจ้าคงรู้เรื่องกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม?"
"ใช่...ข้าพอทราบเรื่องนั้น"แม่ทัพหนุ่มเกิดความกังวลใจขึ้นมาไม่อาจคาดเดาความคิดของราชามังกรฟ้าได้ สองแขนโดอบกระชับร่างที่เย็นชืดดุจน้ำแข็งแน่นเข้าด้วยความหวงแหน
หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยกเว้นเฟิ่งอิงและสี่องครักษ์หันมามองแม่ทัพหนุ่มพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย รวมถึงสี่สหายน้อยด้วยที่เอียงคอมองราชามังกรฟ้า
"นางจะฟื้นขึ้นอีกครั้งรึไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเจ้า ผู้ที่นางช่วยดึงออกมาจากความตาย"
"ความหมายของท่านคือ?"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
"ผู้ที่นางเคยช่วยไว้ทั้งหก จักต้องรับผลของการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม อย่างที่นางเคยประสบมาแล้วเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน หากพวกเจ้าทั้งหกยินดีรับมันด้วยความเต็มใจ และผ่านพ้นมันไปได้ นางก็จะฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง"
"พวกเรายินดีรับด้วยความเต็มใจขอรับ!!"สี่องครักษ์คุกเข่าลงเบื้องหน้าแม่ทัพหนุ่มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและพร้อมเพรียงราวกับนัดกันไว้ พวกเขาคือสี่ในหกที่ฮูหยินน้อยได้เสี่ยงชีวิตช่วยเอาไว้ คิดอยู่เสมอว่าจะตอบพระคุณอันใหญ่หลวงนี้เยี่ยงไรดี หากสิ่งนี้ช่วยให้ฮูหยินน้อยฟื้นขึ้นมาเพื่อท่านแม่ทัพและคุณหนูน้อยคุณชายน้อยได้พวกตนย่อมยินดีเป็นที่สุด
"ขอบใจ"แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าพอใจกับคำตอบที่ได้จากสี่องครักษ์แล้วหันมาถามเฟิ่งอิงที่ยืนใกล้ตน "แล้วท่านเล่าพี่ภรรยา?"
"เพื่อน้องเล็กข้าทำได้ทุกอย่าง"เฟิ่งอิงตอบอย่างไม่ลังเล
"น้องเขยของท่าน ขอขอบคุณท่านแทนนางด้วย"ยามกล่าวแม่ทัพหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อยดูมีมารยาทแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"ตกลงกันได้แล้วสินะ แต่ข้าขอเตือนไว้อย่าง หากมีหนึ่งในหกพวกเจ้าล้มเหลว มิสามารถผ่านมันไปได้ละก็...นางจะหลับไปตลอดกาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเจ้ายังจะยินดีรับมันอีกหรือไม่?"
"ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ข้ามั่นใจ" แม่ทัพหนุ่มโต้กลับด้วยท่าทางมั่นใจ นางยังทำได้ ตนซึ่งแข็งแกร่งกว่านางหลายเท่าย่อมต้องทำได้เช่นกัน!! และดูเหมือนพี่ภรรยากับสี่องครักษ์จะคิดไม่ต่างจากตนนัก
เฟิ่งอิงเหลือบมองแม่ทัพหนุ่มแวบหนึ่งด้วยความชื่นชม ก่อนจะนึกถึงความลับเรื่องที่นางสามารถชุบชีวิตคนตายได้ ยิ่งพอได้รู้ กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมก็ทำให้รู้สึกชื่นชมในความอดทนต่อความเจ็บปวดทรมาน ในขณะเดียวกันก็เจ็บปวดใจที่เป็นต้นเหตุให้นางต้องเผชิญกับความเจ็บปวดนั้นนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน!!
"ดี!....กล้าหาญ หนักแน่นและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ถูกใจข้ายิ่งนัก ข้าจะอนุโลมให้สักครั้งก็แล้วกัน"ความจริงเพียงแค่ความดีและแรงศรัทธาของมนุษย์เหล่านั้น สร้างความพอใจให้แก่ราชามังกรฟ้ามากพอแล้ว แต่ที่พูดไปเพราะต้องการลองใจมนุษย์ตรงหน้ากลุ่มนี้ ว่าจะมีใจยอมสละชีวิตเพื่อคนอื่นได้รึไม่?
กล่าวจบก็อ้าปากปล่อยลูกไฟสีท้องฟ้าออกมา ลูกไฟสีท้องฟ้าขนาดเท่าลูกบอลพุ่งตรงลงมาที่ร่างเล็กบอบบางแล้วห่อหุ้มร่างนางจนมิด แสงนั้นสว่างสดใสเจิดจ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจางหายเข้าไปในร่างของนาง ทุกคนกรูกันเข้ามาหาแม่ทัพหนุ่ม ดวงตาทุกคู่จ้องมองใบหน้าขาวซีดด้วยใจที่ลุ้นระทึก
"อืม"เสียงครางอืมเบาๆในลำคอ พร้อมเปลือกตาที่ขยับไหวไปมาสร้างความตื่นเต้นแก่ทุกคนยิ่งนัก ยิ่งพอเห็นร่างเล็กบอบบางลืมตาแล้วส่งยิ้มให้ขอบตาพลันร้อนผ่าวกันเป็นทิวแถว
"กลับมาแล้วเจ้าค่ะ"ถ้อยคำสั้นๆเบาหวิวแสนจะแหบแห้งกลับทำให้หลายคนปล่อยโฮออกมา โดยเฉพาะนมฝูแม่นมที่เลี้ยงดูนางมา และเสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ย สองสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์
"กลับมาก็ดีแล้ว"แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงนุ่มแล้วจุมพิตหน้าผากมนของภรรยารักอย่างอ่อนโยน กระชับร่างเล็กบอบบางที่เริ่มอุ่นขี้นทีละนิดๆแน่นเข้าอีกนิด
เช้านี้อากาศสดใส แดดแรงจนแสบตา หวังว่าทุกคนจะสดชื่นแจ่มใจตลอดทั้งวันจ้า^_^