"ว้าว ห้างใหญ่จังเลย!" ลิลลี่พูดด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้พวกเรามาถึงห้างฯแล้ว และผมก็กำลังมองหาร้านที่เหมาะ ๆ ที่จะได้นั่งกินกับคุณลิลลี่อย่างตั้งใจ
สักพักผมก็เจอร้านอาหารที่น่าสนใจเลยชวนคุณลิลลี่ไปกิน คุณลิลลี่ดูท่าทางจะตื่นเต้นและสนใจร้านอาหารที่ผมเสนอให้เป็นอย่างมาก เธอเลยจูงมือผมไปแล้วรีบวิ่งไปหาร้านอาหารนั้นทันที
'ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริง ๆ ที่เรามากินข้าวกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ นอกจากเอ็มกับกิ๊ก แถมยังได้จับมือกับผู้หญิงฝรั่งสุดสวยโดยไม่ต้องพยายามอะไรอีกด้วย!'
ร้านที่พวกผมไปกินเป็นร้านอาหารที่ขายอาหารไทย อาหารอร่อย ราคาเป็นกันเองไม่แพงมาก วัตถุดิบก็คุณภาพดีทั้งนั้น ร้านนี้ถึงกับเป็นร้านประจำของผมเลย
"แล้วจะกินอะไรหรอครับ?"
"อะไรก็ได้"
"งั้นให้ผมแนะนำให้ไหมครับ"
"งั้นแนะนำให้หน่อย!"
"อืม...กระเพาไข่ดาว!"
"กินเผ็ดไม่เป็นอ่ะ"
"ผัดซีอิ๊ว!"
"ยังไม่อยากกินของที่เป็นเส้นอ่ะ"
"ข้าวมันไก่!"
"เพิ่งกินเมื่อเช้าเอง"
"..."
'นี่มันอะไรก็ได้ตรงไหนละ แม่คุณ!'
"งั้นฉันกินกระเพาไข่ดาวละกัน"
"อ้าว...กินผิดไม่เป็นหนิครับ?"
"ก็สั่งเขาว่าไม่ใส่พริกสิ?"
'คุณลิลลี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว ถ้าเราสั่งกระเพาไข่ดาวไม่ใส่พริกสักเม็ดน่ะ แม่ค้ามันก็จะใส่มาให้เราอยู่ดี!!'
#หมายเหตุ : จำนวนพริกของแม่ค้าใส่จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ซึ่งร้านที่ผมพาคุณลิลลี่มากิน ไม่ใส่พริกสักเม็ด = ขอเผ็ด ๆ นะครับ
'หึ ๆ คุณลิลลี่เอ๋ย ขอเอาคืนตรงที่บอกว่ากินอะไรก็ได้ละกันนะ!!'
"งั้นสั่งอาหารกินเถอะครับ"
ต้นพูดพร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย แล้วยกมือให้พนักงานมาจดออเดอร์ของพวกผม
"สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?"
"เอาผัดไทยครับ"
"ค่ะ ผัดไทยนะคะ"
"เอากระเพาไข่ดาวไม่ใส่พริกสักเม็ดเลยนะคะ"
ทันทีที่คุณลิลลี่สั่งกระเพาไข่ดาวไม่ใส่พริกสักเม็ดไปข้างหลังของพนักงานก็มีรังสีแปลก ๆ โพยพุ่งออกมาและเหมือนดวงตาของพนักงานเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าคุณลิลลี่จะไปกดเปิดสวิตซ์อะไรสักอย่างเข้าให้แล้ว
"แล้วก็น้ำเปล่า 2 แก้วค่ะ"
'เฮ้ยคุณลิลลี่ครับ ไม่คิดจะสั่งของแก้เผ็ดอะไรสักหน่อยหรอครับ!'
"ทราบแล้วค่ะ ขออนุญาตทวนรายการอาหารที่สั่งไปนะคะ ก็จะมี
- ผัดไทย 1 ที่
- กระเพาไข่ดาว 'ไม่ใส่พริกสักเม็ด' 1 ที่
'ย้ำตรง ไม่ใส่พริกสักเม็ด ทำไม!?'
- น้ำเปล่า 2 แก้วนะคะ รออาหารประมาณ 10 นาทีนะคะ"
น้ำเสียงที่ดูเรียบ ๆ ของเธอกลับทำให้ผมคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าจะช่วยแก้อาหารที่โครตเผ็ดให้คุณลิลลี่ยังไงดี
ตอนนี้ผมอยู่ในร้านอาหารที่เป็นร้านประจำของผม ร้านอาหารอาหารไทยที่มีบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบเหมือนนั่งอยู่ในร้านกาแฟ เสียงผู้คนที่คุยกันแบบไม่เสียงดังกำลังดี ช่างเป็นร้านที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีจริง ๆ แต่ทว่า! วันนี้ผมไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนที่เคยมาทุกวัน เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะว่าตรงหน้าของผมมีผู้หญิผมสีบลอนด์ทองสุดสวยที่ดูเหมือนจะม้วนผมมานิดหน่อยด้วย ถ้าหากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นภาพถ่ายหรือภาพวาดระดับคงจะพอ ๆ กับโมนาลิซ่าเลยทีเดียว แต่นี่ไม่ใช่ภาพวาด นี่มันคือความจริง! โอ้แม่เจ้า คุณลองคิดดูสิ ผู้ชายอายุประมาณ 20 กว่า ๆ ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องความรักเข้ามาในชีวิตกลับมีผู้หญิงผมบลอนด์ทองสุดสวยมานั่งกินข้าวอยู่ข้าวหน้าผม รู้สึกตัวอีกทีหัวใจของผมก็เต้นโครมครามแล้ว เอ๊ะ แต่จะว่าไปเรามาด้วยกันสองต่อสองแถมยังยิ้มให้กันจูงมือกันแล้วมากินข้าวโต๊ะเดียวกันแบบนี้บอกเลยว่าหนุ่มซิงอย่างผมคิดได้อย่างเดียวเลยว่านี่คือ 'เดต'
ต้นคิดไปพร้อมกับทำท่าเขินไปด้วย สักพักลิลลี่ก็เริ่มถามคำถามต้น
"นี่ติน ทำงานที่โรงเรียนนี้มากี่ปีแล้วหรอ"
"อืม...นั้นสินะ น่าจะประมาณ 3 ถึง 4 ปีนับตั้งแต่ตอนผมเป็นนักศึกษาฝึกงานมั้งนะครับ"
"งั้นหรอ...แสดงว่าตอนนี้นายก็น่าจะอายุประมาณ 24 ใช่หรือเปล่า"
"ตอนผมอยู่ปี 4 ผมอายุ 22 แล้วเข้ามาฝึกงานเลยก็อายุน่าจะประมาณนั้นแหละครับ"
"นี่นายไม่รู้อายุตัวเองหรอเนี่ย"
"ผมออกมาอยู่ตัวคนเดียวเลยเลิกนับอายุตัวเองแล้วครับ"
"ไม่ได้นะ! แล้วอย่างงี้ฉัน..."
'ฉันจะรู้วันเกิดนายไหม!' ลิลลี่คิดในใจ
"งั้นผมขอถามคำถามบ้างได้ไหมครับ คุณลิลลี่"
เมื่อผมพูดจบ คุณลิลลี่ก็ทำหน้าเคืองเหมือนขัดใจกับอะไรสักอย่าง แล้วเธอก็พูดต่อ
"ลองพูดใหม่อีกทีสิ"
"ผมขอถามบ้างได้ไหมครับ คุณลิลลี่"
เมื่อผมพูดจบ คุณลิลลี่ก็ทำหน้าบึ้งตึงงอนแก้มป่องแล้วหันหน้าหนีผม
"ไม่"
"เอ่อ...ทำไมอะครับ"
ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทำไมคุณลิลลี่ต้องงอนผมด้วยนะ หรือผมไปพูดอะไรขัดใจเธอหรือเปล่านะ
"ไอคำสุภาพที่พูดกับฉันจนถึงเมื่อกี้เลิกซะนะ"
"เอ๊ะ?"
ผมตอบโดยทำหน้ามึนงง คุณลิลลี่มองมาที่หน้าผมแล้วเหมือนจะอ่านใจผมได้ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเธอก็พูดต่อ
"เฮ้ติน ฟังนะ นายมันบื้อไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลยนะ"
"ห๊ะ?"
"ไอคำสุภาพที่พูดกับฉันน่ะ เลิกซะเถอะนะ มันอึดอัด"
"เอ๊ะ?"
"แถมฉันไม่อยากทำตัวห่างเหินจากนายด้วย เพราะฉะนั้นเรียกฉันแค่ 'ลิลลี่' เฉย ๆ นะ"
เธอพูดพร้อมส่งยิ้มอย่างร่าเริงให้กับผม
"ได้เลย ลิลลี่!!"
"งื้ออ พูดทันทีแบบนี้มัน..."
ในเมื่อเจ้าตัวอนุญาตแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพอีกต่อไป
ทันทีที่ต้นพูดชื่อ ลิลลี่ ออกมา ลิลลี่ก็เกิดอาการเขินอายเป็นอย่างมาก ลิลลี่เอามือปิดหน้าแล้วแต่ยังเห็นหูของเธออยู่ ซึ่งหูเธอแดงอย่างเห็นได้ชัด ผมที่เห็นอย่างงั้นเลยเขินอายไปด้วย
"นี่ร้านอาหารคาวค่ะ ไม่ต้องมาหวานกันตรงนี้นะคะ"
พนักงานที่จำผมซึ่งเป็นลูกค้าประจำได้ก็เข้ามาเสริฟ์อาหารพร้อมกับแซวพวกผม
"งะ งะ งั้นเรามากินกันเลยดีกว่า ใช่ไหมติน!"
"ชะ ชะ ใช่ครั...เอ้ย ใช่แล้วลิลลี่!"
"น้ำเปล่า ผัดไทย กระเพาไข่ดาวค่ะ"
พนักงานค่อย ๆ วางแก้วน้ำเปล่าพร้อมจานข้าวลงบนโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ เมื่อพนักงานเสริฟ์อาหารเสร็จก็เดินไปทางที่ลิลลี่นั่งอยู่แล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของลิลลี่ว่า
"สู้ ๆ นะคะ เห็นเขาเป็นคนอย่างนี้แต่คู่แข่งเยอะเอาเรื่องนะคะ อ๊ะ แน่นอนว่ารวมถึงฉันด้วยนะคะ"
"เอ๋!?" ลิลลี่ส่งเสียงแปลก ๆ ออกมาพร้อมด้วยหน้าที่แดงก่ำ
"เอ่อ คุยอะไรกันหรอครับ...."
เมื่อพนักงานพูดเสร็จก็ยิ้มให้แล้วหันหลังเดินกลับไป ผมกับลิลลี่ก็เริ่มกินอาหารที่ตัวเองสั่งมา
เริ่มกินไปได้สักพัก ผมก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ต้นเสียงน่าจะมาจากลิลลี่ ผมเลยเงยหน้ามองไปที่เธอทำให้ผมเห็นว่าลิลลี่หน้าแดงอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้หน้าแดงเพราะเขินแน่ ๆ เพราะว่าเธอปากแดงแล้วก็หน้าตาไหลด้วยยังไงล่ะ
"เผ็ดอ่า~"
"ฮ่า ๆ ๆ"
"ตินขำอะไรห๊ะ!"
"ฮ่า ๆ โทษที ๆ ดันเห็นสาวน่ารัก ๆ ร้องไห้แล้วสิ"
"โธ่! ตินขี้แกล้งอะ"
"ฮ่า ๆ"
"รับผิดชอบเลยนะ"
ลิลลี่พุดพร้อมกับทำหน้าโมโหใส่ผมแบบน่ารัก ๆ
"จะให้ทำอะไรล่ะ"
"ช่วยกินที่เหลือหน่อยสิ"
"เอ๊ะ ผมกินสองจานไม่ไหวหรอก"
"หึ! ง่าย ๆ ก็สลับจานกันสิ!"
"ห๊ะ?"
ผมรู้สึกงงนิดหน่อยกับข้อเสนอของลิลลี่ แต่ผมก็ยอมรับแต่โดยดีเพราะสงสารบวกกับกลัวโดนด่าเพิ่ม
ผมยกจานของผมให้ลิลลี่แล้วค่อยยกจานของลิลลี่มาตรงหน้าผม ตอนนี้ผมสลับจานกับลิลลี่เรียบร้อยแล้ว เมื่อสลับจานเสร็จด้วยความหิวผมเลยใช้ช้อนซ้อมที่อยู่ในจานกินกระเพาเข้าไป เมื่อผมตักข้าวใส่ปากเสร็จก็นึกเรื่องที่สำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ใช่แล้วครับ ผมลืมสลับช้อนซ้อมกับคุณลิลลี่ครับ! ผมที่คิดได้ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ
"หึ ๆ ๆ นายติดกับของฉันของสินะเจ้าหมาน้อยผู้หลงทาง"
"วางแผนไว้แล้วใช่ไหม! ใช่ไหม?"
ผมได้ยินเสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองของลิลลี่เลยเงยหน้าขึ้นไปเห็นเธอกำลังยิ้มแบบชั่วร้ายอยู่
"เท่านี้ก็หายกันแล้วนะ ❤"
"ครับ ๆ"
ดูเหมือนว่าลิลลี่ไม่ได้คิดอะไรมากด้วย ผมเลยปล่อยผ่านไป
ตอนนี้เวลา 12 : 40 และคาบต่อไปก็เริ่ม 13 : 10 ซึ่งหมายความว่าได้เวลากลับโรงเรียนแล้ว ผมเลยพาลิลลี่เดินไปที่ป้ายรถเมล์
พวกเรามาถึงป้ายรถเมล์แล้ว แต่ผมรู้สึกแปลก ๆ ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมมันเวิ้งว้างพอคิดว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองของพวกเรามันจบลงแล้ว ลิลลี่เห็นต้นถอนหายใจก็นึกสงสัยเลยถามไป
"ติน เป็นอะไรหรอ?"
"อ้อ ผมไม่เป็นอะไรหรอก..."
"งั้นหรอ แล้วทำไมหน้าตาดุเศร้า ๆ ละ มากินข้าวกับฉันไม่สนุกหรอ"
ลิลลี่พูดด้วยสีหน้าที่กังวลเป็นอย่ามาก ผมเห็นอย่างงั้นเลยตอบกลับลิลลี่ไปทันที
"ไม่หรอก แค่คิดว่าช่วงเวลาในพักกลางวันของเธอกับผมมันหมดเร็วจังนะ"
ผมพูดด้วยสีหน้าที่ปลงกับทุกสิ่ง ลิลลี่เห็นผมอย่างนั้นเลยตอบกลับมาว่า
"งั้นพรุ่งนี้พวกเรามากินด้วยกันอีกนะ"
เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่เบิกบานให้กับผม ความเวิ้งว้างในหัวใจของผมกลายเป็นความสุขที่เอ่อล้นออกมา
"ครับ!!"
ทันใดนั้นรถเมล์ก็มาพอดี ผมให้คุณลิลลี่ขึ้นก่อนแล้วผมขึ้นตาม คุณลิลลี่เดินไปนั่งที่ ๆ สามารถนั่งสองคนได้ ผมเลยเดินไปนั่งกับเธอ แล้วพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่าสนุกสนาน
ถ้าหากผมสามารถขอพลังจากเทพเจ้าได้หนึ่งอย่างละก็ผมจะขอพลังควบคุมเวลามา เพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะผมอยากหยุดเวลานี้ไว้ตลอดไป เวลาที่ผมและเธอได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแบบนี้อะนะ
ถ้าไปสวีทในร้านอาหาร รสชาติอาหารของคนโสดจะเลี่ยนนะครับจำไว้ให้ดี