เสียงย่ำเท้าดังสวบสาบบนทางเดินชื้นแฉะที่ถูกชโลมด้วยละอองฝนและหมอกหนาที่โรยตัวลงมายังพื้นดิน ตามทางเดินเล็กๆมีหินที่โดนตะไคร้เกาะ ดินโคลน ทั้งยังมีไม้พุ่มเตี้ยที่ขึ้นเป็นหย่อมๆกระจายอยู่ทั่วป่า มองทิศใดก็เจอแต่ต้นไม้สูงเต็มไปหมด วิสัยทัศน์แทบจะมองไม่เห็น ด้วยมีหมอกขาวขุ่นครอบคลุมทั้งป่า ท่ามกลางป่าเย็นชื้นยังมีเสียงหวีดหวิวของสายลมเบาบางที่พัดผ่านเป็นระยะ และนั่นชวนให้หวั่นระแวงทุกก้าวที่เดิน อากาศเย็นเยือกพาขนอ่อนตามร่างกายลุกชันอย่างห้ามไม่ได้ เจคได้แต่ยกแขนขึ้นมาลูบซ้ำไปมาหวังจะบรรเทาอาการหนาวเย็นลงได้ สองขายาวก้าวตามทางหญ้าเตี้ยๆที่พอจะเดินได้ เจคคิดว่าหากเขาก้าวออกไปจากเส้นทางแฉะๆนี้เขาคงหลงในป่าเป็นแน่ แต่ว่ายิ่งก้าวเดินไปข้างหน้า อากาศยิ่งเย็นลงจนเจคต้องดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะ เขาเดินอยู่สักพักหนึ่ง จู่ๆมีลมหอบเล็กๆ พักมาปะทะใบหน้า พร้อมกับกลิ่นประหลาดที่ลอยตามลมมา
หอม
เจคได้กลิ่นหอมประหลาดปนมากับสายลมเมื่อกี้ กลิ่นที่เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร รู้เพียงแต่ว่ามันหอมมากจนเขาเผลอสูดเข้าไปหลายที เส้นทางด้านหน้าทอดยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่หากเขาไม่ก้าวต่อ คงไม่รู้ว่ากลิ่นนี้มาจากไหนแน่นอน ความอยากรู้นี้จึงทำให้เจคก้าวเดินต่อ แต่ทว่าเมื่อเขาจะก้าวไปทางด้านหน้ากลับมีหมอกหนาโรยคลุ้งลงมาพร้อมเงาดำคล้ายว่าเป็นชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดคลุมสีดำมีหมวกยาวระพื้นดิน ดูไปคล้ายชุดคลุมพ่อมดที่เขาเห็นในหนังที่เพื่อนชอบดู เงาของคนหรืออาจไม่ใช่นั้นยืนอยู่ท่ามกลางหมอกสีเทา ไร้การขยับใดๆ และความสงสัยจึงนำพาให้เจคก้าวเดินเข้าใกล้ หวังจะได้ถามทางถ้าหากเขาเป็นคนแถวนี้
กึก…
อะไรกัน ทำไมขาถึงขยับไม่ได้
"เมื่อเวลาเหมาะสม นายเหนือหัวจะหวนคืน.... เวลานั้นใกล้มาถึงแล้ว"
เมื่อสิ้นเสียงนั้น หมอกยิ่งทวีคูณขึ้น หมุนวนราวกับเกิดพายุ ก่อนชายปริศนาจะก้าวเข้าไปในกลุ่มหมอกข้างหลัง ทิ้งให้เจคยืนอยู่กลางป่าใหญ่นี้คนเดียว เจคพยายามจะตามชายคนนั้นไป แต่เขากลับขยับขาไม่ได้นี่สิ! บ้าอะไรเนี่ย!!
"เฮ้ เดี๋ยว! คุณเป็นใคร? Hey!!"
เจคตะโกนเรียกคนตรงหน้าจนสุดเสียง คนตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะได้ยิน ไร้เสียงตอบรับใดๆกลับมา มีเพียงเสียงหวีดหวิวของลมที่พัดผ่าน พร้อมกลิ่นหอมที่จางลงเพียงเท่านั้นที่เป็นคำตอบ
"เดี๋ยว! คุณ! คุณหยุดก่อน คุ….."
กริ๊งงงงงงงงง!
เฮือก!!!
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือบนโต๊ะใกล้ๆเตียงแผดเสียงดังสนั่น จนชายหนุ่มที่นอนจมในความฝันบนเตียงนุ่มสะดุ้งเฮือกทันที
ฝัน…..เขาฝันแบบนี้อีกแล้ว
เช่นเคย เจคตื่นมาเจอกลีบดอกไม้นี่อีกแล้ว ตลอดระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่เขาอายุครบ19ปี เขาก็เริ่มฝันประหลาดนี่ตลอด ทุกครั้งที่ตื่นเขาต้องเจอกับเจ้าดอกไม้ปริศนานี่ทุกที หรือบางทีเขาควรต้องมาคิดแล้วว่าสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในฝันนั้นมันคืออะไร มันเกี่ยวอะไรกับเขากัน ทำไมถึงเอาแต่ฝันแบบนี้อยู่เรื่อย
ก่อนจะคิดไปต่างๆนานา เสียงเรียกจากหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน ดังชนิดที่ตึกข้างๆคงได้ยินด้วย คงเป็นพี่ชายของเขาละมั้งที่ขึ้นมา
สุดท้ายแล้วเจคจึงลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป เพราะวันนี้เขามีสอบที่มหาวิทยาลัย เขาคงต้องรีบเสียแล้ว และเรื่องฝัน ค่อยมาหาคำตอบทีหลังแล้วกัน ขืนนั่งคิดตอนนี้มีหวังพี่ชายสุดที่รักของเขาคงได้พังประตูเข้ามาลากคอเขาแน่นอน
เจคใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้นกับการจัดตัวเองในห้องก่อนที่จะลงมาข้างล่าง อย่าที่เจเดาไว้ไม่ผิด แค่โผล่พ้นขอบบันไดขั้นสุดท้าย เสียงจากห้องครัวก็ตะโกนลั่นออกมาทันที
ให้ตายเถอะ ไม่มีครั้งไหนเลยที่พี่ชายเขาจะพูดปกติ
"เจค! พี่บอกให้รีบไง นายมีสอบนะ ไอ้เด็กคนนี้"
"เงียบเถอะน่าจูโน่ ผมทันอยู่แล้วน่า"
เจคตอบกลับทันควัน ไม่อย่างนั้นเมื้อเช้าของเขาคงจบลงด้วยการกินแซนด์วิชพร้อมบทสวดจากจูโน่เป็นแน่ ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขาเมื่อไหร่จะเลิกบ่นเสียที เขาโตจนจะจบมหาลัยอยู่แล้วนะ
ให้ตายเถอะ เขาพูดคำนี้จนเบื่อแล้ว
ประเทศอังกฤษเขาว่ากันว่าใน 1 วันมีอยู่ 4 ฤดูนั้นไม่เกินจริงแต่อย่างใด เช้าของวันศุกร์นี้แสนจะอึมครึมไปด้วยเมฆครึ้ม มันบดบังแสงอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น อากาศวันนี้แสนจะแย่ มองไปซ้ายขวาผู้คนเดินเลียบฟุตบาทต่างพกร่มแนบข้างกันทั้งนั้น เป็นเรื่องชินตาที่เห็นได้ทั่วไป
ใครจะรู้กันล่ะว่าวันนี้นครหลวงจะมีสภาพอากาศอย่างไร แม้แต่พยากรณ์อากาศยังไม่แน่นอน เจคเองไม่ชอบพกของสิ่งใดนอกจากกระเป๋าสะพายหลังก็เป็นต้องกลอกตาทุกครั้งไป เพราะจูโน่บ่นอยู่ทุกวันเรื่องพกสิ่งของจำเป็น ถึงเขาไม่หยิบมันมา จูโน่ก็ยัดใส่มืออยู่ดี
แล้วใครสนกันล่ะ
ขายยาวใต้กางเกงตัวโคร่งสีเทาก้าวตามทางเดินอย่างเฉื่อยชา ใบหน้าได้รูปนั้นจดจ่ออยู่กับหน้าจอไอแพดที่เขาแนบไฟล์ข้อสอบไว้ พร้อมเพลงของศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษที่โปรดแสนโปรดอย่าง Ed sheeran
อย่างน้อยเขาก็เหลือเวลาก่อนเข้าสอบตั้ง 1 ชั่วโมง จะยังไงก็ทันแน่นอน
เจคเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยดังเก่าแก่ที่ถ้าหากพูดถึงคงไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่ ใช่ มหาวิทยาลัยที่เจคเรียนคือ Oxford มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอังกฤษ และได้ชื่อว่าเป็นสถานศึกษาชั้นนำระดับโลกที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ เจคเรียนคณะ History of Art หรือ ประวัติศาสตร์ศิลปะ
แน่นอน ใครๆก็บอกว่าไม่น่าเชื่อ
แต่เชื่อเถอะ เขาชอบงานศิลป์พอๆกับชอบแกล้งจูโน่เลยทีเดียว
ใช้เวลาจากอะพาร์ตเมนต์จนถึงมหาวิทยาลัยเพียง 15 นาทีเท่านั้น ก็ถึงทางเข้าคณะของเจค นักศึกษาหลายคนต่างก้มหน้าก้มตาจดจ่อกับเอกสารหรือหนังสือเพื่ออ่านก่อนเข้าสอบกันทั้งสิ้น
มีเพื่อนชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาขี้เล่นยืนโบกมือให้เจคตรงระเบียงทางขึ้นเท่านั้นที่ไม่ได้จดจ่อกับการอ่านแต่อย่างใด
"เฮ้! เจค! ทางนี้ วู้ว!!"
"เลิกเสียงดังน่าเกรย์"
ผ่านไปสามชั่วโมง และแล้วชั่วโมงแห่งการสอบผ่านพ้นไป นักศึกษาต่างพากันออกจากห้องสอบด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน บ้างก็มีสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ บ้างก็ปลงตก ก็แน่นอนว่าวันนี้สอบตัวสุดท้ายแล้ว เหลือแค่งานชิ้นที่ต้องส่งแยกเท่านั้น เหล่านักศึกษาปี4 อย่างเจคและเกรย์ก็จะจบออกไป เจคออกมาจากห้องสอบด้วยใบหน้ามึนตึง จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายจะว่ายากก็ไม่ยาก ต่างกันกับเกรย์ที่ทำหน้าซังกะตายอยู่ระเบียงทางเดิน
"โอ่ยยย ให้ตายเถอะเจค นายจะทำจนมหาวิทยาลัยปิดเลยมั้ย ฉันจะอ้วกแล้ว จากใจเลยนะ อาจารย์ออกข้อสอบได้บ้ามาก มีอย่างที่ไหนให้฿@@฿ () & (/,) &..."
พ่อหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงชาวเกาหลีใต้ ได้แต่ขยุ้มผมของตัวเองจนไม่ได้ทรงไปหมด เจคได้แต่ทำหน้าเอือมๆกับเพื่อน ก็เมื่อเข้ายังทำหน้าลิงโลดอยู่แท้ๆ
"แล้วนายจะเอาไงกับงานที่อาจารย์ชิ้นสุดท้าย"
หลังจากระบายอารมณ์จนพอใจ เกรย์ก็กลับมาถามเจคด้วยใบหน้าเหนื่อยใจอีกรอบ สอบเสร็จแต่งานยังไม่เสร็จนี่มันดีใจไม่สุดจริงๆ
"ว่าจะลองไปค้นที่ห้องสมุดดู เผื่อได้ข้อมูลดีๆ"
"Good idea งั้นเป็นวันหลังเถอะเจค เออ นี่คืนนี้นายจะออกไปที่ The God Bar มั้ย "
"คงตามไป ฉันยังไม่ได้บอกจูโน่"
"พี่นายไม่บ่นหรอก นายโตขนาดนี้แล้ว"
เจคนึกถึงหน้าพี่ชายแล้วได้แต่ทำหน้าเอือม พี่ชายเขาน่ะยังเห็นเขาเป็นเด็กชายดูละมั้งถึงได้ทำอย่างกับว่าเป็นเด็กเหมือนแต่ก่อนไม่เปลี่ยน
"โอเค งั้นเจอกันที่หน้าร้านทุ่มครึ่งละกัน ฉันกลับละ"
"ตามนั้น"
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!