"มึงตื่นได้แหละ เลิกเพ้อเจ้อฝันกลางวันสักที"
ผมพูดเสียงเรียบแล้วส่ายหัวเบาๆ จากนั้นหมุนตัวไปดูเนื้อสดอย่างไม่คิดที่จะพูดคุยอะไรกับนับหนึ่งต่ออีก เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอพลั้งพูดอะไรมีพิรุธออกไป
ดังนั้นผมต้องถอยไปสงบสติก่อน
แม้จะเดินหนีออกมาก็ยังรู้สึกสายตาเจ้าเล่ห์รอยยิ้มเจ้าชู้ตามหลังมาไม่ห่างจนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สงบจิตสงบใจแล้วโฟกัสไปที่การเลือกเนื้อหนู
นับหนึ่งเดินมาหยุดข้างๆ ถามอย่างไม่ยอมแพ้ "เมื่อกี้มึงไม่หึงจริงๆ เหรอ"
"..." ไม่สน
"เขามาจีบกูเลยนะ"
"..." เรื่องของมึงสิ
นับหนึ่งหน้าบึ้ง "ทำไมมึงไม่หึงอ่ะ"
ไอ้นี่ก็บ้านะ คนเขาไม่หึงยังจะให้หึงอีก
เห็นผมไม่ตอบก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และผมขี้เกียจฟังมันพร่ำบ่นพร่ำอ้อนวอนให้หึงแล้วจึงพูดตัดบท
"มึงรู้จักคำว่าชินมั้ย"
"...!"
"กูชินแล้ว"
หึงนับหนึ่งงั้นเหรอ
ผมเคยหึงมันมานับไม่ถ้วนแล้ว
แต่หึงแล้วผมทำอะไรได้?
สุดท้าย...วันหนึ่งผมก็รู้ตัวว่าไม่ควรไปหึงหวง
ไม่ควรก้าวล้ำคำว่าเพื่อน
จึงได้แต่เก็บความรู้สึกในไว้ลึกๆ
ดังนั้นความรู้สึกหึงหวงต่อนับหนึ่งจึงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น
"มึงได้คำตอบแล้วนะ" ผมหันไปยกยิ้มบางให้อีกฝ่ายที่นิ่งอึ้งไปก่อนจะหันมาสนใจเนื้อหมูต่อ
นับหนึ่งคล้ายวิญญาณหลุดไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพูดเบาๆ "ขอโทษ"
"อืม" ขานรับเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ
แอบได้ยินเสียงสูดหายใจผ่อนลมหายใจดังจากข้างๆ เหมือนกำลังพยายามอดทนอดกลั้นอยู่จากนั้นนับหนึ่งก็ชี้นิ้วไปที่หมูเนื้อแดง "เลือกให้หน่อย"
เมื่อมันพยายามเปลี่ยนเรื่อง ผมจึงตามน้ำไปเพื่อให้บรรยากาศระหว่างเรามันดีขึ้น
ผมนิ่วหน้า "มึงจะทำก็ควรเลือกเองมั้ย" ขมวดคิ้วแน่น
"เลือกไม่เป็น" นับหนึ่งยักไหล่ว่าหน้าตาย "เลือกให้หน่อย!"
"ขึ้นเสียงทำไม"
"ปะ เปล่า" นับหนึ่งทำหน้าจ๋อยแล้วพูดใหม่ด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก "ควินซ์ เลือกหมูให้หน่อยนะ นะ นะ"
เสียงออดอ้อนไม่พอมันยังทำตาปริบๆ อีก
หันหน้าหนี "เลือกวัตถุดิบไม่เป็นแล้วยังทำอาหารได้อีกเหรอ" ว่าอย่างดูแคลนแล้วหยิบถุงหยิบที่คีบมาเลือกเนื้อหมู
"ปกติกูเปิดตู้เย็นแล้วก็หยิบมาทำ" ลืมไปว่ามันคุณชาย "เลือกซื้อของสดเดินตลาดไม่เคยทำ"
"แล้วตกลงเย็นนี้จะทำอะไร"
"หมูผัดขิง" มันทำหน้านึก "แกงจืดแล้วก็ผัดผัก"
เมนูง่ายกว่านี้มีอีกมั้ยนะ อยากจะเอ่ยแขวะแต่เห็นมันตั้งใจทุ่มเทอยากทำมื้อเย็นให้ผมเลยไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจแสนบอบบางของมัน
"โธ่ หมูผัดขิงก็ของโปรดมึงปะควินซ์" เห็นนับหนึ่งรับรู้สายตาดูถูกของผมจึงสวนกลับมา
ผมหัวเราะแห้งๆ อย่างอับอายเป็นการตอบรับ "งั้นเหรอ"
"เหอะ!" นับหนึ่งแค่นเสียงเยาะในลำคออย่างงอนๆ
จนแล้วจนรอดผมช่วยนับหนึ่งเลือกผักกับเนื้อหมูจนได้ของครบ พอบอกว่าผมจะทำอาหารเองก็ไม่ให้อีก โธ่ พ่อครัวอะไรแค่ดูวัตถุยังดูไม่เป็น
จะรอดมั้ยเนี่ย
กระเพาะลำไส้ผมเนี่ย จะรอดมั้ย โฮ!
"มาม่ะ เดี๋ยวป๋าจ่ายเองนะอิหนู"
"ใครอิหนูมึง!" ผมฟาดมือให้ต้นแขนมันอย่างแรงจนอีกฝ่ายร้องโอดโอยอย่างโอเว่อร์
"เจ็บนะ คืนนี้มาทายาให้ด้วย!"
เอายายัดปากสิไม่ว่า พอเห็นผมเริ่มอารมณ์ปกติแล้วก็กลับมากวนส้นตีนต่อทำเอาผมปวดหัวอยู่เหมือนกัน มึงกลับเป็นหมาหงอยต่อเถอะ
เดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน แน่นอนว่าผมมากับป๋าทั้งคน มีหรือที่ผมจะต้องออกเงิน หลังจากซื้อของเรียบร้อยแล้วก็แยกกันขับรถใครรถมันตรงไปยังบ้านของผม
บ้านของผมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรราคายี่สิบล้าน แน่นอนว่ายังผ่อนไม่หมด
"กูขึ้นไปจัดกระเป๋าก่อนนะ" ผมหันไปบอกนับหนึ่งตอนที่เราเดินเข้ามาในบ้าน
"อืม จะทำอาหารรอ" นับหนึ่งพยักหน้าแล้วหอบสารพัดถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไปในครัวอย่างชำนาญทาง แน่นอนสิ มันมาบ้านผมบ่อยก็ต้องรู้ทางเป็นธรรมดา
เดินขึ้นบันไดมาได้สามสี่ขั้นก็ไม่ลืมที่จะหันไปตะโกนตามหลัง "อย่าทำบ้านกูไฟไหม้นะเว้ย!"
"ไหม้ก็ไหม้สิ"
"นี่บ้านกูมั้ย"
"เรื่องของบ้านมึงสิ" นับหนึ่งตะโกนกลับมา
"ถ้าบ้านหลังนี้ไฟไหม้ มึงก็ซื้อบ้านใหม่ให้กูด้วยแล้วกัน" ผมหัวเราะหึแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน "เอาหลังละร้อยล้านด้วย"
เริ่มรู้สึกอยากให้บ้านตัวเองไฟไหม้ขึ้นมาซะงั้น... ผมหัวเราะให้กับความคิดบ้าบอตัวเองแล้วส่ายหัว พอๆ ไปเก็บกระเป๋าดีกว่า
เดินไปได้สามสี่ก้าวพลันเสียงในครัวดังตามมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนทว่าหนักแน่นและจริงจัง
"ไม่ซื้อ เปลือง"
ไม่มีบ้านแล้วกูจะไปอยู่ไหนฮะ
"เพราะอนาคตยังไงมึงก็ต้องไปอยู่บ้านกู"
"..."
"กูจริงจังนะ ควินซ์"
ผมเม้มปากแน่นแล้ววิ่งตึกๆ หนีขึ้นห้องทันที เมื่อขึ้นห้องมาแล้วก็รีบปิดประตูล็อกห้องแล้วเดินไปนั่งพักบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนราวกับถูกสูบพลังงานไปจนหมดทั้งทีวันนี้แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักตรงหัวเตียง ข้างในมีของอยู่มากมายวางผสมปนเปกันไป มีทั้งขวดน้ำหอม เสื้อ นาฬิกาและอีกมากมาย
ยื่นมือเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่ถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบขึ้นมา ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนคลี่ออกช้าๆ ทำให้เห็นรอยเลือดสีเข้มตรงกลางขนาดใหญ่แม้ว่าจะซักไปแล้วก็ยังคงทิ้งรอยไว้เด่นชัด
แววตาของผมสับสนวุ่นวายราวกับไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง
"...ทั้งที่ตัดใจไปแล้วแท้ๆ"
แล้วแบบนี้...ผมควรทำยังไงกับนับหนึ่งดี