ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยหลังจากได้ฟังนับสองพูดออกมาแบบนั้น
ควินซ์จะเขินงั้นเหรอ
ผมจะได้เห็นควินซ์เขินเหรอ!
อยากเห็นชะมัด
(อย่าเพิ่งรีบมโน ฟังผมให้จบก่อน อย่าเพิ่งไปคิดทำยังไงให้พี่ควินซ์เขิน) ใครมโน พูดให้มันดีๆ (ไปคิดก่อนว่าทำยังไงถึงจะทำให้พี่ควินซ์เชื่อว่าป๋าชอบเขาจริงๆ ฮ่าๆๆ อันนี้สิยาก ก๊ากกก)
ผมหน้าตึง "ขำมากนักรึไง"
(แน่สิ แค่คิดว่าป๋าเดินไปบอกพี่ควินซ์ว่าชอบ พี่เขาคงจับป๋าโยนเข้าโรงพยาบาลแล้ว) เสียงดูสะใจเหลือเกินนะ
"ยังอยากแต่งงานกับไอ้เก้าอยู่มั้ย!"
ปลายสายกลั้วหัวเราะ (ไม่เป็นไร งานแต่งผมยังรอได้ แต่งานแต่งพี่ควินซ์สิ... ฮ่าๆ เอ๋ พี่เขาว่าจะรีบหาเจ้าสาวมาแต่งปีนี้รึเปล่านะ ป๋าอยากจะยืดเวลาแกล้งผมกับพี่เก้าต่อก็ได้นะ หึๆๆ)
"นับสอง!" เส้นเลือดบนขมับของผมแทบจะปริแตกกับคำยั่วยุของน้องชาย
(ว้ายๆ โมโหซะแล้ว ไปให้พี่เก้าปลอบดีกว่า แง๊ พี่เก้าาา ป๋าดุนับอีกแล้ววว)
(พี่ทอดเฟรนซ์ฟรานอยู่ อย่าเพิ่งกอด น้ำมันจะกระเด็น)
โว้ย! โดนสวีตหวานใส่อีก ฮึ่ย
ผมรีบกดตัดสายก่อนที่จะได้ยินอะไรที่มันแสลงหูไปมากกว่านี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ยกมือขึ้นปลดเนคไทออกแล้วโยนมันทิ้งลงบนโต๊ะทำงานจากนั้นก็หยิบกระเป๋าตังค์กับกุญแจรถเดินออกไปหน้าห้อง
"ควินซ์ ไปกินข้าวกัน" พูดโพล่งออกไปแล้วก็มองคนร่างสูงโปร่งที่กำลังจัดแฟ้มงานให้เข้าที่อยู่
"จะไปร้านไหน" ถามแล้วยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
"ยังไม่รู้เหมือนกัน" ผมเอามือหนึ่งล้วงกระเป๋าแล้วอีกมือก็โยนกุญแจรถเล่น "ขับรถไปก่อน เดี๋ยวค่อยคิด"
ตอนนี้ในหัวของผมมันสับสนไปหมดเพราะคำพูดของนับสอง เลยยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกับตัวเอง แล้วยิ่งออกมาเจอหน้าควินซ์ยิ่งคิดไม่ออกหนักกว่าเดิมว่าควรจะบอกชอบเขายังไง จะทำยังไงให้เขารู้ว่าผมชอบเขาจริงๆ
ให้ผมไปเล่นหุ้นเอากำไรร้อยล้านยังไม่เครียดเท่านี้เลย!
"จะขับรถเอง?" นัยน์ตาสวยตวัดมองพวงกุญแจรถในมือผม
"อืม" ดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ "ตอนนี้ก็ดึกแล้ว รถไม่น่าติด" น่าจะขับได้สบายๆ นะ คิดว่างั้น
ควินซ์พยักหน้าแล้วหยิบเสื้อสูทตัวนอกมาถือไว้ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินตามหลังผมเข้ามาในลิฟต์ ยื่นมือไปกดเลขชั้นจอดรถ
"พรุ่งนี้มีงานอะไรบ้าง" ผมถามอย่างเคยชินพลางมองตัวเลขที่กำลังไล่ระดับลง
"พรุ่งนี้มีแค่แจกงานแล้วก็สั่งงานให้หัวหน้าแผนก เหมือนกับทุกครั้งก่อนไปจีน" ควินซ์ว่าอย่างสบายๆ แล้วขยับหมุนคออย่างเมื่อยล้า "จะไม่เข้าบริษัทก็ได้ โทรสั่งให้คนมาเอางานที่โต๊ะกูเลยก็ได้"
"พูดแบบนี้พรุ่งนี้มึงจะไม่เข้าบริษัทแล้วหนีไปเดทใช่มั้ย" สีหน้าของผมตึงขึ้นทันควัน
"กูอยากไปนวดตัวไปสปาต่างหาก ปวดคอ" ยกมือขึ้นนวดหลังคอแล้วเบ้ปากเหมือนเจ็บ "อยากไปจีนแบบสบายๆ ตัวมีแรงเดินช้อปปิ้ง"
ควินซ์เป็นคนที่บ้าช้อปปิ้งมากและสามารถเดินช้อปได้ทั้งวัน ตอนไปทำงานที่อังกฤษมันก็ช้อปตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันสี่ทุ่มถึงจะกลับมาโรงแรม
แน่นอนว่าผมต้องนอนรออยู่ที่โรงแรมอยุ่แล้ว ใครมันจะไปเดินตามไหวกัน
แต่ครั้งนี้ผมจะต้องลองเดินช้อปปิ้งกับมัน
จะไปเปย์มันนี่แหละ! เปย์จนกว่าจะได้ควินซ์นั่นแหละ หึหึ
"งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทแล้วกัน" ผมว่าแล้วกดรีโมทปลดล็อกรถหรูสีน้ำเงินเข้มตรงหน้า "ถือว่าพักผ่อนเอาแรงก่อนขึ้นเครื่องไปจีน"
"มึงพูดจริงนะ" ควินซ์มีสีหน้าสดใสขึ้นมาทันทีแล้วยิ้มตาปิด "บอสช่างเป็นคนดีจริงๆ เลย น่ารักว่ะ"
นะ น่ารักเหรอ
ควินซ์ ควินซ์กำลังชมผมอ่ะ!
ผมเปรยตามองมันเล็กน้อยแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นพยายามเก๊กหน้าขรึมไม่สนใจแต่ในใจคือลิงโลดวิ่งลงทุ่งลาเวนเดอร์แล้ว และผมก็นึกถึงคำพูดนับสองที่ให้ผมพยายามทำตัวดีๆ กับควินซ์
หมายถึงต้องเอาอกเอาใจสินะ!
"พรุ่งนี้มึงจะไปไหน นวดแผนไทย? สปาตัว?" ถามพลางก้าวขึ้นรถประจำตำแหน่งคนขับ ควินซ์เปิดประตูรถและสอดตัวเข้ามานั่งแล้วเอากระเป๋ากับเสื้อตัวนอกไปวางที่เบาะหลังก่อนจะตอบผม
"ไปนวดแผนไทยก่อนตอนเช้าแล้วบ่ายไปทำสปา" ควินซ์ค่อนข้างเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองหนักมาก สปาตัวสปาผิวสปาหน้าคอร์สหน้าใสขัดผิดขัดหน้าก็ไปทำหมด ค่อนข้างเป็นผู้ชายเจ้าสำอางเลย "ถามทำไม จะไปด้วย?"
"อืม" กดเปิดหลังคารถเพื่อจะได้รับลมเย็นๆ อ้อ รถของผมเป็นบีเอ็มรุ่นใหม่ล่าสุด ราคาก็เบาๆ ยี่สิบล้าน คันนี้พี่ออสตินซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว ส่วนวันเกิดปีนี้เขาให้เกาะส่วนตัวในอเมริกามา ราคาราวๆ พันล้านได้ แน่นอนว่าผมตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นเหมือนกัน
อันที่จริงพวกพี่ๆ เขาก็ดูแลผมดีนะ ถึงจะไม่ได้แสดงออกคลั่งรักจะเป็นจะตายแบบที่ทำกับนับสองก็เถอะ ผมโตกว่านับสองซ้ำยังเด็กกว่าพวกพี่เขาแค่ปีเดียวเองด้วย มันคงกระอักกระอ่วนไม่น้อยถ้าผมได้รับความรักแบบนับสอง
ผมคลั่งนับสองก็จริงแต่ยังไม่เท่าพี่ไอกับพี่ออสติน ยังมีสติมากกว่านิดนึง...มั้งนะ
"กูชวนตั้งหลายครั้งไม่เห็นสนใจ" ควินซ์ทำหน้าแปลกใจ
"ตอนนี้สนใจแล้วไง"
สนใจมึงนะ ไม่ได้สนใจไอ้นวดแผนทงแผนไทย
"งั้นกูจองเผื่อมึงเลยแล้วกัน" เสียงทุ้มใสว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไลน์
"เอาห้องส่วนตัวนะ" เตือนก่อน
"เออ ร้านที่กูไปนี่เกรดระดับโรงแรมห้าดาวเลย มึงพอใจแน่ไอ้ป๋า" แขวะเข้าให้แล้วก็บ่นงึมงำ "เกรดห้าดาวไม่พอ ราคาแม่งก็ห้าดาวอีก"
"แพงมากเหรอ" ผมถามอย่างสนใจพลางหักพวงมาลัยแซงรถที่ขับช้าเป็นเต่า
"หลักหมื่น"
"ถูกดีออก"
"มึงมันคนรวยมั้ย ไอ้ป๋า" คนหน้าสวยแว้ดใส่แล้วเท้าคางมองวิวด้านข้างยกมือขึ้นเสยผมที่พัดปลิวไปตามลม "ถึงมึงจะให้เงินเดือนกูเยอะ แต่ใช่ว่ากูจะรวยนะ"
"มึงรวยได้ถ้ามึงเก็บเงิน ควินซ์" ผมส่ายหัวไปมา "มึงเล่นเอเงินไปช้อปปิ้งหมด เงินจะเหลือให้มึงมั้ย"
ควินซ์ทำงานเก่งและเก่งรอบด้านแต่ข้อเสียสุดๆ คือใช้เงินไม่ยั้งมือ เรียกว่าฟุ่มเฟือยในระดับหนึ่ง ไม่เป็นหนี้ไม่เงินติดลบก็จริงแต่เงินเก็บเองก็ไม่เยอะ
เคยบอกให้เอาเงินไปลงทุนหุ้นลงทุนซื้อหลักทรัพย์ก็ไม่เอา บอกจะเอาไปซื้อเสื้อผ้าไปซื้อคอนโด
คนถูกบ่นทำหน้าสลด "ของมันต้องมี มึงเข้าใจมั้ย"
ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วยื่นมือไปเปิดเพลงให้มันคลอไปเบาๆ "มึงอยากมีเงินใช้ตลอดชีวิตมั้ย"
"ใครบ้างที่ไม่อยากมีเงินใช้ตลอดชีวิต" มันหันมามองผมเหมือนผมคือคนโง่ที่ถามอะไรโง่ๆ อีกแล้ว "แล้วมึงมีคำแนะนำรึไง อยากมีเงินใช้ตลอดชีวิตเนี่ย"
บีบพวงมาลัยแน่นขึ้น รู้สึกเหงื่อซึมออกมาตามไรผมนิดๆ...
"มาเป็นแฟนกูสิ"
[ควินซ์]
"กูว่าพรุ่งนี้มึงไม่ต้องไปนวดแผนไทยกับกูแล้ว"
"เดี๋ยวสิ"
"ไปโรงพยาบาลตรวจสมองหน่อยเถอะ ดูท่าจะมีปัญหาแล้ว"
ผมหัวเราะเบาๆ จริงๆ แล้วอยากจะหัวเราะให้ปอดโยกอยู่เหมือนกันนะ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ ให้ไปเป็นแฟนมันเนี่ยนะ ตลกแล้ว มันคงแกล้งผมสินะ
"ไอ้ควินซ์!" นับหนึ่งหันมาถลึงตาใส่ผมเหมือนโกรธ "กูจริงจังอยู่นะ"
"กูก็จริงจังอยู่" ยิ้มอ่อนแล้วยักคิ้ว "จริงจังที่จะพามึงไปตรวจเช็กสมอง" ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นเคาะที่หัวตัวเองเบาๆ
แอบเห็นเส้นเลือดบนขมับของไอ้หนึ่งมันปูดโปนขึ้นมาวับๆ ...ดูเหมือนจะโกรธจริงๆ แล้วแฮะ แต่มันจะโมโหจะโกรธทำไม ในเมื่อมันก็แค่พูดเล่นเอง
"ฮึ่ย" พ่นลมหายใจออกมาอย่างโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากขับรถให้เร็วขึ้นเพื่อระบายความหงุดหงิด "จะกินข้าวร้านไหน!"
อ้าว นี่มันพาลนี่ครับ
"แล้วแต่มึงสิ" ผมไม่อยากเสนอเพราะดูจากอารมณ์ของนับหนึ่งแล้ว พูดอะไรไปคงไม่ถูกใจ
ขอนั่งเงียบๆ ดีกว่า
นับหนึ่งขับรถหน้าบึ้งไปตลอดทางเลย แถมยังขับกวนตีนคันอื่นปาดหน้าไปอีกหลายคันจนผมได้แต่ยิ้มอ่อนส่ายหัวไปมากับการแสดงออกแบบเด็กๆ ของนับหนึ่งและในระหว่างนั้นผมเองก็คุยแชทนัดแนะกับทางร้านนวดแผนไทยจองคิวจองห้องให้เสร็จสรรพ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีจะเห็นว่าเส้นทางที่นับหนึ่งขับมาจะเป็นทางริมแม่น้ำแล้ว อืม แถวนี้มีอยู่สองร้านประจำที่มันชอบมากินข้าว ร้านแรกเป็นร้านบนบกตั้งริมแม่น้ำ ส่วนร้านที่สองจะเป็นล่องเรือไปตามแม่น้ำและนั่งทานอาหารบนดาดฟ้าเรือ แต่ร้านที่สองต้องจองล่วงหน้าและรอบล่องเรือคือหนึ่งทุ่มครึ่งและจะกลับเข้าฝั่งตอนสี่ทุ่มครึ่ง ตอนนี้ใกล้สี่ทุ่มครึ่งแล้วก็คือเรือใกล้เข้าฝั่งและจะปิดร้านปิดครัวแล้ว
สรุปคือวันนี้คงได้ไปกินร้านแรกที่ตั้งอยู่บนบก ร้านนี้วิวสวยอาหารอร่อย
ผมคิดแบบนั้นนะจนตอนที่มาถึงทางแยก ไอ้หนึ่งกลับเลี้ยวไปทางร้านที่สอง... เดี๋ยวๆ มึงจะไปช่วยเขาเก็บร้านรึไง!
"ทำไมมาทางนี้" อดไม่ได้ที่จะถาม
"อยากมา" อ้าว กวนตีนแล้ว
"ร้านมันจะปิดแล้ว" ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเตือนอย่างหวังดี
"กูจะกินร้านนี้และร้านต้องเปิดให้กู" นับหนึ่งว่าหน้าตายและเอาแต่ใจ แววตาดดันเอาเรื่องดูท่าทางยังโกรธผมอยู่แน่ๆ แต่มันจะโกรธทำไมวะ ไม่เข้าใจ
"ร้านมันปิดแล้วหนึ่ง" ผมย้ำ
"ก็กูจะกิน"
เออ แล้วแต่มึงเลยครับ เชิญครับเพื่อน ไม่ขัดครับ
ผมยักไหล่ทำหน้าเมื่อยใส่มันแล้วนั่งเงียบๆ เล่นโทรศัพท์ไป จากนั้นไม่ถึงห้านาทีพวกเราก็มาถึงลานจอดร้านของร้านอาหารที่มีรถจอดเรียงรายเต็มไปหมดพร้อมกับลูกค้าที่เดินออกมาจากร้านอาหาร
มองเลยไปด้านหลังจะเห็นเรือริเวอร์ไซต์จอดเทียบท่าอยู่ อ้อ มันเป็นเรือสำราญที่มีสองชั้น ชั้นบนเป็นพื้นที่ดาดฟ้าและชั้นล่างเป็นห้องแอร์เย็นๆ
นับหนึ่งจอดรถในบริเวณที่ยังว่างและปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยใบหน้านิ่งๆ "ลง"
"มึงคิดจะทำอะไร" ผมถามอย่างระแวงแต่ก็เปิดประตูก้าวลงจากรถ
"ตามมาเถอะ" นับหนึ่งกดปิดหลังคารถเเละกดล็อกรถ
ผมได้เเต่ถอนหายใจเเละส่ายหัวขณะเดียวกันก็เดินตามหลังร่างสูงไปติดๆ เดินจนมาถึงบริเวณหน้าร้านซึ่งมีพนักงานต้อนรับกำลังยืนส่งลูกค้าอยู่
นับหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาพนักงานด้วยท่าทางอันธพาลไม่น้อย…
"ร้านปิดแล้วครับคุณลูกค้า…" พนักงานหันมาพูดยังไม่ทันจบประโยค
"ขอคุยกับเจ้าของร้าน" พูดตัดบทด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง "ไปเรียกมา"
"คือว่า…" สีหน้าของเด็กพนักงานอึ้งไปเล็กน้อยและจะปฏิเสธ
นับหนึ่งเปิดกระเป๋าเงินเเล้วหยิบเเบงค์เทาออกมาห้าใบ "ไปเรียกมา เร็วๆ"
"…" ผม
รู้แล้วว่ารวย ไอ้เหี้ย
เด็กหนุ่มรับเงินไปแบบมึนๆ งงๆ เเล้วก็ตอบรับเดินนำไปพบเจ้าของร้าน ผมนิ่วหน้าเเล้วคว้าเเขนนับหนึ่งไว้เพื่จะถามให้รู้เรื่องว่าจะทำอะไร
"มึงจะทำอะไร หนึ่ง"
"กินข้าว ล่องเรือ" ตอบหน้าตายสนิท
"แต่ร้านจะปิดแล้ว!" ผมตอกย้ำ "แล้วเรือมันล่องเเค่วันละครั้ง"
"งั้นกูจะจ่ายเพิ่ม เหมาร้าน ล่องเรืออีกรอบ" นับหนึ่งถึงต้นเเขนตัวเองออกจากมือผมเเละเปลี่ยนมาจับมือผมเเทน
ซึ่งมันทำให้ผมเลิ่กลั่กไม่น้อย
"มึงกำลังทำอะไรอยู่กันเเน่" ทำอะไรเอาเเต่ใจเกินไปแล้ว "เหมาเรือทำไม"
นับหนึ่งหันกลับมามองผมเเล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
"เพื่อดินเนอร์กับมึงไง ควินซ์"
Commentaire de paragraphe
La fonction de commentaire de paragraphe est maintenant disponible sur le Web ! Déplacez la souris sur n’importe quel paragraphe et cliquez sur l’icône pour ajouter votre commentaire.
De plus, vous pouvez toujours l’activer/désactiver dans les paramètres.
OK