ควินซ์หยิบแก้วค็อกเทลมาดื่มไม่ได้มีท่าทางตกใจหรือสะดุ้งอะไร พยักหน้ารับ "ก็คิดจะไปนอนคอนโดอยู่แล้ว ขืนกูกลับไปนอนบ้านแล้วใครจะปลุกมึงฮะ บอส"
"..." ผม
"ไม่ต้องชวนก็ไปอยู่แล้ว มึงเป็นอะไรปะเนี่ย"
มึงช่วยตื่นเต้นหรือหน้าแดงกับการที่กูชวนไปนอนด้วยหน่อยได้มั้ย?
จะว่าไปก็เคยมีอยู่รอบหนึ่งที่ประชุมเช้าแบบนี้แหละ และผมไม่ตื่น แล้วควินซ์กลับไปนอนบ้าน แน่นอนว่าผมสาย ไปประชุมไม่ทันต้องเลื่อนไปประชุมบ่ายแล้วหลังจากนั้นทุกครั้งที่มีประชุมเช้า ควินซ์ต้องมานอนที่คอนโดผมนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เป็นผมเองก็พูดอะไรแปลกๆ ไป...
ผมหลุบตามองแก้วเหล้า "เออ กูกลัวมึงลืมไง เลยพูดย้ำเฉยๆ"
คนตรงข้ามพยักหน้าแล้วดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มและของกิน จนกระทั่งแก้วเหล้าของผมหมดลง เราก็เช็กบิลและเดินทางกลับ ระหว่างที่ผมอยู่บนรถก็พยายามคิดหาทางบอกให้ควินซ์รู้ถึงความรู้สึกผม
ถ้าบอกไปตรงๆ มันจะดูแปลกไปล่ะมั้ง
จู่ๆ ไปบอกว่าชอบ ควินซ์คงไม่เชื่อ
งั้นผมต้องค่อยๆ เริ่มจีบ
แต่เขาว่าการจีบเพื่อนสนิทมันจะยากมากๆ ก้าวข้ามเฟรนโซนเป็นอะไรที่ไม่มีใครกล้าเสี่ยง คิดถึงเพื่อนคนหนึ่งในสมัยมัธยมที่มันแอบชอบเพื่อนในห้อง หลังจากไปบอกชอบผู้หญิง ก็กลายเป็นผู้หญิงไม่คุยกับมันอีกเลย จากตอนแรกก็คุยเล่นปกติเฮฮาแต่พอบอกความรู้สึกออกไปดันแย่ซะงั้น
คิดถึงเหตุการณ์นี่แล้วใจผมมันก็แป๋วขึ้นมาเลย
หรือจะไม่จีบ?
ถ้ามึงไม่จีบเขาตอนนี้ วันหน้ามึงต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ!
แล้วมันต้องเริ่มจีบยังไง... ผมจีบคนไม่เป็น!
"เป็นอะไรเนี่ย เงียบมาตลอดทางเลย" ควินซ์ถามผมที่เอาแต่ขมวดคิ้วกอดอกตั้งแต่โรงแรมจนมาถึงคอนโด
ผมตอบไปเต็มปากเต็มคำ "คิดเรื่องแผนงานใหม่ของวันพรุ่งนี้อยู่"
"แผนงานใหม่น่าจะทำให้การบริหารสะดวกขึ้น แต่มันต้องปรับหลายอย่าง" ควินซ์กลอกตาไปมา "มันก็สมควรต้องคิดทบทวนเยอะๆ"
เห็นควินซ์เชื่อสนิทใจก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วแล้วกดเลขชั้นที่สามสิบเก้า คอนโดนี้เป็นคอนโดที่ทั้งชั้นจะมีอยู่แค่ห้องเดียว ก็นับว่าเป็นคอนโดหรูราคาแพงติดอันดับหนึ่งในห้าของคอนโดที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศไทย
อ้อ แล้วไม่ต้องถามนะว่าคอนโดบ้านใครที่แพงเป็นอันดับหนึ่ง
บ้านไอ้เก้าไง เฮอะ คอนโดในเครือทีสโตนกวาดไปสามอันดับที่แพงที่สุดในประเทศและเต็มทุกห้องแล้วด้วย เกลียดชะมัด
"ควินซ์ ดูหนังกัน" ตอนนี้มันเพิ่งจะห้าทุ่มหน่อยๆ เอง
"หยุดเลย ไปอาบน้ำแล้วก็นอนพักซะ" เสียงดุว่าพร้อมกับสีหน้าไม่เห็นด้วย
"แต่กูยังไม่ง่วง" ผมไม่ยอมง่ายๆ "ไปดูหนังกับกู"
ในคอนโดของผมมีห้องโฮมเธียร์เตอร์อยู่ มีจอโปรเจกเตอร์ดูหนังขนาดใหญ่ด้วย
"มึงก็ดูไปคนเดียวสิ กูจไปพักผ่อน" ควินซ์ว่าอย่างไร้เยื่อใยแล้วจะเดินไปห้องตัวเอง แต่ผมจับต้นแขนของเขาไว้ก่อนและมันทำให้ควินซ์ชักหงุดหงิด "อะไรของมึงเนี่ย ดูหนังคนเดียวไม่เป็นรึไง"
"ก็กูอยากดูกับมึง" ผมว่าพร้อมกับจ้องตาเพื่อนสนิทไปด้วย
เขินมั้ย เขินมั้ย จะเขินผมรึเปล่า
ตื่นเต้นว่ะ
"มึงจะชวนกูดูหนังผีใช่มั้ยเลยมาชวนกูเนี่ย" ควินซ์ไม่ได้มีความรู้สึกแปลกประหลาดตกใจตกตะลึงบนหน้าเลย เพียงเลิกคิ้วถามผมกลับ "ถ้ามึงดูซัตเตอร์กดติดวิญญาณ บางทีกูอาจจะดูกับมึงก็ได้"
ผมหน้าซีดสิ เพราะผมเป็นคนกลัวผี โคตรกลัวเลยและไม่แตะหนังผีด้วย แน่นอนว่าควินซ์ก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
กำลังจะอ้าปากปฏิเสธก็ดันมีไอเดียบรรเจิดเกิดขึ้นในหัวซะก่อนและมันทำให้ผมต้องพยักหน้าตอบรับ "ก็เอาสิ ดูก็ดู"
คนชวนดูหนังผีมีสีหน้าประหลาดใจทันที "หือ กูฟังผิดรึเปล่าเนี่ย"
"เออ กูจะดู" ย้ำเสียงหนักแน่นแต่ตามขมับก็เริ่มมีเหงื่อไรซึมนิดๆ
"แน่ใจว่าจะไม่ร้องลั่นห้อง" รอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้ผมรู้สึกอับอายนิดๆ เพราะรู้เลยว่าตอนนี้ควินซ์กำลังยกเรื่องวีรกรรมเก่าในครั้งก่อนตอนที่ผมดูหนังผีมาพูด
"ตอนนั้นกูยังเด็กเว้ย ตอนนี้จิตใจแข็งแกร่งแล้ว" เออ สามสิบสองแลว้นะ ยังจะมากลัวผีอีกเหรอ ไม่มีทาง!
"ได้ งั้นเดี๋ยวมาทดสอบกัน" เพื่อนตัวดียิ้มร้ายแล้วโบกมือไล่ผม "ไปอาบน้ำได้แล้วไป จะได้มานอนดูหนังสบายๆ"
นะ นอนดูหนังเหรอ
ควินซ์ชวนผมนอนดูหนัง·!
ผมหลุดยิ้มออกเล็กน้อยแล้วรีบทำหน้านิ่งจากนั้นก็เดินกลับห้องตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าใหม่ วินาทีที่ผมปิดประตูหลบหลีกพ้นจากสายตาของควินซ์แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นจับหน้าอกซ้ายที่ยังเต้นไม่เป็นสับแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักที
"ทำตัวเหมือนเด็กเพิ่งหัดมีความรัก น่าอายจริงๆ"
ผมจะต้องสุขุมและนิ่งให้มากกว่านี้
เดี๋ยวไก่ตื่น!
แล้วทำไมผมถึงยอมตกลงดูหนังผีทั้งที่กลัวผี
ก็แน่นอนสิ... ถ้าคนเราตกใจกลัวก็ต้องหันไปกอดคนข้างๆ ใช่มั้ยล่ะ หึหึ
แผนนี้มันเจ๋ง!