"ป๋าชอบควินซ์จริงๆ เหรอนับสอง"
ปลายสายเงียบไปนิดหน่อยจนผมรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต้อมๆ
(อันนี้จริงจัง?)
"ป๋ากำลังจริงจังอยู่นะ ตอบป๋ามา" ยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้งแล้วพ่นควันสีขาวอ่อนออกมา "ป๋าชอบควินซ์เหรอ"
(อันนี้ป๋าถามตัวเองดีกว่ามั้ย) น้องชายตัวแสบของผมถอนหายใจ (ใจมันก็ใจของป๋า มาถามผมแล้วผมจะตอบได้ยังไง)
ผมขมวดคิ้ว "ก็เห็นนับชอบพูดชอบแซวป๋ากับควินซ์..."
(มันก็แค่แซวมั้ยป๋า สุดท้ายแล้วถ้าแซวให้ตายยังไง ถ้าคนมันไม่ชอบกันก็คือไม่ชอบ) ทำไมน้ำเสียงน้องมันดูเหยียดหยามผมจังวะ เดี๋ยวปั๊ดตัดค่าขนมเลย!
"ป๋ากับควินซ์มีอะไรน่าแซว ถามจริง"
(โอ้โห ไม่น่าแซวเลยมั้ง) น้องผมทวนเสียงสูง (ท่าทางพวกพี่มันเหมือนผัวเมียที่อยู่กินกันมายี่สิบแล้วไม่มีผิด พี่ควินซ์ดูแลพี่ไม่พอ ยังมาดูแลผมอีก ไหนจะพวกพี่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ พวกพี่ดูเป็นคนรักกันมากกว่าผมกับพี่เก้า พี่ออสตินกับพี่ไนน์อีก พวกเราแม่งบางทีก็ห่างกันเป็นเดือนๆ แต่พวกพี่น่ะสามร้อยหกสิบห้าวัน พวกพี่อยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าห่างกันก็สาบานเลยว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ถามจริงเถอะ...พวกพี่ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันเกินขอบเขตคำว่าเพื่อนมานานแล้วบ้างเหรอ)
"...." ผมพูดไม่ออกเพราะตกใจกับสิ่งที่นับสองพูด ...ผมไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าใช้วันเวลาอยู่กับควินซ์มากขนาดนี้ และเมื่อมานั่งทบทวนดูแล้วมันก็จริง
ผมทำงานหกวันต่อสัปดาห์ ส่วนอีกวันแม้จะเป็นวันหยุดก็ยังนั่งหางานมาทำ ไม่เคยลาพัก ลาพักร้อนเลยสักครั้ง มีลาป่วยบ่อยที่สุด เมื่อผมทำงานหนักขนาดนี้ คนเป็นเลขาก็ต้องมาทำงานด้วย ขนาดผมเข้าโรงพยาบาลก็มาตามเฝ้าตลอดทั้งที่มันก็ไม่จำเป็น
ควินซ์มานอนคอนโดผม บ้านผมมากกว่าบ้านตัวเอง... ของครึ่งหนึ่งในคอนโดส่วนตัวที่ใกล้ที่ทำงานผมก็เป็นของควินซ์ครึ่งหนึ่ง
(ผมบอกไม่ได้หรอกว่าพี่ชอบพี่ควินซ์มั้ย) นับสองถอนหายใจอย่างเอือมๆ (แต่ผมแนะนำเลยนะ พี่ควรนั่งคิดทบทวนทุกอย่างที่ผ่านมาเกี่ยวกับพี่ควินซ์)
"ทวทวนเหรอ" ผมเหม่อเล็กน้อยแล้วถามต่อ "ไม่คิดว่ามันบ้าไปหน่อยเหรอ ปีสองปีไม่ชอบ แต่พี่กลับมาชอบเขาเอาตอนนี้เนี่ยนะ"
(บางทีพี่อาจจะชอบเขามานานแต่ไม่รู้ตัวก็ได้) นับสองว่าอย่างสบายๆ (คนที่ชอบเพื่อนตัวเองแต่ไม่รู้ตัวก็มีเยอะแยะไป)
"แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงไม่รู้ตัว"
นับสองเงียบไปนิดหน่อยเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด (บางครั้งความเคยชินมันก็ทำให้เรามองข้ามบางอย่างไป)
"..."
(พี่เคยชินที่พี่ควินซ์ทำนั้นทำนี่ให้ เคยชินที่ตรงนี้มีพี่ควินซ์อยู่)
"..."
(เคยชินที่มีพี่ควินซ์อยู่ด้วยในทุกวัน) นับสองหยุดไปเล็กน้อย (แต่ถ้าวันหนึ่งมีอะไรเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทำลายความเคยชินที่มีอยู่)
การเปลี่ยนแปลงที่ว่าคือวันนี้ควินซ์บอกผมว่าจะไปหาเจ้าสาวมาแต่งงานใช่มั้ย
(มีอะไรมากระตุ้นสักหน่อยมันก็ดี มันอาจจะทำให้ใครบางคนรู้สึกตัวสักที)
รู้ตัวสักที
รู้ได้แล้วว่า...ชอบเพื่อนสนิทมานานแล้ว
เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมพูดไม่ออก คล้ายมีอะไรกำลังเบ่งบานในอก พอเสียงในหัวบอกตัวผมว่าผมชอบเขามานานแล้วก็รู้สึกสั่นไปทั้งตัว
นี่ นี่ผมชอบเพื่อนตัวเองจริงๆ เหรอ
ผมยังคงปากแข็ง "บางทีพี่อาจจะแค่หวงควินซ์"
(ถ้าแค่หวง พี่จะมาคิดมากทำไม ปล่อยพี่ควินซ์ไปหาแฟนสิ) เรื่องเหรอ ไม่มีทาง! (ถ้าพี่แค่หวงก็อย่าทำอะไรโง่ๆ ไปกีดกันคนที่เขาเข้ามาจีบพี่ควินซ์)
"พี่เปล่านะ" ผมเถียงแต่แล้วต้องเงียบเมื่อคิดถึงหน้าไอ้เด็กพารัมที่ผมเพิ่งห้ามควินซ์ไปคุย
ก็ ก็ มันไม่อยากให้คุยอ่ะ
(เหอะๆ เสียงแบบนี้คงเพิ่งไปดักคนมาจีบพี่ควินซ์มาสินะ) ทำไมน้องรู้! (ผมฉลาด ผมรู้หมดแหละ)
คิ้วกระตุกนิดๆ แล้วยกมือขึ้นบีบขมับตัวเอง "พี่จะลองไปคิดดูแล้วกัน"
(โอ๊ยยย ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว! มันมาขนาดนี้แล้ว) นับสองว้ากใส่ผม (พี่กลับไปถามตัวเองหนึ่งคำถาม)
"คำถามอะไร"
(ระหว่างเพื่อนเจ้าบ่าวกับเป็นเจ้าบ่าวเอง)
"..."
(พี่อยากเป็นอันไหนมากกว่ากัน)
"..."
(แล้วมันจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบพี่ควินซ์)