ณ ใจกลางเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์บัญชาการนักรบสกิลแห่งรัฐไทย
หญิงสาวในชุดนินจาเดินออกมาจากลิฟต์และตรงดิ่งกลับมายังห้องทำงานขนาดใหญ่บนชั้นสิบ ซึ่งห้องแห่งนี้เป็นห้องประจำหน่วยงานของเธอ
ชายร่างท้วมเมื่อเห็นหญิงสาวเข้ามาในห้องก็รีบลุกจากหน้าคอมพิวเตอร์แล้วตรงดิ่งมาหา
"มิ้นท์ ดูนี่สิ"
มิ้นท์หรี่ตามองแท็บเล็ตในมืออีกฝ่าย
"อะไร ใครตายตั้งยี่สิบคน"
"พวกนื้คือสัญญาณชีวิตของนักรบสกิลประจำเขตเชียงราย"
มิ้นท์แสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"ห๊า ปีศาจบุกเหรอ"
"ปีศาจไม่มีหลอก แต่ถ้าปีศาจในคาบมนุษย์ไม่แน่"
มิ้นท์เลิกคิ้ว
มิกพามิ้นท์มาที่โต๊ะ แล้วเปิดข้อมูลทางการแพทย์เด็กคนหนึ่งให้มิ้นท์ดู
มิ้นท์อ่านออกเสียง
"ตอบสนองต่อความรุนแรง ด้วยความรุนแรงที่มากกว่า"
มิ้นท์หันไปหามิก เพราะเธอยังคงไม่เข้าใจในความหมายของมัน
มิกเปิดรายละเอียดทั้งหมดขึ้นมาบนจอขนาดใหญ่ พร้อมกับเปิดคลิปวิดีโอที่ทางแพทย์บันทึกไว้ขึ้นมา ในคลิปแพทย์ชาวออสเตรเลียกำลังรายงานผลการวิจัยที่ได้เพื่อบันทึกเก็บไว้ นายแพทย์ได้นำภาพคลื่นสมองสองภาพขึ้นมาโชว์ให้กล้องเห็น โดยติดตัวอักษรเอและบีไว้ที่ภาพ จากนั้นนายแพทย์ก็นำหน้าจอคอมพิวเตอร์มาตั้งระหว่างภาพทั้งสอง แล้วเริ่มอธิบาย
"ภาพทางซ้ายหรือภาพเอ เป็นภาพของคลื่นสมองมนุษย์ปกติ ส่วนภาพทางขวาภาพบีเป็นภาพของตำนานฆาตกรแห่งยุคเดอะเบลด ส่วนบนหน้าจอนี้ คือภาพที่ได้จากการสแกนสมองของคนไข้ที่มีอายุแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น"
นายแพทย์ชี้ให้ทุกคนดูภาพคลื่นสมองบนจอ ที่มีลักษณะเหมือนกับภาพเอ จากนั้นนายแพทย์ก็หันมองไปด้านข้าง
"เรเชล ป้อนฝันร้ายให้เด็กคนนี้ที"
"ได้ค่ะ"
เมื่อภาพคลื่นสมองบนจอเริ่มขยับ นายแพทย์ก็เริ่มอธิบาย
"ในฝันเด็กคนนี้กำลังถูกทำร้ายอย่างหนัก ซึ่งการกระทำแบบนี้ถ้าเป็นเด็กคนอื่นเราคงไม่กล้าทำ เพราะมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง แต่เด็กคนนี้พิเศษเป็นอย่างมาก เมื่อเขาโดนทำร้ายอย่างหนัก"
นายแพทย์นำภาพเอออกไป และเหลือไว้แค่หน้าจอกับภาพบี ในหน้าจอภาพคลื่นสมองกำลังขยับเปลี่ยนสภาพไปทีละเล็กละน้อย และเพียงแค่หนึ่งนาที คลื่นสมองในจอภาพก็มีลักษณะเหมือนกับคลื่นสมองบนรูปภาพบี
"นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น โดยปกติแล้ว หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้คนไข้จะสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง นั่นจะทำให้ภาพในจอมีคลื่นสมองสองอันโผล่ขึ้นมาซ้อนทับกัน แต่ในกรณีของเด็กคนนี้ คลื่นสมองของเขาก็ยังคงมีอันเดียวไม่เพิ่มหรือลดลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ สมองได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิดอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือต่อเหตุการณ์ตรงหน้า และนี่"
นายแพทย์หันไปด้านข้างอีกครั้ง
"เรเชล เปลี่ยนเป็นฝันดีหรือฝันปกติก็ได้"
"ค่ะคุณหมอ เปลี่ยนเป็นฝันดีแล้วค่ะ"
นายแพทย์นำภาพเอกลับเข้ามาในจอ และเอาภาพบีออกไป
"เมื่อกลับสู่สภาวะปกติ สมองของเด็กคนนี้ก็กลายสภาพกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว"
เมื่อภาพคลื่นสมองบนจอภาพกับภาพเอกลับมาเหมือนกันดังเดิม นายแพทย์ก็เริ่มพูดต่อ
"ในวงการแพทย์ เหตุการณ์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบเฉียบพลันแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังเป็นพฤติกรรมที่มีความต่างขั้วกันอย่างมาก ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์เป็นที่สุด"
คลิปวิดีโอจบลงแค่ตรงนี้ มิ้นท์มองชื่อคนไข้บนจอแล้วหันไปพูดกับมิก
"สรุป ยี่สิบคนที่โดนฆ่า เป็นฝีมือของผู้ร้องเรียนของเรา"
มิกพยักหน้า
"ใช่"
"แล้วใครส่งยี่สิบคนนั้นไป"
มิกไม่ตอบ แต่พยักหน้าไปทางห้องของผู้บังคับบัญชาการสูงสุดของตึกนี้
มิ้นท์สบถออกมา
"ไอ้ขี้ข้าโจรเอ๊ย"
พรวด ชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้อง
"มิ้นท์ ท่าน ผบ. เรียกตัว"
มิ้นท์และมิกหันมามองหน้ากัน
ทางองค์กรยุติธรรมแห่งโลกแม้จะเป็นองค์กรใหญ่ แต่ก็ไม่อาจแทรกแซงอำนาจการสั่งการของหน่วยงานอื่นได้โดยพลการ นั่นทำให้พวกเขาทำได้แค่ไหว้วานให้มิ้นท์ที่เป็นคนรู้จักช่วยเหลือเท่านั้น
แค่ห้านาทีมิ้นท์ก็กลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง มิกรีบวิ่งเข้าไปสอบถามทันที
"เกิดอะไรขึ้นมิ้นท์"
"มันรู้ว่าฉันได้รับคำไหว้วานให้ไปช่วยเหลือผู้ร้องเรียนน่ะสิ มันเลยจ่ายงานให้ไปทางอื่นแทน"
มิกที่พอจะเดาได้ก็ทำหน้าเซ็ง
มิ้นท์หันมาพูดกับมิก
"ข้อมูลทางการแพทย์นั่นไม่ต้องเอาให้มันดูนะ"
มิกรับคำ
"ได้ครับ"
มิ้นท์หันไปมองคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องของเธอ
"ทุกคนด้วย อย่าให้ข้อมูลของผู้ร้องเรียนหลุดไปยังหน่วยอื่นเด็ดขาด มันอยากได้อะไรก็ให้มันหาเอง"
ทุกคนในห้องเงยหน้ารับทราบคำสั่งพร้อมกัน
"ครับ/ค่ะ"
จากนั้นมิ้นท์ก็หันหน้าไปหาชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้กัน
"ขิม เอ็ม ฝากเอางานของฉันไปทำให้ที"
ทั้งสองลุกขึ้นแล้วรับแฟลชไดร์ในมือของมิ้นท์ไป
"ได้ ครับ/ค่ะ"
"โบว์กับฟ้า จองตั๋วเที่ยวบินด่วนสำหรับสามที่นั่ง เราต้องรีบไปเชียงใหม่ก่อนจะมีใครตายมากกว่านี้"
"จะรีบจองให้เลยค่ะ"
มิ้นท์พูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนจะเปิดดูข้อมูลของผู้ร้องเรียน
"นักศึกษาสกิลที่เรียนไม่จบ กับนักรบสกิลที่มีใบปริญญาเป็นดีกรี เจ้าเด็กคนนี้มีสกิลแค่ปลูกพืชปลูกผักแน่เหรอเนี่ย"
ทางด้านของชีฟ ในยามเย็นชีฟกำลังนั่งเล่นอยู่ในป่าดงดิบที่เขาสร้างขึ้นอย่างสบายใจ ในมือของเขาถือผลไม้สีม่วงเอาไว้ ชีฟจ้องมองผลไม้อย่างพินิจพิจารณา การรับพลังที่มากเกินตัวเข้ามาในร่างกายจะทำให้ร่างทั้งร่างแหลกสลายกลายเป็นผุยผง สิ่งนี้คือความรู้พื้นฐานในวิชาการเรียนการสอนของนักศึกษาสกิลปีหนึ่ง ซึ่งชีฟพึ่งจะกินไปแล้วหนึ่งผล โดยที่ร่างกายยังไม่มีผลกระทบใด ๆ เขาจึงชั่งใจเล็กน้อยที่จะกินผลที่สอง แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไงเขาก็ต้องมีพลังมากกว่านี้เพื่ออยู่รอด เขาจึงตัดสินใจกินผลที่สองเข้าไป
ชีฟเริ่มมีอาการอึดอัดเหมือนอาการแน่นหน้าอก เหงื่อจำนวนมากผุดออกมาจากร่างกาย ชีฟรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกให้หมด เมื่อเขารู้สึกร้อนจนไม่สามารถทนต่อไปได้ไหว แต่ถึงแม้จะเหลือแต่ตัวเปล่า ๆ เขาก็ยังรู้สึกร้อนอยู่เหมือนเดิม ความร้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สติของเขาเริ่มเลือนราง ชีฟล้มตัวลงนอนกับพื้นเมื่อเขาไม่สามารถประครองสติของตัวเองได้อีกต่อไป ภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นภาพที่พร่ามัวไม่ชัดเจน ก่อนทุกอย่างจะมืดสนิทพร้อมกับสติที่ดับลง
ในยามค่ำคืนอันแสนมืดมิด ชีฟสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลอาบท่วมตัว แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ร้อนอีกแล้ว ตอนนี้เขากำลังรู้สึกเย็นสบายจากสายลมเย็น ๆ ในยามราตรี ชีฟปลูกเถาวัลย์น้ำขึ้นมาเพื่อชำระล้างร่างกายที่สกปรกของตัวเอง ก่อนจะนำชุดคอมมานโดมาใส่อีกครั้ง
ชีฟเปิดหน้าต่างเมนูขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าค่าประสบการณ์ของเขามันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาจำไม่ได้ว่าบ่อพลังนี้เป็นของใคร แต่ปริมาณขนาดนี้เขาน่าจะปลดล็อกสกิลทองได้อีกหลายสกิล
แต่ชีฟกลับต้องแปลกใจ เมื่อสกิลทองที่เหลือนั้นต้องใช้ค่าประสบการณ์ในปริมาณมาก มากจนตอนนี้เขาสามารถปลดล็อกได้สูงสุดแค่สองสกิลแค่นั้น
ชีฟไล่อ่านสกิลทองทั้งหมดเพื่อตัดสินใจ
"ควบคุมสั่งการ มอบชีวิต เมล็ดพันธุ์ปีศาจ เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ ตัดแต่งพันธุ์กรรม สื่อสาร เครือข่ายพฤกษา พันธมิตร"
ชีฟเลิกคิ้ว เมล็ดพันธุ์ที่เขามีมันไม่ใช่เมล็ดพันธุ์เทพหลอกเหรอ อย่างต้นมักกะลีผลที่ในข้อมูลก็เขียนเอาไว้ว่าเป็นต้นไม้สำหรับบำเรอกามให้กับบุรุษเทพ
แต่ยืนงงไปก็เท่านั้น ตอนนี้เขาต้องรีบตัดสินใจเลือกปลดล็อกสกิล เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับตัวเอง โดยตอนนี้เขาต้องคิดหนักเป็นอย่างมาก เพราะมีสองสกิลที่สามารถปลดล็อกได้เพียงสกิลเดียว นั่นคือเมล็ดพันธุ์ปีศาจ กับเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ
ชีฟไร่อ่านสกิลอื่น ๆ ก่อนหน้าที่ต้องปลดล็อก กับอ่านข้อมูลของแต่ละสกิลทองซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยละเอียด ก่อนจะตัดสินใจเลือกสกิลทองที่เขาคิดว่าจะสามารถใช้งานได้ในตอนนี้