"แด๊ดทำป๊อปคอร์นอร่อย" เด็กชายเอ่ยขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย
"ก็แค่เทข้าวโพดใส่กระทะน่า" ถ้าเป็นป๊าคงใส่เกลือ คลุกเนย แบ่งอีกครึ่งหนึ่งไปทำรสคาราเมล ตอนเขากำลังจะถอนหายใจรอบที่สอง ลูกคนกลางตักขนมขบเคี้ยวป้อนพ่อคำโต
"ป๊ากลับมาแล้วต้องชมแน่"
ตวันยิ้มให้ เหมือนประกายสดใสข้างหลังลูกเปลี่ยนเป็นอ้อมกอดปลอบโยน ถ้าลูกเชื่อมั่นว่าเขาทำได้ แล้วผู้เป็นพ่อจะทำลายความหวังนั้นได้อย่างไร ถึงจะนัยน์ตาจะมืดแปดด้านในหัวจะฟุ้งซ่านไม่เป็นชิ้นอัน เขาก็ต้องหาทาง…
เมื่อแด๊ดมองไปข้าง ๆ เขาเห็นโรมสัปหงกจะหลับ สักพักก็ตบหน้าตัวเองให้ตื่น บางทีหนทางแรกคือไล่สมาชิกผู้ตรากตรำไปพักเอาแรงก่อน
"โรม เอ็งไปนอนไป เดี๋ยวแด๊ดเฝ้าเอง"
"แต่ยังไม่หมดกะผมเลย"
"ยังไงก็นอนไม่หลับแล้วแหละ เอาตวันไปด้วย"
"ไม่เอาาา หนูอยากดูหนัง"
เด็กอนุบาลกับเนอสเซอรี่ยังตาแข็งผลาญป๊อปคอร์น ดื้อรั้นจนยากจะหลอกล่อให้ไปนอน เวลาแบบนี้เขาล่ะนึกถึงป๊า—ไม่หรอก เขานึกถึงป๊าตลอดนั่นแหละ ทุกอย่างไม่ว่าเล็กน้อยใหญ่โตชวนให้นึกถึงคนรักหมด
ตอนนั้นเองที่แด๊ดจับเสียงบางอย่างได้จากจอมอนิเตอร์ เขาคิดว่านักโทษคงสบถด่ายุงไปเรื่อย แต่สังหรณ์ใจบอกว่าไม่ใช่
"เฮ้ย โรม เพิ่มเสียงสิเล่า"
ธามกำลังสื่อสารกับใครบางคน
ประโยคล่าสุดเป็นเสียงงึมงำไม่อาจจับใจความ แต่เท่านี้ก็มากพอให้ทุกคนในบ้านมาเพ่งมองจอ ทุ่มความสนใจเต็มที่ไปที่ความเคลื่อนไหวของนักโทษ
ความจริงหลินริบเอาอุปกรณ์ที่อาจใช้ติดตามได้ไปเก็บหมดแล้ว ทั้งแงะซิม เปิดโหมดเครื่องบิน เช็กเครื่องแต่งกาย ของที่ไม่อิเล็กทรอนิกส์ก็แยกไว้อย่างดี แต่ขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไม่ได้ครอบคลุมถึงพลังจิต ไม่ว่าจะเตรียมรับมือทางกายภาพดีแค่ไหน ธามก็สามารถติดต่อกับพวกตัวเองผ่านสิ่งเหนือธรรมชาติได้อยู่ดี แบบนี้แย่แน่
"ผมเอาตัวรอดเองได้ ขอบคุณครับ" นักโทษหนุ่มพึ่งจะเอ่ยประโยคที่พอฟังรู้เรื่องออกมา
"ที่เหลืออยู่ก็แค่พวกที่ไม่มีประโยชน์อะไร อย่าเสียเวลา—" ธามพูดไม่จบ เขาหน้าซีดลงทั้งภาษากายตะโกนชัดว่ากำลังหวาดวิตก
"ครับ ในกระเป๋าเงินผม"
บทสนทนาจบลงด้วยความเงียบ
พวกเขารออยู่ราว ๆ ห้านาทีเผื่อนักโทษจะพูดอะไรขึ้นมาอีก เด็กผู้ใหญ่มาล้อมวงอยู่หน้าจอ ใจจดใจจ่ออยู่กับภาพชายหนุ่มผู้กอดเข่าหมดอาลัย แต่รอเท่าไรก็ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม มีแต่ความกดดันที่ยิ่งจะเพิ่มตามเวลา
"แค่นี้เหรอ?" ลูกสาวคนโตถามขึ้น แด๊ดไม่ได้สังเกตเลยว่าหลินตื่นมาร่วมวงตั้งแต่เมื่อไร ในมือเด็กหญิงยังกอดหมอนกับถุงนอนแต่เสียงแทบไร้ความงัวเงีย "ถ้ามีโอกาสติดต่อกับพวกตัวเองได้ อย่างน้อยก็ต้องบอกที่ที่ถูกจับมาดิ"
แด๊ดสงสัยกับเรื่องอื่นมากกว่า "มันถามถึงเป๋าตังค์ทำไม"
"ในนั้นมีของสำคัญเหรอพี่"
"อ่อ ตังค์ บัตรเครดิต บัตรปชช ใบขับขี่ แล้วก็เหรียญรุ่นเก่าอันนึง พกไว้นำโชคมั้ง มันสำคัญเหรอ" เด็กหญิงตอบโดยอัตโนมัติ ก่อนวกกลับเข้าข้อสงสัยเดิม "แม่งไม่บอกกระทั่งว่าเป็นฝีมือใคร รึว่าเค้ารู้กันทั้งบางแล้ว"
"อย่างแรกที่ธามถามคือข้าวของเขาอยู่ไหน" ตวันเตือน
หลินพึ่งนึกได้ เด็กหญิงเงียบกริบจากความอึ้ง ก่อนจะตื่นเต็มตา พาตัวเองลุกขึ้นจากกองถุงนอนโดยด่วน "มันสำคัญแล้วล่ะ!"
ลูกสาวคนโตเตรียมจะพุ่งตัวขึ้นห้องไปเอาของ ผู้เป็นพ่อรีบจับหลังคอเสื้อลูกทันที
"อย่าพึ่งรีบสิ แด๊ดขึ้นไปดูเองดีกว่า หลินวางไว้ไหน"
"ใต้ตู้น้องหมูแดงค่ะ"
"ไอ้หนู เอ็งดูน้องอยู่นี่"
หลังแด๊ดสั่งโรมให้อยู่กับเด็ก ๆ แล้วเขาขึ้นบันไดไปชั้นบน ฝีเท้าไม่รีบร้อนแต่ระมัดระวัง ธามพึ่งจะคุยจบเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ถ้าบ้านจะโดนงัดก็ไม่เร็วขนาดนี้หรอก
ในห้องลูกคนโตมืดและเงียบ ไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปทั่วห้อง เช็กในห้องน้ำ ชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ก็ไม่มีร่องรอยว่ามีโจรแอบอยู่แต่อย่างไร ปราศจากความผิดปกติ แต่ชายหนุ่มยังไม่วางใจนัก รีบเอาของให้จบ ๆ แล้วกลับไปหาลูกดีกว่า
แด๊ดคุกเข่าลงหน้าตู้ ก้มลงควานหาห่อกระดาษฟรอยด์ที่ซ่อนไว้ข้างใต้ ก่อนหยิบกระเป๋าเงินเจ้าปัญหาขึ้นมาสำรวจ เหรียญที่เต็มไปด้วยรอยขูดดึงดูดความสนใจของเขามากสุด เจ้าของคงจะหวงใช่เล่น ถึงห่อใส่ซองพลาสติกใสแถมเก็บไว้ในช่องลับอีกที
'ช่วย…ช่วยด้วย…'
เขาได้ยินเสียงป๊า
ชายหนุ่มหันขวับไปนอกห้อง สองขาพาร่างวิ่งตามต้นทางโดยไม่รีรอ แล้วรอบตัวก็เปลี่ยนจากบ้านสวนอันคุ้นเคยเป็นทางโถงเดินพื้นปูน สองข้างทางเป็นลูกกรงที่ไร้นักโทษ ข้างหน้าคือสามีเขาที่กำลังถูกลากออกไป
แด๊ดตะโกนเรียกชื่อ ทั้งตะโกนสั่งให้ผู้คุมหยุดเดิน แต่นอกจากกลุ่มคนร้ายจะไม่รอแล้วยังทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ ราวกับวิ่งเร็วเท่าไรก็ไม่มีวันตามทัน จนเห็นว่าป๊าถูกพาเข้าห้องหนึ่งตรงสุดทางเดิน
ประตูไม้ปิดปังลงตรงหน้า ผู้ไล่ตามพยายามเปิดแต่ไม่ออก มีแต่ต้องใช้กำลัง เขายกเท้าขึ้นถีบประตูอย่างแรงจนลูกบิดหลุด
เหล่าผู้คุมรวมตัวกันอยู่ใกล้หน้าต่าง คนที่ตัวใหญ่สุดรุดมาข้างหน้าเพื่อขวางเขา แด๊ดรีบเหวี่ยงมันออกไปให้พ้นทาง เขาได้ยินเสียงลมหวดจากด้านหลัง เห็นผู้คุมอีกคนเงื้อท่อนไม้ขึ้นจะฟาด เขายกแขนขึ้นกันก่อนเตะศัตรูสุดแรง
แขนขาเขาราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง มันรู้ว่ามีอันตรายอยู่ข้างหน้า มันรู้ว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัว ต้องเคลื่อนไหวอย่างไร ต้องสู้กับใคร
จนความรู้สึกหนึ่งปะทุขึ้นในอก ดึงให้เขาล้มคุกเข่าลงพื้น
ชายหนุ่มเหวี่ยงหมัดมั่ว ๆ เพื่อป้องกันตัวเอง มือต้องจับชั้นวางไว้ไม่ให้ล้มหน้าคว่ำ งัวเงีย เบลอ ทุกอย่างดูช้าไปหมด ทุกความไม่สบายกายหายเกลี้ยง ประสาทสัมผัสเบาวูบเตรียมหมดสติ ต่างจากตอนนั้นหน่อยที่เขายังต้านอยู่ได้นานเป็นนาที—ต้องต่างสิ เพราะการเผลอหลับเท่ากับเลินเล่อ และคนเลินเล่อมักจะสูญเสียสิ่งสำคัญไป
พอรู้สึกตัวอีกที แด๊ดนึกถึงตอนกุมมือคนรักไว้แนบอก ได้ยินเสียงเบากระซิบลงใบหู เสียงที่นุ่มเหมือนน้ำ จางเหมือนความทรงจำ
'ครั้งหน้า…สู้กับมัน'
สติสัมปชัญญะกลับมา ทุกความเจ็บปวดชัดขึ้น เขาถึงเห็นว่าตัวเองยืนท่ามกลางห้องนั่งเล่นที่พังทลาย โรมนอนกุมจมูกเลือดไหล แต่ยังพยายามปีนขึ้นจากชั้นวางของที่ล้มทับครึ่งตัว ตวันกอดน้องตัวสั่น ๆ อยู่มุมห้อง หลิ-หลินไม่ได้สติ ร่างเด็กหญิงฟุบนิ่งข้างท่อนตะเคียน
แด๊ดไม่ทันมีเวลาให้ตกใจ เขาเห็นผู้คุมอีกครั้ง แขนขาขยับไปหาตัวคนร้ายต่อ แต่คราวนี้ชายหนุ่มวิ่งไปคนละทิศทางกับคำสั่งมรณะ เป้าหมายคือไกลจากเด็ก ๆ ให้มากที่สุด ไม่โลเล ไม่หันหลังไปมอง เอาอันตราย…เอาตัวเองออกจากตรงนี้
ชายหนุ่มจ้ำอ้าวเข้าทุ่งอ้อยนอกเขตบ้านแล้วเหวี่ยงแขนเต็มแรง ขว้างของอาถรรพ์ออกไปไกลลิบ เงาเลือนรางของหญิงชราหลุดออกจากร่างเขา ก่อนโดนดึงตามเหรียญไปด้วยกัน
ใบหน้าของผู้ชราดูคล้ายวิญญาณ คุ้นเคยจนดึงคำหนึ่งที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เรียกอีกออกมา
"ย่า"
_____