Télécharger l’application
89.47% Final Club Quantum Jump / Chapter 16: รูปแบบการเชื่อมต่อ Topology

Chapitre 16: รูปแบบการเชื่อมต่อ Topology

"ปลายเดือนตุลาคม อีกสี่เดือนผมจะเรียนจบมัธยมหก ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาล บรรยากาศโรงพยาบาล ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกดีเลย ที่นี่มีทั้งการเกิด เจ็บ และตาย ผมยังมาคอยมาดูอาการแม่อยู่ ผมอยู่ในสรวงสวรรค์แห่งสายน้ำเกลือ ถุงปัสสาวะ และท่อช่วยหายใจ ไข่มุกอันดามัน ช่างแม่งไข่มุกเหี้ยนั่นดิ หาดทรายสีทองนั้นก็ด้วย แม่ผมนอนอยู่ นี่คือ 'นางอารยา ณ อยุธยา' แม่ของผม ผมไม่ได้คุยกับแม่มา 858 วันแล้ว อันที่จริงผมอาจไม่ได้คุยกับแม่ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว ถ้าแม่ทำแบบนี้เพื่อให้ผมใช้เวลาอยู่กับแม่ แน่นอนมันได้ผล ผมโอเคที่จะคุยกับแม่แล้ว ผมพร้อมที่จะเป็นลูกที่ดี และสอบในคณะที่แม่อยากให้ผมเป็นได้แล้ว แค่ตื่นขึ้นมาสักที"

โทรศัพท์พัฒน์มีสายโทรมา

"ครับ บ่ายพรุ่งนี้ โกดังโรงงานยา"

"2 ทุ่ม"

พัฒน์กดวางสายลีดองโฮเรื่องสถานที่ส่งอวัยวะ เราคุยงานกันผ่านน้องของลีดูซัม พัฒน์ส่งข้อความให้ไมล์ ใช้มือถือแบบพับพัฒน์บิดมือถือหักเป็นสองชิ้น ปาลงถังขยะ

เบนมาเยี่ยมพัฒน์ที่โรงพยาบาล

ส้มเต็มตะกร้าวางอยู่ข้างเตียงแม่จากเบนเอามาเยี่ยม พัฒน์กำลังอ่านหนังสือเซเปี่ยนส์ เขียนโดยยูวาล โนอา ฮารารี่ เบนหันมามอง เบนเห็นโทรศัพท์ที่ถูกหักครึ่งในถังขยะ"ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ?"

พัฒน์ตอบ "พี่ก็รู้ว่า รัฐบาลไม่น่าไว้ใจ" เขากังวลทั้งรัฐบาลกับมาเฟียนั้น

เบนวางหนังสือ มองนาฬิกาที่ข้อมือ สีหน้าเบื่อ"งั้นเดี๋ยวฉันไปทำงานเอกสารล่ะ"

พัฒน์มองตามเบนที่กำลังจะออกไปหน้าประตู "ส่วนเรื่องแม่ฉันแนะนำหมอเก่ง ๆ เกี่ยวกับประสาทให้ได้นะ"เบนหันมาบอกก่อนเดินออกไป

พัฒน์พยักหน้า เขายังนั่งอยู่ข้างเตียงรอแม่ตื่นขึ้นมา ห้อง 633 มีแค่พัฒน์ที่ยังสามารถลืมตาได้กับผู้หญิงที่ยังหลับตาอยู่เท่านั้น 'เหมือนแค่เรื่องอุบัติเหตุของแม่ยังไม่พอ ผมต้องทำอวัยวะขายให้กับคนอันตราย ๆ ด้วย' นี่เป็นเรื่องที่พัฒน์ จดไว้ในสมุดบันทึกที่เป็นคำแนะนำของเบนว่าพกสมุดติดตัว

"แม่ต้องตื่นมา ผมรู้นี่ยังไม่ใช่เวลาของแม่"

พัฒน์คิดเรื่องพวกนี้ตอนไปส่งของ

วันถัดมานี้ผมต้องฟังผลวินิจฉัยทั้งสองผู้ป่วย

"แม่จะฟื้นขึ้นมากอดผม ครอบครัวเราจะมีความสุขอีกครั้ง แม่จะตื่นมาเย็บผ้าแต่งตัวที่แม่ชอบ ผมรู้ว่าผมแก้ไขเรื่องนี้ให้มันถูกต้องได้ ผมจะเรียนจบมหาลัยเป็นหมอ เป็นทุกอย่างที่แม่ต้องการ มีครอบครัวดี ๆ มีลูกสักคนสองคน และให้แม่อุ้มหลาน จะพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ เราจะกลับมาเป็นครอบครัวที่ดีเหมือนแต่ก่อน อาการของผมดีขึ้น" นี่เป็นเรื่องที่ผมคิดตอนกำลังเดินเข้ามาโรงพยาบาล

แผนกอายุรกรรม โรคมะเร็งเนื้องอก

หมอวิชัยพูด "เอาล่ะ น้องพัฒน์ เราก้าวหน้าไปมากแล้วในการรักษาของพัฒน์ ได้เวลาคุยถึงขั้นสุดท้ายแล้ว"

"ได้ครับ"

"อย่างที่คุณรู้ที่เราฉายรังสีกับทำการรักษาเคมีบำบัดเต็มรูปแบบแล้ว การผ่าตัดเอาสมองส่วนนั้นออกอาจจะดีที่สุด อยากให้พัฒน์เข้าใจว่าถ้าไม่ผ่าตัดก็แค่รอเวลาให้มันลามไปที่อื่นและมันลามไปแน่ ๆ ถ้ายอมเสี่ยงสักนิด การผ่าตัดของน้องจะช่วยยืดเวลาไปอีกนิดหน่อย อาจจะมากหรือก็น้อยในความเห็นผม"

"เท่าไหร่เหรอครับ ผมไม่ได้มีประกันคือผมเบิกไม่ได้"

"ราคาการค่าผ่าตัดอยู่ที่ สองล้านเจ็ดแสนบาท ถึงสามล้านได้ ส่วนของผมจะพยายามลดให้มากที่สุด แต่ของผมไม่ใช่ส่วนที่เยอะที่สุด" พัฒน์กังวลเรื่องตัวเลขว่ามันจะบานปลายไปมากกว่านี้ พัฒน์เอามือลูบหัวตัวเอง

"เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ น้องมีคนที่ต้องปรึกษามั้ย"

"ไม่ ผมจะผ่า" สำหรับพัฒน์เขาคิดว่านี่อาจเป็นทางออกเดียว

"ผมขอบอกว่าคุณเลือกถูกแล้วครับ ผมแนะนำรอให้อาการปวดหัวเบาลง ว่าอีกสักสองอาทิตย์แล้วค่อยผ่ากัน"

พัฒน์ตัดสินใจไปแล้ว เขากำลังออกมาจากห้องนั้นเดินไปห้องวินิจฉัยอีกห้อง หมอวัฒนารอพัฒน์อยู่เพื่อแจ้งอาการของแม่พัฒน์

"หมอก็หวังว่าผมจะมีข่าวดีเหมือนกัน นะน้องพัฒน์ แต่หมอประเสิร์ฐ กับหมอชนัน และผมเห็นตรงกันเรื่องอาการของแม่อาการของแม่กำลังทรุด กล้ามเนื้อตาเธอไม่ขยับ รูม่านตาไม่ตอบสนอง ก้านสมองเธอ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย เครื่องมือต่าง ๆ จะช่วยพยุงชีวิตเธอ แต่คุณภาพชีวิตเธอจะย่ำแย่มาก เป็นเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้แม่คงไม่มีวัน กลับไปเหมือนเดิมได้ ไม่มีทางเลยหมออยากแจ้งให้คุณทราบหมอเสียใจที่ต้องบอกคุณเรื่องนี้ แถมพัฒน์ก็ไม่มีใครอยู่แล้วด้วยตอนนี้หมอช่วยอะไรไม่ได้แล้ว" หมอวัฒนาพูดเสียงเบา

พัฒน์หน้าเสียน้ำตาเริ่มไหล เขาเอามือปาดหยาดน้ำตา เหตุผลเสียงกระซิบมีพลังโน้มน้าวมากกว่าเสียงตะโกน ความจริงก้าวเข้ามาหาพัฒน์อีกหนึ่งก้าว

"ถ้างั้นเราก็ถอดเครื่องมือตอนนี้"

"ไม่มีถ้าครับ แต่เป็นเมื่อไหร่ ผมต้องทำตามกฎหมาย พัฒน์ก็น่าจะรู้" หมอวัฒนาพูด

พัฒน์ถอนหายใจมองไปทางอื่น ค่อยหันหน้ากลับมาถาม "แม่จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจ"

"อาจสี่สิบแปดชั่วโมงหรือสองถึงสามอาทิตย์ เราไม่สามารถรู้ได้"

"ถ้าจะวางแผน คุณควรคิดหาทางที่สั้นที่สุด ตอนนี้ต้องทำเรื่องการบริจาคอวัยวะทันที พัฒน์ แม่น้องเป็นคนเก่ง มีเพื่อนเยอะ ถ้าคุณอยากบอกให้ทุกคนรู้เพื่อจะได้มาบอกลา เป็นสถานการณ์ปกติ ก็ควรเริ่มติดต่อตอนนี้เลย แล้วพอถึงวันสุดท้ายจริง ๆ พวกเขาจะรู้สึกพร้อมกว่านี้ หรือพร้อมที่สุดเท่าที่จะพร้อมได้สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ผมเสียใจด้วยนะน้องพัฒน์"

พัฒน์ตกใจกับเรื่องราวทั้งหมด เขาพาตัวเองเดินกลับมาที่ห้อง 633 เริ่มมองแม่เปลี่ยนไป เขาก้มตัวนั่งร้องไห้คนเดียว ก่อนหน้านี้ผมมีครอบครัว หลังจากนี้ไม่มีอีกแล้ว

พัฒน์นึกขึ้นได้ รีบหยิบเก้าอี้มาต่อขึ้นมาบนฝ้าห้อง อ้อมแขนถือถังขยะพลาสติก เขาโกยเงินลงไปในถัง เดินลงจากเก้าอี้ ลุกลี้ลุกลน เทเงินลงบนตัวแม่ การรอแม่ตื่นมา นานกว่าที่คิดการรอสิ้นสุดลงด้วยการไม่ปรากฏ

เขาตะโกนสุดเสียงดังขึ้นพอ ๆ กับน้ำตาที่ออกมาโวยวาย มันเป็นฝนจากร่างกายโหมกระหน่ำ น้ำที่ถูกดึงผ่านแรงโน้มถ่วงเร่งเร้าพื้นที่ว่างเปล่าของอารมณ์ การรับรู้ถึงความตายของแม่กลับเป็นการตายส่วนหนึ่งของตัวพัฒน์ ความเปล่าเปลี่ยวในครอบครัวเผาใจพัฒน์กลายเป็นควันแห่งความโกรธเกรี้ยว

"แม่!! ผมสำเร็จแล้ว! แม่ตื่นมาได้แล้ว! แม่ตื่นมาดูความสำเร็จผมที ผมทำทุกอย่างไปเพื่อแม่เลยนะ แม่ตื่นสักทีสิวะ!" ด้วยความเศร้าเปลี่ยนเป็นความโมโห พัฒน์เหนื่อยที่จะร้องไห้ โดยที่อีกคนยังไม่รู้ เขาชี้หน้าแม่ "ผมเกลียดแม่!! ผมรักตัวเอง" พัฒน์เริ่มทำลายข้าวของจากบ้านที่อยู่ในห้องผู้ป่วยหยิบรูปในอัลบั้มปาออกมาเข้าที่ฝาผนัง ทั้งรูปที่บ้าน แต่มีรูปคู่หนึ่ง แม่กับผู้ชายคนหนึ่งวัยกลางคนซ่อนอยู่ รูปนั้นปรากฏ อยู่ในมือพัฒน์ พัฒน์ไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้

พัฒน์หาดูที่รูปต่าง ๆ ในอัลบั้ม เทียบกับผู้ชายที่ตัวเองไม่รู้จักจะอยู่กับรูปที่มีพ่อเบนกับเบน เขาฉุกคิดทันทีว่าเบนอาจจะรู้เรื่องนี้ ในหัวพัฒน์เต็มไปด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่มีคนยอมพูดอะไรกับเขาเลย ทุกคนเอาแต่หลับตาและพูดเรื่องอื่นความฉุนเฉียวหายใจถี่ มือพัฒน์เอื้อมไปหยิบปืนที่ซ่อนไว้บนฝ้า วิ่งออกจากโรงพยาบาลมุ่งตรงไปบ้านเบน คำถามและคำตอบอยู่ที่เบน

ที่บ้านเบน พัฒน์กระโดดข้ามรั้วเปิดประตูเข้ามาในตัวบ้าน เขาเห็นเบนนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียว พัฒน์ยืนเผชิญหน้ากับในมือขวาพัฒน์จับด้ามปืน ทางออกของกระสุนชี้ไปทางเบน เบนตกใจการมาของพัฒน์ที่เหมือนเสียสติ

"พี่บอกมา เรื่องที่เกี่ยวกับแม่ พี่ก็ไม่ต่างจากแม่" พัฒน์ตะคอก

"พัฒน์ใจเย็นก่อน นายวางปืนลงก่อน"

"มีเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น"

"เขาเป็นใครบอกผมมา เขาอยู่กับแม่มานานแค่ไหน เขาเป็นใคร"

"พัฒน์!" เบนนึกย้อนไปช่วงที่แม่เป็นยังอยู่เขารู้ว่าเบนหมายถึงอะไร

"นี่ไม่ใช่ความผิดผมใช่มั้ย ผมแค่อยากจะรู้ว่า ที่บ้านผมแตกเพราะแม่ แล้วใครทำให้มันเกิดขึ้น" ความโมโหออกมาคู่กับน้ำตา พัฒน์เองเบื่อที่จะรู้สึกผิดแล้ว

"พัฒน์นายใจเย็นก่อน"

"พี่บอกให้คนอย่างผมใจเย็นเนี่ยนะ พี่ไม่ใช่ผมนี่หว่า พี่ก็พูดทุกอย่างว่าใจเย็น ปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นที่พี่มันง่ายหมด ผมอยากรู้ว่าใครทำให้แม่ต้องขับรถไปวันนั้น"

"นายไม่รู้จักเขาหรอก ที่มันเกิดขึ้นก็แค่อุบัติเหตุ"

"พี่คิดว่าผมได้ยินคำนี้มากี่ครั้งแล้ว แม่ผมไม่เคยผิดเลยใช่มั้ย พี่คิดว่าเด็กอย่างเราในสายตาพ่อแม่ธรรมดาเสมอ ต่อให้พี่ได้ 99 เต็ม 100 แม่พี่ก็ไม่ได้ให้อะไรพี่ เขาต้องการมากกว่านี้ ไม่เข้าใจเหรอ พี่ก็แค่สัตว์เลี้ยงของพ่อแม่ ตอนนี้ผมมีสิทธิ์ ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตผม… ผมแค่คนธรรมดา" พัฒน์พูดตัดพ้อพร้อมหยดน้ำตา ก่อนจะโมโหอีกครั้ง "พี่คิดว่าพี่กำลังปกป้องแม่ผมอยู่เหรอ เขาไม่ได้ต้องการให้พี่ปกป้อง มันจบแล้ว แม่ผมกำลังจะตาย"

"อย่าพูดแบบนั้นดิ" เบนพยายามปลอบพัฒน์

"เรื่องจริง ผมไม่ได้บอกพี่ก่อนหน้า แม่ผมจะไม่ฟื้นแล้ว แม่กำลังถอดเครื่องหายใจ คนที่พี่ไปเยี่ยมวันก่อน คนตรงหน้ากำลังจะตาย พี่บอกผมมา"

"นายจะแคร์ทำไม นายจะเอาปืนไปยิงเขาเหรอ"

"พี่ยังไม่บอกผมเลยว่าเป็นใคร มันคงไม่สำคัญสินะ"

พัฒน์คิดว่ามีสิ่งที่เขาทำได้มากกว่านี้ แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะแย่ไปหมด เขาถอดใจที่จะถามเบน พัฒน์กำลังออกจากบ้าน เขาเก็บปืน เดินออกมาหน้าบ้านหลังจากนั้นเบนเดินตามออกมาจากบ้าน

"ปกร! เขาชื่อปกร"

พัฒน์ค่อย ๆ หันหน้ากลับมามอง เบนเดาได้ว่าเขาต้องการคำตอบมากกว่านี้

"ฉันรู้แค่นั้น ตอนเด็กนายก็น่าจะเข้าใจปะวะ มันเรื่องของผู้ใหญ่" นี่คือสิ่งที่เขาบอกได้ พัฒน์พยักหน้า หันหลังเดินออกไป เบนกังวลเขาไม่อยากให้พัฒน์ไปทำร้ายใคร

"ขึ้นรถฉัน" เบนพูดขึ้นอย่างน้อยให้พัฒน์อยู่ในสายตาของตัวเองอาจจะโอเคกว่าให้พัฒน์ไปทำร้ายใคร

ทั้งสองอยู่บนรถยนต์อีกครั้ง

เบนเอ่ยขอปืนจากพัฒน์ พัฒน์ไม่ได้เต็มใจที่จะยื่น เขาผายมือเพื่อรับปืนจากพัฒน์ พัฒน์ยื่นปืนพร้อมกับความหงุดหงิด เบนจับปืนเก็บในเก๊ะข้างคนขับ ล้อหมุนเครื่องยนต์ขับขาน ทั้งคู่อยู่บนท้องถนน ทางยาวตรงไปสู่บางที่ "เราจะไปไหนกัน" พัฒน์ใจเย็นถาม สายตาโมโหกำลังมองไปข้างนอกนั้น

"ที่ที่ฉันเห็นเขาอยู่ด้วยกัน"

พัฒน์ลดกระจก อ้วกนอกหน้าต่าง เขาเช็ดอ้วกมุมปากพัฒน์ใจเย็นลง เราใกล้จะถึงที่นั่นแล้ว รถจอดหน้าบ้านพักตากอากาศ สีขาวหลังใหญ่ติดริมทะเล พัฒน์สังเกตว่าอาจจะยังมีคนอยู่ในบ้าน มีรองเท้าหน้าบ้านและมีรถจอดอยู่

"บ้านหลังนั้นเหรอ เขาอยู่หลังนั้นเหรอ" พัฒน์ถาม

"ฉันไม่แน่ใจว่า อยู่ที่นี่ไหม แค่ฉันเห็นพวกเขาเท่านั้นแหละ ให้ฉันลงไปกดกริ่งให้มั้ย"

"ไม่ ไม่พี่ มันเหมือนพวกสตอกเกอร์ เจอแล้วกลับ เคมั้ย พอเลย"

"อย่างนายจะกังวลเรื่องพวกนี้ทำไม" มีรถผ่านมา พวกเขาก้มหน้าหลบ พอรถผ่านไป ถอนหายใจ เบน "ถ้านายเจอเขาจริง ๆ จะทำไงวะ คุยกับเขา ต่อยเขา หรือจะแทงด้วยแจกัน"

พัฒน์หันมาคิ้วขมวด คิดและรู้สึกหลงทางในตัวเอง "ผมแค่อยากเห็นหน้ามัน" พัฒน์ยังกลัวความจริงของต้นเหตุทั้งหมด เขาเลือกจะกลับโรงพยาบาล พัฒน์เดินเข้ามาโรงพยาบาล ชั้นหก เขาคุยทักทายพยาบาลในชั้นนั้นเป็นปกติ

"อีก 15 นาทีจะเข้ามาถอดเครื่องช่วยหายใจนะคะ" พยาบาลที่พึ่งออกจากห้อง 633 บอกอาการ

"ขอบคุณครับ ขอเวลาแป๊บนะครับ" พัฒน์ปิดประตู ยืนอยู่ข้างเตียงแม่

"แม่จะเลิกกับพ่อแล้วทำไมต้องพาพ่อไปตายด้วย ผมเกลียดแม่! แม่เป็นใครกันแน่! สิ่งเดียวที่ผมรู้จักแม่คือความทรงจำ แม่แก้ตัวมาดิ ตื่นขึ้นมาแก้ตัว บอกผมว่ายังเป็นแม่คนเดียวกับที่แม่เลี้ยงดูผม บอกผมทีว่าผมยังมีคุณค่าอยู่ และผมต้องไปบำบัด การมีลูกควรทำให้ชีวิตลูกมีความสุขไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่มักง่ายขึ้น สำหรับแม่ ผมเป็นอะไรกันแน่ ตัวแทนวงจรชีวิตวัยเด็กของแม่เหรอ หรือสัตว์เลี้ยง นอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่แท้ ๆ ยังทำให้ ชีวิตผมพังได้ขนาดนี้ แม่สมควรได้รับรางวัลทำลายชีวิตลูกดีเด่น อยากได้โล่เพื่อถ่ายรูปมั้ย! รู้ไหมผมจะไปเรียนต่างประเทศเพื่อออกจากครอบครัวนี้อยู่แล้ว ตอนเด็ก ๆ ขอทุนไป แล้วแม่ก็ร้องไห้ให้ผมรู้สึกผิดบอกว่าเป็นห่วง ที่จริงก็แค่อยากเก็บเครื่องอวดไว้ใกล้ตัวไม่ใช่เหรอ" เขาปาส้มที่เบนซื้อมาฝากใส่ผนังห้องด้านปลายเตียง "ผมจะออกไปจากที่นี่ ฟัคยูว พยาบาลจะเข้ามาตรวจแม่ครั้งสุดท้าย ทำตัวดี ๆ หน่อย โอเคนะ" พัฒน์ถอนหายใจ มองออกไปข้างนอกผ่านหน้าต่าง


Load failed, please RETRY

État de l’alimentation hebdomadaire

Rank -- Classement Power Stone
Stone -- Power stone

Chapitres de déverrouillage par lots

Table des matières

Options d'affichage

Arrière-plan

Police

Taille

Commentaires sur les chapitres

Écrire un avis État de lecture: C16
Échec de la publication. Veuillez réessayer
  • Qualité de l’écriture
  • Stabilité des mises à jour
  • Développement de l’histoire
  • Conception des personnages
  • Contexte du monde

Le score total 0.0

Avis posté avec succès ! Lire plus d’avis
Votez avec Power Stone
Rank NO.-- Classement de puissance
Stone -- Pierre de Pouvoir
signaler du contenu inapproprié
Astuce d’erreur

Signaler un abus

Commentaires de paragraphe

Connectez-vous