"ทุกครั้งที่รู้สึกว่างเปล่า
เขามองสีที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ บนท้องฟ้า
สีทอง สีเหลือง สีส้ม สีชมพู"
ขณะที่ยากำลังเดินทางผ่านท่อพลาสติกมาร่างกายผม เขาอยู่ในกระบวนการทำให้ลดการเติบโตของขนาดมะเร็งกลางเดือนเมษายนการทำไตใกล้เข้าสู่ชิ้นสุดท้ายของเซตแรก หลังจากเดือนนี้ไปจะทำให้กับ เครือข่ายอวัยวะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่าน ลุงเกาหลีลีดูซัม ไมล์จะไปรับสเต็มเซลล์ มาจากลูกค้าแล้วมาส่งให้เราตามจุดต่าง ๆ ในภูเก็ต โชกับพัฒน์ยังทำเอกสาร กับอวัยวะ จะเป็นไมล์กับเบนมีหน้าที่ไปเอาสเต็มเซลล์มาให้ พัฒน์ยังเป็นนักเรียนปกติ ตอนเช้าไปเรียน ตอนเย็นทำอวัยวะแลปคอนเทนเนอร์ วิธีการหลังจากนี้จะใช้เครื่องพิมพ์การขึ้นรูปสามมิติ พิมพ์เซลล์ด้วยหัวหมึกแบบเลเซอร์
เบนเริ่มตรวจดูตารางการส่งเคมีที่เราต้องการ ทุกคนมาดูที่หน้าจอ "มันมีสามตู้คอนเทนเนอร์ที่มาจากจีนจะมาถึงชลบุรีในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
ตู้คอนเทนเนอร์แรก บรรจุถังเก็บไฮโดรเจล 31,000 ลิตร ตู้คอนเทนเนอร์ที่สอง บรรจุถังเก็บพอลิแซ็กคาไรด์ 21,000 ลิตร ตู้คอนเทนเนอร์ที่สาม บรรจุถังเก็บไบโอเบสพลาสติก 14,500 ลิตร"
เบนอธิบายต่อ "สินค้าจะออกจากฮ่องกงตั้งแต่ ตีห้าวันที่สองมาที่ท่าเรือชลบุรีสัปดาห์หน้า ห้าทุ่มของวันที่ยี่สิบสามเมษายนและไปส่งที่สิงคโปร์แปดโมงเช้าวันที่สี่พฤษภาคม แต่ล่ะจุดจอดสินค้า จอดแค่ยี่สิบสี่ถึงสามสิบหกชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนถ่ายสินค้า สินค้าทุกจุดพักจะถูกช่างน้ำหนักทุกตู้ ถ้าน้ำหนักหายไปก็จะรู้ว่าถูกขโมยที่ไหน"
"แล้วโชคดีข้อเดียวคือพวกหมึกชีวภาพนี้เก็บในอุณหภูมิห้องได้" เบนบอก
พัฒน์เสนอไอเดีย "ถ้าเราเข้าไปบริษัทแล้วเปลี่ยนตัวเลข"
"วิธีนั้นมันโดนตรวจสอบตามหลังได้" โชตอบ
เบน "ใช่ เราดูวิธีแบบนั้นแล้ว มันเป็นไปไม่ได้"
พัฒน์ถาม "ถ้าเราขโมยที่จุดรับ"
เบนตอบ "ลืมไปได้เลย ยามกับกล้องเยอะเกินไป"
พัฒน์เสนอไอเดีย "ปล้นบนเรืออะ"
เบน "โดนจับน่านน้ำสากล คดีจะตกเป็นของเจ้าของทรัพย์สิน พวกเราอาจจะติดคุกที่ฮ่องกงสักสามถึงห้าปีได้ อนาคตดับ"
ไมล์พึ่งมาที่แลปหลังจากส่งของคนที่ 51 ทุกคนทักทายไมล์ ชวนคุยกันเรื่องอื่น ไมล์ที่เรียนจากวีอาร์มาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังหลังสอบใบประกาศขับขี่ทางอากาศ ทุกคนยินดีกับไมล์ ทั้งโชและเบน พัฒน์คิดที่อยู่หน้าจอ ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ ในหัวพัฒน์ยังคิดแต่เรื่องวิธีการเอาหมึกชีวภาพ มาให้ได้ อันที่จริงพวกเราคิดไม่ออก พัฒน์รู้สึกผิดที่ตัวเองเต็มไปด้วยความขลาดเขลา
เช้าของวันที่ยี่สิบสาม เรือส่งสินค้ากำลังเทียบท่าที่ชลบุรี พวกเขายังหาวิธีขโมยมาไม่ได้ ขณะเดียวกันเช้าวันนี้พัฒน์ต้องพูดในหอประชุมโรงเรียน เป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายในฐานะนักเรียนดีเด่นที่สามารถติดไอวี่ลีกเครือมหาลัยชั้นนำของโลกในประเทศสหรัฐอเมริกาได้
"ผมเป็นแค่คนธรรมดา ถ้าคุณฟังเรื่องนี้แล้วอาจรู้สึกว่าผมไม่ได้โชคดี" พัฒน์พูดเกริ่น ทุกคนในห้องประชุมตรบมือ
"สิ่งที่เราเป็นเหมือนกันนอกจากนั้นแล้ว ในเชิงชีววิทยา เราเป็นสปีชีส์ โฮโมเซเปี่ยนส์ ขอโทษครับที่อาจจะดูเนิร์ดไปหน่อย" คนหัวเราะ "สปีชี่ส์ก่อนหน้าที่อยู่เป็น แสน ๆ ปีก่อนหน้าไม่มีในสิ่งที่เรามี คือ ภาษา สปีชีส์ที่อยู่คู่กับเรามาแต่เราอาจไม่ได้พบพวกเค้าคือโฮโมออดิคัท ทั้งสองเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ความสามารถอย่างหนึ่งที่เรามีในการสร้างกลุ่มและ วัฒนธรรมขึ้นมา ความเชื่อใจ พ่อแม่เชื่อใจผอ. เราจึงมาเจอกันที่นี่ อาจารย์เชื่อใจผม ผมจึงได้ขึ้นมาพูดวันนี้ เราเชื่อใจกับคนที่เราไม่รู้จัก เราเชื่อใจกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า คนคนนั้นคนแรกของผมคือแม่" ทุกคนปรบมือ "และตัวตนผมก็เกิดขึ้นจากสายสัมพันธ์ ชีวิตผมกลายเป็นหนังทุนต่ำ เธอพยายามให้ผมเป็นทุกอย่างที่เขาไม่เคยเป็น มันยาก ผมยอมรับ วันหนึ่งเราเสียสายสัมพันธ์รอบตัวไป วันถัดมาการสร้างเซลล์ในสมองผมเติบโตแบบปาฏิหาริย์แค่อันนั้นเรียกว่ามะเร็ง วันที่ผมทราบหลังจากนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอด รับรู้ถึงความยุ่งเหยิงความอ่อนแอ ความรุนแรง และชีวิตก็เริ่มต้นขึ้น ผมเลือกที่จะกำหนดด้วยมือผมเอง" พัฒน์ทำนิ้วเป็นปืน ส่องไปตามผู้เข้าแข่งขันในโรงเรียนทุกคน แล้วหันเข้าหัวตัวเอง เอานิ้วชี้กับกลางเข้าปาก กดนิ้วโป้งลงเหมือนลั่นไก เขาทำเหมือนสลบและตื่นขึ้นมา
"ใช่แล้ว ชีวิตผมเริ่มต้นใหม่ทุกวัน แม้ผมจะไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน พวกเราหลงทางและกังวลเรื่องหาที่ยืนบนโลก นั่นแหละเป็นเหตุผลให้เราเรียนรู้ ขอบคุณมากครับ" เสียงปรบมือท่วมท้น สะท้อนไปมาในหอประชุม พัฒน์หันกลับไปมองไปยังเหล่าผู้แข่งขันตัวในห้องประชุมนี้ ทุกคนยังไม่รู้ว่า "ม้าแข่งที่ชนะ ไม่ได้รางวัลเป็นการออกจากสนามแข่งขัน" ทุกคนต้องสู้จนกว่าจะแพ้ สู้จนกว่าจะได้หยุดพัก พวกเขาไม่มีรางวัลสำหรับผู้ที่หยุดพัก พวกเขาต้องจ่ายค่าหยุดพัก ผู้ที่ชนะจะถูกส่งไปแข่งที่อื่นต่อ นั่นแหละระบบจะชนะก็ต่อเมื่อมีระบบเป็นของตัวเอง มันไม่มีที่สำหรับผู้พ่ายแพ้ ผู้แข่งขันทุกคนรู้ดี 'สู้จนสูญเสีย นั้นคือคำขวัญของระบบการศึกษา'
เสียงปรบมือของผู้ร่วมแข่งขัน ใช้เวลายาวนานในหัวผม ทุกคนปรบมือให้กับผู้ชนะที่สูญเสีย ทุกคนปรบมือกับสิ่งที่ผมพูด ไม่มีใครรู้จักพัฒน์จริง ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ม่านหมอกความแปลกแยก ทำตัวเขาเองเจ็บปวดตลอดเวลาทุกคนกำลังใช้สายตาควานหาความสวยงามในความเศร้า แต่ไม่มีใครเชิญชวนกันรู้สึก ความรู้สึกเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับระบบ เป็นเหตุผลให้ความเศร้าและความสงสารขายได้ตลอด มันเป็นแบบนั้น กับคนที่ไม่มีโอกาสได้รู้สึกแค่ความเศร้าไม่จำเป็นต้องสวยงามก็ได้
พัฒน์คิดว่าในสังคมแบบนี้ต้องการให้เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ช่วงกลางวันระหว่างที่พัฒน์กำลังรู้สึกผิดกับตัวเองในเรื่องที่พูดออกไป ระหว่างที่เขาเดินผ่านห้องเรียนขบคิดเรื่องพวกนั้น พัฒน์เห็นเพื่อนห้องอื่นเล่นบอร์ดเกม และเจงก้า พัฒน์จ้องมองเจงก้าอยู่นาน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
ของเล่นในโรงเรียน
เจงก้า ภาษาสวาฮีลี แปลว่าก่อสร้าง
ใช้ไม้ 3 ชิ้นเรียงกันต่อหนึ่งชั้น
ผลัดกันดึงบล็อก เพื่อต่อด้านบนเพื่อสูงขึ้นไปเริ่อย ๆ
เวลาเย็นวันนั้นที่ห้องแลปคอนเทนเนอร์ ท่าเรือ
ในกล่องเหล็กสีขาวและพลาสติกภายในพัฒน์ยืนอธิบายกับเบน กล่องอยู่ตรงกลางบนโต๊ะ ไมล์กับโชนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งสองงุนงงว่าจะอธิบายอะไร เบนเปิดกล่อง เปิดมาเป็นไม้สามชิ้นวางซ้อนทับกันสิบสี่ชั้น เบนถอยหลังยืนกอดอกพิงกำแพงแลปคอนเทนเนอร์สีฟ้าอยู่ข้างหลัง พัฒน์คิดจะอธิบายวิธีการผ่านเจงก้า
"เรากำลังจะพูดถึงอวัยวะสำรอง" พัฒน์พูดขึ้นทั้งตึกเจงก้าคือวัสดุสำคัญในการผลิต พัฒน์ชี้ไปที่ข้างบนสุดแถวที่มีตัวอักษรปลายไม้ 'ค' ย่อมาจากโครโมโซมบน พัฒน์หยิบแถวบนสุดออกวางไว้ด้านข้าง "โปรตีนและโครโมโซมตั้งต้น เราจะเอาจากลูกค้า"
สี่แถวรองจากบนสุด สี่แถวมีตัวอักษรเขียนว่า "ฮ" ย่อมาจากไฮโดรเจล (hydro gel) สี่แถวตอนกลางที่ มีตัวอักษรที่ปลายไม้ว่า "พ" ย่อมาจากพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) สี่แถวล่างเป็น ตัวอักษรเขียนว่า "บ" ไบโอเบสพลาสติก (bio-base plastic)
"นี่คือ 'ชีวพื้นฐาน' " พัฒน์อธิบายต่อ "มันธรรมดา และง่าย สินค้าที่เราต้อง มีมาจากการขนส่งจากบริษัทเทคโนโลยีเทคโนโลยี มีประมาณ หนึ่งหมื่นสี่พันล้าน แกลลอนลูกบาศก์ กระจายอยู่ทั่วโลกที่ถูกยืนยันผ่านรัฐบาลกลางคือยูเอ็น ในการครอบครองทรัพย์สินชีวภาพ มักจะอยู่ในการขนส่งทั้งทางเรือและอากาศ เพื่อส่งให้บริษัทเอกชนทั่วโลก เราแค่ต้องการ แต่ละอย่างแค่หนึ่ง เราต้องการไม่เยอะ เราต้องการแค่อย่างละ 1,000 ลิตร เพื่อมาสร้าง 'อวัยวะสำรอง' เป็นการสร้างมูลค่าทางการเงินผ่านพวกเรา เรากำลังพูดถึงมูลค่าทรัพย์ และห่วงโซ่ อุปสงค์ และรายชื่อ" พัฒน์หันไปทางเบน ตอนพูดจบคำว่ารายชื่อ เพราะเป็นหน้าที่เบนที่ผ่านมา เบนยิ้มมีสีหน้ามั่นใจ
"ก้อนไม้ชิ้นนี้ เราเรียกว่า 'โอกาส ทางการแข่งขัน' ในตลาดอวัยวะ มีเงินหมุนประมาณสี่แสนล้าน ๆ บาท ทั่วโลก ก้อนนี้ แค่ 0.0004 เปอร์เซ็นต์" พัฒน์ชี้ไปทางด้านกลุ่มทั้งหมดของเจงก้า หมายถึงทั้งสามตู้คอนเทนเนอร์
ไมล์พูดขึ้น "0.00004 เปอร์เซ็นต์" แล้วทำท่าคิดเลข ใบหน้ากำลังคำนวณไมล์ยังคิดไม่ออก โชก็ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นทันที
พัฒน์รู้ความหมายและสิ่งที่โชคำนวณก็ถูกต้อง "ใช่ ประมาณแปดร้อยล้านบาท" เบนชี้นิ้วกะพริบตาซ้ายให้โชชื่นชมในการคิดเลขเร็ว
ไมล์ตบเข่าดังฉาดและหันไปยิ้มให้โช แต่ไมล์ยังสงสัยหันมองพัฒน์ถามว่า "แล้วเราจะไปเอามายังไง"
"เราจะซื้อตู้คอนเทนเนอร์ข้าง ๆ ในนั้นจะมีถังเปล่า และถังที่เต็มไปด้วยน้ำ ท่อมอเตอร์ ทั้งหมดสามตู้ วิธีการทั้งหมดเกี่ยวกับน้ำหนัก และการแทนที่" พัฒน์หยิบไม้สีฟ้าที่ทำไว้ก่อนหน้านี้สามชิ้นขึ้นมา มีตัวอักษรเขียนว่า "น" ย่อมาจากน้ำ
"อันนี้ต่างหากจะทำให้เราทำงานง่าย มันคือน้ำ เราจะใส่มันกลับเข้าไปแทน เราจะขโมยแบบไม่ให้รู้ตัว"
ไมล์ และโชทำหน้างุนงง
"มันเกี่ยวกับน้ำหนักเราจะถ่ายสารออกมาและเปลี่ยนกลับน้ำเปล่า ไฮโดรเจล 31,000 ลิตรไฮโดรเจล มีน้ำหนักเบากว่าน้ำ 1 ใน 18 จาก เราเอามันมา 1,000 ลิตร" พัฒน์หยิบไม้ตัว 'ฮ' ที่อยู่ตรงกลางออกไปหนึ่งชิ้น
พัฒน์ดันไม้ชิ้นสีฟ้า 'น' เข้าไปแทนไม้ที่เอาออกมาของแถวตัว 'ฮ' "เราต้องทดแทนมันด้วยน้ำที่หนักไป 55.5 ลิตร พอลิแซ็กคาไรด์ 21,000 ลิตร" พัฒน์หยิบไม้ออกจากชั้นตัว 'พ' ชูขึ้นให้ทุกคนดูแล้ววางลง "พอลิแซ็กคาไรด์ มีน้ำหนักมากกว่าน้ำเปล่าเป็น 9 เท่า จากเราเอามันมา 1,000 ลิตร เราเอาไปเราจะใส่มันกลับไปด้วยน้ำ 9,000 ลิตร" พัฒน์ดันไม้ชิ้นสีฟ้า 'น' เข้าไปแทนไม้ที่เอาออกมาของแถวตัว 'พ'
"ไบโอเบสพลาสติก 14,500 ลิตร ไบโอเบสพลาสติกมีน้ำหนักจากน้ำเปล่าเป็น 9.2 เท่า จาก 1,000 ลิตรเราจะใส่ไปน้ำกลับไปเท่ากับ"
"9,200 ลิตร" โชตอบ
พัฒน์พยักหน้าพร้อมกับใช้นิ้วดันไม้ชิ้นสีฟ้า 'น' เข้าไปแทนไม้ที่เอาออกมาของแถวตัว 'บ' "น้ำหนักของมันจะยังเท่าเดิมทุกอัน หลังจากที่ชั่งอีกทีและพอมันส่งไปที่สิงคโปร์ คนก็จะพบว่าสินค้าถูกเจือจาง ความเข้มข้นทางเคมีลดลง"
"ก็จะโทษสินค้าที่มาจากจีน โว้ว พี่คิดไว้หมดแล้วนี่หว่า โคตรเจ๋ง" ไมล์ชื่นชมไอเดียนี้
พัฒน์ยิ้มรับคำชม
พวกเขาเลือกที่ขโมยสินค้าหลังจากเรือออกจากชลบุรี เฮลิคอปเตอร์ลอยท่ามกลางกลุ่มมวลอากาศ บนทะเลอ่าวไทย มุ่งหน้าไปที่เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ บนเรือบรรทุกที่มีตู้คอนเทนเนอร์กว่าหนึ่งหมื่นตู้
ทั้งสี่คนถูกกักตัวบนท้องฟ้า แต่งตัวเป็นชุดช่างของบริษัทชีวเคมีสีแดงเข้ม เบนกำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสายดูเหมือนกำลังรื้อฟื้นความหลังอยู่
โชคุยกับไมล์ที่เป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์ไมล์นั่งข้างหน้าอยู่กับเบน "450 ชั่วโมงใช่มั้ย?"
"ใช่ ๆ ห้าสัปดาห์แห่งนรก นายก็น่าจะลองนะ" ไมล์พูดกับโชผ่านวิทยุสื่อสารในตัวเครื่อง
โชทำหน้าเบื่อมองไปสีฟ้านอกประตูเฮลิคอปเตอร์เขาตอบ "ชอบหุ่นยนต์มากกว่า"
พัฒน์จ้องออกทางนอกหน้าต่างก้มดูไปทางเรือส่งสินค้า เพื่อมั่นใจกับตำแหน่งตู้คอนเทนเนอร์ พวกเราทั้งสี่คนอยู่เหนือเรือขนส่งจุดเดียวใจกลางทะเลที่มี แผนคือลงเรือทุกคนแยกย้ายไปหาตู้ พัฒน์ เบน โช ไปตามแต่ล่ะตู้สูบเคมีภัณฑ์ของตัวเองมาไว้ตู้ข้าง ๆ แล้วปั๊มน้ำที่เตรียมไว้กลับไปพัฒน์บอกอีกครั้ง เฮลิคอปเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตลงจอดฉุกเฉินก่อน ข้อจำกัดการอยู่บนเรือหลังลงจอดเฮลิคอปเตอร์คือ 3 นาทีหลังจากนั้นกัปตันเรือมีสิทธิ์คุมตัวเราติดคุกข้อหาลักทรัพย์น่านน้ำสากลติดคุกอย่างต่ำห้าปี
เบนเตรียมเอกสารว่าเป็นตัวแทนจากสามบริษัทมาตรวจสอบสินค้าเคมีภัณฑ์ปนเปื้อนฉุกเฉินทางทะเล เตรียมเอกสารจากนักบินของไมล์เผื่อไว้ล่วงหน้า เขารู้ว่าคนพวกนี้ชอบเอกสาร ปลายสายของเบอร์ติดต่อเอกสารนั้น จะถูกส่งไปที่ "ลิน"
พัฒน์ให้ลินเข้ามาช่วยเรื่องนี้ไกล ๆ เขารู้ว่าไว้ใจลินได้ เป็นคนที่เบนคุยทางโทรศัพท์เมื่อกี้ตอนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์นั้นแหละ ปล.ลินเป็นหนึ่งในคิปป์ทีมที่มีความสามารถทางภาษาตั้งแต่เด็กตอนนี้ทำงานอยู่บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันในปารีส ลินจะตอบคำถามที่น่าปวดหัวจากสำเนียงต่าง ๆ เธอพูดได้หกภาษา จีน เกาหลี สเปน คือเอกสารพวกนั้น เพื่อถ่วงเวลาไว้ให้มากที่สุด
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดลงบนเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ ประตูเหล็กเปิดออกไอน้ำทะเลปะทะหน้าพัฒน์ กลิ่นของทะเลชัดเจนเริ่มปฏิบัติการ
พัฒน์ เบน โช ทุกคนกดนาฬิกา 3 นาที นับถอยหลังเริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างวิ่งลงไปหน้าตู้คอนเทนเนอร์ของตัวเอง เบนเป็นคนวิ่งไปไขทั้งสามตู้ที่มีเคมีภัณฑ์อยู่
พัฒน์กับโชเปิดตู้ที่ซื้อไว้ข้าง ๆ ประตูเหล็กเปิดออกทั้งสองด้าน ตู้ที่ซื้อมาวางทั้งสามตู้อยู่ข้างซ้ายของ ตู้ที่มีเคมีภัณฑ์อย่างละหนึ่ง เบนเปิดตู้คอนเทนเนอร์ที่มีไฮโดรเจลแล้วโชกำลังเดินถือท่อเข้าไปเอาไปต่อฝาท่อพลาสติก เบนกำลังเปิดตู้พอลิแซ็กคาไรด์ หลังจากนั้นพัฒน์เดินเข้าไป หมุนเปิดฝาพลาสติก สังเกตเห็นมุมตู้ด้านในมีกล้องวงจร เบนวิทยุสื่อสารมาบอกพัฒน์หลังเปิดคอนเทนเนอร์ของตัวเอง "ซวยแล้ว!! นั้นกล้องวงจรปิด"
"นั้นไม่ใช่กล้องวงจร" พัฒน์สังเกตไฟแดงที่ขึ้นอยู่ "นั้นเป็นกล้องถ่ายทอดสดสัญญาณดาวเทียม มันจะไปโผล่ที่บริษัทตัวเลขตู้ติดกัน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยกำลังดูเราอยู่"
เบนคิ้วขมวดอุทาน "ฉิบหาย จะลงมือทำต่อมั้ย"
ขณะเดียวกัน สำนักงานบริษัทเคมีภัณฑ์ ห้องสังเกตการณ์สินค้าในฮ่องกง เจ้าหน้าที่กำลังหันมาชงกาแฟอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง ด้านหลังเป็นหน้าจอกว่าสี่สิบหน้าจอเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่เขาก็ต้องมองแสงสีฟ้าเดิม ๆ เขาหันหลังให้ ช้อนกำลังคนกาแฟให้เข้ากับน้ำร้อนอยู่ เขาใส่น้ำตาลเพิ่มอีกหนึ่งช้อน
พัฒน์ยืนนิ่งคิดกำลังจ้องมองกล้องวงจรในตู้คอนเทนเนอร์เบนถามเร่งคำตอบจากพัฒน์ผ่านวิทยุสื่อสาร "จะทำยังไง!" เบนกับโชยืนต่อหน้าหมึกชีวภาพ จ้องมองวิทยุสื่อสารที่อยู่ในมือรอคำตอบจากพัฒน์
"ลงมือเลย!" พัฒน์บอกทั้งสองคนผ่านวิทยุสื่อสารสีแดง
พัฒน์วิทยุสื่อสารหาไมล์ "ไมล์ ๆ" ไมล์กดรับสัญญาณข้อความเสียง
"ว่าไงพี่"
"ไมล์ติดต่อลินให้หน่อย"
"พี่ลินเหรอ เขาเป็นไงบ้าง ยังเล่นหมากรุกอยู่ปะ ผมคิดถึงตอนเล่นหมากรุกกับพี่ลิน"
"ไมล์!!" พัฒน์เรียกเตือนสติไมล์
"โอเค! 3 วินาที"
ลินรับโทรศัพท์ผ่านสัญญาณ คุยกับพัฒน์ผ่านสัญญาณวิทยุสื่อสารของไมล์ ตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่งลินอยู่หน้าคอมที่ออฟฟิศ "ว่าไง กูรู" ลินพูดพร้อมยิ้มบนใบหน้า เธอเรียกพัฒน์ด้วยชื่อในคิปป์ทีม เสียงคุ้นเคยทำให้ทุกคนที่ได้ยินเสียงหายคิดถึง
"ลินมีเรื่องให้ช่วย"
"บอกมา" ลินตอบ
"กล้องวงจร รหัสตู้ซีแอลเอเอส 900 ลงท้าย 4346, 4434 และ 4211 บริษัทเอ็มเอ็มดี เคมีภัณฑ์"
"10 วินาที"
มอเตอร์ทั้งสามเครื่อง กำลังทำงานตอนนี้โชดูดไฮโดรเจลไปไว้ในถัง ตัวเลขมิเตอร์ ได้ 742 ลิตร
พัฒน์ได้ 482 ลิตร สำหรับพอลิแซ็กคาไรด์
เบนอยู่ที่ 681 ลิตร ไบโอเบสพลาสติกอยู่ในถัง
ทุกคนกำลังกังวลกับหน้าจอมิเตอร์ ระแวงกับคนมาตรวจดู
พัฒน์มองตัวเลขที่ถอยหลังขมวดคิ้ว ใจเต้นถี่
โชลนลานที่สุด เหงื่อเขาเริ่มออกในเสื้อผ้าและในถุงมือ
เหลือเวลาอีก 90 วินาที
เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์สินค้าบริษัท กำลังหันมาดูที่หน้าจอ เขาสายตาสั้น ใส่แว่นหนา ยื่นหน้าเข้าใกล้จอสีฟ้าท่ามกลางจอขนาดทีวีแปดนิ้ว เจ้าหน้าที่ชายต้องมองจอช่องแบ่งเล็กลงตามจำนวนตู้กว่าร้อยตู้ เอนตัวก้มหน้าดูช่องสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ เห็นมีอะไรยุกยิกอยู่ในจอแสดงผล นั้นคือพัฒน์เจ้าหน้าที่ชายผู้สับสนกับหน้าจอและวันเวลาเขายังเห็นไม่ชัด มือขวาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ภายในองค์กรขึ้นมา กดหมายเลขยกสายโทรศัพท์รอสาย
ช่องนั้นของตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข 4434 โพลีแซคคาไลน์ พัฒน์กำลังสูบเคมีภัณฑ์ผ่านท่อยาวไปที่ตู้ข้าง ๆ ตัวเลขมิเตอร์กำลังขึ้นอยู่ เจ้าหน้าที่มองเห็นพัฒน์มองกล้องวงจรนั้น
สายโทรศัพท์รอสาย "ตี๊ดดด ตี๊ดดด ตี๊ดดด ตี๊ดดด" กำลังจะมีคนรับโทรศัพท์จากห้องรับวงจร เข้าก้มดูช่องที่พัฒน์ยืนอยู่ใกล้ขึ้น
ทันใดนั้น พัฒน์หายไปจากหน้าจอ ทุกอย่างเหมือนสามนาทีก่อนหน้า ภาพที่อยู่บนหน้าจอขณะนี้ในตู้ 4434 ไม่มีใครยืนอยู่มีแต่เคมีภัณฑ์บรรจุถังเก็บพอลิแซ็กคาไรด์ 21,000 ลิตร มีคนรับสายของยามผู้ติดต่อแต่เขาก็วางสายโทรศัพท์ลง เหมือนทุกอย่างเป็นการสับสนของเวลาและขยี้ตาคิดว่าการมองเห็นของตัวเองอาจจะมีปัญหา
เหลือเวลาอีก 30 วินาที
ทุกคนเปลี่ยนท่อเป็นปั๊มน้ำเข้าเรียบร้อยแล้ว เบนกำลังหมุนฝาปิดถัง ไบโอเบสพลาสติก 1,000 ลิตร
ทางโชเสร็จเป็นคนแรกเขาเก็บสายส่งสารเคมีสีขาวในตู้ตัวเอง ปิดไฟ โชปิดประตูส่งของคอนเทนเนอร์ทั้งสองตู้
ด้านพัฒน์ การปั๊มน้ำความหนืดน้อยกว่า หน้าจอมิเตอร์ของการปั๊มน้ำเข้า อยู่ที่ 3,894 ลิตรกำลังปัดขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนหน่วยมิเตอร์ ของเบนอยู่ที่ 2,681 ลิตร
เวลาใกล้หมด มีลูกเรือส่งสินค้ากำลังเดินตรงมาที่พวกเขา เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อีกโค้งเดียวก็ถึงตู้ของเบนและพัฒน์
อีก 10 วินาที
โชรีบพุ่งตัวไปชนพร้อมใส่หน้ากากพลาสติก เตือนชายร่างใหญ่เจ้าของฝีเท้าทั้งสองคน
"คุณเข้ามาได้ยังไง ใส่หน้ากากเร็ว ตอนนี้มันปนเปื้อน" โชตะโกนโวยวายพร้อมถือหน้ากากกันสารพิษ พร้อมยื่นหน้ากากให้เขารีบใส่ ความตกใจโน้มน้าวง่ายกว่า ความลนลานส่งต่อกันง่ายกว่าที่คิด
หมดเวลา
พัฒน์กำลังถอดท่อส่งน้ำ เอามาเก็บคอนเทนเนอร์ตัวเอง
เบนปิดฝาถังเคมีภัณฑ์หลัก และเอาท่อส่งน้ำกลับมาเก็บตู้เดิม นาฬิกาข้อมือเบนเตือนส่งสัญญาณดัง ปิ๊บ! ปิ๊บ! ปิ๊บ! ปิ๊บ! พนักงานร่างใหญ่ที่ใส่หน้ากากทั้งสองคนได้ยินเสียงนั้นจากจุดใกล้ ๆ เขารีบวิ่งเข้าไปหาเสียงนั้น ไม่สนใจโช รีบเดินตรงไปทางเบนกับพัฒน์ เท้าใหญ่ย้ำตรงไป เสียงหนักแน่น ปลายทางเป็นนาฬิกาข้อมือถูกทิ้งไว้หน้าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหกตู้
พัฒน์ เบน โช อยู่ที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ กำลังก้าวขึ้นไปนั่งบนข้างในทุกคนขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ ใบพัดหมุนเครื่องยนต์พาทุกคนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าทะเลอ่าวไทย
พัฒน์พูดชมลินต่อหน้าทุกคนผ่านวิทยุสื่อสารในตัวเครื่อง "เธอคือราชินี" เบน โช ไมล์พูดพร้อมกัน "เธอคือราชินี" ดูเหมือนนั้นก็เป็นคำที่พูดชื่นชมลินตอนอยู่ในคิปป์ทีม
พัฒน์มองออกไปข้างนอกนั้น ดวงอาทิตย์สีส้มยะเยือกกำลังแตะความอบอุ่นสีฟ้า พวกเขาตื่นเต้นกับความสำเร็จ ใช้เวลาอีกสี่สัปดาห์ เรือขนส่งคอนเทนเนอร์จะกลับมาถ่ายสินค้าอีกทีที่ภูเก็ต
เครนเหล็กยกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสามตู้เต็มไปด้วยหมึกชีวภาพทั้งไฮโดรเจล พอลิแซ็กคาไรด์ ไบโอเบสพลาสติก อย่างละ 1,000 ลิตรแต่ละตู้อยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว