"Everyone respects the teacher!" หัวหน้าห้องตะโกนบอกทำความเคารพ
"Good morning teacher!" นักเรียนพูดพร้อมพนมมือไหว้ลิลลี่พร้อมกัน
คาบที่สองของวันแรกของการเปิดเรียนเริ่มขึ้นซึ่งควรจะเป็นคาบที่ลิลลี่เข้าสอนคนเดียว แต่ว่าต้นอยู่ในห้องด้วยก็เพราะว่าเธอเพิ่งมาสอนวันแรกแล้วคาบที่สองเป็นคาบที่ต้นว่างพอดีพูดง่าย ๆ ก็คือคาบว่างแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีเลยมาดูการสอนของคุณลิลลี่ด้วยความเป็นห่วง
"Hello student, Today is our first class so I want you to give me this worksheet and send it to the end of the class. It will make me get to know you better."
[คำแปล : วันนี้คือคาบแรกของพวกเราเพราะฉะนั้นฉันอยากให้ทำใบงานนี้ให้ฉันแล้วส่งท้ายคาบเพื่อให้ฉันได้รู้จักพวกคุณมากขึ้น]
"Ok!" ทุกคนในห้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน
คุณครูทุกคนของโรงเรียนนี้สามารถจัดวิธีการสอนยังไงก็ได้โดยอ้างอิงหลักสูตรจากฝ่ายวิชาการของโรงเรียนแห่งนี้เป็นหลัก ถ้าหากนักเรียนเจอครูที่จัดหลักสูตรได้ดีนักเรียนก็จะเรียนได้ง่ายและรู้เรื่องมากขึ้นอีกด้วย ในทางกลับกันถ้าหากจัดหลักสูตรได้ไม่ดีและไม่ได้ความรู้เท่าที่ควร ก็จะกลายเป็นว่านักเรียน เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องตามที่ฝ่ายวิชาการต้องการ และตัวครูเองก็จะโดนไล่ออกเพราะความสามารถไม่เหมาะสมกับโรงเรียนนี้ด้วย ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงเป็นโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรที่เป็นครูทุกคน รวมทั้งนักเรียนที่มีความสามารถในทุกด้านเช่นกัน
ในระหว่างที่ผมกำลังดูคุณลิลลี่สอนหนังสืออยู่ หัวหน้าระดับชั้นก็มาเคาะกระจกเรียกผมให้ออกไปหานอกห้อง
"ก็อก ๆ"
"หืม?"
หัวหน้าระดับเคาะหน้าต่างแล้วเปิดออกมาเพื่อคุยกับต้น
"ไงต้น ออกมานอกห้องแปปนึงสิ"
"ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ!"
"ไม่ได้จะลงโทษค่ะ!!"
ผมลืมไปว่าตอนนี้ได้เวลาเดินตรวจตราตามห้องของหัวหน้าระดับพอดี ใบหน้าที่สุดสวยของหัวหน้าระดับกำลังทำหน้าจริงจังอยู่ ผมไม่รอช้าเลยขออนุญาตคุณลิลลี่เพื่อที่จะออกไปนอกห้อง
"ต้น เดี๋ยวตอนเย็นวันนี้หลังจากปาร์ตี้ต้อนรับคุณลิลลี่จะมีประชุมเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน 'ผู้เป็นเลิศในแต่ละสาขาวิชา' นะ"
"โอเคครับ หัวหน้าระดับ"
"ไม่เอาน่า อยู่กันแค่สองคนบอกให้เรียกว่าฟ้าเฉย ๆ ไง ยังไงก็รุ่นเดียวกันด้วย"
"ก็เรียกหัวหน้าระดับมันเท่ดีอะ!"
"..."
ฟ้าทำสีหน้าชัดเจนว่า 'ห๊ะ?' แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
"ไม่เข้าใจสินะ ก็อย่างเช่น...หัวหน้าหน่อยที่สิบไง! เท่ใช่มั้ยละ!!"
ฟ้ายังคงทำสีหน้าชัดเจนว่า 'ห๊ะ??' เหมือนเดิม
"เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกฟ้า แค่เรียกเพราะอยากเรียกเฉย ๆ น่ะ"
ฟ้าทำสีหน้านิ่งเฉยกับคำตอบของผม ดวงตาของเธอมองผมเหมือนกับมองตัวประหลาด เดาจากสีหน้าและดวงตาของเธอ เธอคงคิดในใจว่า 'บอกแบบนั้นแต่แรกก็จบ' แน่นอน
"เห้อ...ช่างมันเถอะ ว่าแต่ต้นมีอะไรจะบอกกับฉันไหม?"
"หืม ผม...ต้องบอกอะไรหรอครับ?"
"ก็อย่างเช่น~ ขอโทษครับคุณฟ้า ผมลืมส่งรายชื่อและสถิติของนักเรียนที่มาในวันนี้ครับ"
"อะไรของ...เออวะ!"
"รีบไปห้องพักครูแล้วส่งมาเดี๋ยวนี้!!"
"ครับ ขอโทษครับคุณฟ้า"
ต้นตอบกลับพร้อมด้วยเสียงสำนักผิด
.
.
.
นี่คือเหตุการณ์ในขณะที่ต้นออกไปจากห้องแล้ว
"คุณลิลลี่ผมขอออกไปนอกห้องหน่อยนะครับ"
"Okay~"
ต้นขออนุญาตลิลลี่ออกไปนอกห้องตามที่หัวหน้าระดับได้เรียก
เมื่อต้นออกไปนอกห้องสักพักนกก็ถามคำถามกับลิลลี่
"คือว่า...This question asked me to put my personality traits, right?"
[คำแปล : โจทย์ข้อนี้คือให้ผมใส่ลักษณะนิสัยของตัวเองลงไปใช่ไหมครับ]
"ใช่ค่ะ"
". . ."
". . ."
". . ."
"พูด 'ใช่' ชัดกว่าตูอี๊ก"
นักเรียนทั้งห้องถึงกับทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเมื่อได้รู้ว่า ลิลลี่ สามารถพูดภาษาไทยได้แบบชัดเจนสุด ๆ
"เอ่อ...คือว่า...พูดไทยได้หรอครับ?" หัวหน้าห้องถามด้วยความสงสัย
"ค่ะ พูดไทยได้ค่ะ"
'แล้วทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก...'
นักเรียนทั้งห้องได้แต่ทำหน้ามึนงง และคิดในใจด้วยความสงสัย ลิลลี่พอจะเดาความในใจของนักเรียนจากสีหน้าได้เลยพูดต่อ
"พอดีมิสมีเหตุผลที่ต้องปกปิดเรื่องที่พูดไทยได้เอาไว้น่ะ"
"ปิดกับใครหรอครับ/คะ?"
"ไม่บอกหรอกนะจ๊ะ" ลิลลี่พูดพร้อมกับยิ้มแบบมีเล่ห์เหลี่ยม
สีหน้าของลิลลี่ทำให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของนักเรียนทุกคนหลั่งสารอยากรู้อยากเห็นออกมา
"หรือว่าจะเป็น...มาสเตอร์ต้น?"
"อุก!! มะ...ไม่ใช่ตินนะ!"
ลิลลี่เมื่อได้ยินคำตอบของนักเรียนที่เดาออกมานั้นถึงกับทำเสียงแปลก ๆ สีหน้าร้อนรนกระวนกระวายเหมือนโดนไฟเผา เหงื่อออก เอามือปิดหน้า ส่ายตัวไปมา
'อ่า...มิสคนนี้...ดูออกง่ายชะมัด!'
ตอนนี้ในห้องทั้งครูและนักเรียนไม่มีสมาธิไปกับการเรียนการสอน นักเรียนก็อยากรู้ว่าทำไม มิสลิลลี่ก็ไม่รู้ว่าจะปกปิดยังไงดี
รองหัวหน้าเห็นบรรยากาศรอบข้างของมิสลิลลี่กระวนกระวายใจทำอะไรไม่ถูกบวกกับตัวเองก็อยากรู้อยากเห็นด้วยเลยยื่นข้อเสนอสุดพิเศษใส่ไข่ให้
"เอางี้นะคะ พวกหนูจะบอกในสิ่งที่มิสอยากรู้นะคะ แล้วมิสก็บอกพวกหนูทีหลังนะคะว่าทำไมต้องปิดไว้เป็นความลับกับม.ต้นด้วย รวมถึงเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเรียกมาสเตอร์ต้นว่าตินด้วยนะคะ"
เมื่อลิลลี่ฟังข้อเสนอก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิมได้แล้วเริ่มตั้งคำถาม
"งะ...งั้น ทำไมพวกเธอถึงดูสนิทกับตินจังละ"
"อ๋อ! งั้นผมจะเล่าให้ฟังเองครับ!"
หัวหน้าห้องตะโกนขึ้นมาแบบกระทันหันและเริ่มเล่าให้ฟัง
"กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานแสนนานแบบนานมาก ๆ มาแล้วตราบนานเท่านาน"
"อันนี้มึงกวนมิสเขาใช่ไหม?" รองหัวหน้าถามขึ้น
"ไม่อะ แค่เกริ่นให้น่าตื่นเต้นเฉย ๆ"
"เห้อ...งั้นฉันเล่าเองนายนั่งดมกาวไปเถอะ อะแฮ่มย้อนกลับไปตอนพวกหนูม.4..."
.
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนในตอนที่ห้อง 10 เพิ่งเข้าเรียนมาใหม่ ๆ
ปกติโรงเรียน ISS เป็นโรงเรียนที่มีเพียงแค่ 9 ห้องเท่านั้น แต่ว่าโรงเรียน ISS ได้เปิดภาคเรียนใหม่โดยการสมัครเด็กนักเรียนจากทั่วประเทศที่มีความสามารถสูงเข้ามาโรงเรียนตัวเองเป็นปีแรก โดยไม่สนใจเรื่องเงินทอง รูปร่าง หน้าตา ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัว นำมารวมเป็นห้องที่ 10 ซึ่งก็มีเด็กนักเรียน 13 คนที่สามารถสอบเข้ามาได้จากประมาณ 1 แสนคน แต่ว่าฐานะทางการเงินของพวกเขาทุกคนไม่ได้อยู่ในระดับเศรษฐี หรือระดับผู้ขับเคลื่อนประเทศเหมือนกับนักเรียนห้องอื่น ๆ แถมไม่ได้รู้จักเรื่องมารยาทของผู้ดีมากมายนักเลยทำให้ห้อง 10 ตกเป็นเป้าของการโดนดูถูก
"นั้นไง ๆ ห้องนั้นเป็นห้องของพวกข้างล่างไง ฮ่า ๆ ๆ"
"ดูพวกจนนั้นสิ ฮ่า ๆ "
"ดูดิแค่ล้อนิดล้อหน่อยทำหน้าเป็นหมาหง่อยเลยนะ~"
ทุก ๆ วันที่นักเรียนของห้องนี้มาโรงเรียนก็จะถูกคำพูดทำนองนี้ใส่ และเนื่องจากนักเรียนในห้องโดนรุมกลั่นแกล้งมากจนเกินไป ทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงความสามารถในการสอบวัดระดับได้ และห้อง 10 ก็กลายเป็นห้องที่ได้คะแนนน้อยที่สุดของระดับชั้น ในตอนนั้นครูในโรงเรียนก็แทบไม่ได้สนใจนักเรียนห้องนี้เลย นักเรียนในห้องนี้ก็แทบไม่อยากมาโรงเรียนกันเลย บางคนเครียดจนอยากจะฆ่าตัวตาย บางคนอยากกลับบ้าน บางคนร้องไห้เพราะไม่มีความกล้าที่จะลุกขึ้นไปสู้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกแบบนั้นแต่พวกเขาก็มาโรงเรียนอยู่ดีเพราะพวกเขามีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่ต้องก้าวเข้าไปในสมรภูมิที่ต้องแก่งแย่งชิงกันเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จดังที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงเป็นดั่งก้าวแรกที่จะทำให้ฝันของพวกเขาเป็นจริง
พวกเขาถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ เท่าที่เด็กนักเรียนม.4 จะทำได้ และโดนกลั่นแกล้งซ้ำ ๆ แบบนี้มาตลอดหนึ่งเดือนจนความร่าเริงสดใสที่ควรจะเกิดขึ้นในวัยรุ่นของห้อง 10 นั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็เริ่มไม่มีใครสนใจห้อง 10 เลยแม้แต่คนเดียว เรียกได้ว่าห้องที่ถูกตัดหางปล่อยวัดแล้วก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่นักเรียนทั้ง 13 คนในห้อง 10 นั้นเรียนด้วยสภาพจิตใจที่เหมือนดั่งหินที่โดนน้ำหยดลงทุกวันจนกร่อนลงทุกที และแล้วอยู่มาวันหนึ่งก็มีใบไม้จากต้นไม้ที่สูงใหญ่มาช่วยบังหยดน้ำให้หินไม่กร่อนไปมากกว่านี้
"สวีดัด! นักเรียนห้องสิบค้าบบ"
ในเช้าวันหนึ่งมีครูผู้ชายท่าทางแปลกประหลาดเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับคำทักทายที่สดใสร่าเริงผิดกับบรรยากาศภายในห้อง
"คือ...ไม่ทราบว่าใครหรอคะ?"
"อะ อะ อ้าววว ไม่รู้จักต้นคนนี้งั้นรึ!"
"มาสเตอร์ต้น...มีธุระอะไรกับห้องนี้หรือเปล่าคะ?"
"มีสิ๊! เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมาสเตอร์ต้นคนนี้จะเป็นครูประจำชั้นให้กับเหล่าเด็กผู้หลงทางเองงง"
รองหัวหน้าห้องถามคำถามมาสเตอร์ต้นไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และอารมณ์ที่เหมือนกับยอมแพ้ให้กับทุกสิ่งในชีวิตแล้ว คนในห้องคนอื่นก็มีสภาพไม่ต่างกัน หัวหน้าห้องจึงพูดกับมาสเตอร์ต้นต่อด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายต่อโลกใบนี้
"งั้นตัดใจแล้วกลับไปซะเถอะครับ ห้องของพวกเราคงใกล้จะโดนตัดออกจากโรงเรียนแล้วสินะครับเพราะไม่มีผลงานที่น่าคาดหวังเลยส่งคุณมาเป็นคำปลอบใจสุดท้ายให้กับพวกเราว่ายังมีคนที่สนใจและคาดหวังในห้องนี้อยู่สินะครับ"
ตอนที่หัวหน้าห้องพูดตอบกลับไปด้วยสีหน้าและอารมณ์ที่หมดหวังเสร็จ ต้นก็นิ่งไปสักพักแล้วตอบกลับหัวหน้าด้วยเสียงที่ดังมาก ๆ ว่า
"ไอ้เด็กขี้แพ้!"
ต้นตะโกนประโยคนี้ใส่นักเรียนในห้องด้วยเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กนักเรียนในห้องก็พากันโมโหในสิ่งที่ต้นพูด แต่ละคนพร้อมที่จะไล่ต้นออกจากห้องไปทั้งนั้น
"ขี้แพ้หรอ? ถ้ามึงมาเจอแบบพวกกูมึงจะพูดแบบนี้ได้อีกไหม!"
หัวหน้าห้องตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังแข่งกับต้น
"กูเคยเจอแบบพวกมึงมาแล้วกูเลยพูดได้ไง!"
หลังจากที่ต้นพูดประโยคนี้บรรยากาศของห้องก็ค่อย ๆ สงบลง และนักเรียนในห้องก็เริ่มยอมที่จะฟังต้น
"แต่พวกเราโดนดูถูกต่าง ๆ นา ๆ ทั้งถูกกลั่นแกล้ง ทั้งไม่มีใครมาช่วยหรือสนใจใยดีพวกเราเลย แล้วยังคิดว่าพวกเราจะมีกระจิตกระใจทำสิ่งที่อยากทำอีกหรอครับ"
"หึ นี่ก็แค่ข้ออ้างของพวกขี้แพ้เท่านั้นเเหละ"
"หา? แล้วจะให้พวกเราทำยังไงละครับ? ให้อดทนหรอ? ให้สู้ต่อไปหรอ? ถ้าทำได้พวกผมก็ทำไปนานแล้ว!"
หัวหน้าห้องตอบกลับต้นด้วยสีหน้าที่น้ำตาซึม ๆ และเริ่มที่จะไหล่ออกมา
ต้นตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง
"คำดูถูก คือ สัมภาระที่หนักที่สุดและเปล่าประโยชน์ที่สุด จงปล่อยมันทิ้งไป แล้วพาความฝันของพวกนายออกเดินทางซะ โลกนี้ไม่มีใครอยู่ได้ โดยไม่โดนนินทาหรอกนะ"
"ความฝันของพวกผมยังไม่สำเร็จเลย ทั้งที่พยายามแล้วแท้ ๆ"
"งั้นพวกมึงก็ลองถามตัวเองนะว่า 'ความพยายาม' ของพวกมึงมีเท่าไหร่
ถ้าพวกมึงมีความพยายามน้อย ผลลัพท์ของความพยายามของพวกมึงก็จะได้น้อย"
ถ้าพวกมึงมีความพยายามพอประมาณ ผลลัพท์ของความพยายามของพวกมึงก็จะพอประมาณ
แต่ถ้าพวกมึงมีความพยายามมากที่สุด ผลลัพท์ของความพยายามของพวกมึงก็จะได้กลับมาอย่างมากมายแน่นอน"
ณ เวลานั้นห้อง 10 จากนักเรียนที่มีแค่ดวงตาและจิตวิญญาณที่ 'ไร้ซึ่งชีวิต' ที่ยอมแพ้ให้กับชะตาชีวิตไปก็กลับมามี 'ชีวิต' อีกครั้งด้วยคำพูดที่เอาจริงเอาจังของต้น
ต่อมานักเรียนของห้อง 10 ทั้ง 13 คนก็ใช้ความพยายามอย่างมากในการทำคะแนนขึ้นมาให้ขึ้นแซงห้องอื่น ๆ ที่ดูถูกพวกเขาจนสามารถชนะทุกห้องและกลายเป็น 13 ผู้เป็นเลิศในที่สุด
ส่วนหนึ่งมาจากความพยายามของพวกเขาเองแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาสเตอร์ต้นก็มีส่วนที่ทำให้ห้องของพวกเขาดีขึ้น ตั้งแต่มาสเตอร์ต้นมาเป็นครูประจำชั้นของห้อง 10 คำดูถูกต่าง ๆ ก็เริ่มน้อยลงทำให้พวกเขาสามารถสนใจการเรียนหนังสือได้มากขึ้น รวมทั้งจัดการปัญหาหลาย ๆ เรื่องของห้องได้อย่างดีอีกด้วย
.
.
.
ณ ปัจจุบัน
"ว้าว! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองหรอเนี่ย"
"เพราะฉะนั้นพวกเราเลยเชื่อมั่นในตัวของมาสเตอร์สูงมากเลยล่ะค่ะ เปรียบเหมือนพี่แท้ ๆ เลยก็ว่าได้"
"อ้าวแล้วคนที่ 13 ละจ๊ะ?"
"ตั้งแต่มาสเตอร์ต้นเข้ามาเป็นครูประจำชั้นของห้อง คน ๆ นั้นก็หายไปแล้ว"
"งั้นหรอ...ว่าแต่ตินเองก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ยที่สามารถปั้นเด็กที่เคยได้ที่โหล่มาอยู่ที่หนึ่งได้น่ะ"
"นั้นสินะครับ"
"เอาละ เรื่องของพวกหนูมิสก็ฟังไปแล้ว มิสต้องเล่าให้ฟังนะคะว่าทำไมถึงดูสนิทกับมาสเตอร์ต้นขนาดนั้น ละก็ทำไมถึงเรียกเขาว่า 'ติน' นะค้า~"
รองหัวหน้าพูดพร้อมกับทำตาเป็นประกาย รวมถึงนักเรียนที่อยู่ในห้องทุกคนเช่นกัน
"อะ...โอเค ถ้างั้นจะเล่าละนะ"
นักเรียนทุกคนทำตาเปล่งประกายพร้อมกับพยักหน้าพร้อมกัน
"เมื่อตอนมิส...."
.
.
.
"ding ♫ dong ♫ ding ♫ dong ♫ ~"
เสียงออดหมดค้าบก็มาถึง ต้นที่เพิ่งทำงานเสร็จไปก็รีบวิ่งไปรับลิลลี่ที่ห้อง ม.6/10
เมื่อต้นวิ่งมาถึงหน้าห้องจึงเปิดประตูเข้าไปทั้ง ๆ ที่ยังหอบอยู่นิดหน่อย
"The period is over, please submit the work."
[คำแปล : หมดคาบแล้ว ส่งงานมาด้วยนะคะ]
คุณลิลลี่กำลังเก็บงานที่นักเรียนเพิ่งทำเสร็จ แล้วเหลือบตาไปเห็นติมพอดี
"Oh, hello Tin!"
"อ่าครับ ๆ"
ผมเดินเข้าห้องเพื่อที่จะไปช่วยคุณลิลลี่ยกถือชีทงานของนักเรียน แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาแปลก ๆ จากนักเรียนในห้อง ทุกคนมองมาที่ผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"มาสเตอร์โครตเท่เลยคับ!"
"ร้ายกาจ~"
"ห๊ะ!?"
อยู่ดี ๆ ผมก็โดนแซวซะงั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร
"ปะ...เป็นไงบ้าง เรียนกับคุณลิลลี่สนุกไหม?"
"สนุกจนอยากเรียนต่ออีกคาบเลยล่ะค่ะ"
"งั้น...เหรอ..."
ทำไมเหมือนพวกนักเรียนของผมมันย้ายฝั่งจากฝั่งผมไปฝั่งคุณลิลลี่เรียบร้อยแล้วละ? นี่คุณลิลลี่สอนดีขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
"งั้นไปละน้า~"
"Bye~"
"นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!"
"ขอบคุณครับ/ค่ะ"
ผมลากคุณลิลลี่ออกมาจากห้องก่อนที่ผมจะโดนขโมยคะแนนความประทับใจจากนักเรียนไปจนหมด ก่อนที่คุณลิลลี่ออกจากเธอก็หันไปหาพวกนักเรียนในห้องแล้วพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้มาแนบไว้ที่ปาก
"The story I'm telling you today will be kept a secret."
[คำแปล : เรื่องราวที่ฉันเล่าในวันนี้เก็บเอาไว้เป็นความลับนะจ๊ะ]
"Okay!"
"เรื่องอะไรน่ะ?"
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้เดินออกจากห้องไป นักเรียนในห้องมองตามครูทั้งสองของพวกเขาที่คุยกันตรงทางเดินก่อนที่พ้นระยะสายตาไป
'สู้ ๆ นะคะ/ครับ มิสลิลลี่'
นักเรียนในห้องยิ้มพร้อมกับคิดประโยคนี้ในใจ
เรื่องอะไรกันน้า~