ตอน กรรมบันดาล 2
.. ทิวาได้รับรู้ถึงเหตุแห่งการเลิกลากับแฟนคนที่สอง ในวันนั้นจะเป็นวันที่ชี้ชัดว่า ทุกสิ่งที่ทิวาเองนั้นได้เห็นได้รับรู้จากนิมิตสมาธินั้น มันจะเกิดขึ้นจริงๆรึไม่...
ทิวาได้คบหากับแฟนคนที่สองมาจนจะครบสองปี ทั้งคู่ก็ต่างมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาตลอด แต่ก็ยังไม่ถึงกลับต้องเลิกลากัน..
สิ่งที่ทิวาเองนั้นได้เห็นในวันที่ดขาจะเลิกลากับแฟนคนที่สอง "วันนั้นคือวันที่แฟนของทิวา ได้ว่าขู่จะฆ่าตัวตาย" "และภาพต่างๆก็ได้ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ว่าแฟนของทิวานั้นได้ใช้เชือกผูกคอตนเองแต่ไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนมาใช้มีดกรีดแขนตัวเอง"
"ภาพเหตุการณ์ที่ทิวาได้เห็นนั้น มันเป็นช่วงที่ทิวาได้กลับมาจากทำงานมาถึงที่พัก ก็ได้พบเพียงร่างที่สิ้นลมของเธอ มันทำให้ตัวทิวาเองนั้นถือว่ามันเป็นตราบาปของตนเอง"
"เมื่อสิ่งที่เห็นมันได้บอกเตือนแบบนั้น ทิวาก็ได้พยายามเพื่อที่จะแก้ไขไม่ให้มันเกิดขึ้นมาตามที่ตัวเองได้รับรู้และเห็นในนิมิตสมาธิ..."
.." ชีวิตของคนเราก็มีเพียงแค่นี้ ทิวาคิด.."
หลังจากวันนั้นทิวาก็ใช้ชีวิตปกติ เช้าออกไปทำงาน เย็นกลับห้องพัก และรับตรวจชะตาให้ลูกดวงในตอนเย็นทุกๆของทุกวัน..
จนมาถึงคืนหนึ่ง ที่ทิวาได้เห็นตนเองเลิกงานกลับมาตอนค่ำๆ และได้เกิดเหตุการณ์รถกันชนตรงสี่แยกไฟแดง...
"นั่นคือภาพที่ทิวาเห็นเหตุการณ์ที่ตนเองนั้นประสบอุบัติเหตุ..."
เช้าวันใหม่...ทิวาก็ตื่นไปทำงานเหมือนเดิม แต่วันนี้ช่วงบ่ายๆ ทิวาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนทางไกลโทรมาปรึกษา ถึงการหาทางช่วยเด็กคนหนึ่ง ที่ได้เข้าโรงพยาบาลโดยไม่รู้สาเหตุ ทิวาได้บอกให้เพื่อนแจ้งชื่อแม่ของเด็กและวันเดือนปีเกิดมาให้เพื่อจะได้ตรวจดู หลังจากตรวจดูแล้ว ทิวาก็ได้บอกกับเพื่อนว่า
"ตัวแม่ของเด็กนั้นได้มีการลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น จนเด็กต้องมารับเคราะห์แทน เพราะเป็นการสั่งสอน" ทิวาได้บอกกับเพื่อนไปอีกว่า
"ให้ญาติๆ ของเด็กคนนั้นไปจุดธูป16ดอก พร้อมกับสวดมนต์บทชุมนุมเทวดาตรงศาลพระภูมิที่โรงพยาบาล เพื่อเป็นการขอร้องให้พระภูมิเจ้าที่ในโรงพยาบาลนั้นช่วย และให้กรวดน้ำตรงโคนศาล"
หลังจากที่ทิวาบอกไปและแจ้งข้อแม้ว่า "หากเด็กคนนั้นได้ออกจากโรงพยาบาล ก็ให้แม่ของเด็กไปบวชชี3-7วัน" นั่นคือสิ่งที่ทิวาแนะนำไป
พอเวลาได้ผ่านมา3วัน นับจากที่ทิวาได้ตรวจชะตาของเด็กคนนั้นและบอกวิธีแก้วิธีทำไป..
อาการของเด็กคนนั้นได้ดีขึ้น และได้ออกจากโรงพยาบาลไป แต่เหตุการณ์กลับเงียบหาย ทางญาติของเด็กคนนั้นไม่ส่งข่าวกับมา ว่าได้ทำตามที่ทิวาบอกไปหรือไม่
พอเรื่องราวผ่านมาได้ประมาณ3วัน ในวันที่3นั่นเอง..!! "คือวันที่เกิดเหตุตามที่ตนเองได้เคยเห็น"
" ทิวาทำงานและได้เลิกงานมาในตอนดึก ทิวาได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มาถึงตรงบริเวณสี่แยกไฟแดงใกล้ๆ กับที่พักของทิวา ซึ่งเวลานั้นก็ประมาณ3ทุ่มได้ ทิวาจอดรถติดไฟแดง พอไฟเขียวทิวาก็ได้บิดคันเร่งออกตัวไป และมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ได้ขับฝ่าไฟแดงมาชนเข้าที่ข้างตัวรถของทิวาอย่างจัง รถทั้งสองคันเกี่ยวกันไปยาวเกือบ5เมตร และรถคันที่มาชนรถของทิวา จึงหลุดจากการเกี่ยวกันออกไป"
"ทิวาเองก็พยายามประคองตัวรถที่ตนเองขับไม่ให้ล้มอย่างที่ตนเองเคยเห็นภาพมาก่อนหน้านั้น" " ทิวาประคองรถไปได้ประมาณ5เมตรก็จอดรถตรงกลางถนน หันกลับไปมองรถคันที่มาชนตน ก็เห็นรถคันนั้นล้มคว่ำอยู่กลางถนน ส่วนตัวทิวาเองก็มีอาการเจ็บที่ข้อเท้าขวาจากการชน ทิวาได้เดินเขยกๆ ไปดูรถคู่กรณีที่ล้ม"
จากนั้นจึงเดินกลับมาเข็นรถตนเองหลบเข้าข้างทาง เพื่อรอเคลียเหตุการณ์ ทิวารอจนรถมูลนิธิมาถึงก็ได้พากันไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา ส่วนรถที่เกิดเหตุก็จอดเอาไว้ตรงนั้น ทิวาเองว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าตนเองไม่ได้เจ็บอะไรมากแค่เท้าแพลง แต่ก็ไม่อาจจะขัดเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ จึงยอมไปโรงพยาบาล ในขณะที่นอนบนเปลพยาบาลในรถไปนั้น ทิวาก็ได้ยินเสียงในหูบอกมาว่า "เหตุครั้งนี้คือเคราะห์กรรมที่เจ้าเข้าไปยุ่งมา" แต่ทิวาก็ไม่ได้สนใจ ในเสียงพูดที่ได้ยินนั้น จึงนอนพักตัวไปบนรถพยาบาล เพราะเริ่มปวดที่ข้อเท้ามากขึ้น
พอไปถึงโรงพยาบาลในขณะที่รอการตรวจรักษาจากหมอ ทิวาได้แชทไปบอกแฟนให้ไปเอารถที่สี่แยกที่เกิดเหตุกลับห้องพักด้วย "แต่การกลับเปลี่ยนเพราะแฟนของทิวาเอง คิดว่าทิวานั้นทิ้งรถเอาไว้แล้วทิ้งเธอไป แถมเธอเองยังด่าทอต่อว่าทิวามาอีกด้วย" จนทิวาทนไม่ได้จึงต้องบอกไปว่า "ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลเพราะรถชนกัน" ทิวาไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเลยในการบาดเจ็บครั้งนี้ แต่ห่วงรถเพราะกลัวว่ารถจะหายไปมากกว่า เพราะที่เกิดเหตุนั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าแล้ว เพราะตามที่ทิวาเห็นหลังจากออกจากโรงพยาบาลและกลับมาดูรถ รถได้หายไปเพราะถูกขโมย ทิวาจึงได้ให้แฟนไปนำรถกลับห้องก่อน แต่กลับมาถูกด่าว่าเสียๆ หายๆ แถมมีแช่งให้เจ็บหนักน่าจะตายไปเสียด้วยซ้ำ"
ทิวาเองก็ได้แต่อดทนไม่ตอแยกลับ จนการรักษาของหมอจบลงทำการเอ๊กซเลย์แล้ว ผลออกมาว่า"ข้อเท้ากระดูกไม่แตก" หมอก็ได้พันผ้าก๊อตให้ ทิวานั่งรถเข็นออกมารอรับยา พอได้ยาก็ออกมานั่งแท็กซี่กลับห้องพัก
กลับมาถึงห้องพักก็ถูกแฟนต่อว่าต่างๆ นาๆ และยังแช่งให้ทิวาว่า "น่าจะหัวน๊อคพื้นเป็นอัมพฤกษ์ไปเลยจะดี" แต่ทิวาก็ไม่ได้สนใจ...
นี่ล่ะชะตาหรือว่าฟ้าลิขิตทิวานึกคิดในใจ... (รอตอนต่อไป..)
********************************
"#กรรมลิขิตเราแก้ได้เมื่อรู้ในสิ่งที่จะเกิดในวันหน้า"