เหนือครุฑ บทนำ
อันนาคแลครุฑจักเป็นอริคู่แค้นกันเนิ่นนานแล้ว ด้วยฝ่ายครุฑนั้นมีฤทธามากกว่า มักฉวยโอกาสจับนาคกินเป็นอาหารยามบินผ่านแม่น้ำหรือมหาสมุทรสีทันดรอันเป็นที่อยู่อาศัยของนาคาแลนาคี
พญาเดชานาคราช ราชาแห่งนาคทั้งปวง ผู้ซึ่งปกครองดินแดนแห่งบาดาลกลัดกลุ้มพระทัยนัก ทนเห็นมิได้ที่บุตรหลานตลอดจนบริวารตนเองต้องตกเป็นอาหารของเหล่าจอมปักษาผู้มากฤทธิ์ แม้จะยอมเสี่ยงอันตรายส่งพระโอรสองค์โตไปเจรจาด้วยอย่างไรก็ไร้ผล พญาครุฑผู้อยู่เหนือฟากฟ้าแดนสวรรค์ตอกกลับด้วยความโอหังถือดี ว่านาคนั้นเป็นเกียรติแล้วที่ได้ใช้ชีพหล่อเลี้ยงชีวิตครุฑให้ยืนยาว
จวบจนกระทั่งโลกาถึงกาลวิบัติ ฟ้าดินวิปโยค เมฆดำครึ้มปกคลุม แสงอสนีฟาดกระหน่ำ อันเปลือกฟ้ากว้างใหญ่นั้นถล่มลงมาบดขยี้ดินแดนมนุษย์ เหล่าสัตว์แลมนุษย์ตกใจนัก ร่ำร้องขอทวยเทพให้ช่วยเหลือ หากฟ้าถล่มลงมา จะมิมีสิ่งมีชีวิตใดรอดได้แต่แม้ตนเดียว
บัดนั้นเอง องค์อิศวรมหาเทพแห่งไกรลาสมหาบรรพตปรากฏกาย ผิวขาวมิต่างจากแสงตะวันบนท้องนภา นุ่งห่มกายดั่งฤๅษี สวมสร้อยอันทำมาจากหัวกะโหลก งูเห่าเลื้อยพันคอประหนึ่งเครื่องประดับเกล็ดมันวาว
มหาเทพชูตรีศูลขึ้นฟ้า เท้าเปล่ากระทืบธรณี ฟ้าร้องคำรามครืนครัน แผ่นดินสั่นสะเทือนปริร้าว ด้วยฤทธิ์เดชานุภาพแห่งองค์พระผู้ทำลายล้าง ฟ้าดินจักแยกกันกลับเป็นเหมือนเดิม
แสงสว่างส่องหล้า ปฐพีกลับคืนสู่ปกติ ผู้คนต่างโห่ร้องเอริกเกริก ยินดีที่โลกพ้นจากมหาโลกาวินาศ
ทว่าการแยกฟ้าดินต้องใช้ฤทธิ์มาก ระหว่างเหาะกลับเขาไกรลาสผ่านป่าหิมพานต์ กลับเหน็ดเหนื่อยจนสิ้นแรง จำต้องเหาะลงไปพักพื้นเรียกอิทธิฤทธิ์กลับเป็นเหมือนเก่า
องค์อิศวรปักตรีศูลลงดินประทับลงพื้นหมายพักผ่อน ทว่าพลันมีนาคเกล็ดสีฟ้างดงามยิ่งกว่าผิวน้ำมหาสมุทรเลื้อยมาหา วางลำตัวให้องค์อิศวรประทับลงที่หลังมัน
นาคผู้นั้นขดตัวรอบกายมหาเทพ แยกเศียรทั้งห้ากางคุ้มศีรษะเพื่อบังแดดฝน องค์อิศวรหลับตาบำเพ็ญเรียกอิทธิฤทธิ์คืน
ผ่านพ้นวันคืนไปนับร้อยปี นาคเกล็ดงามผู้นั้นมิหวั่นเกรงร้อนหนาว ยังคงใช้กายบังลมฝนแลหิมะเพื่อปกป้องพระผู้เป็นเจ้าด้วยความมุ่งมั่น จวบจนกระทั่งข่าวนี้ได้ยินไปถึงบรรดาวงศ์นาค พญาเดชานาคราชจึงพาบริวารตลอดจนบุตรหลานนับร้อยมาเฝ้าอารักขา รายล้อมพระอิศวรไว้
เมื่ออิทธิฤทธิ์กลับคืนดั่งเดิม องค์อิศวรเปิดเนตรลุกขึ้นจับตรีศูล กล่าวกับนาคผู้ถวายรับใช้
"เจ้าช่วยข้าบังแดดฝนถึงหนึ่งร้อยปี ข้าขอบใจนัก"
นาคผู้นั้นคลายตัวกลายร่างครึ่งท่อนบนเป็นนาคาหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง ผมดำขลับปกหน้าผาก ตาคม จมูกตั้งตรงดั่งบรรพต ประนมมือด้วยความนอบน้อม
"เป็นเกียรติของข้าที่ได้รับใช้พระผู้เป็นเจ้า"
"เจ้าชื่ออะไร?"
"ข้าชื่อสมุทรธร (ผู้ดำรงไว้ซึ่งมหาสมุทร) โอรสองค์โตแห่งพญาเดชานาคราชผู้ครองเมืองบาดาล"
"เจ้าลำบากช่วยดูแลข้า ความลำบากนั้นย่อมไม่สูญเปล่า ขอมา เจ้าอยากได้พรใด"
"ขอองค์มหาเทพประทานพร ให้ข้าได้มีลูกกับผู้ใดก็ได้มิว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีหรือมิว่ากับเผ่าใด"
พรนี้ประหลาดนัก สร้างความตกตะลึงแก่เหล่านาค แม้แต่พญานาคราชผู้เป็นพระบิดายังตกพระทัย ไฉนพระโอรสถึงได้ขอพรอันหาแก่นสารมิได้
ทว่าองค์อิศวรพยักหน้าโดยมิลังเล "จงเป็นไปดั่งนั้น"
มหาเทพยกมือซ้ายขึ้น แสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์อาบไล้ตัวนาคหนุ่ม สมุทรธรก้มน้อมกราบ เมื่อหมดธุระแล้ว องค์อิศวรเจ้าลอยตนขึ้นสู่ฟากฟ้า เสด็จกลับเขาไกรลาส
พญาเดชานาคราชเลื้อยลำตัวทองมหึมาเข้าหา ถามเสียงร้อนใจ "ลูกพ่อ เจ้ามีโอกาสดีงามมากที่สุดเท่าที่เหล่านาคเคยมี เหตุใดขอพรดั่งนี้เล่า?"
น้องชายผู้หนึ่งของสมุทรธรก็สงสัย
"นั่นสิพี่สมุทรธร เหตุใดไม่ขอให้ตนเองเป็นอมตะหรือขอให้ตนมีฤทธิ์เดชมากกว่าเหล่าครุฑา จะได้มิต้องเกรงพวกมันข่มเหงอีก"
นาคาหนุ่มมิได้ตอบ กลับเลื้อยลงสู่แม่น้ำกลับไปยังเมืองบาดาล การที่พระโอรสองค์โตแห่งพญานาคขอพรเช่นนี้ สร้างความผิดหวังแก่นาคทั้งมวล
------- จบบทนำ -------