บทที่ 5
บังเอิญหรือพรหมลิขิต
"เสี่ยวเสี้ยวกินข้าวกันเถอะ วันนี้มีขาหมูตุ่นน้ำแดงของโปรดเจ้าด้วยนะ"เสี่ยวเสี้ยวเลื้อยไปมาอย่างตื่นเต้นที่จะได้กินของโปรดตัวเอง ผมไม่รู้ว่างูทั่วไปชอบกินอะไรหรอกนะ แต่เสี่ยวเสี้ยวของผมดูจะชื่นชอบอาหารจำพวกเนื้อเป็นที่สุดทั้งเนื้อไก่ หมู แพะ กินเนื้อแทบจะทุกอย่าง ทุกอย่างในที่นี้คือผมสั่งเมนูอะไรที่มีเนื้อ เสี่ยวเสี้ยวมักจะกินหมดทุกทีกินจนท้องเล็กๆนั้นกลมจนจะแตกก็ยังไม่หยุดกินจนผมต้องห้ามกินเกินที่ผมป้อน เพราะผมจะป้อนอย่างพอดิบพอดี ไม่กินจนพุงกางแบบนี้ ไม่งั้นอันตรายพอดี
"แล้ววันนี้ตอนข้าไปเรียนเจ้าไม่ได้ออกไปซนข้างนอกใช่มั้ย"เสี่ยวเสี้ยวเหมือนชะงักไปแปปนึง และผงกหัวตอบว่าไม่ได้ออกไป เพราะตั้งแต่เสี่ยวเสี้ยวมาอยู่กับผมตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้ว ช่วงแรกๆที่เสี่ยวเสี้ยวมาอยู่กับผม ผมจะไม่ค่อยพาเสี่ยวเสี้ยวออกนอกห้องไปไหนเท่าไหร่เพราะกลัวศิษย์พี่ที่ยังไม่เห็นหรือรู้ว่าเสี่ยวเสี้ยวเป็นสัตว์เลี้ยงผมจะตกใจเอาได้ จนผ่านไปสักสองอาทิตย์เสี่ยวเสี้ยวก็คุ้นเคยกับที่นี่ จึงได้ออกไปเลื้อยเล่นเองตัวเดียวและจะชอบแกล้งศิษย์พี่ที่เดินผ่านไปมาห้อยตัวลงมาจากขื่อให้คนตกใจ หรือแม้แต่ค่อยเลื้อยๆขึ้นไปที่ตัวด้วยความที่ตัวเล็กเท่าตะเกียบและยาวแค่ประมาณ 15 ซม. ทำให้คนไม่ค่อยรู้สึกตัวว่ากำลังถูกงูเลื้อยขึ้นมาบนเสื้อผ้าและมาขดตัวอยู่บนไหล่ชูคอขึ้นขู่ฟ่อๆที่ข้างหู ทำให้พี่เซียวที่โดนเสี่ยวเสี้ยวแกล้งแบบนั้นก็เป็นลมล้มพับไปแถมเจ้าตัวยังเลื้อยภูมิใจบนอกของพี่เซียวและรออยู่แบบนั้นจนพี่ข่ายไปเห็นเข้าก็หัวเราะลั่น พอพี่เซียวฟื้นก็โมโหมากที่โดนแกล้งแถมมองไปที่ดวงตาแดงกล่ำนั้นก็เห็นแววตาขบขันอีก พี่เซียวยิ่งโมโหไปใหญ่จนตอนนี้พี่เซียวกับเสี่ยวเสี้ยวเหมือนคู่กัดกันต้องหาเวลาแกล้งกันไปมาตลอดและเดี่ยวนี้แผนแกล้งคนของเสี่ยวเสี้ยวก็ไม่มีใครกลัวเพราะชินไปซะแล้วครับ แต่เสี่ยวเสี้ยวก็ยังออกไปเล่นซนอะไรไม่รู้บางวันเปื้อนมาทั้งตัวเหมือนไปคลุกดินคลุกฝุ่นมา แต่ที่ผมสัมผัสได้อย่างนึงคือระดับปราณของเสี่ยวเสี้ยวที่เพิ่มมาหนึ่งขั้นหลังจากที่มาอยู่กับผมเดือนเดียว แต่ก็ยังมองไม่ออกอยู่ดีจนกว่าเสี่ยวเสี้ยวจะแสดงพลังออกมาถึงจะรู้ว่าเป็นสัตว์เวทย์หรือสัตว์อสูร แต่นั้นก็ไม่สำคัญอะไรครับเพราะผมรักเสี่ยวเสี้ยวที่น่ารักตัวเล็กแบบนี้ตั้งแต่ที่เป็นสัตว์พื้นฐานขั้น 1 แล้ว และผมยังคิดจะทำพันธะสัญญาเลือดกับเสี่ยวเสี้ยวให้เราสามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันได้แม้จะอยู่คนละที่ก็ตาม
"เสี่ยวเสี้ยว เจ้าอยากทำพันธะสัญญาเลือดกับข้ามั้ย"ต้องบอกก่อนว่าการทำพันธะสัญญาเลือดก็เหมือนที่ทำพันธะกับสัตว์เวทย์ที่สามารถสื่อสารเชื่อมต่อกันได้และสามารถฝึกปราณให้พลังธาตุเลื่อนขั้นขึ้นไปด้วยกัน แต่ที่ต่างกันคือทำพันธะกับสัตว์เวทย์ต้องมีพลังธาตุในระดับขั้นเดียวกันไม่ห่างขั้นพลังมากนักไม่งั้นจะเวลาที่ทำพันธะกันพลังธาตุที่ห่างขั้นกันจะทำให้ฝั่งที่พลังธาตุต่ำกว่าได้รับพลังธาตุของอีกฝ่ายเพื่อเพิ่มพลังธาตุให้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถ้าห่างชั้นกันมากจะทำให้เกิดอันตรายได้เพราะหากร่างกายรับพลังที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ไหวธาตุไฟจะเข้าแทรกแก่นพลังธาตุในตัวจะแตกและอาจถึงตายได้ ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่เลือกที่จะทำพันธะกับสัตว์เวทย์ที่ไม่ห่างขั้นกันมากนั้น แต่ที่ห่างขั้นกันและทำพันธะเลื่อนขั้นขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั้นก็มี แต่น้อยคนที่จะรอดแค่นั้นเองครับ แต่พันธะสัญญาเลือดนั้นต่างออกไปคือห่างขั้นกันแค่ไหนก็ไม่ส่งผลอะไรต่ออีกฝ่ายที่พลังธาตุต่ำกว่า ข้อดีคือเหมือนการทำพันธะทั่วไปสามารถสื่อสารเชื่อมต่อ ช่วยกันฝึกหรือช่วยเสริมพลังให้กันได้ แต่ข้อเสียคือต่างคนต่างเลื่อนระดับขั้น อยู่ที่จะฝึกปราณได้มากน้อยแค่ไหนไม่เลื่อนพร้อมกันแบบพันธะทั่วไป แล้วพันธะทั้งสองแบบนี้หากฝ่ายใดตายไปอีกฝ่ายก็จะเป็นอิสระทันที และที่ผมถามเสี่ยวเสี้ยวแบบนี้เพราะไม่รู้ว่าเสี่ยวเสี้ยวคิดอยากสื่อสารกับผมให้รู้เรื่องจริงๆบ้างมั้ยไม่ใช่แบบทุกวันนี้ที่ผมคิดเองเออเองทั้งหมดเนี่ย ไม่อยากบังคับเอาแต่ใจตัวเองหากเสี่ยวเสี้ยวไม่คิดเหมือนผม ไม่ใช่เสี่ยวเสี้ยวมาอยู่กับผมแล้วผมจะโมเมข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้าได้หรอกนะ
"ว่าไง อยากอยู่กับข้ามั้ย"ผมถามอีกรอบเมื่อเห็นเสี่ยวเสี้ยวจ้องผมด้วยสายตาราวกับดีใจจนเต็มประดาจนช็อคไปแล้วหลังจากได้ยินคำถามประโยคแรกของผม จนเมื่อได้ยินที่ผมถามอีกรอบเสี่ยวเสี้ยวจึงผงกหัวอย่างรุนแรงระรัวราวกับถ้าตอบช้าผมจะเปลี่ยนใจ
"555555 ไม่ต้องทำหน้าตาตลกอย่างนั้นเลยนะ ข้าไม่เปลี่ยนใจหรอก"หลังจากหัวเราะเสร็จผมเลยเอากริชเวทย์ออกมาจากแหวนมิติแล้วร่ายเวทย์ทำพันธะสัญญาจากนั้นก็กรีดปลายนิ้วให้เลือดไหลออกมาละเอาไปจ่อที่ปากของเสี่ยวเสี้ยว เสี่ยวเสี้ยวจึงรีบกินหยดเลือดของผมจากนั้นพันธะก็เริ่มทำงานตัวเสี่ยวเสี้ยวเริ่มมีพลังปราณแผ่ออกมาจากตัวสีแดงอ่อนๆทำให้รู้ว่าเป็นสัตว์เวทย์แน่นอน ส่วนกลางหน้าผากผมก็มีสัญลักษณ์งูสีแดงออกมาเช่นกัน
"นายท่าน นายท่านของข้า" ผมได้ยินเสียงที่แผ่วเบานี้ในหัวของผม
"เสี่ยวเสี้ยวนั้นเจ้าเหรอ"ผมถามออกเสียงไป
"ขอรับนายท่าน นายแห่งข้า ข้าได้กลับมาอยู่กับท่านแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน" ประโยคเบาๆที่เลือนรางนี้ผมได้ยินไม่ถนัดแถมไม่ชัดด้วยในจิตของผม
"เจ้าว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ถนัด ทำไมข้าสื่อสารกับเจ้าได้แค่เลือนรางละเสี่ยวเสี้ยว"
"เพราะดวงจิตของข้าไม่สมบูรณ์และพลังธาตุของข้าก็น้อยนักนายท่าน ข้าจึงสื่อสารกับท่านได้ไม่มากนัก" ทำไมเป็นอย่างนั้นละ
"แล้วทำยังไงเสี่ยวเสี้ยวถึงจะดวงจิตแข็งแรงและเลื่อนระดับขั้นให้สูงขึ้นได้ละ"
"ไม่มีสิ่งใดช่วยข้าได้นายท่าน นอกจากเวลา เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งอย่าง แต่ข้ายังสามารถสื่อสารกับท่านได้เช่นนี้ต่อไป แม้มันจะเลือนรางและไร้ตัวตนในร่างแปลงของสัตว์เวทย์ก็ตามที" เดิมทีสัตว์เวทย์เมื่อทำพันธะเลื่อนขั้นพลังธาตุก็จะมีร่างแปลงดั่งมนุษย์ทั่วไปทุกอย่างเพื่อสามารถฝึกยุทธ์เลื่อนขั้นกับคู่พันธะนั้นเอง
"เฮ้ออ นึกว่าเราจะได้คุยได้รู้จักกันมากกว่านี้ซะอีกเสี่ยวเสี้ยว"
"อีกไม่นานหรอกขอรับนายท่าน ท่านคอยข้าสักหน่อยเถิดแล้วข้าจะอยู่กับท่านทุกเวลาดั่งเช่นกาลก่อน"
"อ่าา เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะรอเจ้า นานแค่ไหนก็จะรอละกัน 5555"ผมตอบรับไปแบบไม่คิดอะไรมากแค่จะมีเพื่อนอยู่ด้วยก็เลยตอบรับไปโดยไม่แปลกใจหรือเฉลียวใจกับประโยคหลังที่เสี่ยวเสี้ยวพูดเลยสักนิด
ก๊องๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเรียกความสนใจผมที่นั่งทานข้าวแล้วทำพันธะสัญญาเลือดกับเสี่ยวเสี้ยวจนเสร็จอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่างในห้อง ผมเลยเดินมาเปิดประตูแล้วก็เห็นพี่หงและพี่สวี่ยืนอยู่หน้าห้อง
"เชิญขอรับศิษย์พี่"ผมผายมือเชิญทั้งคู่ไปโต๊ะน้ำชากลางห้อง
"พี่หงและพี่สวี่มาหาข้า มีเรื่องอันใดหรอขอรับ"ผมถามขึ้นหลังจากรินชาหอมหมื่นลี่ร้อนกรุ่นๆให้ทั้งสองคน
"อาจารย์ให้พี่มาถามหลงเอ๋อร์นะเพราะนี้ก็ใกล้งานฉลองวันเกิดอาจารย์หลี่แห่งเขตสำนักชาดทมิฬแล้ว เขตสำนักบุหลันจะแสดงอะไร ซึ่งหลงเอ๋อร์เป็นตัวแทนของเขตเราที่ต้องแสดง อาจารย์เลยอยากรู้ว่าหลงเอ๋อร์จะแสดงอะไรแล้วให้พวกพี่มาช่วยเจ้าอีกแรงด้วย"พี่หงพูด
"พูดขึ้นมาละข้าก็อยากรู้จริงๆเลยนะขอรับว่าจริงๆแล้วอาจารย์หลี่อายุเท่าไหร่กันแน่ ฉลองทุกปีเลย แต่ไม่เห็นบอกเลยว่าฉลองครบอายุเท่าไหร่ ทุกวันนี้นะไม่มีใครรู้ว่าอาจารย์หลี่อายุเท่าไหร่กันแน่แม้แต่ศิษย์เอกของท่านเองก็เหอะ"พี่สวี่พูดอย่างสงสัย
"ช่างอายุอาจารย์หลี่เหอะสวี่เอ๋อร์ เพราะไม่น่าจะมีใครรู้นอกจากตัวท่านเองหรอก ขนาดเรายังไม่รู้อายุของอาจารย์เซียงเลย"
"จริงของพี่หง ดูจากหน้าตานี่ไม่สามารถบอกอายุได้เลยจริงๆ บางคนคิดว่าแก่รุ่นปู่ย่า แต่ข้าก็เห็นเรียกอาจารย์เซียงว่าผู้อาวุโสอยู่เลยอะ"พี่สวี่พูดอย่างเหลือเชื่อ
"แล้วทำไมเขตบุหลันต้องทำการแสดงทุกปีละขอรับพี่หง พี่สวี่"ผมถามอย่างแปลกใจที่วันก่อนเห็นอาจารย์หลี่หยอดอาจารย์เซียงและก็มัดมือชกให้เขตบุหลันแสดงโชว์เปิดงานฉลองวันเกิดอาจารย์หลี่ทุกปี
"ก็อย่างที่หลงเอ๋อร์รู้นั้นแหละ จริงๆอาจารย์หลี่น่าจะอยากให้อาจารย์เซียงไปร่วมงานเฉยๆมากกว่าเลยแกล้งว่าจะขอให้อาจารย์เซียงแสดงโชว์อวยพรกับท่านเทพเอง อาจารย์เซียงจะได้ปฏิเสธไม่ได้ แต่อาจารย์เซียงไม่ยอมจึงต่อรองให้ศิษย์เขตบุหลันแสดงแทน อาจารย์หลี่ก็รีบตกลงทันที เพราะยังไงๆอาจารย์เซียงก็ต้องไปดูศิษย์ตัวเองแสดงแน่นอนอยู่แล้ว เลยให้เราโชว์เปิดงานไปเลยจะได้เป็นจุดเด่นให้งานครื้นเครง"
"งี้ก็ไม่ต่างอะไรกับจัดงานเพื่อเรียกร้องความสนใจจากอาจารย์เซียงนะสิขอรับ"ผมถามพาซื่อ
"ใช่"พี่หงกับพี่สวี่เห็นด้วยกับผม
"แล้วความลำบากก็ตกมาที่เราสินะขอรับ "
"ใช่"
"งี้ข้าจะแสดงอะไรละขอรับ มีอะไรที่พวกศิษย์พี่ยังไม่แสดงมั้ยขอรับ"
"ไม่มีนะ เพราะพวกพี่ก็ผลัดเปลี่ยนกันแสดงทุกปีและก็ทำการแสดงทุกอย่างในโลกหล้านี่แล้วจริงๆไม่เหลืออะไรเลยน้องหก"พี่หงตอบตามจริงในระยะหลังปีมานี่มีการแสดงใดบ้างที่เขตบุหลันยังไม่เคยแสดง ตอบเลยว่าไม่มี เพราะความคาดหวังจากทุกเขตที่เลื่องลือว่าเขตบุหลันเต็มไปด้วยดอกไม้งามที่นอกจากความงามแล้วยังเต็มไปด้วยพรสวรรค์ทุกด้านทำให้เวลาที่เขตบุหลันจะทำอะไรสักอย่าง ต้องโดดเด่นที่สุด ไม่ใช่ที่หนึ่งเพราะไม่คิดจะแข่งขันกับผู้ใด แต่ต้องแข็งแกร่งที่สุด ทำให้ทุกปีที่เขตบุหลันแสดงจะดึงดูดใจจากผู้คนมากที่สุดเนื่องด้วยหน้าตาที่โดดเด่นแตกต่างจากเขตอื่นแล้ว การแสดงยังไม่เหมือนใครและไม่ซ้ำกันสักปี
"งั้นข้าจะแสดงดนตรีที่ไม่มีในโลกนี้ขอรับ"
"หือ"พี่หงทำหน้าตื่นเต้น
"หลงเอ๋อร์จะทำอะไรเหรอ"พี่สวี่ถามด้วยความอยากรู้
"เป็นความลับขอรับ"
"โธ่เอ้ยย ไม่สนุกเลยอะ บอกพี่ก่อนไม่ได้เหรอพี่อยากรู้อะ นะๆๆๆๆหลงเอ๋อร์"พี่หงทำตัวอ้อนอย่างกับเด็กขอขนมกินแถมยังเขย่าแขนผมเบาๆแล้วส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นนั้นมาให้อีก ใจแข็งไว้เว้ย อย่าให้ความน่ารักมาทำให้ใจอ่อน ถ้าบอกไปศิษย์พี่ทุกคนต้องมาขอดูก่อนแน่เลยงี้จะไปตื่นเต้นได้ไงกัน
"ไม่ขอรับ"ผมปฏิเสธเสียงแข็ง
"ใจร้าย หลงเอ๋อร์ไม่น่ารักเลย"พี่หงตัดพ้อผมออกมาอย่างงอนๆแล้วก็หายวับไปทันที
"5555 พอมีอะไรสนุกๆแล้วไม่บอกหรือแบ่งพี่หงทีไร จะโดนแบบนี้ละ เดี่ยวก็ชินหลงเอ๋อร์"
"ข้าชินแล้วขอรับ"ผมตอบเอือมๆ
"แล้วการแสดงนะ บอกพี่ไม่ได้จริงๆเหรอ"พี่สวี่กระซิบกระซาบราวกับมีผู้ใดแอบฟังอยู่แถวนี้
"บอกไม่ได้ขอรับ รอดูวันงานนะขอรับ"
"เช่นนั้นก็ได้ งั้นพี่ไปฝึกปรุงยาต่อดีกว่า งั้นพี่ไปละ มีอะไรให้พี่ช่วยก็ไปที่ห้องพี่หรือห้องปรุงโอสถนะหลงเอ๋อร์"
"ขอรับพี่สวี่"ผมตอบก่อนพี่สวี่จะหายวับไป เหลือเพียงผมและเสี่ยวเสี้ยวในห้องตามเดิม ที่ตอนนี้เสี่ยวเสี้ยวนอนหลับไปในตะกร้าแล้วหลังจากกินข้าวอิ่ม ผมจึงเข้าไปในแหวนมิติดูสิ่งของที่ผมเอามาด้วยจากจวนหลังจากที่ผมได้สิ่งที่ต้องการ ผมจึงนั่งประดิษฐ์ของที่จะใช้ในการแสดงจนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ พอทำเสร็จแล้วได้ลองฝึกไปเพลงสองเพลงก็พอใจในผลงานจึงออกมาจากแหวนมิติ จึงรู้ว่าใช้เวลาในนั้นไปกว่าครึ่งค่อนวันออกมาก็ดึกมากแล้วจึงอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวเข้านอน
อ่านแล้วชอบไหม เพิ่มในคลังหนังสือเลยสิ!