ก่อนยามอู่ราวสองเค่อ
"หลินเอ๋อร์ คารวะท่านแม่ทั้งสองเจ้าค่ะ"ชิงหลินยอบกายเคารพมารดาสามีและมารดาของตนเอง
"ลุกขึ้นเร็วเข้า เจ้ากำลังท้องอยู่งดมารยาทเหล่านั้นไปเสียเถิด"มู่ฮูหยินรีบเข้ามาประคองมือลูกสะใภ้กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"แต่ว่า..."ชิงหลินทำท่าจะแย้ง
"เจ้าก็ตามใจแม่สามีเสียหน่อย จะเป็นไรไป?"ชิงฮูหยิน ชิงกล่าวตัดบท
"หลินเอ๋อร์เข้าใจแล้ว"
"ดีมาก มาๆนั่งคุยกันเถิด"มู่ฮูหยินแย้มยิ้มอย่างพอใจ นานวันเข้านางก็ยิ่งรักและเอ็นดูลูกสะใภ้มากขึ้นดุจบุตรีแท้ๆของตน
"ท่านแม่ทั้งสอง มาหาหลินเอ๋อร์ ไม่ทราบว่ามีเรื่องใดให้หลินเอ๋อร์รับใช้เจ้าคะ?"เอ่ยถามด้วยถ้อยคำสุภาพ
"นอกจากมาเยี่ยมเจ้าแล้ว ก็จะมาพูดคุยเรื่องงานวันเกิดเจ้าที่จะมาถึงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า"มู่ฮูหยินแจงด้วยใบหน้ายิ้มละไม
"งานวันเกิดหรือเจ้าคะ?"จริงสินะ วันที่เก้าเดือนสองเป็นวันเกิดของชิงหลิน จำได้ว่าทุกปีพอถึงเดือนเกิดของนาง ท่านพ่อกับท่านแม่จะจัดตั้งโรงทานแจกจ่ายอาหาร แก่คนตกทุกข์ได้ยากและเหล่าขอทานผู้หิวโหยเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม
พอถึงวันที่เก้าซึ่งเป็นวันเกิดของนาง สกุลชิงก็จัดงานให้นางอย่างยิ่งใหญ่ เชิญแขกเหรื่อมากมายทุกระดับ รวมถึงเชื้อพระวงศ์ยังไม่อาจเมินเฉยเทียบเชิญได้ แต่ด้วยสุขภาพที่ไม่สู้ดี และนิสัยที่ไม่ค่อยน่าคบขี้เหวี่ยงขี้วีน โมโหร้ายเอาแต่ใจ ทำให้ชิงหลินไร้สหายไม่มีใครทนคบได้เกินหนึ่งวัน เฮ้อ...ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี
"ถูกต้อง วันงานนอกจากจะฉลองวันเกิดให้แก่เจ้าแล้ว เราคิดว่าจะใช้โอกาสนั้นประกาศข่าวดีของเจ้าควบคู่กันไปเสียเลย ลูกสะใภ้เจ้าเห็นว่าอย่างไร?"มู่ฮูหยินยังคงกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มละไม
"ข่าวดี? ข่าวอะไรหรือเจ้าคะ?"ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่ใช่จะแต่งอนุให้สามีนางหรอกนะ....
"ย่อมต้องเป็นเรื่องที่เจ้ากำลังตั้งครรภ์ฝาแฝดอย่างไรเล่า? หรือเจ้าคิดว่าแม่จะแต่งอนุให้อาเหวิน?"มู่ฮูหยินแกล้งเย้าลูกสะใภ้
โอ้แม่สามี..ท่านอ่านใจคนได้หรือ?...ท่าน...ท่านคงไม่ทำอย่างที่พูดจริงๆหรอก..ใช่หรือไม่? ชิงหลินถึงกับพูดอะไรไม่ออก อ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างลืมตัว
"ดูนางสิเหม่ยหลิน หน้าซีดเชียว"มู่ฮูหยินยกมืออวบขาวปิดปากหัวเราะชอบใจ หันไปกล่าวกับชิงฮูหยิน
"ฮุ่ยจื่อ เจ้านี่ละก็...."ชิงฮูหยินตีแขนของสหายที่นั่งอยู่ข้างๆใบหน้างามแย้มยิ้มชอบอกชอบใจ
"เจ้าตำหนิข้า แต่หน้าเจ้ากลับแย้มยิ้มชอบใจมากกว่าข้าเสียอีกรู้รึไม่?"มู่ฮูหยินกล่าวไปพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี บ่าวไพร่ที่ยืนก้มหน้ารอรับคำสั่ง ต่างพากันยกยิ้มมีความสุขตามไปด้วย เมื่อเห็นภาพความอบอุ่นของสองครอบครัว
"แล้วเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? วาดรูปรึ?"มู่ฮูหยินเปลี่ยนเรื่องเมื่อเหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่กับอุปกรณ์ มีทั้งพู่กันหลายขนาด ดินสอถ่านไม้ และสี วางเรียงกันอยู่ในตะกร้าสานที่เปิดฝาอยู่
"เจ้าค่ะ แต่ยังไม่รู้จะวาดรูปอะไร"ชิงหลินตอบตามจริงก่อนจะชะงักและยิ้มออกมา
"หือ?มองหน้าแม่ทำไม? หน้าแม่มีสิ่งใดติดอยู่รึ?"ชิงฮูหยินถามบุตรีสองมืออวบขาวยกขึ้นแตะแก้มทั้งสองของตน
"ท่านแม่ทั้งสอง มีธุระที่ใดอีกหรือไม่เจ้าคะ?"
"ธุระของแม่คือมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าอย่างไรเล่า? ถามทำไมหรือ?"มู่ฮูหยินชิงตอบทำเอาสหายที่นั่งอยู่ข้างๆลอบยิ้มล้อเลียน ฮุ่ยจื่อ หนอฮุ่ยจื่อ..นางเป็นสะใภ้หรือลูกสาวเจ้ากันแน่?
"เช่นนั้นช่วยเป็นเกียรติให้หลินเอ๋อร์ ได้วาดรูปท่านแม่ทั้งสองได้หรือไม่เจ้าคะ?"เอ่ยขออนุญาต
".....?"ฮูหยินทั้งสองหันมาสบตากันครู่หนึ่ง ใบหน้างามขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความขัดเขิน ต่างคิดตรงกันว่า อายุปูนนี้แล้วต้องมานั่งเป็นแบบวาดรูป ข้าจะวางสีหน้าท่าทางเช่นไรดีเล่า?
"จะดีหรือ? แม่แก่แล้วนะ"ชิงฮูหยินอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก แต่ในใจกำลังตื่นเต้นยินดี เพราะบุตรีของนางเชี่ยวชาญในการวาดภาพเหมือนยิ่งนัก เหมือนเสียจนนางแยกไม่ออกว่าอันไหนของจริงอันไหนภาพวาด ครั้นพอได้ยินว่าบุตรีจะวาดรูปตน นางก็แทบจะเก็บอาการยินดีไว้ไม่อยู่
"แก่อะไรกันเจ้าคะ หากหลินเอ๋อร์เป็นคนนอก ต้องเรียกท่านแม่ทั้งสองว่า พี่สาวแน่ๆเลยเจ้าค่ะ"
"แหม...ลูกสะใภ้ข้า..ช่างปากหวานนัก"มู่ฮูหยินยิ้มชอบใจกับถ้อยคำเยินยอของลูกสะใภ้ "เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด แล้วแม่ต้องนั่งเช่นไร? หรือจะให้ยืน? ต้องยิ้มด้วยหรือไม่? หรือจะวางมาดขรึมดี?"
"ฮุ่ยจื่อ เจ้าตื่นเต้นเกินไปแล้ว"ชิงฮูหยินเย้าสหาย
"ฮึ!เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไปเถิด...ข้าคิดมานานแล้วว่า อยากให้หลินเอ๋อร์วาดรูปข้าสักสองสามรูป แต่นางก็ไม่ว่างเสียที หรือเจ้าไม่อยากเห็นรูปที่นางวาดกัน?"มู่ฮูหยินค้อนให้สหายพองาม
"ย่อมต้องอยากเห็น"
"ฮึ! แล้วยังจะมาเย้าข้า"มู่ฮูหยินบ่นอุบเสียงเบาอย่างไม่จริงจังนัก โดยมีมองดูท่านแม่คนงามโต้ตอบกันไปมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ดวงตากลมโตฉายแววสุขใจล้นเหลือ
...ความสุขเช่นนี้...หวังว่าจะยืนยาวตลอดไป...
-------------
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาผู้ลี้ภัยจากหมู่บ้านตงกวน ที่เดินทางรอนแรมข้ามเมืองข้ามแคว้นนานนับเดือนมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากธิดาสวรรค์ ก็ได้ฤกษ์เดินทางกลับหมู่บ้านพร้อมเสบียงที่จำเป็นและความหวัง มีทหารฉีหนึ่งกองร้อยคุ้มกันไปส่งตลอดเส้นทาง
ส่วนจุดตาน้ำใต้ดินในหมู่บ้านตงกวน ชิงหลินขอให้เหล่าวิหคนำเศษไม้ใบหญ้ากองสุมทุกจุดที่เหล่ามดปลวกไส้เดือนช่วยชี้จุดรอไว้เรียบร้อยแล้ว แค่รอพวกเขาและทหารกลับไปดำเนินการขั้นต่อไปเท่านั้น และยังได้เขียนสารถึงจิวหู หัวหน้าหมู่บ้านตงกวน ฝากไปกับสามีนำไปให้อีกด้วย
เรื่องความสามารถพิเศษในการใช้ปราณพลังจิต ที่สามีเปิดเผยแก่ฮ่องเต้และองค์รัชทายาท ชิงหลินไม่รู้สึกหนักใจหรือกังวลใจ ด้วยเชื่อมั่นเต็มร้อยในการตัดสินใจของเขา
ในระหว่างนี้ ตู้เหมยฮวา บุตรีอัครเสนาบดีได้มาเยี่ยมเยียนสองครั้งและมักจะขอให้นางเล่าเรื่องราวการผจญภัยต่างๆให้ฟังอย่างไม่รู้จักเบื่อ สีหน้าท่าทางและดวงตาที่สั่นไหวระริกราวระลอกคลื่นของหญิงสาว ทำให้นางมีความสุขและตั้งอกตั้งใจเล่ามากเป็นพิเศษ จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร้อนถึงกองกำลังหลิ่งหลินต้องคุ้มกันหญิงสาวกลับจวน คิดแล้วก็อดขำไม่ได้
"คิดอันใดอยู่หรือ?"หือ?"แม่ทัพหนุ่มเดินเข้ามาซ้อนหลังวาดวงแขนโอบกอดร่างเล็กที่ยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง
"แค่คิดอะไรไปเรื่อย ไม่มีสาระสำคัญเจ้าค่ะ"ชิงหลินตอบเสียงเบา มือเรียวขาวทาบทับหลังมือหนา เอนกายอิงซบร่างแกร่งอย่างสบายอารมณ์ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย สายตาทอดมองออกไปไร้จุดหมาย "เอ่อ...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมเจ้าคะ?"
"ฮูหยินมีเรื่องอะไรจะถามสามีเชิญว่ามาได้?"แม่ทัพหนุ่มจูงมือเล็กมาที่เตียงนอนแล้วรั้งร่างนางนั่งบนท่อนขาแข็งแรงของตน โอบกอดจากทางด้านหลังพร้อมกับวางคางสากบนไหล่เล็กทิ้งน้ำหนักลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเกรงว่านางจะหนัก ดวงตาคมทรงเสน่ห์ปิดลงพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นที่ลอยขึ้นมาแตะจมูก มุมปากพลันยกยิ้มผ่อนคลาย
"งานวันเกิดหลินเอ๋อร์ปีนี้ ดูจะใหญ่โตสิ้นเปลืองเกินไปหรือไม่?"ถามพลางเอนกายอิงซบร่างแกร่งอบอุ่น
"ล้วนเป็นท่านแม่ทั้งสองจัดการ เจ้ากล้าขัดใจหรือ?"ไม่พูดเปล่าขยับร่างเอนกายลงนอนรั้งร่างเล็กบอบบางลงมาด้วย
"หลินเอ๋อร์เพียงเสียดายเงินทองเหล่านั้นเจ้าค่ะ หากเป็นไปได้อยากนำเงินเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่นมากกว่า"ร่างเล็กที่นอนตะแคงข้างหนุนแขนสามีรูปงามกล่าวเสียงเบา
"พี่เข้าใจความคิดเจ้าแต่เห็นแก่ความสุขของผู้ใหญ่ ปล่อยให้พวกท่านได้ทำตามใจเถิด"แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงนุ่ม
"...ทราบแล้วเจ้าค่ะ"พูดพลางขยับกายเบียดเข้าหาร่างอบอุ่นของสามีวางมือเรียวขาวบนอกแกร่งแล้วหลับตาลง
"..."แม่ทัพหนุ่มยกศีรษะขึ้นมามองร่างเล็กที่เบียดชิดจนสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่น ด้วยใจที่ปั่นป่วน คิดใช้ลูกไม้เดิมๆอย่างชิงหลับเหมือนสามวันก่อนรึ? "หลินเอ๋อร์"กระซิบข้างหูเล็ก "หลินเอ๋อร์"เห็นนางเงียบไม่ตอบสนองจึงกระซิบซ้ำ เชยคางมนจนใบหน้าพริ้มหลับแหงนเงยไปด้านหลังแล้วประกบริมฝีปากอุ่นร้อนกับริมฝีปากอวบอิ่มดูดดื่มและเรียกร้อง แล้วเสียงหอบหายใจก็ดังขึ้นอีกหลายรอบในห้อง
----------------
วันที่เก้าเดือนสองวันเกิดปีที่สิบเจ็ดของชิงหลิน แต่เป็นครั้งแรกที่จัดในฐานะฮูหยินน้อยแห่งจวนแม่ทัพไร้พ่าย
สถานที่จัดงานหาใช่จวนแม่ทัพไม่ แต่เป็นจวนเสนาบดีมู่ตามความต้องการของมู่ฮูหยินและชิงฮูหยิน ซึ่งแม่ทัพหนุ่มและเจ้าของวันเกิดเห็นดีเห็นงาม ด้วยจวนแม่ทัพไม่ใช่ที่ๆจะให้บุคคลภายนอกเข้ามายุ่มย่ามเข้าออกโดยง่าย
เจ้าของวันเกิดถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกนอกจวนแม่ทัพจนกว่าจะถึงวันงาน ทำให้นางอดตื่นเต้นไม่ได้ว่าพวกเขาจะจัดงานให้อย่างไร? จัดแบบโต๊ะจีน? มีงิ้ว? ดนตรี? ของขวัญ?
ตอนนี้เป็นเวลายามเซินชิงหลินอยู่ในชุดเรียบหรูสีงาช้างคลุมทับด้วยแพรต่วนสีโอรส ช่วยขับผิวให้ดูขาวผ่องน่าสัมผัส ผมเงางามดุจไหมชั้นดีรวบเก็บขึ้นครึ่งหนึ่งแล้วปักด้วยปิ่นรูปผีเสื้อสีเขียวมรกต ไม่มากเกินไปจนดูฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่น้อยจนเกินไปให้คนเขาติฉินนินทาเอาได้
หญิงสาวดูตัวเองในกระจกมัวอีกครั้งก่อนจะก้าวออกมาจากห้อง โดยมีสี่สหายน้อยที่ถูกจับอาบน้ำจนหอมกรุ่นวิ่งนำหน้าออกไป ด้านหลังคือเสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยที่วันนี้ดูจะงดงามเป็นพิเศษเพราะต้องติดตามฮูหยินน้อยออกงานใหญ่
"รอนานไหมเจ้าคะ?"ชิงหลินทักสามีที่ยืนหันหลังสองมือไพล่หลัง ดวงตากลมโตแอบสำรวจรูปร่างด้านหลังไปด้วยสายตาชื่นชม
แม่ทัพหนุ่มที่รับรู้การมาของภรรยาหมุนกายกลับมาจะตอบกลับ มีอันตะลึงตาค้าง ดวงตาคมทรงเสน่ห์ฉายแววพึงพอใจ มุมปากยกยิ้มแล้วแปรเปลี่ยนไปตึงขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่า นางต้องตกเป็นเป้าสายตาของบุรุษมากมายเพียงใด
"พี่เหวิน? เป็นอะไรไปเจ้าคะ?"ชิงหลินโบกมือผ่านหน้าของสามีดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาด้วยความฉงน "จะทำอะไรเจ้าคะ?"ร้องตกใจเมื่อถูกสามีช้อนอุ้มขึ้นเดินเข้าไปในเรือน "อ๊ะ!....ดะเดี๋ยว..เรากำลังจะไปสายนะเจ้าคะ"รีบยันหน้าอกแกร่งไว้ ทันทีที่เขาปล่อยนางลงแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้
"อยู่นิ่งๆ"ว่าแล้วประกบริมฝีปากอุ่นร้อนกับริมฝีปากอวบอิ่ม คราวนี้แตกต่างจากทุกครั้งจนร่างเล็กที่เบียดเสียดแนบแน่นกับร่างแกร่ง สั่นสะท้านแข้งขาอ่อนทรงตัวไม่อยู่ ต้องยึดจับอกเสื้อของสามีหอบหายใจถี่ "เอาหล่ะเสร็จแล้ว ไปเถิด"แม่ทัพหนุ่มใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ริมฝีปากอวบอิ่มไปมาสองสามรอบ เห็นนางยืนนิ่งไม่เดินตามจึงว่า "ปากเจ้าเข้มเกินไป พี่เลยเช็ดออกให้"
อะไรนะ? ปากเข้มเกินไป?ชิงหลินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกดูเหมือนสามีของนางจะเป็นไปได้ขนาดนี้คิดแล้วมุมปากพลันยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
"มีอะไรน่าขัน?"แม่ทัพหนุ่มแสร้งถามเสียงเข้ม มองดูท่าทีของนางก็รับรู้ได้ว่านางรู้เจตนาที่แท้จริงของตนแล้ว แต่จะให้ยอมรับง่ายๆย่อมไม่ใช่มู่หลิ่งเหวินผู้นี้
"ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ...ไปกันรึยังเจ้าคะ?"กล่าวพร้อมกับส่งยิ้มหวานแฝงความเจ้าเล่ห์เล็กๆ เห็นเขาพยักหน้าจึงว่า "อุ๊ย รอเดี๋ยวเจ้าค่ะ ขอเติมชาดสักหน่อยที่ทาไว้มันลบหมดแล้ว"แสร้งอุทานอย่างมีจริต ถลาไปที่กระจกหยิบตลับเล็กๆเปิดออกทำท่าจะนำมาทาปาก ซึ่งความจริงเป็นเพียงสีผึ้งทากันปากแตก
หมับ!! แม่ทัพหนุ่มคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กพาออกไปจากเรือนมุ่งตรงไปยังเกี้ยวที่จัดเตรียมไว้สำหรับนางด้วยใบหน้าบึ้งตึง จึงไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังยกยิ้มอย่างขบขันกับความขี้หวงของคุณสามี
โธ่เอ๋ย.....แต่งนิดแต่งหน่อย...ก็ออกอาการหวงราวกับจงอางหวงไข่!!
การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้ไรท์ด้วยน้า^_^