เพลาผ่านไปราวสองชั่วยาม ซึ่งเป็นเวลาของยามไฮ่ล่วงเข้ายามจื่อ[1]
หนุ่มสาวทั้งสองยังคงนั่งคอตกอยู่ตรงชะแง่งผาที่เดิม เพราะไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็ไม่สามารถที่จะพาตัวเองกลับขึ้นไปข้างบนได้ คงได้แต่ต้องรอให้ใครสักคนมาช่วยเท่านั้น
เมื่ออากาศเย็นก็เริ่มมาเยือน กลับมีเรื่องที่ทำให้สตรีน้อยต้องหาทางรับมืออย่างไม่คาดคิด เพราะสังเกตเห็นว่าบุรุษรูปงามผู้ร่วมชะตากรรมเริ่มมีอาการผิดปกติ เขาเอาแต่นั่งเงียบไม่ขยับตัวอยู่นานจนน่าสงสัย
สตรีน้อยได้หาเรื่องชวนเขาพูดคุยแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดโต้ตอบกลับมา ทำให้นางเริ่มใจคอไม่ดี จึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปหาเขา เพื่อประจันหน้าและหวังถามไถ่ให้รู้ความ
[1] ยามไฮ้ (亥:hài) คือ 21.00 - 22.59 น.
ยามจื่อ (子:zǐ) คือ 23.00 - 24.59 น.
แต่พอนางเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขา และยังไม่ทันที่จะเอ่ยถ้อยคำใดออกจากปาก บุรุษรูปงามผู้นั้นก็ได้ทิ้งตัวหน้าคว่ำคะมำมาทางด้านหน้าฟุบลงกับพื้นตรงหน้าของนาง
"นี่ท่าน!"
ฟ่งหลันหลั่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางนั่งลงและรีบเข้าประคองร่างของบุรุษตรงหน้าขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสำรวจความผิดปกติของเขา ด้วยการเอาหลังมือไปอังบนหน้าผากของอีกฝ่าย และพยายามปลุกเรียกสติของเขาให้กลับมา แต่ก็ไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นของบุรุษรูปงาม ผนวกกับอาการหนาวสั่นของเขายิ่งทำให้ฟ่งหลันหลั่นเริ่มกังวลใจหนักขึ้น
"ร่างกายเย็นเฉียบ แถมริมฝีปากก็มีสีม่วงคล้ำ หรือว่าเขาจะถูกพิษ ?..." สตรีน้อยเริ่มคิดหนักและหันซ้ายแลขวาไปมา เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง โชคดีที่ชะแง่งผานี้มีโพรงถ้ำยื่นเข้าไปด้านในตัวหน้าผาเล็กน้อย
อึ๊บ!
นางจึงได้ตัดสินใจประคองร่างกำยำบึกบึนของบุรุษไปนั่งหลบมุมตรงนั้นอย่างทุลักทุเล เพราะตนเองก็ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกตอนที่ร่วงลงมา เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องปะทะกับไอเย็นของหมอกที่กำลังลงหนาจัด
"ให้ตายสิ! ทำไมวันนี้ข้าถึงโชคร้าย ซวยซ้ำซวยซ้อนไม่จบสิ้นอย่างนี้นะ! ตกหน้าผายังไม่พอ แถมยังต้องมาแบกบุรุษร่างกายสูงใหญ่กำยำเช่นนี้อีก"
แม้ว่าปากจะบ่นไม่หยุด แต่ฟ่งหลันหลั่นก็พยายามใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ในวันนี้ พาบุรุษรูปงามเข้าไปนั่งหลบไอหมอกในค่ำคืนนี้ได้สำเร็จ
เพลาผ่านไปราวสองก้านธูป [1] กองไฟกองเล็ก ๆ ก็ถูกจุดขึ้น แต่ทว่าม่านหมอกในราตรีนี้ช่างรุนแรงนัก อาจจะเป็นเพราะตำแหน่งที่พวกนางนั่ง คือหน้าผาสูงชันและเป็นจุดที่อยู่เกือบครึ่งค่อนลงไปทางก้นเหวลึก จึงทำให้ปะทะกับกระแสลมหวนโดยตรงก็เป็นได้
และดูเหมือนว่าบุรุษรูปงามจะมีอาการย่ำแย่หนักขึ้นกว่าเดิม เพราะเขายังคงไม่ได้สติและร่างกายหนาวสั่น แถมยังมีอาการเพ้อออกมาอีกด้วย
ฟ่งหลันหลั่นนั่งเฝ้าสังเกตอาการของบุรุษผู้นี้ไม่ห่างกาย ยิ่งพอเห็นเขาอาการแย่ขึ้นกว่าเดิม จึงวางหลังมืออังลงบนหน้าผากของบุรุษแปลกหน้า สีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนสีดูวิตกกังวลหนักขึ้น
"แย่ละสิ! ตำแหน่งหยินหยางในร่างกายสับสนมาก ไอเย็นกลายเปลี่ยนเป็นไอร้อนรุนแรงเช่นนี้ ขืนปล่อยเอาไว้นานคงไม่ดีแน่ ว่าแต่เราจะช่วยบุรุษผู้นี้ยังไงดี"
ไม่นานก็ดูเหมือนว่าฟ่งหลันหลั่นจะคิดอะไรบางอย่างออก นางเริ่มจัดการถอดอาภรณ์ชั้นนอกของตัวเองโยนเข้ากองไฟอย่างไม่ไยดี เพื่อหวังจะเพิ่มความร้อนแรงของเปลวเพลิงและความอบอุ่นในบริเวณนั้นให้มากขึ้น
แต่ทว่าเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำแผดเผาได้ไม่นาน มันก็เริ่มมอดดับลงอีกครั้ง
[1] หนึ่งก้านธูป คือเวลาประมาณ 15 นาที
สตรีน้อยนั่งจ้องหน้าบุรุษรูปงามอย่างตั้งใจ ซึ่งตอนนี้ดวงหน้าเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่มากมายผุดขึ้นมา ทั้ง ๆ ร่างกายเจ้าตัวยังสั่นเทาด้วยความหนาวอยู่ตลอดเวลา และปากก็พร่ำเพ้อพูดไม่เป็นภาษาจับใจความไม่ได้เลย
นางนั่งขมวดปมคิ้วจ้องหน้าเขาอยู่ต่อครู่ใหญ่ เมื่อหมดสิ้นหนทาง หากต้องการช่วยชีวิตบุรุษผู้นี้ นางจะควรรีบตัดสินใจกระทำบางอย่างโดยเร็วที่สุด
"ตาเฒ่า! ข้าขอโทษที่หาเรื่องใส่ตัวและต้องขัดสั่งของท่านอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องรีบช่วยคนผู้นี้ มิฉะนั้นเขาอาจจะถึงตายได้"
ฟ่งหลันหลั่นพูดขึ้นมาลอย ๆ เหมือนกำลังบอกกล่าวกับใครบางคน ซึ่งคนผู้นั้นหาได้อยู่ตรงนั้นไม่ จากนั้นนางก็วางมือลงบนคอเสื้อของบุรุษตรงหน้าอย่างไม่รีรอ
สตรีน้อยกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่นน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว มั่นคงยิ่งนัก
"คุณชายข้าขออภัยที่เสียมารยาท แต่ข้าจำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้จริง ๆ" เมื่อกล่าวจบ นางก็ได้ตัดสินกระทำบางอย่างในสิ่งที่อิสตรีทั่วไปจะไม่มีทางกระทำเด็ดขาด
ฟ่งหลันหลั่นไล่ถอดชุดของบุรุษรูปงามตรงหน้าออกจนหมดไม่เหลือสักชิ้นเดียว
เวลาต่อมา อาภรณ์ชั้นในสีขาวชิ้นสุดท้ายของสตรีก็ถูกปลดเปลื้องออกและวางทิ้งอยู่ข้างกายพวกเขา
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิดนี้ แม้จะมีเปลวเพลิงสีทองช่วยให้บริเวณโดยรอบสว่างไสวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็เผยให้เห็นเรือนร่างอรชรขาวผ่องนวลเยาว์ของสตรีน้อยในวัยปักปิ่นเพียงแค่เลือนรางราวกับภาพฝัน
สตรีน้อยแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามรัตติกาล และกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น
"ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าหาประสงค์อยากกระทำสิ่งใดผิดจารีตประเพณีไม่ หากแต่ต้องการช่วยชีวิตคนเพียงเท่านั้น ขอจงโปรดให้อภัยในการกระทำผิดครั้งนี้ด้วยเถิด"
นาทีต่อมาฟ่งหลันหลั่นน้อยก็ทิ้งตัวลงนอนข้างบุรุษรูปงามเรือนกายเปลือยเปล่าของเขาแนบชิดสนิทกับผิวอ่อนนุ่มนวลเนียนของบุปผาแรกแย้ม
"หวังว่าวิธีนี้จะทำให้พิษร้ายในตัวเขา ไหลเวียนถ่ายเทผ่านเข้ามาสู่ตัวเราแทนได้สำเร็จนะ"
ฟ่งหลันหลั่นน้อยตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยชายแปลกหน้าผู้นี้ให้รอดพ้นจากประตูนรก และพยายามทำใจลืมสิ้นทุกอย่างที่จะเป็นอุปสรรค แต่เพลานี้ สิ่งนั้นหาได้สำคัญไม่
ชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง บุรุษรูปงามได้สติกลับมาครู่หนึ่งแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ในดวงตาคมกริบของเขา ปรากฏภาพอันวาบหวามชวนให้ผู้คนเลือดลมประดังขึ้นมา ทรวงอกอันขาวผุดผ่องประจักษ์ตรงหน้า ห่างเพียงคืบเดียว
กลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้ป่าปะทะเข้ามาตรงปลายจมูกโด่งคมสันได้รูปทรง พร้อมกับสัมผัสอันอ่อนโยนจากฝ่ามือน้อยนุ่มนิ่มซึ่งกำลังวางลงบนเรือนกายของเขา และเลื่อนตัวเข้ามาโอบกระชับร่างของเขาแน่นขึ้น
เรือนร่างอันกำยังของบุรุษรูปงามสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากกายอุ่นของคนผู้นั้น ความรู้สึกร้อนวูบวาบภายในดั่งไฟสุมทรวงปะทุขึ้นมาระลอกหนึ่งพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ
ตึกตัก ตึกตัก...
เสียงหัวใจของบุรุษผู้มีจิตใจแข็งแกร่งราวหินผากำลังเกิดความสั่นคลอน
"ช่างงดงามยิ่งนัก! นี่ข้ากำลังฝันถึงเทพธิดาองค์ใดอยู่กระนั้นหรือ"
บุรุษรูปงามเปรยขึ้นเบา ๆ อย่างไร้สติ และกะพริบตาปริบ ๆ อยู่สองครั้ง
ฟ่งหลันหลั่นได้ยิน นางก็หยุดชะงักงันเล็กน้อยอย่างเคอะเขินกับคำกล่าวนั้นของอีกฝ่าย
"ขออภัยด้วย!" สตรีน้อยกล่าวตอบสั้น ๆ และเพียงชั่วครู่นางก็ประทับจุมพิตอันอ่อนโยนแสนหวานลงบนริมฝีปากหนาของบุรุษแปลกหน้าอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย
ฝ่ามือใหญ่หนาวางทาบบนแผ่นหลังเรียบเนียนดุจผ้าไหมเบา ๆ ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างกับรู้งาน
แม้แต่รัตติกาลยังเป็นใจยิ่งนัก เหล่าจักจั่น จิ้งหรีดเรไรน้อยใหญ่ต่างร่วมใจกันส่งเสียงร้องระงมไปทั่วผืนป่าด้านล่าง ดังก้องขึ้นทั่วพงไพร
เสียงนกกลางคืนเริ่มออกหากิน กู่ร้องกุ๊กกรูประสานกันไปทั่ว ผนวกกับเสียงดังหวีดหวิวอื้ออึงของสายลมซึ่งพัดผ่านอยู่ใต้ก้นเหวด้านล่างนั้น เกิดเป็นท่วงทำนองคล้ายบทเพลงของสวรรค์บรรเลงขับขานดังกังวานก้องทั่วผืนป่าตอบรับคำกล่าวของสตรีน้อย
...
เซียงไค 盛開
การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!
มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง
Thank you so much. ^^ Xoxo