"กินรีนี่ถอดปีกได้ด้วยแฮะ ถ้าตัวในมิติปิดกั้นทำได้เหมือนกันก็ดีหรอก"
ผมอุทานออกมาหลังจากหาข้อมูลของกินรีแล้วพบว่าเผ่านี้สามารถถอดปีกกับหางได้ เพียงแต่เรื่องในวรรณคดีกับความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าพระเจ้าจะสร้างกินรีให้เหมือนกับตำนานและวรรณคดีแค่ไหน
แล้วถ้าผมมองไม่ผิด ฝูงนกกับกินรีที่บินผ่านหัวไปนั้นมีกินนรอยู่ด้วย ซึ่งมันหมายความว่าเผ่านี้มีทั้งหญิงและชาย ต่างจากพวกอัปสรสีหะที่มีแต่เพศหญิง แล้วประเด็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละ
เพราะตามวรรณคดีที่ผมหาข้อมูลได้ มีแค่เรื่องของกินรีเป็นหลัก ส่วนเรื่องของกินนรไม่ได้บอกอะไรมากนัก รู้แค่ว่าเป็นคู่ของกินรีและมีความสามารถด้านดนตรีและการเต้นรำ
แถมในบางเรื่องยังเป็นเหมือนเหยื่อให้มนุษย์ขมเห็งรังแกอีกต่างหาก ตั้งแต่มีคนมาขโมยปีกตอนอาบน้ำ แล้วบังคับให้เป็นเมียแถมใช้แรงงาน หรือที่ร้ายแรงที่สุดก็คงเป็นฆ่าผัวชิงเมีย ที่อ่านแล้วนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าพระเจ้าสร้างเผ่านี้ตามวรรณคดีจริง เวลาเผ่านี้เจอมนุษย์จะเป็นยังไง
"ถ้าอิงตามวรรณคดี กรณีเลวร้ายที่สุดก็คงไม่พ้นเห็นมนุษย์เป็นศัตรู แต่การค้นหาด้วยระบบไม่เจอก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เป็นภัยมากนัก กรณีที่ดีที่สุดก็แค่อาจจะหนีทันทีที่เจอมนุษย์ก็ได้"
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือผมสนใจเรื่องปีกของกินรี ที่สามารถถอดและเปลี่ยนเจ้าของได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่คิดจะขโมยของใคร แต่ถ้าการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี ก็อาจจะจำเป็นต้องใช้กำลัง หรือไม่ฝ่ายนั้นอาจจะโจมตีมาเองตั้งแต่เจอหน้าก็ได้
"ก่อนอื่นต้องหาพวกกินรีให้เจอ แล้วตามวรรณคดีกินรีชอบเล่นน้ำ ดังนั้นคงต้องลองตามหาแถวแหล่งน้ำดู"
เมื่อตัดสินใจได้ผมก็กลับเข้ามิติปิดกั้น จากนั้นก็ใช้ระบบค้นหาสัตว์มายาประเภทปลา จนพบกับแหล่งน้ำสองสามแห่งใกล้จากจุดที่กลับเข้ามา แล้วถ้าดูจากชื่อแล้ว สัตว์มายาที่ดูแข็งแกร่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ซึ่งทะเลสาบที่ผมเดินทางมาถึงนั้นค่อนข้างกว้างมาก แถมยังมีสัตว์มายาหลากหลายชนิดมาดื่มน้ำที่นี่ แต่เป้าหมายอย่างกินรีนั้นไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา ทำให้ผมต้องทำนั่งร้านเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์
และดูเหมือนการทำนั่งร้านง่ายๆของผมจะถือเป็นทักษะ แล้วเสียงแจ้งเตือนจากระบบทำให้ผมรู้ว่าการลงมือสร้างสิ่งของจำเป็นต้องมีความหลากหลาย เพื่อให้เข้าเงื่อนไขการได้ทักษะ
-ท่านทำตามเงื่อนไขครบถ้วน ได้ทักษะก่อสร้างขั้นต้น-
ซึ่งในครั้งนี้ระบบแจ้งเตือนด้วยข้อความที่แปลกออกไป เพราะตามปกติแค่ทำตามเงื่อนไขก็น่าจะได้ทักษะแล้ว แต่คราวนี้กลับบอกว่าทำตามเงื่อนไขครบถ้วน มันหมายความว่าก่อนหน้านี้ผมทำเงื่อนไขไม่ครบเลยไม่ได้ทักษะ
ทั้งๆที่ตอนอยู่หมู่บ้านอัปสรสีหะทิศอุดร ผมช่วยงานหลายอย่างมาก แต่ถ้าลองคิดดูก็ได้รู้ว่ายังไม่เคยทำงานสร้างเฟอร์นิเจอร์มาก่อน ทำให้หลังจากนี้ผมจะต้องลองทำหลายๆอย่าง เผื่อว่าจะได้ทักษะมาอีก
"จะว่าไป ทักษะวิเคราะห์ ที่ภัสสรเคยใช้ให้ดูก็น่าสนใจ แต่ไม่รู้ว่ามันต้องฝึกยังไงเนี่ยสิ"
ระหว่างที่นั่งรอกินรีอยู่บนนั่งร้าน ผมก็คิดเรื่อยเปื่อยถึงทักษะที่เคยเห็นในหมู่บ้านอัปสรสีหะ เพราะยังไงตอนนี้ก็มีแต้มทักษะไม่พอจะแลกทักษะใหม่จากระบบ การคิดหาทางเรียนรู้ทักษะด้วยตัวเองจึงใช้ฆ่าเวลาได้ดี
แต่ระหว่างที่ันั่งรอให้กินรีปรากฏตัวอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ช่วยชีวิตผมเอาไว้
-ท่านได้รับภารกิจฉุกเฉิน กำจัดงูเหลือมหิมพานต์ลายไฟ จำนวนหนึ่งตัว-
และด้วยความตกใจ ทำให้ผมใช้พลังจิตปกคลุมตัวเองตามสัญชาตญาณ จนงูเหลือมสีแดงที่มีขนาดใหญ่และน่าจะยาวกว่าห้าเมตร ถูกไฟฟ้าช็อตจนสิ้นชีพในเวลาไม่นาน และหากผมไม่ได้เสียงแจ้งเตือนของระบบละก็ มีหวังกลายเป็นอาหารของมันไปแล้ว
"รอดหวุดหวิดเลยแฮะ"
-ท่านทำภารกิจฉุกเฉิน กำจัดงูเหลือมหิมพานต์ลายไฟ จำนวนหนึ่งตัวสำเร็จ ได้รับแต้มทักษะห้าหน่วย-
*แต้มทักษะ 95
จากนั้นผมก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น ด้วยการฉีดน้ำยาไล่งูที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เพราะจากประสบการณ์มันทำให้รู้ว่าสัตว์มายาที่มีรูปร่างเหมือนสัตว์ทั่วไปนั้น จะมีพฤติกรรมเหมือนกันด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงใช้ช่องเก็บของต่างมิติหนึ่งช่องสำหรับเก็บกระเป๋าที่ใส่ของจำพวกยากันยุง ยาฆ่าแมลง ยาไล่สัตว์นานาชนิดที่ซื้อมา เพราะของพวกนี้ไม่จำเป็นต้องแยกเก็บ
และหลังจากนั่งรออยู่หลายชั่วโมงจนตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า ผมก็ตัดสินใจกลับบ้าน พร้อมกับคำนวณเวลาว่าควรจะอยู่รอนานแค่ไหน เพราะไม่อยากเสียเวลาโดยไร้ประโยชน์
"รออีกสักวันละกัน ถ้าไม่เจอก็ช่างมันแล้ว"
จากนั้นผมก็ใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ด้วยระยะเวลาสองชั่วโมงในโลกแห่งความเป็นจริงจะทำให้เวลาผ่านไปในมิติปิดกั้นราวแปดชั่วโมง และเมื่อกลับเข้าไปก็เป็นเช้าวันใหม่พอดี
แล้วยามเช้าที่ดวงตะวันกำลังทอแสงสีทองจากขอบฟ้า โดยมีแสงสีทองสะท้อนบนผืนน้ำของทะเลสาบนั้นงดงามอย่างเหลือเชื่อ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสได้ดื่มด่ำกับความงดงามมากนัก เพราะเป้าหมายที่ผมต้องการกำลังบินมาที่ทะเลสาบ
และจากจำนวนที่นับได้นั้นมีถึงสิบชีวิต ที่ทั้งหมดล้วนเป็นกินรี หรือก็คือเพศหญิงทั้งหมด ทำให้ฉากเบื้องหน้านั้นชวนให้ตื่นเต้นและร้อนรุ่มด้วยกามตัณหา เพราะสาวงามสิบชีวิตกำลังเปลื้องผ้าอาบน้ำนั่นเอง
แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตดูพฤติกรรมของเหล่ากินรี ที่ตอนนี้ถอดหางและปีกออกจนเหมือนกับมนุษย์เพศหญิงธรรมดา ที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน จนผมรู้สึกผิดที่ทำตัวเหมือนคนโรคจิตแอบถ้ำมองเลยทีเดียว
"แบบนี้ควรจะเข้าไปทักทายตอนไหนดีนะ จะรอให้อาบน้ำเสร็จก็กลัวจะบินหนีไปซะก่อน แต่ออกไปตอนนี้มันก็ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย"
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดหาทางเข้าไปหายังไงดีนั้น จระเข้ตัวใหญ่ก็ว่ายเข้าไปหาพวกกินรี ก่อนที่ฉากเหมือนในวรรณคดีจะเกิดขึ้นต่อหน้าผม ด้วยการที่จระเข้ตัวนั้นแปลงร่างกลายเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เข้าไปโอบกอดกินรีนางหนึ่ง
แต่จากท่าทางแล้วดูเหมือนกินรีจะไม่ชอบนายจระเข้เท่าไหร่ แถมเพื่อนๆของกินรีตนนั้นก็พยายามช่วยเหลือด้วย ทำให้ผมตัดสินว่าไอ้จระเข้ตัวนี้น่าจะเป็นพวกบ้ากาม และควรกำจัดในทันที
-ท่านได้รับภารกิจฉุกเฉิน กำจัดจระเข้หิมพานต์จำแลง จำนวนหนึ่งตัว-
และดูเหมือนระบบจะเห็นด้วยกับผม เพราะทันทีที่ผมเข้าสู้ระยะสิบเมตร ภารกิจฉุกเฉินก็ถูกมอบให้ทันที และเพียงเท่านี้ผมก็สามารถจัดการจระเข้บ้ากามได้อย่างสบายใจ แถมได้รางวัลอีกด้วย
"เฮ้ย ไอ้ตัวเหี้ยบ้ากาม ปล่อยผู้หญิงซะ"
ผมตะโกนด่าพร้อมกับใช้ทักษะยั่วยุที่ตอนนี้กลายเป็นขั้นกลางเรียบร้อยแล้ว และด้วยผลของทักษะทำให้ชายหนุ่มกล้ามโตที่กำลังพยายามฉุดกินรีในร่างเปลือยเปล่าปล่อยมือแล้วว่ายน้ำตรงมาหาทันที
และแน่นอนว่าการสู้กับจระเข้ในน้ำมันก็เหมือนฆ่าตัวตาย เพียงแต่มันไม่ได้มีกฎตายตัวว่าสัตว์น้ำจะได้เปรียบในน้ำเสมอไป โดยเฉพาะกับผมที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้
และด้วยระยะที่ห่างออกไปหลายสิบเมตร แถมกินรีทั้งหมดที่เห็นผมลุยน้ำมาก็รีบวิ่งไปที่ริมน้ำ ทำให้ผมมั่นใจว่าพวกเธอจะปลอดภัยจากพลังจิตของผม
เปรี๊ยะ
"อ๊าก"
แล้วเมื่อสิ้นเสียงร้องของจระเข้บ้ากาม ร่างของมันก็ลอยอืดในทันที เพราะผมใช้พลังจิตเต็มกำลังเพื่อความปลอดภัย และมันก็เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว
-ท่านทำภารกิจฉุกเฉิน กำจัดจระเข้หิมพานต์จำแลง จำนวนหนึ่งตัวสำเร็จ ได้รับแต้มทักษะยี่สิบหน่วย-
*แต้มทักษะ 115
-ท่านได้รับค่าประสบการณ์ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล-
-ท่านได้รับค่าประสบการณ์ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล-
เมื่อสิ้นเสียงแจ้งเตือนของระบบ ผมก็ได้เลเวลเพิ่มขึ้นถึงสองเลเวลจากการกำจัดจระเข้ตัวเดียว ซึ่งมันหมายความว่าศัตรูนั้นแข็งแกร่งมาก ที่ขนาดเลเวลห้าสิบยังได้ค่าประสบการณ์มากขนาดนี้
และหากต่อสู้กันซึ่งหน้าละก็ ผมเองต่างหากที่จะกลายเป็นศพ แถมน่าจะศพไม่สวยซะด้วย ดังนั้นการที่ผมรอดมาได้จึงถือว่าโชคดีมาก
"เออ ขอบคุณที่ช่วยนะเจ้าคะ"
แล้วในระหว่างทีผมกำลังเก็บซากจระเข้เข้าช่องเก็บของต่างมิติ กินรีตนที่ถูกฉุดก็เข้ามาขอบคุณผม ส่วนพรรคพวกที่เหลือก็บินอยู่เหนือหัว เหมือนกับกำลังรอดูว่าควรจะพาเพื่อนหนีรึเปล่า
ก็นะ ถ้าตามวรรณคดีแล้ว มนุษย์มันไม่น่าไว้ใจสำหรับกินรีนี่นา
"ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่พอจะคุยกันได้ไหมครับ"
และในการเจรจาผมก็นำเอาซากสัตว์มายาที่เก็บรวบรวมไว้ออกมาให้ดู เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับออกปากขอแลกเปลี่ยนกับเผ่ากินรี
"หมายความว่าท่านอยากแลกซากสัตว์มายาเหล่านี้กับปีกของเผ่าเราสินะเจ้าคะ"
"ก็ถ้าเป็นไปได้นะครับ เพราะผมเห็นว่าพวกคุณถอดปีกได้ เลยอยากได้ปีกไว้สำหรับเดินทางน่ะครับ"
แล้วท่าทางของกินรีแต่ละตนก็ต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะระแวงมากกว่า ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติในความคิดผม และถ้าจะเปรียบเทียบกับอัปสรสีหะ ผมก็ว่าพวกนั้นเป็นมิตรมากไปด้วยซ้ำ
"เรื่องนี้น่าจะต้องคุยกันนาน ไม่ทราบว่าท่านสะดวกเดินทางไปที่หมู่บ้านของพวกเราไหมเจ้าคะ"
"ยินดีครับ"
แน่นอนว่าเป้าหมายของผมคือแต้มทักษะที่เป็นรางวัลจากการเข้าพื้นที่ใหม่ แม้ว่าการไปหมู่บ้านของกินรีจะให้ความรู้สึกอันตราย แต่ในทางเลวร้ายที่สุดผมก็แค่หนีออกจากมิติปิดกั้น เพราะระบบเคยยืนยันแล้วว่าไม่มีทางกักขังผู้ถูกเลือกในมิติปิดกั้นได้
จากนั้นกินรีสองตนก็เข้ามาหิ้วปีกผม แล้วพาบินไปในส่วนลึกของป่าหิมพานต์ แต่การที่ระบบไม่เตือนเหมือนครั้งก่อนน่าจะเป็นเพราะเลเวลของผมเพิ่มขึ้นมาก และสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผมนั้นมันก็เหมือนหมู่บ้านของนกไม่มีผิด
"ขอให้รอตรงนี้สักครู่นะเจ้าคะ"
ผมถูกทิ้งไว้ด้านล่างของหมู่บ้าน ที่น่าจะสร้างสูงจากพื้นดินราวสิบเมตรได้ และในเวลาไม่นานกินนรกับกินรีที่ไม่เคยเห็นหน้าก็บินลงมาหาผม
"ขอขอบคุณที่ช่วยเพื่อนพ้องของพวกเรา ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน ข้า ทิวา ขอต้อนรับท่านสู่หมู่บ้านของพวกเรา"
แล้วเหตุการณ์ทำนองเดียวกับตอนที่ผมช่วยละไมก็เหมือนเล่นซ้ำอีกครั้ง เพียงแต่พวกกินนรกับกินรีไม่เป็นมิตรเท่าอัปสรสีหะ และดูเหมือนจะไม่พอใจจะต้อนรับผมเท่าไหร่
แต่ผมก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะเป้าหมายที่ต้องการก็คือปีกของเผ่านี้ ที่สามารถถอดและให้คนต่างเผ่าใช้ได้ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะมีภารกิจให้ทำเหมือนตอนทำยาปลุกพลังเวท
"เช่นนี้เอง ท่านต้องการปีกเพื่อเดินทางไปเยี่ยมเหล่าอัปสรสีหะสินะครับ"
"ใช่ครับ"
ทิวาดูจะเชื่อในเรื่องที่ผมเล่า ว่าต้องการไปพบกับอัปสรสีหะในหมู่บ้านอื่นๆ เพื่อบอกให้รู้ว่าผู้ถูกเลือกไม่ได้เห็นพวกเธอเป็นศัตรูทั้งหมด โดยอาศัยเรื่องที่ผู้ถูกเลือกรุ่นก่อนๆมักจะโจมตีก่อนนั่นเอง
"ถ้าแบบนั้น พวกเราก็ไม่ต้องการซากสัตว์มายาของท่านหรอกครับ แต่จะมอบปีกให้เพื่อตอบแทนที่ช่วยคนของหมู่บ้านก็ออกจะเกินสักหน่อย"
ทิวาทำหน้าครุ่นคิด แต่ส่วนตัวผมอยากยกซากสัตว์มายาให้ เพราะอยากจะอาศัยฝีมือชำแหละของพวกกินนรด้วย เนื่องจากเท่าที่ดูพวกนี้ก็ล่าสัตว์เป็นอาหารเหมือนกัน
"เรื่องซากสัตว์ถือเป็นของขวัญจากผมก็ได้ครับ เพราะถึงเก็บไว้ผมก็ชำแหละเองไม่เป็นอยู่ดี"
"จะดีเหรอครับ"
ผมยืนยันความต้องการอย่างหนักแน่น จนทิวายอมรับซากสัตว์มายาไปจากผม ซึ่งมันมีจำนวนมากจนแทบจะกองไว้ที่ลานชำแหละไม่หมดด้วยซ้ำ ตั้งแต่ซากนกเทศร้อยห้าสิบกว่าตัว กวางหิมพานต์สามสิบตัว และสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนสัตว์ทั่วไปอีกหลายสิบ ยังไม่รวมถึงสัตว์หิมพานต์ทั้งหลายด้วย
"เรื่องชำแหละวัตถุดิบ ถ้าท่านมอบเนื้อทั้งหมดให้ พวกเราจะจัดการเรื่องหนังกับกระดูกให้ คิดเห็นเช่นไรครับ"
กินนรที่รับผิดชอบเรื่องชำแหละซากสัตว์พูดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผมตกลง เพราะยังไงมันก็ดีกว่าเก็บไว้แต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ส่วนทิวาที่พาผมมาก็มีสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเจ้าของอย่างผมตอบตกลงไปแล้ว
"ระหว่างนี้ เชิญท่านพักผ่อนในหมู่บ้านตามอัธยาศัย แล้วหากการประชุมหมู่บ้านได้ข้อสรุปเรื่องปีกที่ท่านขอแล้วจะแจ้งให้ทราบนะครับ"
ทิวาพูดอย่างเป็นมิตร แต่การไม่ถามชื่อผมตั้งแต่เข้ามาที่หมู่บ้านมันก็แสดงให้เห็นว่ายังไม่เชื่อใจกันเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แถมถ้าพวกนั้นไม่ตกลงเรื่องปีกที่ผมขอ ผมก็แค่กลับไปเดินทางแบบเดิมเท่านั้นเอง
แล้วผมยังได้ประโยชน์เรื่องชำแหละซากสัตว์อีกด้วย ซึ่งมันจะทำให้ผมได้วัตถุดิบในการสร้างอุปกรณ์เพิ่มขึ้น และใช้ฝึกฝนการปลุกเสกได้อีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงผมก็ได้ประโยชน์
— Un nuevo capítulo llegará pronto — Escribe una reseña