Descargar la aplicación
28.2% รักครั้งใหม่... ขอไม่ออกแบบ / Chapter 22: ข้อความสำคัญ

Capítulo 22: ข้อความสำคัญ

บ่ายสาม…

"รุ่นนี้ในส่วนโครงของโซฟาทั้งหมดเราจะใช้ไม้ยางพาราเคลือบสีโพลียูรีเทรน สีของไม้ก็จะเป็นสีธรรมชาติ เช่นสีโอ๊ค สีวอลนัท เบาะนั่งเป็นผ้าฝ้ายเนื้อแข็งสีพาสเทลล้วน"

ฉันยืนหาวหวอดด้วยความเบื่อหน่ายกับการพรีเซ้นต์แบบราบเรียบตรงหน้า ไม่เฉพาะบรรดาเจ้าตัวโซฟาทั้งหลายที่มีรูปร่างหน้าตาสีสันที่น่าเบื่อ ตัวคนบรรยายเองก็ไร้อารมณ์พอๆกัน

เรากำลังยืนกันอยู่ที่โชว์รูมด้านล่างของตึกทำงาน

"ตอนนี้คิดว่าจะทำอยู่สามสีนะคะ มีชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน และเขียวอ่อน เป็นคอนเซ็ปต์การดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่โดยเฉพาะค่ะ"

วันนี้น้องมินตราเขาจัดมุมแสดงคอลเล็กชั่นใหม่ของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณเซนจึงนัดหมายเวลาแบ่งเป็นสองรอบ เพื่อให้พนักงานจากทุกแผนกได้มีโอกาสผลัดกันลงมาฟังการโชว์ผลงานของน้องมินตราเค้า

"คุณลลินมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ" เสียงเข้มๆนั่นลอยดังมากลบอาการหาวของฉัน ทำเอาสะดุ้ง รีบปิดปากทันที

และเสียงนั้นก็ช่างทรงพลัง ฉันจึงแสดงความคิดเห็นออกไปนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี

"เอ้อ สีอ่อนมากๆแบบนี้เปื้อนง่ายหรือเปล่าคะ" นี่ก็ยังแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมฉันขาดความสนใจในเรื่องของบริษัทขนาดนี้

"กลุ่มลูกค้าเราจะเป็นหนุ่มสาวเพิ่งเริ่มทำงาน อาจจะยังไม่มีครบครัว ไม่มีเด็กเล็กๆในบ้าน คนวัยนี้น่าจะมีความเร่งรีบอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน เมื่อกลับมาบ้านพวกเค้าอาจต้องการการผ่อนคลาย เราจึงใช้สีพาสเทลมาช่วยทำให้ทุกอย่างดูซอฟท์ลง แต่ก็ไม่ได้ดูหวานจนชวนเลี่ยนค่ะ" คุณมินตราเค้าชี้แจงตอบมา

อื้อ… เอาที่สบายใจเถอะค่ะ วัยเดียวกันก็ย่อมเข้าใจกันล่ะเนาะ

แม้ช่วงที่ผ่านมาฉันจะรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยกับตัวตนของท่านประธานคนใหม่ ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนใจร้ายเย็นชาอย่างที่ฉันคิด แต่ลึกๆฉันก็ยังมีความรู้สึกหนักใจ…

ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าโซฟาสไตล์มินิมอลที่เขาอยากจะได้ มันไม่ใช่แนวทางของฉัน ช่วงนี้เขาก็แค่ใช้ยอดขายของฉันประคองบริษัทต่อไป เพื่อรอการเปลี่ยนเป็นไลน์โปรดักต์ใหม่โดยสมบูรณ์

สมัยที่คุณราเชนทร์ยังอยู่ ฉันไม่เคยต้องกังวลถึงเรื่องยอดขายมากขนาดนี้ แม้ฉันจะรู้สึกเนือยๆกับการทำงานไปบ้าง ยิ่งปีหลังๆนี่ฉันแทบไม่ได้นำลูกทีมให้ออกแบบอะไรที่มันตื่นเต้นหวือหวาแปลกใหม่ แต่ถึงอย่างไรบริษัทเราก็มีฝ่ายการตลาดที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้งานที่ฉันออกแบบนั้นมันขายได้ทั่วโลก มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันโดยตรงที่ต้องมากลุ้มอกกลุ้มใจอะไรกับยอดขาย แต่ว่าตอนนี้ฝ่ายการตลาดก็ถูกแบ่งทีมเพื่อไปช่วยโปรโมทงานของทีมน้องมินตราด้วย

เฮ้อ… นี่ฉันจะแพ้เด็กรุ่นใหม่จริงๆหรือ ทำไมเหมือนว่าไฟในการทำงาน ในการต่อสู้แข่งขันของฉัน มันไม่ลุกโชติช่วงอีกต่อไปแล้ว

ช่างมันเถอะนะ อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด!

หกโมงเย็น…

วันนี้ฉันกระสับกระส่ายทั้งวัน

มีเรื่องสำคัญมากอยากจะถามคุณเซน ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานแต่คุณเซนเธอก็ไม่อยู่ เข้าโรงงานตั้งแต่เช้าและไม่กลับเข้ามาออฟฟิศเลย ช่วงนี้คุณเซนเข้าโรงงานบ่อย เพราะต้องดูแลการเซตอัพไลน์การผลิตใหม่ให้กับคอลเลกชั่นของทีมน้องมินตรา

ส่วนวันนี้ ฉันก็ใจจดใจจ่ออยากจะพุ่งเข้าไปถามคุณเซนเรื่องที่คาใจมาก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีโอกาส เพราะเจ้าตัวเค้ามีประชุมเกือบทั้งวัน นี่หลังจากงานพรีเซ้นต์ของน้องมินตราเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายบริหารกับทีมน้องมินตราก็พากันเข้าประชุมสรุปงานอีก

ฉันชะเง้อไปทางประตูห้องประชุมอีกที ก็เห็นคนอื่นๆกำลังทยอยเดินออกมา เอ๊ะ แล้วทำไมคุณเซนยังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับเจ้าเครื่องโน้ตบุ๊คอยู่คนเดียวในห้อง สงสัยจะติดพัน เอาไงดี แล้วเมื่อไหร่เค้าจะออกมาจากห้องนั่น หรือฉันเดินเข้าไปถามเลยดีไหม เหลียวมองไปรอบๆ คนก็กลับกันเกือบหมดออฟฟิศแล้ว ใจเย็นก่อนดีกว่า

ฉันนั่งลงจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองอีกครั้ง พยายามหางานโน่นนี่มาทำฆ่าเวลา

ในที่สุดคุณเซนก็พาตัวเองออกมาจากห้องประชุมนั่นจนได้ในครึ่งชั่วโมงถัดมา

"คุณเซนคะ"

ฉันร้องเรียกคนท้ายทอยขาวจัดนั้นเบาๆขณะเค้าเดินผ่านโต๊ะทำงานของฉัน ตอนนี้ในออฟฟิศแทบไม่เหลือใครแล้ว

"ครับ?" คนตัวสูงนั้นชะงักหันมาทางฉันทันที

และเมื่อคนหน้าเด็กเค้าโน้มตัวลงมาทางโต๊ะทำงานของฉัน ฉันจึงรีบกระซิบกระซาบระบายความอัดอั้นตันใจที่เก็บเอาไว้ทั้งวันออกไป

"เอ่อ คุณราเชนทร์กับลูกชายของคุณเซนเค้าว่ายังไงกันบ้างคะ เรื่องของขวัญวันเกิดกับเรื่องการ์ด เค้าชอบกันมั้ยคะ"

โล่งอก ในที่สุดฉันก็ได้ถามออกไปเสียที

ฉันรอคอยมาทั้งวันเพื่อที่จะถามคำถามนี้กับคุณเซน อยากจะรู้จริงๆว่าผลงานการเลือกของขวัญกับการทำการ์ดอวยพรวันเกิดจะถูกใจปู่หลานคู่นั้นไหม วันนี้วันศุกร์ ยังไงก็ต้องถามวันนี้ให้ได้ ไม่งั้นตลอดทั้งเสาร์อาทิตย์นี่ฉันคงนอนไม่หลับ

"อ้อ เรื่องของขวัญกับการ์ดหรือครับ" คนตาเรียวนั้นทำท่านึกอยู่นาน

จนฉันทนไม่ไหว

"คุณปู่กับคุณหลานเค้าชอบกันไหมคะ" ฉันถามย้ำด้วยความอยากรู้สุดขีด

วันที่นั่งทำการ์ดด้วยกันนั้น ฉันไม่ได้ซักไซ้คุณเซนในเรื่องของครอบครัวเลย ฉันได้ยินข่าวลือเรื่องอดีตของเค้ามาเยอะ เลยไม่อยากพูดถึง กลัวคนตาเรียวคนนี้จะสะเทือนใจ แต่เรื่องของขวัญกับการ์ดนี้ ยังไงฉันก็อยากรู้ ก็มันเป็นผลงานของฉันด้วยนี่นะ

"เอ ไม่รู้สิครับ"

"อ้าว!"

"เมื่อคืนวานก่อน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว ผมก็เอาของขวัญไปวางไว้หน้าประตูห้องนอนพวกเค้า ส่วนเมื่อวานผมก็ออกไปโรงงานแต่เช้า แล้วก็เข้าบ้านดึกตามเคย และเช้าวันนี้ผมก็ออกจากบ้านมาแต่เช้า"

"โธ่! นี่ยังไงกันคะบ้านนี้ ไม่เจอหน้ากันเลยสองวันเต็มๆงั้นหรือคะ"

ฉันอุทานด้วยความผิดหวังออกไป สายตาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความขัดใจ บ้านนี้พิลึกมาก

ทว่ารอยยิ้มพร้อมกับอาการกลั้วหัวเราะน้อยๆที่จ้องตอบกลับมานั้นทำเอาฉันรู้สึกวูบวาบแปลกๆในใจ ก็ปกติฉันไม่เคยเห็นตาเรียวคู่นี้ยิ้มเป็นประกายนี่นะ…

"นี่ถ้าคุณลินกระตือรือร้นเรื่องโซฟาใหม่ของคุณมินตราแบบนี้บ้าง ผมคงจะดีใจมากนะครับ"

อ้าว กลายเป็นมาเหน็บกันอีกละ

ใช่ ฉันไม่เห็นความสำคัญของเจ้าพวกโซฟาสีพาสเทลน่าเบื่อนั่น ก็แล้วไงล่ะ? มันไม่ใช่งานของฉันนี่นา เรื่องการ์ดอวยพรที่คุณเซนทำให้คุณราเชนทร์กับลูกชายของคุณเซนน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ

"โอเคค่ะ งั้นชั้นไม่สนใจเรื่องของขวัญกับการ์ดนั่นแล้วก็ได้"

เบื่อนักเชียว คนอุตส่าห์ถามดีๆ ทำไมต้องมาแขวะกันด้วย

ฉันนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะทำงานทันที เอื้อมมือไปปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มเก็บของส่วนตัวบนโต๊ะทำงานลงกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของฉัน รู้งี้ไม่รอถามหรอก กลับบ้านตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้ว

ทว่ามือเรียวขาวทั้งสองข้างที่เท้าลงมาที่โต๊ะทำงานของฉันนั้น ทำเอาการกระบวนการเก็บของลงกระเป๋าของฉันต้องชะงักไป

อ้าว มือสองข้างอยู่ที่นี่ แล้วโน้ตบุ๊คที่เขาถือออกจากห้องประชุมมาด้วยมันไปอยู่ไหนเสียแล้ว

"คุณยังไม่กลับบ้านเพราะอยู่รอถามผมเรื่องการ์ดนี่หรือครับ" น้ำเสียงนั้นดูจริงจังขึ้นมา

แต่ฉันก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือเรียวๆขาวๆนั่นด้วยแววตาเฉยเมย

"ก็ใช่น่ะสิคะ วันนี้รอมาทั้งวันเลย เมื่อวานคุณเซนก็ไม่อยู่ อยากจะรู้ว่าคุณราเชนทร์กับน้องเรนชอบการ์ดที่คุณเซนทำไหม"

"มันสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือครับ"

"สำคัญสิคะ พวกเค้าคือครอบครัวของคุณเซนนะคะ คุณเซนต้องใส่ใจความรู้สึกพวกเค้า คุณเซนจะสนใจแต่เรื่องงานไม่ได้นะคะ"

ดูก็รู้ว่าหนุ่มไฟแรงอย่างนี้งานต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด ฉันแทบไม่เคยเห็นคุณเซนกลับบ้านก่อนสองทุ่ม ทุกสิ่งอย่างในบริษัทดูมีความสำคัญกับเค้า แล้วคนที่บ้านล่ะ…

ใบหน้าเรียวๆขาวๆนั่นดูนิ่งคิดเล็กน้อย แล้วก็กลับมีรอยยิ้มกว้างขึ้นมา แววตาดูมีความกระตือรือร้น

"ผมไม่รู้ว่าพวกเค้าชอบกันหรือเปล่า แต่เมื่อวานตอนกลับถึงบ้าน ผมเจอโพสต์อิทแปะอยู่หน้าห้องนอนครับ ผมถ่ายรูปมาด้วย ตั้งใจจะเอามาให้คุณลินดู อยากดูมั้ยครับ"

ไม่รู้ทำไม… กะอีแค่เสียงชวนนุ่มๆง่ายๆนั้น มันทำให้อารมณ์ของฉันดีขึ้นอย่างประหลาด

แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาเรียกฉันว่า 'คุณลิน' แทนคำว่า 'คุณลลิน'

เผลอไปรึ?

"จริงหรือคะ คุณเซนถ่ายรูปมาด้วยหรือคะ อยากดูมากค่ะ"

ฉันตื่นเต้นมากมาย บ้านนี้เค้าสื่อสารกันด้วยโพสต์อิทหรือนี่ อยากรู้จังว่าเค้าเขียนถึงกันว่ายังไง ดีจังเลยที่คุณเซนถ่ายรูปมาให้ฉันดูด้วย

คนตัวสูงนั้นยืดตัวขึ้น ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงมาไถหน้าจอเพื่อหาภาพที่เขาอ้างถึง ก่อนที่จะยื่นมือถือมาให้ฉัน รอยยิ้มน้อยๆยังคงวนเวียนอยู่บนใบหน้าขาวๆเรียวๆนั้น

ฉันเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากคุณเซนมา ฉันว่าฉันมองไม่ผิดนะ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณเซนมันเป็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจอย่างไรชอบกล และอยู่ดีๆฉันก็รู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่าอบอุ่นไปกับอะไร แล้วจะอบอุ่นไปกับครอบครัวของคนอื่นทำไม

แล้วข้อความสั้นมากๆที่ปรากฏอยู่บนกระดาษแผ่นเล็กสีเหลืองที่แปะอยู่ที่หน้าประตูห้องนั้น ก็ทำเอาฉันอดอมยิ้มไม่ได้

'ขอบใจว่ะ การ์ดสวยดี …พ่อ'

คุณราเชนทร์ก็คือคุณราเชนทร์ สั้นง่ายกระชับฉับไวอย่างนี้เสมอ คุณเซนคงจะได้นิสัยนี้มาจากพ่อ

"รูปนี้มาจากโพสต์อิทของคุณปู่ครับ" เสียงบรรยายภาพดังมาจากใกล้ๆ ตอนนี้คุณเซนเดินอ้อมโต๊ะมายืนอยู่ที่ข้างหลังของเก้าอี้ฉัน

แต่ว่า… ทำไมคุณเซนเค้าจะต้องโน้มตัวลงมาดูรูปกับฉัน?

เสียงกระซิบที่ดังชัดเจนใกล้ๆหูนั้นทำเอาฉันนั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว เดาเอาว่าใบหน้าของเค้าอยู่ห่างจากหูของฉันไปไม่เกินสิบเซนติเมตรแน่ๆ ฉันทำคอเกร็ง แอบกวาดสายตาไปทั่วๆเท่าที่จะทำได้ ดีนะที่ไม่มีใครเหลือในออฟฟิศแล้ว

"แล้วรูปถัดไปนี่ ของคุณลูกชาย" มือเรียวขาวจัดนั้นเอื้อมมาปัดภาพบนหน้าจอมือถือของเขาที่อยู่ในมือของฉัน

อ๋อ ที่ก้มหน้ามาใกล้ๆนี่ คงจะมาปัดรูปให้ได้ถนัดๆกระมัง

ข้อความของคุณหลานยาวกว่าของคุณปู่นิดนึง แต่ก็แสดงออกถึงความเป็นปู่หลานกันล่ะนะ

'ขอบคุณฮะ พ่อไปจ้างใครทำการ์ดให้อะ …เรน'

ประโยคที่สองในโพสต์อิทแผ่นเล็กนั้นทำเอาฉันยิ้มกว้างอย่างหยุดไม่อยู่

"นี่ทั้งบ้านเค้าคงรู้กันนะคะ ว่าคุณเซนไม่เก่งศิลปะ" ฉันพูดขณะตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือ

สองข้อความที่เขียนอยู่บนโพสต์อิทสองใบนี้ ดูจากสีหน้าคุณเซนก็รู้ว่าเป็นข้อความที่สำคัญและมีความหมายมากสำหรับคนตัวสูงหลังตรงคนนี้

"แต่เอ ลูกชายคุณเซนลายมือสวยนะคะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายวัยรุ่นสมัยนี้จะลายมือสวย แล้วนี่ก็แปลกใจมากเลย ว่าบ้านของคุณเซนยังเขียนโพสต์อิทกันอยู่ นึกว่าเดี๋ยวนี้เค้าใช้แต่ไลน์กรุ๊ปกัน"

ฉันหันกลับไปหาคุณเซนด้วยความตื่นเต้น ลืมไปสนิทเลยว่าใบหน้าของเขาตอนนี้อยู่ใกล้ใบหน้าของฉันขนาดไหน …แล้วมันก็เกิดขึ้นจนได้!

แก้มของฉันชนเข้ากับจมูกโด่งของเขาอย่างจัง…

ฉันสะดุ้ง ใบหน้าร้อนผ่าว รีบผงะหัวถอยห่างออกมาทันที

"อุ้ย ขอโทษค่ะ"

แต่ดูเหมือนคนตาเรียวนั้นจะไม่ได้มีปฏิกิริยาพิเศษอะไร เค้าแค่ค่อยๆยืดตัวขึ้น ถอยห่างไปจากเก้าอี้ของฉันนิดนึง ทว่าปากและตาก็ยังคงยิ้มน้อยๆ

"สงสัยพ่อของผมเค้าคงติดนิสัยคนญี่ปุ่นมา เค้ายังคงชอบเขียนอะไรใส่ในกระดาษ"

เมื่อเห็นคนตรงหน้าดูท่าไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์… เอ่อ… 'แก้มชนจมูก' ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ฉันก็รู้สึกเบาใจ

"จริงด้วยค่ะ จำได้ว่าตอนคุณราเชนทร์ยังทำงานอยู่ที่นี่ เคยเห็นโพสต์อิทแปะเต็มบอร์ดหลังโต๊ะทำงานคุณราเชนทร์ แต่… เอ๊ะ ชั้นว่าชั้นเคยเห็นบนโต๊ะคุณเซนก็มีโพสต์อิทแปะอยู่นะคะ"

ตอนนี้สมาธิของฉันกับมาอยู่ที่เรื่องโพสต์อิทแล้ว ฉันชะเง้อหน้ามองไปทางโต๊ะทำงานของเจ้านายใหญ่ ซึ่งอยู่เยื้องโต๊ะของฉันไปแค่แถวเดียว

"ครับ ผมก็ยังชอบเขียนบนกระดาษเหมือนกัน"

ฉันหันกลับมามองคนที่ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆอย่างทึ่งๆ คนรุ่นใหม่ทันสมัยนี่เค้าต้องใช้เอ่อ แบบ อะไรนะ มือถือโน้ตๆอะไรซักอย่าง ที่เอาปากกาเขียนไปบนมือถือได้ ไม่ใช่รึ

"ความทันสมัยมันคงไม่ใช่แค่เรื่องการมีเทคโนโลยีใช้นะครับ แนวคิดที่ทันสมัยน่าจะสำคัญกว่า"

เฮ้ย รู้ใจกันอีกละ รู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังคิดเรื่องของ 'ความทันสมัย' อยู่เนี่ย แต่ช่างเถอะ ประเด็นเรื่องเจ้ากระดาษจดโน้ตแผ่นเล็กๆพวกนั้นน่าสนใจกว่า

"ชั้นมีโพสต์อิทเยอะแยะเลยค่ะ คือเผอิญชั้นเป็นคนชอบซื้อเครื่องเขียน เลยชอบไปเดินสำเพ็งบ่อยๆ ว่าจะไปเดินดูเล่นๆ แต่ก็อดใจไม่ไหวค่ะ ซื้อลายใหม่ๆมาทุกครั้งเลย ราคาก็ไม่แพงเลยนะคะ ลายน่ารักๆทั้งนั้นด้วย คุณเซนดูนี่สิคะ"

ฉันกุลีกุจอเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานที่อยู่ด้านซ้ายมือให้คนตัวสูงดู กลุ่มปึกของเจ้ากระดาษแผ่นเล็กที่เรียงรายอัดแน่นกันอยู่ในลิ้นชักนั้น มีทั้งลวดลายดอกไม้ ลายการ์ตูน ไปจนถึงลายกราฟฟิคเรียบๆ แล้วก็มีหลากหลายขนาดอีกด้วย

"คุณเซนเลือกดูได้เลยค่ะ ชั้นยินดีแบ่งปันให้ ที่บ้านชั้นก็ยังมีอีกเยอะนะคะ คุณเซนเอาจากที่นี่ไปฝากคุณราเชนทร์กับลูกชายคุณเซนได้เลยค่ะ ชื่อน้องเรนใช่ไหมคะ"

เอ๊ะ จะว่าไปชื่อนี้คุ้นๆแฮะ เคยได้ยินที่ไหนมาหว่า

"ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ"

คนตัวสูงข้างๆทำหน้าแปลกๆขณะก้มลงมองดูสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่เต็มลิ้มชักโต๊ะทำงานของฉัน

"แหม ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะคุณเซน บอกแล้วว่าชั้นมีเยอะแยะมากมาย ใช้ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่หมด นี่ค่ะนี่ สำหรับคุณราเชนทร์ต้องลายสก็อตขาวดำ แบบเท่ๆไรงี้ ส่วนของน้องเรน อือม์ ลายหุ่นยนต์ไหมคะ"

ฉันไม่สนใจสีหน้าที่แปลกๆของคนข้างๆ แต่กลับหยิบเอาเจ้าโพสต์อิทที่หมายตาไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ

เหมือนว่าฉันจะเอาแต่ใจตัวเองยังไงไม่รู้ มีความสุขกับการเลือกโพสต์อิทที่เหมาะสมกับสามหนุ่ม โดยไม่คำนึงว่าเจ้าตัวเขาอยากได้หรือไม่ แต่ไม่รู้ล่ะ ถ้าสามหนุ่มนี่ได้ใช้โพสต์อิทลายน่ารักๆแบบนี้ เค้าก็น่าจะฟินกันไม่ใช่เหรอ โพสต์อิทแบบโหลๆสีเหลืองนั่นน่าเบื่อจะตายไป

"ของคุณเซน อื้อ…. ลายไหนดีน้า" ฉันไล่มือค้นๆกุกกักไปตามกองกระดาษชิ้นเล็กๆพวกนั้น

"ลายอะไรดีที่จะเหมาะกับโอปป้าของพวกเรา ลายดอกไม้นี่ตัดทิ้งไปได้ ลายผลไม้ก็งั้นๆ ลายกระต่ายก็ไม่เหมาะ เฮ้อ เลือกยากจังเลยแฮะ"

แต่แล้วฉันก็ไปหยุดที่เจ้ากระดาษแผ่นเล็กที่ตัดเป็นรูปตัวเป็ดสีขาว มาพร้อมกับปากสีเหลืองแปร๋น

"ใช่เลย นี่ค่ะ เหมาะสมกับคุณเซนที่สุด! น้องเป็ดน้อย น่าร้ากกกกก"

ฉันดีใจมากที่ในที่สุดก็พบเจอสิ่งที่เหมาะสมกับโอปป้าของพวกเราเสียที รีบหยิบเจ้าเป็ดขึ้นมายื่นไปตรงหน้าคุณเซน

"เอ้อ…" คนตัวสูงนั่นทำหน้าแหยๆ รับเจ้าเป็ดปากเหลืองไปจากมือฉันอย่างเกร็งๆ

"คือ…"

"น่ารักใช่มั้ยล่ะค้า เป็ดน้อยปากเหลืองเหมาะกับคุณเซนที่สุด รับรองเลยค่ะ ถ้าน้องๆในออฟฟิศเห็นเจ้าเป็ดน้อยตัวนี้แปะที่โต๊ะทำงานคุณเซน ความนิยมกรี๊ดกร๊าดในตัวคุณเซนต้องพุ่งขึ้นอีกสามสิบสามเปอร์เซ็นต์แน่นอนค่ะ แล้วบรรยากาศในออฟฟิศของเราก็จะสดใสเบ่งบานใจ"

ฉันแน่ใจมากๆว่าถ้าเยลลี่เห็นคุณเซนใช้เจ้ากระดาษลายเป็ดนี้ น้องจะต้องกรี๊ดสลบ เห็นหน้านิ่งแบบนั้น น้องเยลเป็นคนชอบความกุ๊กกิ๊กมาก

"เอ่อ…"

"แล้วนี่นะคะสำหรับคุณราเชนทร์กับน้องเรน"

ฉันถือโอกาสจับมือคุณเซนมาแล้วยัดเยียดปึกกระดาษแผ่นเล็กๆอีกสองลายที่เลือกไว้เข้าใส่มือเรียวๆขาวๆนั่น

"ขอบคุณครับ" ในที่สุดโอปป้าอีโดฮยอนของน้องเยลลี่ก็ตอบกลับมาเบาๆด้วยอาการอึ้งๆ

"การทำให้พนักงานมีความสุข เป็นหน้าที่หลักของผู้บริหารนะคะคุณเซน"

ฉันทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคที่คนตัวสูงท้ายทอยขาวนั่นปฏิเสธไม่ได้แน่ๆ…


Load failed, please RETRY

Estado de energía semanal

Rank -- Ranking de Poder
Stone -- Piedra de Poder

Desbloqueo caps por lotes

Tabla de contenidos

Opciones de visualización

Fondo

Fuente

Tamaño

Gestión de comentarios de capítulos

Escribe una reseña Estado de lectura: C22
No se puede publicar. Por favor, inténtelo de nuevo
  • Calidad de escritura
  • Estabilidad de las actualizaciones
  • Desarrollo de la Historia
  • Diseño de Personajes
  • Antecedentes del mundo

La puntuación total 0.0

¡Reseña publicada con éxito! Leer más reseñas
Votar con Piedra de Poder
Rank NO.-- Clasificación PS
Stone -- Piedra de Poder
Denunciar contenido inapropiado
sugerencia de error

Reportar abuso

Comentarios de párrafo

Iniciar sesión