ไนท์ฮอว์กพยุงไหล่พาผมเดินต่อไปตามโถงทางเดินที่มืดมิด
จนก้าวไปถึงบริเวณหน้าห้องหินกิลด์
ฟุ่บ!
"เอ๋?"
จู่ๆ สภาพรอบด้านก็สว่างไสวขึ้นทันตาจนผมประหลาดใจ ไนท์ฮอว์กปล่อยผมทิ้งตัวนั่งลงที่กำแพงหน้าห้องหินกิลด์ ผมหลุกหลิกมองสำรวจรอบตัว และภาพที่เห็นคือ เฉพาะตรงหน้าห้องกิลด์เท่านั้นที่โคมไฟเล็กส่องแสงสลัวๆ อยู่ ส่วนถัดไปจากนั้นประมาณ 5 เมตร เหมือนแสงไม่อาจส่องไปถึงบริเวณนั้นได้ เป็นอาณาเขตแห่งความมืด
"นั่นคือสกิลระดับ S ของวิสเปอร์ [อาณาเขตคืนเดือนมืด]" ไนท์ฮอว์กพูดและอธิบายต่อ "ในระยะ 40 เมตรทุกอย่างจะมืดสนิทเหมือนกับคืนเดือนมืดตามชื่อนั่นแหละ มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่
ส่องผ่านได้ ใครที่อยู่ภายในนั้นจะถูกแอนตี้เมจิคสกิล 100% แอนตี้
แบทเทิลสกิล 50% แต่สำหรับผู้ใช้จะเพิ่มสเตตัสทุกชนิดขึ้น 350% ตลอดเวลา"
"โอ้โฮ!! สมกับเป็นสกิลระดับ S เจ๋งเป็นบ้าเลย!!" แค่คำว่าแอนตี้เมจิค 100% ผมก็ว่าสุดยอดแล้ว เพราะเอฟเฟ็กต์นั้นมันเพิ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้
"เฮ้ย… ของข้าไม่เจ๋งกว่าเหรอวะ เพิ่มความโกรธ เพิ่มความโหดเพิ่มความบ้าคลั่ง ระเบิดออร่าที่ใครหน้าไหนที่ได้เห็นเป็นต้องกลัวจนตัวสั่น เท่จะตาย เคี๊ยก! เคี๊ยก! เคี๊ยก!"
"ครับๆ เท่ซะเกือบตายจริงๆ เลยเนี่ย สกิลบ้าอะไรก็ไม่รู้ บังคับลุยอย่างเดียวเลย หยุดตัวเองไม่ได้อีกต่างหาก"
โป๊ก! ไนท์ฮอว์กเขกหัวผมอย่างไว
"โอ๊ย! อย่าเพิ่มดาเมจให้ตอนนี้ได้มั้ยเล่า นี่ก็ใกล้ตายอยู่แล้วเนี่ย" ผมเอามือขยี้หัวที่ค่อยๆ ปูดเป็นลูกมะนาว
"แกอยากพูดมากทำไมล่ะ ขอบคุณข้าสักคำก็ไม่มี ไอ้กระบือไร้มารยาท!"
ผมรีบยกสองมือพนมขึ้นตั้งบนหน้าผาก "กะระระระระระกราบ~ขอบพระคุณ คุณลุงไนท์ฮอว์กด้วยคร้าบ~ ที่อุตส่าห์เมตตาช่วยแบ่งสกิลสุดเท่ สุดโหด สุดอำมหิต สุดยั้งคิดมาให้ พระคุณนี้จะไม่มีวันลืมครับ"
"เดี๊ยะ! เดี๊ยะจะโดนอีกดอกหนึ่ง รีบๆ รักษาตัวเข้าซะ"
...
จากนั้นผมกับไนท์ฮอว์กหยิบโพชั่นกับอีเทอร์ออกมาดื่มเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เติมมานา ผมใช้สกิล [ผ้าพันแผล] พันบริเวณที่คิดว่ากระดูกร้าวหรือหักเอาไว้ เพื่อช่วยเร่งอัตราฟื้นฟูและหยุดเลือดให้เร็วที่สุด จนตอนนี้ทั่วร่างกายรวมไปถึงมือทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลพันจนแน่นตึ้บไปหมด และทันใดนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียง...
"ว๊า~ก!"
"กรี๊ดดด!!"
"อ๊าาาา!!"
"ม่าย~!!"
เสียงกรีดร้องโหยหวนของชายและหญิงดังมาจากด้านในโถงทางเดินที่มืดมิด น่าแปลกที่สกิล [ตาแมว] ของผมมองในความมืดนั้นไม่เห็นเช่นกัน แต่ที่แน่ใจคือเสียงพวกนั้นไม่ใช่เสียงของวิสเปอร์อย่างแน่นอน
"ลุง นั่นคงเป็นฝีมือวิสเปอร์สินะ"
"แหงอยู่แล้ว ยัยเด็กนั่นถึงจะติ๊งต๊องแต่ฝีมือเฉียบขาดมาก และยิ่งอยู่ในอาณาเขตด้วยละก็ ยิ่งไร้เทียมทาน ไม่มีใครชนะวิสเปอร์ได้หรอก"
"..."
"ทำไม แกเป็นห่วงเธอรึไง" ไนท์ฮอว์กถาม
"ผมพอจะคาดเดาได้ว่าเธอต้องเก่งแหละ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ยังไงเธอก็เป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ"
"คี๊ก! คี๊ก! เคี๊ยก! เอางี้สิ ถ้าแกห่วงนัก ก็เข้าไปดูกับตาเลยสิ"
"เข้าไปได้ใช่ไหมครับ?"
"ได้สิวะ เข้าไปเงียบๆ ละ ส่วนข้าจะไปดูเจลค์สักหน่อยว่าแฮ็ก
ข้อมูลใกล้สำเร็จหรือยัง"
พูดจบไนท์ฮอว์กก็ลุกเดินเข้าไปในห้องกิลด์ ผมก็ลุกขึ้นบ้างและตวัดนิ้วเปิดวินโดวส์ตรวจสอบสเตตัสของตนเอง ตอนนี้ HP กับ MP ฟื้นมาเกินครึ่ง ผมคิดว่าน่าจะพอสู้ไหวแล้ว เพื่อจะช่วยอะไรวิสเปอร์ได้บ้าง ผมจึงเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าอาณาเขต ตั้งสมาธิให้มั่น
"เอาล่ะ ลุยเลย"
ฟุ่บ!
เมื่อผมก้าวเท้าย่างเข้าสู่อาณาเขตคืนเดือนมืด ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศโดยรอบที่แปรเปลี่ยนไปในพริบตา ภายในนี้มันมืด มืดจนอยากจะเดินไปเปิดสวิทช์ไฟเป็นบ้าเลย และที่สำคัญคือมันวังเวง… มันเงียบมาก เงียบชนิดที่ว่าหากมีแมวกระโดดร้องแง้วขึ้นมาตอนนี้ หัวใจผมคงตกไปอยู่ตาตุ่มทันที ใช่ครับ อารมณ์เหมือนกำลังอยู่ในหนังผีไม่มีผิด
ผมย่องต่ำๆ ตามทางไปเรื่อยๆ แอบตามหลังซากของโซฟากับเก้าอี้จากการถูกไฟไหม้ ผมไปได้ประมาณ 10 เมตรเท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากสุดทางฝั่งตรงข้าม ตอนนี้ผมเห็นเงาตะคุ่มๆ ของพวกเขาในความมืดแล้ว นักผจญภัยทั้งหมดมี 6 คนกำลังเดินเกาะกลุ่มตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ผมจึงรีบหลบหลังโซฟาทันทีและแอบรอดูสถานการณ์
….
"มืดจริงๆ จอมเวทใช้สกิลเวทไฟหรืออะไรก็ได้ออกมาหน่อยซิ"
"เมื่อกี้ฉันลองแล้ว แต่ไม่ได้ผล เวทไม่ยอมออกมา ไฟตะเกียงก็ดับทันทีที่เข้ามาในนี้อีกด้วย"
"แสดงว่าในนี้แอนตี้เมจิคโดยสมบูรณ์ แบบนี้แย่แน่ งั้นเธอรีบออกไปบอกพวกข้างนอกดีกว่า พรีสต์เธอก็ออกไปด้วยเถอะ ถ้าหากใช้เวทมนตร์ไม่ได้ พวกเธอก็ไม่มีประโยชน์แล้ว"
"งะ งั้นพวกเราไปนะ"
ผมมองเห็นลางๆ ว่าจอมเวทกับพรีสต์หันหลังและกำลังเดินกลับทางเก่า แต่จู่ๆ เธอก็ชี้นิ้วออกมาด้วยความตกใจ
"นั่นศัตรู!"
"ไหน! อยู่ตรงไหน?!"
"ฉันเห็นมีคนแอบหลังผ้าม่านนั้น มองมาทางฉันด้วยนัยน์ตาสีฟ้า!"
"หลังผ้าม่านสินะ ตายซะ! [พาวเวอร์ สแมช!]" ตูม! นักรบตัวใหญ่ล่ำบึกคนนั้นกระโดดใช้กระบองหนามใหญ่ฟาดไปเต็มแรงซะจนผ้าม่านฉีกขาดกระจุย แต่กลับไม่พบร่างของศัตรูที่เขาหวังเอาไว้
"อะไรกัน? ไหนล่ะศัตรู ไม่เห็นมีเลย" นักรบหันไปถามจอมเวทสาว
"แปลกจัง ฉันมั่นใจว่าเห็นแน่ๆ จ้องอยู่ตลอดไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย"
"เฮ้ ตะกี้นายใช้สกิลได้นี่นา" คนที่ถือมีดสั้นเป็นคนพูด ดูแล้วเขาน่าจะเป็นอาชีพสายโจร
"เออว่ะ ฉันใช้ไปด้วยความเคยชิน แต่ดูเหมือนความแรงจะลดลงประมาณครึ่งหนึ่งเลยมั้ง ฉันสัมผัสได้"
"แสดงว่าสกิลสายต่อสู้ยังสามารถใช้ได้ แต่ความแรงลดลง" โจรคนนั้นกล่าวสรุุป
"คิก"
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากตรงไหนสักแห่งในความมืด ทุกคนกลับมาตั้งท่าต่อสู้อย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยิน ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ
อีกครั้ง จนมีคนถามขึ้นว่า
"เสียงเมื่อกี้ดังมาจากทางไหนวะ?"
"คิก คิก" คราวนี้มีเสียงหัวเราะดังมาจากหลังเก้าอี้ใหญ่ใกล้ๆ พวกเขา
"[ช็อตกันแอร์โรว์!]" ปึกๆๆๆ! นักธนูหนุ่มยิงลูกธนูออกไปหกดอกในพริบตา ปักทะลุเก้าอี้ตัวนั้นแตกกระจาย โจรวิ่งตามไปเพื่อจะซ้ำเป้าหมาย แต่เป็นอีกครั้งไม่พบร่างของศัตรู
"นักธนู! โจร! อัศวิน! และข้า พวกเราจะหันหลังให้กันและล้อมจอมเวทกับพรีสต์เอาไว้เป็นวงกลม ระวังให้ดี ในความมืดแบบนี้ศัตรูอาจมาได้จากทุกทิศทาง" นักรบที่ถือกระบองใหญ่เป็นคนสั่ง ดูเหมือนเขาจะประเมินสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
"ว่าแต่วิสเปอร์หายไปไหนแล้ว" ผมพยายามเพ่งมองหาว่าเธอแอบอยู่ตรงไหน แต่ก็ไม่เจอ...
"เป็นห่วงเหรอ"
"...."
เสียงมาจากด้านล่าง ผมรีบก้มลงมองและเห็นใบหน้าของเธอ หรือเฉพาะส่วนหัวนั่นแหละ โผล่มาจากใต้โซฟาตัวที่ผมแอบอยู่
"วิสเปอร์! มาได้ไงเนี่ย?!"
เธอพยักหน้า และพยายามใช้ไหล่ทั้งสองข้างกระดึ้บดันตัวเองออกมาจากใต้โซฟา ผมรอดูเธอกระดื้บอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีทีท่าจะออกมาได้สักที ผมจึงช่วยดึงเธอออกมาจากใต้โซฟาให้ เธอลุกขึ้นนั่งและยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่หูผม
"ขอบคุณค่ะ"
'งู้ยยยยยยยยย' นั่นคือเสียงที่ใจของผมครางออกมา เฮ้อ ฟินแท้ๆ
"อะ เอ่อ วิสเปอร์ให้ฉันช่วยลุยด้วยดีไหม? เธอจะสู้คนเดียวเลยเหรอ?" ผมมองที่ดวงตาสีฟ้าสดใส และสังเกตเห็นรูปตาเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง นั่นเธอยิ้มให้ผมรึเปล่านะ แต่เนื่องจากเธอใส่หน้ากากผ้าปิดขึ้นมาถึงจมูก ผมเลยไม่แน่ใจเท่าไร และเธอก็ขยับเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบอีกครั้ง
"ข้าจัดการเอง"
วิสเปอร์พูดออกมาเบาๆ จากนั้นเธอก็พุ่งฟ้าวออกไปอย่างเร็ว ผมเห็นเพียงแค่เงาแวบๆ เวลาเธอวิ่งผ่านแสงจันทร์ที่ส่องจากหน้าต่าง แต่เมื่อเข้าสู่ความมืด ร่างกายของเธออันตรธานหายวับทันที และที่สำคัญคือเธอวิ่งโดยไร้เสียงฝีเท้า นั่นยิ่งทำให้ในความมืดแบบนี้เธอยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่
"เฮ้ย! ศัตรูวิ่งตรงมาจากทางข้างหน้า เตรียมรับมือ!" นักรบตะโกนก้อง พวกเขาคงเห็นภาพวิสเปอร์แวบๆ จากแสงจันทร์เหมือนที่ผมเห็น แต่เมื่อเข้าใกล้ระยะ 10 เมตร จู่ๆ เธอก็หายไปอีกครั้ง
"กรี๊ด--!!" ฉัวะ! ฉึก! ฉึก! ฉึก! "อะ..! อั่ก! อั่ก!"
พรีสต์สาวที่อยู่กลางวงล้อม ถูกวิสเปอร์ขี่หลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และโดนปาดคออย่างรวดเร็ว ตามด้วยกระหน่ำแทงที่หัวใจอีกสามแผล กลุ่มนักผจญภัยต่างตกตะลึงที่จู่ๆ ศัตรูก็โผล่มากลางวง และก่อนที่
พวกเขาจะตอบสนองได้ทัน วิสเปอร์ก็กระโดดหายเข้าไปในความมืด
อีกครั้ง ผมเองยังงงเหมือนกันว่าเธอทำได้ยังไงที่จู่ๆ ไปโผล่กลางวงศัตรูเฉยเลย
"มันตั้งใจจะเล่นงานคนที่เปราะบางก่อน เตรียมตัวโจมตีสวนกลับเอาไว้!" นักรบคนนั้นตะโกนบอกเพื่อน "อย่างที่ข้าคิดมันไม่กล้า--!"
ฉึก!
"อ๊อก! แค่ก!" มีดปักที่ท้องของเขาทำให้กระอักเลือดออกมา แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่ตาย อึดสมกับเป็นนักรบและเขาพยายามจะคว้าตัววิสเปอร์เอาไว้ แต่ผมเชื่อว่าการกระทำนั้นได้ถูกคาดการณ์เอาไว้หมดแล้ว เพราะวิสเปอร์ลงมือคอมโบต่อเนื่องทันที เธอเอามีดสั้นเสียบกลางมือของนักรบทั้งสองข้างอย่างแม่นยำ จากนั้นเธอพุ่งตัวลอดใต้หว่างขาและตัดเอ็นร้อยหวาย เมื่อนักรบทรุดตัวลง เธอกระโดดเข้ากอดคอจากด้านหลังและกระซวกคอหอยเป็นการปิดฉาก เวลาที่เธอใช้จัดการนักรบคนนั้นรวมแล้วไม่ถึง 3 วินาที
เสียงล้มตึงของคนที่เก่งสุดในกลุ่มเป็นเหมือนการตัดเชือกเส้นสุดท้ายแห่งกำลังใจที่จะสู้ต่อ ทุกคนต่างออกอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เพราะขนาดคนที่แข็งแกร่งที่สุด ยังถูกสังหารในเวลาแค่ชั่วพริบตา ตอนนี้พวกเขากำลังลุกลี้ลุกลนมองหาศัตรูในความมืด แต่ก็เห็นได้แค่เงาในเวลาที่วิสเปอร์วิ่งผ่านแสงจันทร์เท่านั้น เธอถือมีดสั้นทั้งสองมือและวิ่งสปีดอย่างรวดเร็วพร้อมกับโจมตีฉวัดเฉวียนไปมา คล้ายดั่งพายุแห่งใบมีดเข้าโหมกระหน่ำใส่เป้าหมายทั้งสามคน นักธนู โจร และอัศวิน
ฉัวะ! ฉัวะ!
"อ๊าก!" "โอ๊ย!" ฉึก!
ฉัวะ! ฉึก! ฉึก!
"บ้าเอ๊ย!" ฉัวะ! "อั่ก!"
ฉัวะ! "อ่อก! เอื้อ..."
เลือดจากบาดแผลของทั้งสามคนสาดกระเซ็นพุ่งไปพุ่งมาเหมือนน้ำพุมนุษย์ จนทั้งสามคนอ่อนล้ากับความเจ็บปวด ในใจพวกเขาคงเริ่มหมดสิ้นหนทาง จึงตัดสินใจปล่อยสกิลออกมาอย่างมั่วซั่วโจมตีใส่ความมืดราวกับคนบ้า
"อ๊าาาา! อย่าเข้ามานะว้อย! อัลติเมทสกิล [ซุปเปอร์ช็อตกันแอร์โรว์!]" ปักๆๆ! ปักๆๆ! ปักๆๆ! ปักๆๆ! ปักๆๆ! นักธนูปลดปล่อยสกิลธนูยิงออกมาราวกับปืนกล เขายิงไปรอบทิศ ทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง แต่ก็ไร้ค่า เพราะมันไม่โดนเป้าหมายแม้แต่ดอกเดียว
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉึก! วิสเปอร์กระโดดลงมาจากเพดานฟันที่ข้อมือทั้งสองข้างของนักธนูและเสียบเข้าที่หัวใจต่อทันที
"อั่ก อา..." เขาล้มลงแน่นิ่งไปในที่สุด
"แน่จริงมาสู้กันตรงๆ สิวะ! โอ้ว! [เพลงดาบชำระล้าง!]" อัศวินใช้ดาบเปล่งออร่าสีขาวฟันซ้ายฟันขวาเข้าใส่วิสเปอร์ เธอเอียงตัวหลบฟึ่บฟั่บ ดาบวาดผ่านด้านข้างตัวเธออย่างฉิวเฉียด อัศวินฟันต่อเนื่องอีก
สี่ครั้งติด แต่ไม่ว่าจะฟันมาในมุมไหน เธอก็หลบได้ทั้งหมด คราวนี้อัศวินเค้นพลังสุดแรงแทงตรงเข้ามาอีกครั้ง
"ย๊าก-!"
ดาบทะลวงเข้ากลางร่างของวิสเปอร์อย่างจัง แต่นั่นคือสิ่งที่ผมกับอัศวินมองพลาด มันคือ 'ภาพติดตา' ของเธอที่เกิดจากการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง
เงาภาพเลือนหายไปจากปลายดาบ พร้อมกับการปรากฏตัวของวิสเปอร์ที่กำลังยืนอยู่บนใบดาบของอัศวินที่แทงค้างออกไป เธอยืนอยู่ด้วยท่าทางนิ่งเฉยและส่งสายตาดุดันมาให้กับคู่ต่อสู้
"...แม่งเอ๊ย" เขาคำรามอย่างแค้นใจที่รู้ดีว่าต่างชั้นกับศัตรูแค่ไหน
ฉึก! ฉึก! วิสเปอร์ใช้มีดสั้นจากสองมือแทงเข้าไปที่ใต้คางของอัศวิน ร่างชุดเกราะของเขาล้มคว่ำหน้าลงอย่างไร้ชีวิตจิตใจ
นักผจญภัยอาชีพโจรคนนั้นฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าข้างหลังวิสเปอร์ และใช้สกิลแทงเข้ามาเต็มเหนี่ยว
"[แทงข้างหลัง!]"
กิ๊ง!
ราวกับมีตาหลัง วิสเปอร์หมุนตัวใช้มีดของตัวเองปัดได้ทัน
"ชิ! เอาเซ่! เตรียมรับมืออัลติเมทสกิลของข้าบ้าง ข้าน่ะไม่ใช่โจรธรรมดาหรอกนะเว้ย ฮ่าห์! [แยก 4 ร่างสังหาร!]"
โจรคนนั้นแยกตัวเองออกเป็นสี่ร่าง นี่มันอย่างกับสกิลของนินจาไม่มีผิด ทั้งสี่ร่างรุมเข้าโจมตีวิสเปอร์ทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง วินาทีนั้นผมคิดว่าวิสเปอร์ต้องเสียท่าแน่ แต่ผมคิดผิดอย่างมหันต์
กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง!
วิสเปอร์รับมีดจากทั้งสี่ทิศได้อย่างหมดจด จนร่างของทั้งสี่ผงะ
ไปเล็กน้อย
"ยัยบ้านี่!" พวกเขาทั้งหมดหยิบมีดออกมาอีกหนึ่งเล่ม จนตอนนี้แต่ละร่างถือมีดทั้งสองมือแล้ว
"ตายยยย!!"
กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง!
กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง!
ผมนี่ยืนขึ้นเลย ฉากดวลมีดอันแสนน่ามหัศจรรย์ตรงหน้าที่เคยได้เห็นแต่ในหนังหรือในอนิเม บัดนี้ผมได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ประกายไฟจากมีดสั้นที่กระทบกันแล่บออกมาไม่หยุด จนตอนนี้วิสเปอร์เหมือนกับเป็นลูกข่างที่มีไฟแล่บหมุนตัวเองอย่างรวดเร็วและรุนแรง
กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! ฉัวะ! กิ๊ง! กิ๊ง! ฉัวะ!
กิ๊ง! ฉัวะ! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! กิ๊ง! ฉัวะ! กิ๊ง! กิ๊ง! ฉัวะ!
ฉัวะ! ฉัวะ! กิ๊ง! กิ๊ง! ฉัวะ! ฉัวะ! กิ๊ง! ฉัวะ! ฉัวะ!
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
วิสเปอร์ไม่ได้ตั้งรับเพียงอย่างเดียว แต่ยังโจมตีกลับอีกด้วย การดวลมีดอันดุเดือดผ่านไปได้อีกไม่นาน ลูกข่างก็หยุดหมุน พร้อมกับร่างทั้งสี่ของโจรที่เลือดท่วมตัว และล้มลงราวตุ๊กตาชักใยที่สายป่านขาด ตึง! ปุ๊ง! ปุ๊ง! ปุ๊ง! ร่างแยกสลายกลายเป็นควันหายไป
"..."
"อย่าทำฉันเลย! กรี๊ดดดด!"
คนสุดท้ายที่เหลืออยู่คือจอมเวทสาวที่ไร้เวทมนตร์ และตอนนี้เธอกำลังกลัวลนลานสุดขีด เมื่อเธอเห็นเพื่อนเลือดสาดกระเซ็นและล้มตายกันหมด เธอจึงพยายามวิ่งกระเสือกกระสนหนีเอาชีวิตรอดอย่างสุดกำลัง เธอวิ่ง วิ่ง วิ่ง จนเหลือระยะทางอีกไม่ถึง 20 เมตรเท่านั้น เธอจะหลุดพ้นจากเขตความมืด ทันใดนั้นเธอสังเกตเห็นเงาคนวิ่งตรงมาหาเธอจากข้างหน้า แวบแรกเธอคิดว่าพรรคพวกของเธอคงกำลังรีบวิ่งเข้ามาช่วย แต่เมื่อใกล้เข้ามาจนถึงระยะ 5 เมตร เธอถึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด… เป็นวิสเปอร์นั่นเองที่วิ่งสวนเข้ามา
"เอ๋?"
ฉัวะ!!
คอของจอมเวทสาวขาดกระเด็นในพริบตา และร่างของเธอที่ไร้ศีรษะยังคงวิ่งต่อไปอีก 3-4 เมตร ส่วนหัวนั้นลอยละลิ่วข้ามพ้นอาณาเขตคืนเดือนมืดออกไป สร้างความตกตะลึงและสั่นประสาทให้คนข้างนอกไม่น้อย
ผมวิ่งเข้าไปหาวิสเปอร์ที่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกองซากศพ
"วิสเปอร์ ตะกี้เธอทำได้ไงอ่ะ มันโคตรเจ๋งเลย! เป็นไงบ้างเหนื่อย
รึเปล่า"
เธอยืนนิ่งหลับตาอยู่ และเธอค่อยๆ เปิดตาขึ้นมาครึ่งหนึ่ง แล้วกวักมือเรียกให้ผมโน้มเข้าไปใกล้เช่นเคย เธอกระซิบบอกผม
"ข้าไม่เหนื่อยหรอก… งึมๆ แค่ง่วง… ใช้สกิล [เซียนเหยียบเมฆ] กับ... [เงามายาทมิฬ] วิ่งตีโค้ง…ไต่กำแพงแล้วก็... [ตัดชีพจร] งึมๆ… ใช้สกิล…พร้อมกันทำให้ข้า...ง่วง พูดเยอะก็ยิ่งง่วง งึมๆ"
เธออธิบายไปด้วยอาการสลึมสลือ ดูเหมือนวิสเปอร์ไม่เหนื่อยจริงๆ เพราะไม่มีอาการหอบหายใจหนักเลยสักนิด แต่ดูง่วงสุดๆ อย่างที่บอกผมเลย หัวของเธอส่ายด๊อกแด๊กไปมาเบาๆ แล้วจู่ๆ เธอก็ทิ้งตัวมาทางผม ผมรับตัวเธอไว้และอุ้มแบกขึ้นหลัง ตัวเธอเบาเกินคาด ไม่น่าเชื่อว่าสาวน้อยน่ารักตัวเล็กแค่นี้ จะเก่งกาจและน่าสะพรึงกลัวอย่างมากในยามต่อสู้
ผมมองไปยังฝั่งตรงข้าม เพื่อดูว่าพวกเขาจะส่งคนเข้ามาลุยอีกหรือเปล่า และเห็นเงารางๆ ว่าเหมือนกำลังทะเลาะถกเถียงอะไรกันอยู่สักอย่าง ซึ่งผมพอจะเดาได้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่ ส่งคนเข้ามาสองรอบ รอบละ 6 คน ทุกคนต่างไม่มีใครรอดชีวิตกลับออกไป ตอนนี้พวกเขาคงเกี่ยงกันว่าใครจะเข้ามาในกับดักแห่งความตายนี้ต่อไปดี
ผมตัดสินใจรีบหันหลังและพาวิสเปอร์ไปนอนที่โซฟาหน้าห้องกิลด์ก่อนจะดีกว่า และขณะที่ผมเดินผ่านร่างของผู้คนมากมาย ซึ่งมีบางคนตอนนี้ได้สลายกลายเป็นเศษดาวสีสายรุ้งลอยขึ้นท้องฟ้าบ้างแล้ว (เกมโอเวอร์) คงเป็นคนที่ตายตั้งแต่ช่วงแรกๆ เป็นแน่ ผมตัดสินใจตวัดนิ้วเปิดวินโดวส์
วิ้ง!
[คลังไอเท็ม] >>> [น้ำยาชุบชีวิต]
วู้~ม
อัศวินคนหนึ่งผุดลุกขึ้นมานั่ง และจากนั้นน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมาอาบแก้มของเขา
"ข้า… ฟื้นกลับมา… ฮือ…วันเกิดลูก… ข้ายังทำตามสัญญาได้... ฮึก… ข้าขอบใจพวกเจ้ามากนะ" เขาเงยหน้าขึ้นมาขอบคุณและต้องตกใจที่คนชุบชีวิตเขาไม่ใช่คนของกิลด์ไฮเอนด์
"จะ เจ้ามัน… คนที่สู้กับข้า พวกโจรที่บุกเข้ามา?"
"ฝากอวยพรวันเกิดลูกชายด้วยนะลุง ผมไปละ"
"...."
"เจ้า…! เจ้าชื่ออะไร" อัศวินคนนั้นตะโกนถามมา
ผมเหลียวหันกลับไป "ผมชื่อแจ็ก โชคดีครับลุง"
"ข้าขอบใจเจ้ามากนะแจ็ก! ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้แน่นอน!"
ผมวางวิสเปอร์ที่โซฟา เธอนอนหลับขดตัวอย่างน่ารักน่าชังเหมือนกับเด็กน้อย ผมใช้โอกาสนี้รีบวิ่งกลับไปที่กองซากศพอีกครั้งเพื่อเก็บถุงเงินและไอเท็มดรอปทั้งหมด
"หึหึ ถ้าพลาดเรื่องนี้ ไอ้วินคงบ่นฉันหูชาแหงๆ"
ผมรีบโยนของทั้งหมดเข้าคลัง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเช็คว่าได้อะไรมาบ้าง กะคร่าวๆ จากที่เก็บมาทั้งหมดคือได้ถุงเงินและไอเท็มสวมใส่เกือบ 40 ชิ้น
"คำสั่งคุณสมบัติพิเศษ โค้ด:056 [ป้อมปราการเหล็กกล้า]
ถูกยกเลิกแล้วค่ะ!"
"อ้าว นี่มัน?!"
โครม! เสียงประตูห้องหินกิลด์เปิดออกอย่างรุนแรงราวกับโดนใครถีบ ไนท์ฮอว์กแบกเจลค์พาดบ่าโผล่ออกมาและตะโกนบอกว่า
"แจ็ก! วิสเปอร์! ถึงเวลาเผ่นแล้วว้อย ตามข้ามาเลย!" จากนั้นเขาก็วิ่งพุ่งตรงไปที่หน้าต่าง เหวี่ยงเก้าอี้นำไปก่อน เก้าอี้ทะลุหน้าต่างออกไป เพล้ง! ผมรีบอุ้มวิสเปอร์ขึ้นหลัง และทันใดนั้นด้านหลังของพวกเราก็กลับมามีแสงสว่างสลัวตามเดิม สกิล [อาณาเขตคืนเดือนมืด] น่าจะหมดระยะเวลาแสดงผลแล้วตอนนี้
"ดูโน้น! พวกโจรมันกำลังจะหนีออกไปหน้าต่างแล้ว ตามไปเร็ว!"
คนกว่า 20 คนวิ่งเฮโลกันเข้ามา นักธนูกระโดดยิงลูกธนูนำมาก่อน และจอมเวทก็ร่ายเวทยิงเข้ามาด้วย ส่วนผมวิ่งก้มหัวงุดๆ และรีบกระโดดตามหลังไนท์ฮอว์กออกทางหน้าต่างทันทีอย่างไม่ทันคิดว่า
'ห๊ะ? ตอนนี้พวกเราอยู่บนอาคารสูง 5 ชั้นนี่หว่า'
…..
....
ฟิ้~~~ว
เฟี้ย~~~~ว
"ว๊ากกก------!! ตายแน่ตู------!!"
"ไม่ตายหรอกว้อย! เปิดใช้งานไอเท็ม [เบาะกู้ชีพฉุกเฉินพิเศษ!]" ไนท์ฮอว์กตะโกน จากนั้นก็มีของที่ดูคล้ายเบาะกู้ชีพของพนักงานดับเพลิงโผล่มาอยู่ในจุดที่พวกเรากำลังจะโหม่งพื้น
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
"ฮ้า...! ฮ้า...! แฮ่ก…! แฮ่ก…!" ผมหอบหายใจออกมาดัง ในขณะที่หัวใจเต้นรัวเป็นกลองเพล จากนั้นผมรีบเอามือแตะหน้าแตะทั่วตัวดูว่ายังครบ 32 อยู่รึเปล่า "วะฮะฮ่าฮ่าฮ่า ตูยังไม่ตายเว้ย!"
"ไอ้แจ็ก! ไปต่อได้แล้ว พวกเรายังไม่แน่หรอกว่าจะรอดรึเปล่า บ๊ะ! ไอ้สองตัวนี้ก็หลับดีจริงๆ หล่นลงมาขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีก เชื่อมันเลย!" ไนท์ฮอว์กรีบอุ้มเจลค์แบกขึ้นหลัง ผมก็รีบแบกวิสเปอร์เช่นกัน
ที่ที่พวกเราหล่นลงมาเหมือนจะเป็นสวนเพาะปลูกของกิลด์
ไฮเอนด์ พวกเราออกตัววิ่งเลาะเข้าในสวนป่าอย่างเร็วที่สุดเพื่อไปยังทางออก พวกเราจึงวิ่งกันไปตะโกนคุยกันไป
"วิสเปอร์น่ะพอสู้เสร็จแล้วจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอครับ?!"
"เออ ไม่รู้เป็นเพราะสกิล หรือเป็นเพราะร่างกายของแม่นั่น แต่จะเป็นงี้ทุกครั้งเลย!"
"แล้วเจลค์เป็นอะไรครับ ทำไมถึงสลบแบบนี้?"
"ไฟล์ที่เข้ารหัสเวทมนตร์จะมีความอันตรายในตัวของมันอยู่ ประมาณพวกคำสาปนั่นแหละ จะดึงออกมาได้ก็ไม่มีทางเลี่ยง แต่สามารถผ่อนหนักเป็นเบา ผลสรุปก็คือใช้มานาเกินขีดจำกัด น็อคสลบเหมือด ประมาณ 3 วันนู้น ถึงจะฟื้น!"
"แล้วสำเร็จใช่ไหมครับ?!"
"แหงสิวะ" ไนท์ฮอว์กหยิบหินคริสตัลขนาดเล็กเท่าหนึ่งกำมือออกมา ลักษณะของมันคล้ายหินกิลด์แต่ต่างกันตรงขนาดและสีสัน หินก้อนนี้มีสีแดงเชอรี่และมีคลื่นมานาสีเหลืองไหลเวียนอยู่ภายใน
"ทำไมไม่เก็บในคลังครับ?!"
"ไอเท็มประเภทนี้มีพลังสูงมากเกินไป ไม่สามารถเก็บในคลังระบบได้ เดี๋ยวเมื่อพ้นเขตกิลด์ พาเจ้าพวกนี้ไปปล่อยในตรอกสักที่ แล้วพวกเราจะตรงดิ่งไปที่สำนักฯ ของอาณาจักรคาเอลุมเพื่อสั่งปิดกิลด์
เส็งเคร็งนี้ซะ และสั่งจับกุมไอ้เวรตะไลรอธฟิลด์ด้วย เอาให้มันโดนขังลืมไปเลย เคี๊ยก! เคี๊ยก! เคี๊ยก!"
ไนท์ฮอว์กอธิบายอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน ผมคิดว่าเขาคงเฝ้ารอให้แผนนี้สำเร็จมานานพอดู ผมก็อดที่จะยิ้มยินดีไปกับเขาไม่ได้
"นั่นไงล่ะวะ พ้นเขตสวนนี้ไปก็ถึงทางออกแล้ว!"
ไนท์ฮอว์กไม่เปิดประตูให้เสียเวลา กระโดดถีบโครมเข้าทันที เมื่อพวกเราวิ่งพ้นปากประตูไปได้ไม่เกิน 10 เมตร ก็ต้องหยุดตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า...
เปรี๊ยะ… เปรี๊ยะ…
"นี่มัน… กำแพง…ไฟฟ้า?"
ผมจำไอเท็มชนิดนี้ได้ดี เพราะเคยถูกมันล้อมกรอบมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กำแพงไฟฟ้าที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มันสูง สูงมาก… ผมแหงนหน้ามองตามว่ามันสูงและกว้างใหญ่ขนาดไหน จากการประมาณคร่าวๆ คิดว่ามันกว้างขนาดครอบคลุมบริเวณโดยรอบของกิลด์ไฮเอนด์นี้ทั้งหมดเลย
"มันคือ… ไอเท็มพิเศษของราชวงศ์คาเอลุม… 'โดมสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์'"
"ไม่คิดว่าคนอย่างแกจะรู้จักไอเท็มสูงค่าแบบนี้นะ ไนท์ฮอว์ก"
เสียงนั้นฟังดูหยิ่งทะนงและแฝงไว้ด้วยความเหยียดหยาม มันดังมาจากชายคนหนึ่งซึ่งกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ชายคนนี้ใส่ชุดสไตล์ขุนนางชั้นสูงสีดำขลิบด้ายสีทอง มีผ้าคลุมไหล่สีแดงทับทิม ตามส่วนสำคัญของร่างกายเช่นที่ไหล่ขวา หน้าแข้ง รองเท้าใส่เกราะเบาทองคำขาวที่ดูวิบวับและราคาแพงมากเอาไว้ ผมไม่เคยรู้จักเขา แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเดาได้ว่าชายคนนี้มีชื่อว่าอะไร
"ไอ้รอธฟิลด์…!" ไนท์ฮอว์กคำรามชื่อออกมาอย่างโกรธแค้น