Pig love
01
"ฮัลโหลดินสอ"
น้ำข้าวเอ่ยทักเมื่อปลายสายกดรับสายของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเบื่อหน่าย ปลายสายจึงรับคำแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจตอบกลับทันที
(เออ เมื่อไหร่มึงจะมาเนี่ยกูรอนานแล้วนะ)
"มีอุบัติเหตุนิดหน่อยว่ะ มึงลงมาเลยได้ปะ"
(เออๆได้ ว่าแต่เป็นอะไรวะ?)
ดินสอที่ได้ยินเพื่อนพูดถึงอุบัติเหตุก็รีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งดุ่มๆ ออกจากกลุ่มเพื่อนในห้องเรียนทันทีโดยไม่มีการเอ่ยปากร่ำลาใดๆ จนเพื่อนในกลุ่มอีกสามคนต่างมองตามด้วยสีหน้างงงวย แต่ครั่นจะอ้าปากถาม เพื่อนก็วิ่งพ้นประตูห้องเรียนออกไปเสียแล้ว
"ชนกันเข้าน่ะ ดูเหมือนข้อเท้าจะแพลงเขาก็เลยจะพาไปหาหมอ"
น้ำข้าวที่ทอดสายตามองไปยังตึกเรียนของเพื่อนในทีแรก หันกลับมามองคนที่เอาแต่จ้องหน้าเขาด้วยรอยยิ้มบางไม่วางตาอยู่นาน ก่อนจะตอบเพื่อนไปพลางคิดในใจว่า
จะจ้องอะไรขนาดนั้นกันนะหมอนี่
(แล้วตอนนี้มึงอยู่ตรงไหน?)
"อยู่ร่มไม้ใหญ่ข้างตึก ลงจากบันไดมาเลี้ยวซ้าย"
น้ำข้าวพูดบอกเพื่อนในขณะที่เขาเองก็ยังคงสบตากับคนที่นั่งยองๆ ยกขาของเขาวางไว้บนตักตรงหน้านิ่งอย่างไม่คิดจะหลบ
และดูเหมือนว่ายูตัสเองก็เช่น เพราะเมื่อได้สบตากับคนตัวอ้วนตรงหน้าแล้วมันก็ทำให้เขาหัวใจเต้นถี่ระรัวมากกว่าเดิม ในเวลาเดียวกันก็ถูกดวงตาเรียวรีน่าค้นหาคู่นั้นดึงดูด จนเขาไม่อาจละสายตาออกจากดวงตาของคนตรงหน้าได้เลยแม้เพียงเสี้ยวินาที
"จ้องอะไรขนาดนั้น มีอะไรให้น่ามองนัก"
คนโดนจ้องเลิกคิ้วมองด้วยสีหน้าเป็นคำถาม ก่อนจะเอ่ยปากถามเมื่อวางสายเพื่อนไป ทำให้คนถูกถามยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีดีใจระคนเอ็นดูตอบกลับ
"ในที่สุดก็พูดสักทีนะ ตัสก็นึกว่าข้าวจะเอาแต่เงียบใส่ซะอีก"
"ห๊ะ?"
น้ำข้าวถึงกับขมวดคิ้วทำหน้างง เพราะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าจะสื่อนัก
ทำไมเขาต้องเอาแต่เงียบใส่เจ้าตัวด้วย?
"ช่างมันเถอะ ดินสอกำลังจะลงมาใช่มั้ย?"
ยูตัสยิ้มเอ็นดูพลางบอกปัด ก่อนจะถามต่อถึงเพื่อนของเจ้าตัวที่โทรไปคุยกันเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบอะไรคนที่เจ้าตัวโทรตามเมื่อครู่ก็ตะโกนเรียกเสียก่อน
"ไอ้ข้าว!"
"เออ! มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ยกูยิ่งไม่ใช่คนในคณะนี้อยู่"
คนถูกเรียกชื่อเสียงดังจนคนในบริเวรหันมามอง ละสายตาออกจากหน้าของยูตัสขึ้นไปมองตามเสียงเรียกแล้วอ้าปากรับคำเพื่อน ก่อนจะบ่นใส่ด้วยสีหน้าดุๆ ทันที
"แฮ่กๆ เป็นอะไร อึก มากปะ"
ดินสอที่รีบวิ่งมาหาเพื่อนสุดชีวิต วิ่งเข้ามาหยุดยืนหอบหายใจแฮ่กจนลิ้นห้อยเป็นน้องหมา อยู่ข้างๆ ยูตัสที่นั่งยองๆ อยู่พร้อมกับอ้าปากถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่แทนที่คนเจ็บจะตอบคำถามเพื่อน กลับยกมือขึ้นมาตบหัวเพื่อนที่ก้มหน้าหอบเต็มแรงแล้วพูดด่า
"เพลี๊ยะ! เพราะมึงเลยไอ้ห่าให้แต่กูขึ้นไปหา เรียนเสร็จแล้วแทนที่จะลงมารอกูข้างล่างกลับชอบให้กูหอบสังขารขึ้นไป แล้วค่อยเดินกลับลงมาอีกหน เพื่ออะไรวะไอ้เวร"
"โอ๊ย! เชี่ยข้าวกูเจ็บ"
ดินสอที่โดนเพื่อนตบหัวจนหน้าทิ่มพูดบอก พลางยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนทำด้วยสายตาเคียดแค้น รอวันเอาคืนแล้วพูดตอบ
"มึงจะได้ออกกำลกายไปด้วยไง"
"คือมันยังไม่ถึงเวลาไงมึง ไอ้สากนี่"
เพื่อนสนิทสองคนพูดโต้เถียงกันไปมา ราวกับลืมสิ้นไปเลยว่าอีกฝ้ายกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่
ทางด้านของยูตัสที่เห็นดินสอเพื่อนร่วมคณะถูก คนตัวอ้วนตบหัวจนหน้าทิ่มดินก็ถึงกับชะงักไป ก่อนจะหลุดยิ้มขำออกมานั่งมองสองเพื่อนซี้เถียงกันไปมาเงียบๆ พลางคิดในใจว่า
ใช่เลย คนนี้แหละที่เหมาะกับเขา คนนี้แหละที่เขามองหา
"อ่าว ไอ้ตัสมึงเองหรอที่ทำเพื่อนกูเจ็บ"
ดินสอที่ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างๆ ก็ละสายตาที่มองเพื่อนอย่างคาดโทษหลังจากเถียงกันจบแล้ว ก็เอ่ยทักขึ้นมาเมื่อหันไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน
"อา โทษทีนะเราไม่ทันมองน่ะ"
ยูตัสพยักหน้ารับคำทักทายของเพื่อนร่วมคณะ แล้วพูดบอกตามความจริง ที่เขาไม่ระมัดระวังเองจนทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ดินสอที่ได้ยินอย่างนั้นก็ครางงึมงำออกมาแล้วบ่นใส่เพื่อนร่วมคณะทันที
"หืม~ รีบไปตายที่ไหนวะนั่น ตัวไอ้ข้าวก็ออกจะใหญ่มึงก็ยังวิ่งชนมันเข้าไปได้"
"บางทีมึงไม่ต้องพูดเหน็บกูตลอดก็ได้นะดินสอ"
น้ำข้าวที่โดนดินสอด่าทางอ้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็น พลางมองคนพูดตาขวาง
มันทุกทีเลยสิน่าชอบเหน็บชอบแซะรูปร่างเขาตลอดเลย อย่าให้เขาได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมนะ จะได้กลับไปรู้ว่าชีวิตที่ไม่สงบสุขเหมือนตอนนี้ มันแย่แค่ไหนอีกครั้ง
"พอดีว่าหนีจากไอ้พวกนั้นน่ะ ก็เลยรีบไปหน่อย"
"อ่อ พวกไอ้แสนกะไอ้โค้กอะนะ"
"อื้ม"
ยูตัสพยักหน้ารับแล้วจัดการวางเท้าที่เริ่มช้ำของคนตัวอ้วนลงกับพื้นเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับเก็บรองเท้าและถุงเท้าที่ถอดออกมาวางบนโต๊ะด้วย
"หนีทำไมวะ?"
ดินสอที่เห็นท่าทีเบื่อหน่ายปนเอือมระอาของเพื่อนร่วมคณะ ก็เลิกคิ้วพูดถามขึ้นอย่างสงสัย
เพราะเขาก็เห็นว่าปกติยูตัสก็ไปไหนมาไหนกับกลุ่มเพื่อนพวกนั้นตลอด แถมคนยังรู้จักทั้งคณะอีกมีคนชวนไปนั่นนี่อยู่เรื่อยๆ ก็ไม่ยักจะเห็นเจ้าตัวปฏิเสธ หรืออาจจะมีแต่เขาไม่เห็นก็ได้
"ก็แค่ไม่อยากไป..."
คนถูกถามตอบเสียงเรียบ ดินสอเลยยักไหล่ใส่ไม่คิดจะถามอะไรต่อ
"แล้วจะไปหาหมอได้ยัง? ปวดนะเนี่ย"
คนเจ็บที่นั่งฟังมานานพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย หน้าเบ้เพราะความเจ็บเมื่อแค่ลองวางเท้าลงกับพื้นเบาๆ มันก็เจ็บปวดรวดร้าวจนเขาต้องยกขาขึ้นเหนือพื้นเอาไว้ตลอดเวลา
"เออ โทษทีกูลืมเลย"
ดินสอยิ้มแหย่ว่าตอบ เลยเกือบโดนน้ำข้าวที่ทำหน้ายักษ์มองตาขวางใส่ตบเขาให้อีกรอบ หากว่าเจ้าตัวไม่เอี่ยวตัวหนีเสียก่อน พอหลบพ้นก็ทำปากยู่พูดบ่นใส่เพื่อนทันที
"ไรว้า~ เอะอะเป็นตบเอะอะเป็นตี คิดว่ามือมึงเบาเหมือนปุยนุ่นหรือไงห๊ะ"
"ถ้ามึงยังไม่หุบปากแล้วพากูไปหาหมอ กูจะตบให้อีกทีนะไอ้ดินสอ"
"จ้าๆ หุบแล้วจ้า แหมโหดจริงๆ เลยเพื่อนกูเนี่ย จะหาใครโหดเท่าไอ้หมูกูไม่มีอีกแล้ว"
ดินสอยิ้มขำกับท่าทีกระฟัดกระเฟียดของเพื่อนสนิท พร้อมกับพูดแซะพูดแซว ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้นยืนหากแต่มันก็ยกขึ้นไม่ไหว
"โอ๊ยหนักสุดอะไรสุด กูบอกให้ลดน้ำหนักทำไมไม่ลดสักทีวะ พอเกิดอุบัติเหตุมาแบบนี้มันลำบากกูนะเว้ย"
ดินสอพูดบ่นละมือออกจากแขนเพื่อนมาเท้าสะเอวมองหน้าน้ำข้าวอย่างไม่สบอารมณ์ จนน้ำข้าวต้องเหลือบตาไปมองแล้วพูดสวนกลับ
"ต้องให้กูพูดกี่ทีว่ามันยังไม่ถึงเวลาน่ะห๊ะ มึงนี่มันคนยังไงวะชอบให้พูดจาซ้ำซากอยูได้"
"แล้วเวลาของมึงคือเมื่อไหร่อ่ะ"
"มึงอยากจะวุ่นวายชีวิตอยู่ไม่สงบสุขเหมือนก่อนหน้าเหรอเอาดี"
"..."
ดินสอเงียบไปเมื่อถูกเพื่อนพูดถามให้ได้คิด ให้ได้นึกย้อนกลับไปถึงอดีตที่ผ่านมาหลายปี
"คิดสิคิด มึงเป็นคนบ่นกูเองว่าให้กูทำอะไรสักอย่างในตอนนั้น แต่พอกูทำตอนนี้มึงก็มาบ่นใส่กูอีก สรุปจะเอาไงห๊ะ?"
น้ำข้าวพูดพร่ำพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนเขม็งอย่างคนเหนื่อยหน่ายใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนมันต้องการให้เขาทำแบบไหนกันแน่
"จ้า ขอโทษจ้า กูผิดไปแล้วจ้า ยกโทษให้กูด้วยจ้า"
ดินสอที่นิ่งไปนั่งลงคุกเข่ากับพื้นแล้วยกมือขึ้นมากุมกันไว้ที่อก คลานเข่าเข้าไปหาน้ำข้าวก่อนจะพร่ำบอกอย่างคนรู้สึกผิดระคนแกล้งเล่น จนน้ำข้าวต้องถอนหายใจใส่ให้กับความกวนสนเท้าของเพื่อน
ยูตัสที่ยืนมองอยู่ก็ได้แต่มองด้วยสีหน้าอ่อนใจระคนเอ็นดู ก่อนจะพูดขึ้น
"เดี๋ยวเราแบกข้าวเอง ดินสอก็ช่วยถือรองเท้ากับกระเป๋าสะพายของข้าวเดินตามมาที่รถแล้วกัน"
"อาเค ห๊ะ! มึงว่าอะไรนะตัส มึงจะแบกไอ้ข้าว?"
ดินสอที่พยักหน้ารับในทีแรกอย่างคนเพลอตัว ก่อนจะร้องอุทานถามอย่างตกใจเมื่อสมองประมวลผลทัน
ไอ้ข้าวมันไม่ใช่น้ำหนักน้อยๆ เลยนะจะไปแบกไหวได้ไงวะ
"อื้ม ก่อนหน้านี้ก็แบกมาแล้ว"
ยูตัสพยักหน้ารับหน้าตาย พลางพูดย้อนไปถึงก่อนหน้าที่แบกพาคนอ้วนมานั่งตรงนี้
"อะไรไอ้ดินสอกูหนักแค่เก้าสิบเองเหอะ ที่กูอ้วนเพราะกูตัวเตี้ยเฉยๆ หรอก"
น้ำข้าวกรอกตามองเพื่อนที่ทำหน้าโอเวอร์ด้วยสีหน้าหมั่นไส้ แล้วพูดบอกด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
ก็เขามันสูงแค่ร้อยหกสิบสองเซนติเมตรเอง แต่น้ำหนักเก้าสิบจะอ้วนมันก็ไม่เห็นจะแปลก ถ้าลองได้ตัวสูงเหมือนคนที่แบกเขาล่ะก็น้ำหนักแค่นี้คงไม่อ้วนหรอกน่า มากสุดก็แค่ร่างหนาเท่านั้นแหละ
"จ้าพ่อ กูล่ะเบื่อความมั่นเกินร้อยของมึงจริงๆ เลย ทำตัวเองแท้ๆ"
ดินสอพูดบ่นใส่อย่างคนอ่อนอกอ่นใจ แล้วหยิบกระเป๋าสะพายของเพื่อน กับร้องเท้าและถุงเท้าบนโต๊ะขึ้นมาถือ
ยูตัสเลยเดินไปย่อตัวลงตรงหน้าคนเจ็บอีกครั้ง เพื่อให้คนเจ็บได้กลับขึ้นมาบนหลังอีกหน เขาแบกคนอ้วนขึ้นหลังมาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินนำดินสอไปก่อน
ในขณะเดียวกันน้ำข้าวก็ส่งแขนอวบอ้วนผิวสีแทนของตัวเอง ไปกอกรอบคอคนแบกเอาไว้แน่นเพราะกลัวหล่น แต่ยูตัสก็สร้างความไว้ใจให้คนบนหลัง ด้วยการส่งแขนแกร่งไปรองไว้ที่ก้นให้กันตก
"คนแรกเลยนะที่แบกได้"
น้ำข้าวพูดลอยๆ ขึ้นมาเพราะไม่อยากให้มันเงียบจนเกินไป และไม่อยากให้คนตัวโตพูดใส่ด้วยว่าเขาเอาแต่เงียบใส่
"ดีใจนะเนี่ยที่ได้เป็นคนแรก"
ยูตัสหันมามองคนที่วางคางไว้ข้างแก้มแล้วพูดตอบด้วยรอยยิ้มทั้งตาและปาก พร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นถี่อย่างตื่นเต้นดีใจ เพียงเพราะได้ยินคนตัวอ้วนเอ่ยปากชวนสนทนา
"ห๊ะ? ดีใจทำไมอ่ะแค่เป็นคนแรกที่แบกเราไหวเองนะ"
"ก็ดีใจที่ไม่มีใครได้แบกข้าวได้นอกจากเราไง"
จบคำพูดของยูตัสพลันหัวใจดวงน้อยของน้ำข้าว ที่มันตายด้านไม่เคยเปิดรับใครมานานก็เต้นแรงขึ้นมา จนทำให้น้ำข้าวชะงักไปเพราะตกใจตัวเอง ก่อนจะพ้นคำด่าเป็นภาษาญี่ปุ่นใส่ พลางลอบอมยิ้มออกมา
"...บา~กะ (บ้า/คนบ้า/บ้าบอ มาจากภาษาญี่ปุ่น)"
"แปลว่าอะไรอ่ะ"
ยูตัสถามขึ้นด้วยรอยยิ้มขบขันอย่างเย้าแหย่ เพราะตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร เนื่องจากเขาเองก็ดูอนิเมะญี่ปุ่นมาพอประมาณเหมือนกัน
"บ้า"
คนอ้วนบนหลังตอบทันควันพลางย่นจมูกใส่อย่างคนหมั่นไส้ พลอยทำให้คนฟังหลุดหัวเราะชอบใจออกมาอีกระลอก
ดินสอที่เดินตามหลังสองหนุ่มมาเงียบๆ ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่เข้าก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจ พลางคิดในใจว่า
ไม่ใช่แล้วไอ้สองคนนี้...ไม่ใช่ธรรมดาๆ แล้ว
#ลูกหมูของยูตัส
Twitter :
https://twitter.com/dao_25?s=09