Vegas ่ s
"ไปตามหมอเอายามาฉีดให้มันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอัลฟ่าในบ้านคลั่งตายแน่"
"ครับ"
ทันทีที่ไอ้ยูโรมือขวาของผมวิ่งออกไปด้วยใบหน้าตื่นตระหนกเพื่อวิ่งไปหาหมอประจำบ้าน ผมก็ต้องกลับมาโฟกัสกับอัลฟ่าตรงหน้าที่โดนฟีโรโมนจากคนข้างหลังผมโจมตีอย่างเต็ม ๆ เพราะอัลฟ่าธรรมดาต่างจากอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ตรงที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าช่วงฮีทถึงแม้ว่าโอเมก้าคนนั้นจะไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของตัวเองก็ตาม ผมผลักไอ้เซฟไปชนกำแพงอีกครั้ง มันดันตัวเองเข้ากับกำแพงหอบหายใจอย่างหนักเหมือนว่ามันก็กำลังสู้อยู่กับความต้องการของตัวเองเช่นกัน ผมหันไปมองคนด้านหลังที่ยังอยู่ในห้องขัง มันถอยหลังจนชิดกำแพงหันมามองทางพวกผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนปิดไม่มิด ดูเหมือนว่าตัวมันเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอปล่อยฟีโรโมนออกมามหาศาลขนาดนี้ และไอ้เซฟมันก็มองไปทางเดียวกัน เซฟมันทำท่าจะพุ่งไปหาไอ้นับหนึ่งอีกครั้งแต่ผมก็ผลักมันออกจนเราต่อสู้กันนิดหน่อย จนในที่สุดผมก็ชกที่หน้าไอ้เซฟอย่างแรงจนมันสลบลง
แต่แล้วดูเหมือนว่ามันยังไม่จบ เมื่อผมมองขึ้นไปบอดี้การ์ดคนอื่นที่เป็นอัลฟ่าประมาณ 3-4 คนกำลังเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินราวกับโดนมนต์สะกดของกลิ่นซีฟรุตที่ตลบอบอวลไปทั้งห้องขัง
"แม่งเอ้ย!" ผมสบถกับตัวเองอย่างหงุดหงิด
แล้วทำไมกูต้องมาสู้กับบอดี้การ์ดตัวเองด้วยวะ
"พวกมึงหยุด!" ผมหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่พวกมัน แต่พวกมันไม่สนใจกันเลยสักคนจนผมต้องเหวี่ยงพวกมันออกไปทีละคน การต่อสู้ระหว่างว่าที่เจ้าเมืองฝั่งเหนือและบอดี้การ์ดอีกสี่คนจึงเกิดขึ้น แต่เพราะผมไม่ค่อยได้ต่อสู้ทำให้ค่อนข้างที่จะเหนื่อย จริง ๆ ก็อยากจะยิงพวกมันทิ้งแต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องฆ่าบอดี้การ์ดของตัวเองเพื่อช่วยคนที่มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฝาแฝดของผมหรอกนะ
"ฮึก อย่าเข้ามานะ! ออกไป!" เสียงร้องไห้และน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของคนในห้องขังดังขึ้น ผมหันไปมองมีอัลฟ่าคนหนึ่งที่ผมจำชื่อมันไม่ได้กำลังเดินเข้าไปหาไอ้นับหนึ่ง ผมถีบไอ้คนที่มันยืนขวางผมอย่างแรงก่อนจะวิ่งไปซัดหมัดใส่ไอ้คนที่มันกำลังจะเข้าไปประชิดตัวนับหนึ่ง อีกสองคนที่เหลือที่ยังไม่สลบเดินตรงมาที่ผม ผมใช้จังหวะนั้นรีบไปหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตพวกมันสองคนจนสลบลง ก่อนจะล้มตัวคุกเข่าด้วยความเหนื่อย นานมาแล้วนะที่ไม่ได้ต่อสู้แบบนี้ครั้งล่าสุดก็ตอนที่แข่งกับไอ้เวนิสว่าใครจะได้เป็นเจ้าเมืองคนต่อไป แต่ครั้งนั้นผมยอมให้ไอ้เวนิส เพราะสถานการณ์ตอนนั้นผมรู้ว่ามันสู้และอยากเป็นแค่ไหน
แล้วถ้าเป็นมึงที่มาเจอสถานการณ์แบบนี้มึงจะทำยังไงวะ เวนิส
"ขอบคุณครับ" เสียงขอบคุณดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาจากด้านหลัง แต่ก็พอให้ผมได้ยิน กลิ่นซีฟรุตจากตัวมันกำลังทวีความรุนแรงขึ้นจนตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมตัวเองได้นานแค่ไหน ไอ้ยูโรเมื่อไหร่จะมาสักที ผมหันไปจ้องมองใบหน้าฟกช้ำจากการที่โดนทั้งผมและไอ้เมตรต่อยเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้ามันยังเลอะคราบน้ำตาจากการที่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเมื่อกี้อยู่ มันรู้ตัวไหมว่ามันกำลังฮีท แต่ผมเคยได้ยินเฮียโรมเคยบอกว่าบางครั้งโอเมก้าก็ฮีทแบบไม่รู้ตัวก็มี แต่เป็นส่วนน้อย แปลกที่ไอ้นับหนึ่งมันไม่รู้และไม่มีอาการที่บ่งบอกว่ามันฮีทเลย
แต่ที่แปลกไปกว่านั้นทำไมกลิ่นของไอ้โอเมก้าชั้นต่ำจากในกำแพงมันถึงได้หอมเหลือเกิน มันเป็นกลิ่นที่รู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายและอยากครอบครองไปในคราเดียวกัน ถึงว่าไอ้พวกอัลฟ่าในบ้านมันถึงได้คลั่งนัก แต่ผมไม่ควรที่จะเหมือนพวกอัลฟ่าพวกนั้นสิ แต่ทำไมรู้ตัวอีกทีสองขาของผมก็พาตัวเองก้าวมาอยู่ตรงหน้ามันเรียบร้อยแล้วละ ผมย่อตัวลงนั่งอยู่ตรงหน้ามัน สายตาที่ดูหวาดหวั่นพร้อมกับหยดน้ำตาที่คลออยู่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ขึ้นมา
"เวกัส" มันเรียกชื่อผม เป็นการเรียกชื่อที่เหมือนจะพยายามเรียกสติผม แต่ไม่เลย ผมควบคุมตัวเองไม่ได้สักนิด มือทั้งสองข้างของผมยกขึ้นมาประคองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของมัน นิ้วมือเกลี่ยน้ำตาที่เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้งของมัน ผมก้มลงไปประกบริมฝีปากของมันอย่างช้า ๆ มันพยายามสะบัดหน้าออกแต่ด้วยมือและขาที่ถูกหมัดอยู่มันถึงทำอะไรไม่ได้มากนัก ผมไม่ได้รุกล้ำอะไรมัน เป็นแค่การประกบปากธรรมดาเท่านั้น ก่อนที่จะเป็นผมที่ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากนุ่ม จะว่าไปจูบมันก็ไม่ได้แย่นะ อยากลองอีก
"คุณเวกัสครับ หมอมาแล้ว!" เสียงไอ้ยูโรดังขึ้นเรียกสติผมให้รีบผละตัวออก ผมส่ายหน้าตัวเองไปมาเพื่อไล่ความคิดของตัวเองออก ทั้งหมอและไอ้ยูโรเดินตรงมาที่ผม
"รีบฉีด ส่วนมึงยูโรลากไอ้พวกนี้ออกไปด้วย เดี๋ยวกูลากไอ้เซฟไปเอง" ผมบอกหมอและสั่งไอ้ยูโรก่อนจะรีบไปพยุงตัวไอ้เซฟออกไปจากห้องขังใต้ดิน ขืนอยู่ตรงนี้นานผมต้องบ้าตายแน่ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเผลอจูบไอ้คนในกำแพง ทั้งที่เกลียดมันมาจะครึ่งชีวิต
แม่ง ทำอะไรลงไปวะ
หลังจากที่พยุงไอ้เซฟกลับไปที่ห้องมันแล้วผมก็กลับมาที่ห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายแล้วก็นอน แต่นอนยังไงก็นอนไม่หลับรอยจูบของโอเมก้าในห้องขังเมื่อครู่และกลิ่นซีฟรุตจากตัวมันยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของผมจนรู้สึกมันรบกวนระบบประสาทของผมไปหมดแล้วสุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นจากเตียงอย่างหงุดหงิด ผมใส่รองเท้าแล้วเดินออกจากห้องนอนด้วยสภาพชุดนอนเดินเล่นชมวิวในบ้าน นอกบ้านเผื่อใจจะสงบ แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ขาทั้งสองข้างมันพาผมมาหยุดยืนที่ทางลงคุกใต้ดินนี่อีกแล้ว ผมสบถด่าตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินลงไปดูไอ้คนที่อยู่ในคุกใต้ดิน บอดี้การ์ดอัลฟ่าที่เคยนอนกองกับพื้นโดนลากออกไปหมดแล้วเหลือเพียงแค่ไอ้ยูโรที่นั่งหลับอยู่หน้าห้องขัง
กรนซะดังเลยนะมึง มึงจับฉลากได้มาเป็นมือขวากูปะเนี่ย
"ยูโร ยู ไอ้ยูโร!"
"ครับ!" มันสะดุ้งตื่นแล้วรีบยืนขึ้นทันทีด้วยความตกใจ "ผมไม่ได้หลับนะครับ ผมแค่พักสายตา" มันรีบอ้างทันทีคงกลัวผมจะด่ามัน
"มึงไปพักไป"
"แต่..."
"เออไปพัก กูดูเอง"
"แน่ใจนะครับ"
"แน่ใจ จะไปได้ยัง"
"ครับไปแล้วครับ"
ผมมองตามไอ้ยูโรที่วิ่งออกไปด้วยความดีใจ ไม่ดีใจสิแปลกใครจะอยากมาอยู่ในห้องใต้ดินที่แทบจะไม่มีแสงสว่าง อากาศก็ไม่ถ่ายเทแบบนี้ ผมมองไปยังห้องขังที่มีโอเมก้ากลิ่นซีฟรุตนอนหลับอยู่ มือและเท้าของมันโดนถอดโซ่ออกไปแล้วเหลือ ไอ้ยูโรคงจะถอดเพื่อให้มันนอนสบายขึ้นผมใช้กุญแจไขเข้าไปในห้องขัง กลิ่นซีฟรุตของมันจางไปแล้ว แต่เพราะผมเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ผมถึงยังคงได้กลิ่นโอเมก้าอ่อน ๆ อยู่ ผมย่อตัวลงไปนั่งลงข้างๆเตียง มองใบหน้าฟกช้ำที่ยังคงหลับสนิทคราบน้ำตายังคงเลอะสองข้างแก้ม ผมยื่นมือไปใช้นิ้วเขี่ยที่แก้มมันเพื่อเช็ดน้ำตาออกให้แต่ดูเหมือนจะเขี่ยแรงไปหน่อย มันสะดุ้งตื่นแล้วขยับถอยไปที่หัวเตียงทันทีแล้วมองผมอย่างหวาดระแวง
"โอเคขึ้นหรือยัง" ผมถามมันส่วนมันก็ทำเพียงแค่พยักหน้า
"กลัวกูหรือไง" ผมถามมันไม่ตอบแต่หลบตาผมทำให้ผมแสยะยิ้มออกมา จริงๆ ใคร ๆ ก็กลัวผมทั้งนั้นแหละยกเว้นคนในบ้านก็หน้าผมถ้ามองจากภายนอก ถ้าคนไม่รู้จักก็บอกว่าหน้าผมมันดูดุทั้งนั้น
ผมเลื่อนตัวไปใกล้มัน แต่มันก็ถอยหนีผมจึงไม่ขยับเข้าไปใกล้มาก ไม่งั้นมันคงจะสิงกับหัวเตียงนั่นแหละ เตียงก็เล็กแค่นี้มันจะถอยอะไรหนักหนา
"กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า ถ้ามึงทำตัวดีๆ" ผมบอกมันและก็ได้รับการพยักหน้า
"ขอบคุณ"
"อะไร"
"ขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อกี้"
"อือ แล้วเมื่อกี้รู้ใช่ไหมว่ากำลังฮีท"
"ผมไม่รู้ปกติคุณ..เอ่อ พ่อของผมเขาให้กินยาระงับเอาไว้ ผมต้องโกหกคนอื่นว่าเป็นเบต้า" มันบอกเสียงเบาแต่เพราะในห้องมันเงียบผมก็เลยได้ยินมันอย่างชัดเจน
"ทำไม"
"ในกำแพงพวกโอเมก้าไม่รอดจากพวกอัลฟ่าสักคน ที่นั่นคือนรกของโอเมก้า" มันบอกพร้อมกับเริ่มกอดเข่าตัวเองสายตาก็เริ่มเหม่อลอยเหมือนคิดอะไร แต่ทำไมผมรู้สึกว่ากลิ่นมันทวีความรุนแรงขึ้น หรือยาใช้ไม่ได้ผลกับมัน
ซวยแล้วไง
"คุณเป็นอะไร" มันถามผมที่กำลังทำหน้าตื่นตระหนก เหงื่อมันเริ่มไหลออกมาพร้อมกับกลิ่นซีฟรุตที่รุนแรงขึ้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทุกครั้งที่มันกับผมอยู่ด้วยกันมันดูควบคุมฟีโรโมนตัวเองไม่ได้เลย และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมันขยับตัวมาเข้าใกล้ผมมือทั้งสองข้างมันจับที่แขนผมแน่น
"ผม..." มันเหมือนจะพูดอะไรร่างกายก็หอบไม่หยุด
"นับหนึ่ง มึง"
"เวกัส"
"กูจะไปแล้ว" ผมต้องรีบออกไปจากที่นี่ไม่งั้นผมได้คลั่งตายแน่ ๆ ผมต้องออกไปในตอนที่มีสติอยู่ แต่พอจะลุกออกไป ไอ้คนข้าง ๆ มันเหมือนไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย ผมจึงถอดเสื้อคลุมตัวเองออกเหลือแต่ชุดนอนไว้แล้วยื่นให้มัน
"แทนกันได้ไหม" มันเอาไปกอดแน่นแล้วพยักหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วเอาเสื้อคลุมผมไปคลุมไว้ราวกับเป็นผ้าห่ม ผมมองการกระทำนั้นอย่างแปลกใจ เฮียโรมเคยเล่าให้ผมฟังว่าโอเมก้าจะติดกลิ่นของอัลฟ่ามาก หมอฟาร์แฟนเฮียโรมก็ชอบเอาเสื้อเฮียโรมไปกอดบ่อย ๆ เวลาถึงช่วงฮีทแล้วเฮียโรมไม่อยู่ แล้วทำไมนทีไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้กับผมเลย แต่ไอ้โอเมก้าที่ผมเพิ่งเจอมันยังไม่ถึงวัน มันจะมาติดกลิ่นผมไม่ได้ยังไง
เรื่องนี้ทำไมมันเข้าใจยากจังวะ
ผมมองคนที่ขดตัวนอนใต้เสื้อคลุมของผมอย่างกับลูกหมาก่อนจะเผลอยิ้มออกมา
"ยิ้มเชี่ยไรเนี่ย" ตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติก่อนจะรีบลุกเดินออกไปเพื่อกลับไปนอนสักที ไม่งั้นคงได้คลั่งตายอยู่ในคุกใต้ดินนี่แน่ๆ ส่วนเสื้อคลุมเดี๋ยวค่อยมาเอาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
Yuro 's
ผมเอาข้าวมาให้กับไอ้นับหนึ่งตามที่คุณเวกัสสั่งก่อนจะออกไปหาคุณนทีคู่นอนสุดโปรดของเขา แต่พอลงมาก็ต้องตกใจเพราะเห็นไอ้นับหนึ่งมันกำลังนั่งกอดเสื้อคลุมคุณยูโรอยู่ แปลกหรือสองคนนี้เขาจะมีซัมติงกัน จะว่าไปไอ้นับหนึ่งมันก็สเปกคุณเวกัสเลยนะ ผอม ตาสวย หน้าสวยแล้วก็หล่อไปในคราวเดียวกันแล้วก็ตัวเล็กกว่าคุณเวกัส ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนที่ไล่ผมกลับห้องเพราะจะมากินมันหรอกนะ คุณเวกัสนี่ไม่เบาจริง ๆ สงสัยเรื่องนี้ต้องขยายโดย ยศพล คนเดิมคนนี้ซะแล้ว แต่พอผมเดินเข้าไปในห้องขังไอ้คนที่กอดเสื้อนั่งยิ้มอยู่ก็รีบซุกเสื้อไว้ด้านหลังทันที อยากจะบอกว่าไม่ทันแล้วจ้า ไม่เนียนเลย
"คุณเวกัสให้เอาข้าวมาให้ รีบกินจะได้กินยา" ผมวางข้าว น้ำ แล้วก็ยา ให้มันบนเตียงมันมองสำรวจจานข้าวแล้วทำตาโตเหมือนไม่เคยเห็น ทำไมคนในกำแพงเขาไม่แดกกันแบบนี้หรอ
"ขอบคุณนะ ยูโร" มันขอบคุณผม
"มึงรู้ชื่อกูได้ไง"
"ได้ยินไอ้...เอ่อคุณเวกัสเรียก"
ผมถึงบางอ้อทันทีที่มันพูดจบ จริงๆก็อยากจะถามว่าพวกมึงทำไรกัน แต่เดี๋ยวหลอกให้ไอ้เซฟถามดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของชีวิต
"คนนี้หรอนับหนึ่ง เชี่ยน่ารักวะ" ผมกับมันหันหน้าไปพร้อมกันทันทีที่มีเสียงบุคคลใหม่เข้ามาในห้องขัง ช่างเป็นคุกใต้ดินที่คนนอกเข้าออกง่ายเสียเหลือเกิน ก็บอกว่าให้ทำประตูก็ไม่ทำสักที พอหันไปก็เจอไอ้เด็กโซ่ลูกคนสวนของบ้านเดินเข้ามาดูไอ้นับหนึ่งด้วยความตื่นเต้น
"มึงเข้ามาทำเชี่ยไรเนี่ย" ผมถามมัน
"เอ่ากูก็เข้ามาทางประตูสิ"
"กูถามว่า เข้ามาทำไม ไม่ใช่เข้ามาทางไหน ฟังคำถามดีๆ"
"เอ่าหรอ เออก็เข้ามาดูไง คนที่ทำให้คุณเวกัสลุกขึ้นมาบู๊ได้ แม่งไม่ธรรมดา"
"รู้ดีนะมึง"
"แน่นอน"
เหมือนผมจะลืมว่าไม่ได้มีแค่มันกับผมที่อยู่ในห้องผมก็เลยหันไปแนะนำไอ้โซ่กับไอ้นับหนึ่งให้รู้จักกันเท่านั้นแหละไอ้โซ่พอรู้ว่านับหนึ่งเป็นโอเมก้าในกำแพงก็ชวนคุย ชวนโม้ไม่หยุดเหมือนชีวิตไม่ได้คุยกับใครมายี่สิบปีจนผมต้องถอนหายใจแล้วเดินออกมาก่อนเดินออกมาก็ไม่ลืมที่จะเตือนให้มันกินยาด้วยเพราะคุณเวกัสกำชับมา แต่พอเดินยังไม่พ้นทางออกคุกใต้ดินก็เห็นไอ้เซฟกำลังยืนคิดอะไรอยู่ตรงใต้ต้นไม้ผมก็เลยเดินไปทักมันดู
"เป็นไรเซฟ" ใบหน้าหล่อของมันหันมาหาผม บางทีก็อิจฉามันนะใบหน้าใบหน้าที่เรียกว่าลูกรักพระเจ้าเป็นแบบนี้นี่เองสินะ
"กำลังคิดว่าเรื่องไอ้นับหนึ่ง..." มันเริ่มพูดพร้อมกับพิงต้นไม้ "เหมือนทุกอย่างจัดฉากให้มันเป็นคนฆ่าคุณเวนิสเลย" มันบอกผมแต่สายตามันกลับเหม่อลอยไปข้างหน้าผมก็เลยขยับเข้าไปหามัน
"มึงจะเอายังไงต่อ" ผมถามมันส่ายหน้าไปมาเชิงบอกว่าไม่รู้
"แต่กูไม่ปล่อยคนที่มันฆ่าคุณเวนิสไว้แน่" มันบอกด้วยสีหน้าหนักแน่นผมพยักหน้าเข้าใจ ผมรู้ว่าไอ้เซฟมันเจ็บปวดกับเรื่องนี้แค่ไหน เพราะมันคงมีเรื่องติดค้างในใจที่ยังไม่บอกคุณเวนิส
"มึงโอเคใช่ไหม" ผมถามมันเพื่อความแน่ใจ แต่ไอ้เซฟก็ยังเป็นไอ้เซฟมันก็ยังชอบทำตัวเข้มแข็งเพราะไม่ชอบให้ใครเป็นห่วง เพราะมันรู้สึกว่ามันดูอ่อนแอ
"กูก็ไม่ได้เป็นไรนี่ ขอตัวก่อนนะ" มันบอกผมส่วนผมก็ถอนหายใจออกมา
เฮ้อ ความรักนี่เข้าใจยากชะมัด
TBC