วันนี้คือวันสำคัญสำหรับภารกิจของแอนแซล เขายิ้มอ่อน ๆ อย่างพึงพอใจให้กับอากาศที่ดูแจ่มใสเป็นพิเศษในเช้าวันนี้
ท้องฟ้าโล่งโปร่งเจือชั้นเมฆสีขาวบริสุทธิ์บาง ๆ ส่วนเหล่าดอกไม้ใบหญ้ารอบบริเวณคฤหาสน์นั้นต่างก็ชูตนขึ้นรับแสงแดดอบอุ่นกันอย่างมีชีวิตชีวา ทั้งหมดนี้เป็นทัศนียภาพที่ชวนให้รู้สึกอิ่มเอมใจ และมันมักจะบ่งบอกถึงสัญญาณของฤกษ์อันดีงาม
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าประตูรั้วอันสูงใหญ่และแสนโออ่าซึ่งเปิดอ้าราวกับกำลังเชื้อเชิญให้เขาก้าวเข้าไปสู่คฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างใน สายตาของแอนเซลเลื่อนไปจับตราสีทองที่ถูกประดับไว้กลางประตูรั้วแต่ละฝั่ง รูปสลักของดอกบัวบนนั้นดูเหมือนกันทุกประการกับเข็มกลัดทรงกลมที่กำลังอยู่บนอกซ้ายของเขาและยึดผ้าคลุมบ่าสีครีมอ่อนเอาไว้
แอนเซลเริ่มก้มหน้าก้มตาจัดเครื่องแบบที่สวมอยู่เพื่อให้แน่ใจว่ามันอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยไร้รอยยับยู่ยี่
ความจริงแล้ว ลึก ๆ ในใจเขาค่อนข้างที่จะตื่นเต้นไม่น้อยกับการได้สวมใส่ชุดที่แสนจะอลังการแบบนี้ หากตระกูลฟอร์เทียไม่ได้มีข้อบังคับให้สวมเครื่องแบบสีครีมแซมทอง ป่านนี้เขาก็คงจะสั่งตัดชุดที่มีสีดำกับแดงไปทั้งตัวแล้ว
นับตั้งแต่การประชุมของแอนเซลกับทางเบื้องบน วันนี้เวลาก็ได้ผ่านมาแล้วราวหนึ่งอาทิตย์
ขั้นแรกของภารกิจเพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวที่ผิดวิสัยของดยุคฟอร์เทียนั้นเรียกได้ว่าคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก เพียงวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ภารกิจถูกมอบหมาย ผู้อารักขาส่วนตัวของบุตรชายคนโตแห่งดยุคฟอร์เทียก็ได้ลาออกจากตำแหน่งอย่างปุปปัป ซึ่งเอาตามจริง แอนเซลผู้ใช้ชีวิตกับองค์กรมาแล้วนานหลายปีก็ไม่ได้ประหลาดใจกับความรวดเร็วทันใจนั้นมาก
หลังจากนั้น ในช่วงระยะเวลาสองสามวัดต่อมา ทางหน่วยเสริมที่มีหน้าที่คอยสนับสนุนภารกิจนี้ก็ทำการปล่อยข่าวลือไปจนถึงหูของดยุคว่ามีปรากฏตัวของชายผู้มากประสบการณ์ในด้านงานอารักขาคนหนึ่งเขาเร่ร่อนเข้ามาเยี่ยมเยือนในบริเวณใกล้ ๆ นี้พอดี ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ดยุคผู้หวงแหนในตัวบุตรชายคนโตอย่างสุดหัวใจได้ยินเข้า มีหรือที่ดยุคจะไม่รีบสั่งให้ลูกน้องไปตามตัวแอนเซลจนพบแล้วเชิญให้เขาเข้ามารับการทดสอบพิสูจน์ฝีมือพร้อมกับขอว่าจ้าง
เมื่อวานซืนแอนแซลจึงได้มาเยือนคฤหาสน์ฟอร์เทียโดยมีพ่อบ้านประจำคฤหาสน์คอยคุมการทดสอบต่าง ๆ ซึ่งเขานั้นผ่านไปได้อย่างฉลุยทั้งหมด ทำเอาเหล่าคนใช้ที่พากันมาชมต้องตกตะลึงในทักษะและความสามารถของเขาที่ดูจะเหนือกว่าผู้อารักขาคนก่อนมาก
หากคำว่าเก่งกาจถูกใช้กับผู้อารักขาคนก่อนแล้ว สำหรับว่าที่ผู้อารักขาคนใหม่นี้ เห็นทีคงจะต้องเรียกเป็นวลีว่าองอาจสะท้านผืนดิน
แอนเซลค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึกแล้วนำพาอากาศสดชื่นพร้อมกำลังใจกับแรงฮึดสู้เข้าสู่ปอดเต็มที่ อึดใจต่อมาเขาก็เริ่มออกฝีเท้าก้าวผ่านประตูรั้วเข้าไป เหยียบย่ำทางเดินทรายที่ส่งเสียงบดละเอียดขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเสียดสีของพื้นรองเท้า
แอนเซลไปหยุดยืนอยู่หน้าคฤหาสน์แล้วโค้งทักทายพ่อบ้านในสูทสีดำผู้ยืนรอต้อนรับอยู่ตรงนั้น
"ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ฟอร์เทียอย่างเป็นทางการครับ ท่านแอนเซล"
พ่อบ้านเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสบาย ๆ เขาเป็นชายอายุหกสิบกว่าปีที่มีรูปร่างสูงโปร่งและดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง
"สวัสดีครับคุณพ่อบ้านชาร์ล ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
แอนเซลปั้นยิ้มที่ดูเป็นมิตรไม่แพ้พ่อบ้านขึ้นมาในขณะที่ความจริงเบื้องลึกในใจนั้นกำลังลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่นที่จะขุดคุ้ยการกระทำอันน่าสงสัยของดยุคในช่วงที่ผ่านมา
พ่อบ้านหันไปแง้มเปิดประตูคฤหาสน์บานใหญ่ก่อนจะส่งสัญญาณมือให้แอนเซลเดินเข้าไปก่อน แอนเซลก้าวผ่านประตูเข้าไปด้วยกิริยาท่าทางที่สำรวม และแล้ว ทันทีที่ความหรูหราตระการตาของการออกแบบภายในคฤหาสน์ฟอร์เทียได้ปรากฏสู่สายตาเขา ชั่วขณะนั้นเองความคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องภารกิจที่วิ่งวุ่นไปมาอยู่ในหัวก็ได้แต่หยุดชะงักไปชั่วครู่
เบื้องหน้าเขา ทุกแห่งหนแกมไปด้วยการตกแต่งสีทองซึ่งทำให้คฤหาสน์ธีมสีน้ำตาลหลากเฉดนี้ดูประกายตาอย่างน่าดึงดูด ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็มีแต่มวลไอแห่งความสง่าผ่าเผยแผ่ออกมาให้สัมผัสได้จากทุกบริเวณ ในที่แห่งนี้นั้นแทบจะไม่มีสิ่งใดเลยที่ไร้ลวดลายประณีตมาประดับหรือแทรกแซงไว้อย่างละเอียดอ่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่แอนเซลได้ย่างกรายเข้ามาในตัวคฤหาสน์ฟอร์เทียจริง ๆ เพราะเมื่อวันก่อนธุระเขานั้นอยู่แต่ในบริเวณสวนนอกคฤหาสน์เพียงที่เดียว
"ตอนนี้ผมจะพาท่านแอนแซลไปทางปีกซ้ายของคฤหาสน์เพื่อไปดูห้องพักส่วนตัวนะครับ"
แอนแซลหยุดเหม่อมองความวิจิตรบรรจงรอบตัวเมื่อพ่อบ้านกล่าวขึ้น
"ด้วยความที่ท่านเป็นผู้อารักขาส่วนตัวของนายน้อยอิลเลียส ห้องพักของท่านแอนเซลจะอยู่ติดกันกับห้องของนายน้อยอิลเลียสเลยนะครับ"
เมื่อสิ้นคำพ่อบ้านก็นำทางให้แอนเซลเดินตามเขาไป แต่ละท่วงท่าของพ่อบ้านนั้นดูละเอียดอ่อนทว่าขณะเดียวกันก็มั่นคงอย่างยิ่ง ชัดเจนว่าเขาเคยผ่านการอบรมมาดีอีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายโดยมีพ่อบ้านคอยพูดบรรยายถึงสถานที่ที่เดินผ่านบ้างเป็นครั้งคราวนั้น แอนเซลผู้กำลังจะได้ทำงานใหม่ที่เขาไม่เคยทำมาก่อนอย่างการเป็นผู้อารักขาก็เริ่มนึกถึงข้อมูลที่พอรู้มาบ้างเกี่ยวกับ อิลเลียส ฟอร์เทีย คนที่เขาต้องทำหน้าที่ดูแลและอารักขาตลอดระยะเวลาที่มาปฏิบัติภารกิจยังที่แห่งนี้
เริ่มแรก ว่ากันด้วยเรื่องของภูมิหลังพื้นฐาน อิลเสียสนั้นมีอายุสิบแปดปีและเป็นบุตรชายคนโตของดยุคฟอร์เทีย เขามีน้องชายฝาแฝดต่างแม่ที่อายุน้อยกว่าอยู่ห้าปี เพราะเรื่องราวอันน่าเศร้าคือแม่ของอิลเลียสนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อครั้งที่เขายังสามสี่ขวบ ทำให้ปัจจุบันนี้ตำแหน่งดัชเชสฟอร์เทียจึงตกเป็นของภรรยาใหม่ของดยุค
ต่อมา อีกข้อมูลหนึ่งที่แอนเซลพอรู้คืออิลเลียสนั้นเป็นคนที่รักการเที่ยวเล่นและการออกสำรวจมาก ด้วยเหตุนี้เองดยุคฟอร์เทียจึงเข้มงวดเป็นพิเศษในเรื่องของผู้อารักขาประจำตัวบุตรชายคนโตของเขา
ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์น่าตกใจหลากหลายรูปแบบเกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ช่วงประมาณสองปีที่แล้วดยุคได้ตัดสินใจจ้างผู้อารักขามารับใช้และจับตาดูอิลเลียสเป็นส่วนตัวอย่างจริงจัง
ขณะที่แอนเซลกำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ส่วนปีกซ้าย เขาก็เริ่มนึกสงสัยว่าอิลเลียสนั้นจะเป็นคนอย่างไร ในฐานะผู้อารักขาส่วนตัวที่จะต้องอยู่กับอิลเลียสตลอดแทบทั้งวันแล้ว ตัวเขาจะสามารถรับมือได้ใช่หรือไม่ และจะยากง่ายถึงเพียงใด
"เรามาถึงแล้วล่ะครับ" พ่อบ้านหันมาบอกกับแอนเซล "ห้องนี้จะเป็นห้องของท่านแอนเซล ส่วนทางซ้ายติดกันเลยจะเป็นห้องของนายน้อยอิลเลียสนะครับ"
พ่อบ้านก้มหน้าหยิบกุญแจสีเงินดอกหนึ่งที่เขาพกกับตัวมาด้วยแล้วเริ่มต้นทำการไขบานประตูไม้อันแสนจะดูโอ่อ่าตรงหน้า หลังประตูได้รับการปลดล็อกเขาก็ผลักเปิดประตูแล้วยื่นกุญแจดอกนั้นให้กับแอนเซล
"นี่คือกุญแจห้องนะครับ"
"ขอบคุณครับมากคุณพ่อบ้านชาร์ล"
แอนเซลยื่นมือไปรับกุญแจมาด้วยท่าทางอ่อนน้อม ทำให้คนสูงวัยอย่างพ่อบ้านนั้นรู้สึกประทับใจและเอ็นดูเขามาก
"สัมภาระของท่านที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ได้ทำการขนเข้าไปไว้ข้างในห้องเรียบร้อยแล้วนะครับ เอาเป็นว่า ตอนนี้ท่านเข้าไปพักผ่อนได้ตามสบายก่อนเลยครับ รอเวลาที่นายน้อยกลับมาจากธุระแล้วผมจะส่งคนมาพาท่านไปใช้เวลาจิบชากับนายน้อยเพื่อทำความรู้จักกันนะครับ"
"ครับคุณพ่อบ้าน ขอให้มีวันที่ดีนะครับ"
แอนเซลยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูลง
ห้องพักห้องนี้ค่อนข้างที่จะมีพื้นที่กว้างขวาง แถมยังดูหรูหราพอ ๆ กับห้องพักระดับขุนนาง ดูเหมือนว่าตำแหน่งผู้อารักขาส่วนตัวของอิลเลียสที่เป็นถึงลูกรักของดยุคนั้นจะมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับคนในคฤหาสน์นี้
แอนเซลทิ้งตัวลงบนเตียงพลางปล่อยให้ความคิดหลั่งไหลไปทั่วหัวอย่างอิสระ แต่แล้ว ทันใดนั้นท่ามกลางความคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องภารกิจ จู่ ๆ ก็มีสิ่งหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในหัวอย่างกะทันหัน
"เดี๋ยวนะ! อาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้ไอช่ามีพิธีจบการศึกษาไม่ใช่เหรอ! ลืมไปสนิทเลย ก็เธอเล่นบอกวันที่มาซะตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อนนี่นะ แล้วฉันก็ไม่ได้ว่างกลับบ้านไปเจอเธอตั้งแต่ตอนนั้นทีเลย"
ไอช่าเป็นน้องสาวผู้น่ารักเพียงคนเดียวของเขา วันสำคัญอย่างพิธีจบการศึกษาจากโรงเรียนเขาจะพลาดมันได้อย่างไร
"อืม... งั้นเดี๋ยวตอนได้ไปเจอกับอิลเลียสแล้วฉันลองถามเขาดีกว่าว่าจะไปด้วยกันไหม เพิ่งมาทำงานแท้ ๆ แบบนี้ดยุคคงไม่อนุมัติให้โดดงานแน่ คงจะมีแต่ต้องลากอิลเลียสไปด้วยนี่แหละ ถ้าเกิดแอบปลีกตัวไปเฉย ๆ แล้วดยุครู้เข้าว่าทิ้งลูกชายที่เขาเป็นห่วงนักเป็นห่วงหนาไว้คนเดียว มีหวังว่าดยุคคงเสียความเชื่อใจในตัวฉันไปแน่นอน แล้วทีนี้หนึ่งของภารกิจที่ต้องเข้าใกล้ดยุคก็จะยุ่งยากเข้าไปอีก เฮ้อ..."
แอนเซลถอนหายพลางยกแขนขึ้นมากอดอก
"เอ... ความจริงไอช่านี่ก็อายุเท่ากับอิลเลียสเลยนี่ สงสัยจริง ๆ ว่าเขาจะมีพิธีจบการศึกษาเหมือนกันด้วยหรือเปล่า เห็นว่าเรียนอยู่ที่โรงเรียนชั้นสูงสำหรับพวกขุนนางนี่นะ"
เขานอนขบคิดถึงปัญหาที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้นี้อยู่ครู่หนึ่ง ทว่าต่อมา ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าสะสมจากภารกิจระดับซีถึงดีอื่น ๆ ที่เขาได้รับมอบหมายให้ไปจัดการในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการส่งท้ายก่อนทุ่มเทกับภารกิจระดับเอในตอนนี้ จู่ ๆ ความรู้สึกหนักอึ้งก็ได้คืบคลานเข้ามาปะทะสติของเขาสู่ห้วงนิทรา พับเก็บการรับรู้ของเขาไว้ภายใต้ความมืดมิด