เมื่อราชาไคออสยังทำอะไรฮาวเวอร์ในตอนนี้ไม่ได้ จึงต้องฝืนยอมทนให้เขาเดินเล่นในอาณาจักรต่อ ฮาวเวอร์เองเมื่อเห็นว่าการเจรจายุติลงแล้วก็เดินออกจากห้องโถงทันที แต่ก่อนจะเดินออกไปนั้นนักบวชกลับพูดขึ้นมาขัดเสียก่อน
"ละ แล้วค่าซ่อมบำรุงเล่าขอรับ"
ฮาวเวอร์หันมามองพร้อมยื่นมือไปข้างหน้า พลังเวทย์จากตัวเขาไหลออกจากร่างแล้วแทรกซึมเข้าไปยังส่วนที่ชำรุดให้เคลื่อนตัวแล้วกลับมาเป็นอย่างเดิม เวทย์ย้อนกลับนี้เป็นเวทย์ที่ถูกใช้ทั่วไปในนรกจนชินมือ แต่คนที่นี่คล้ายว่าจะไม่รู้จักวิธีใช้เวทย์นี้จนฮาวเวอร์แปลกใจ
'ที่นี่มันดึกดำบรรพ์ขนาดไหนกันแน่ล่ะเนี่ย'
เมื่อหมดธุระเข้าก็เดินจากไปจริงๆ สิ่งที่เห็นนอกประตูเป็นสิ่งแรกคือเด็กน้อยผมสีแดงซ่อนตัวอยู่หลังเสาวิหาร พอเห็นว่าเป็นอีคอนเดินออกมาก็รีบวิ่งเข้าไปหา แต่ด้วยความที่จิตควบคุมยังเป็นฮาวเวอร์อยู่ กลิ่นอายความอำมหิตแผ่กระจายเป็นวงกว้างจนน่ากลัว ลีโอวิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงครึ่งทางก็หยุดชะงักไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้านี้เป็นใครกันแน่
ฮาวเวอร์พอรู้ตัวว่าไม่เป็นที่ต้องการก็คิดจะสลับจิตกลับคืน แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้านั้นแล้วเห็นรอยฟกช้ำจึงรีบเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ลีโอตัวแข็งทื่อเมื่อรู้สึกว่าอีคอนคนนี้ไม่ใช่คนเดิมที่ตัวเองรู้จักก็ปิดปากไม่พูดทักทาย
พอเดินเข้ามามองใกล้ๆ ก็เห็นเป็นรอยตบของฝ่ามือผู้ใหญ่ แค่เห็นก็ทำเอาฮาวเวอร์เดือดดาลราวกับมีพายุเพลิงอยู่ในใจ
"ลีโอ รอยนี้ใครทำเจ้า"
ลีโอลูบจับแก้มที่โดนตบก่อนเอ่ยออกมาเบาๆ "แม่ชีร่างท้วมนางทำข้า แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวหลวงพ่อก็ฮิลลิ่งให้ข้า ข้าเจ็บไม่นานเดี๋ยวก็หาย"
จากลมพายุเพลิงก็ระเบิดออกเป็นภูเขาไฟ ลีโอไม่รู้ว่าอีคอนโกรธอะไรก็ถอยห่างออกไปสองก้าว
"เจ้าถูกทำอย่างนี้มาตลอดเลยสินะ ทุบตีแล้วก็ฮิลลิ่ง ไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลทางร่างกายให้เจ้า แต่จิตใจของเจ้าเล่า อย่าได้ให้อภัยคนที่ทำร้ายเจ้า หากมันยังไม่รับผลของสิ่งที่ทำลงไป เจ้าจงกลับไปหาบิดาของเจ้า แล้วเอาบาดแผลนี้ให้เขาดู บอกถึงสิ่งที่นางทำแล้วจดจ้องการสนองคืนบาปที่นางควรได้รับด้วยสายตาของเจ้าเอง"
ฮาวเวอร์ดันหลังลีโอให้เดินเข้าห้องโถงนั้นไป แสดงให้เห็นความโหดร้ายที่คนพวกนี้ทำกับเขา ฮาวเวอร์จะไม่ปรานีใครทั้งนั้นที่กล้าทำร้ายลูคัส
'เจ้าพูดอย่างนั้นกับเขาทำไม มันจะเป็นการสานต่อความอาฆาตในจิตใจของเขานะ'
'สานต่อแล้วยังไง หากต้องปล่อยให้เขาถูกรังแกจนรู้สึกด้อยค่าในตนเองแล้วเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตายล่ะก็ มิสู้ข้าปล่อยให้เขากลายเป็นมารร้ายที่พร้อมจะต่อสู้กับคนทั้งโลกเพื่อปกป้องตัวเองดีกว่า'
อีคอนถอนหายใจกับความคิดในแง่ร้ายของฮาวเวอร์ แต่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้ ไม่นานฮาวเวอร์ก็สลับจิตกับอีคอนให้เขากลับไปทำความสะอาดที่โรงนอนต่อ
'พอเป็นงานทำความสะอาดเจ้าไม่ยักเปลี่ยนจิตกับข้าเลยนะ'
'ข้าไม่ถนัด'
ออสก้าพอเห็นอีคอนก็รีบเข้ามาหา ถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จากที่ดูอยู่หน้าวิหาร คำประกาศกร้าวของราชาไคออสทำให้ออสก้าแปลกใจ ระบบปกครองไม่เคยมีการจำกัดการลงนามมาก่อน คนที่ลงนามไม่ได้ก็คงมีแต่ปีศาจเท่านั้น และถ้าอีคอนเป็นปีศาจก็คงถูกประณามตั้งแต่อยู่หน้าวิหารแล้ว ไม่เรียกให้พาไปสอบสวนหรอก
"เจ้าถูกพาไปสอบสวนทำไมกัน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า"
"ก็มีนะขอรับ บังเอิญว่าข้าเป็นรัชทายาทของอาณาจักรริลกลิมแล้วข้าต้องหารือเรื่องการยุติสงครามกับราชา ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ"
อีคอนพูดคำง่ายๆ แต่ออสก้าตะลึงงันตั้งแต่คำว่ารัชทายาทอาณาจักรริลกลิมแล้ว
"หา? เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม? รัชทายาทอาณาจักรริลกลิมเนี่ยนะ แถมยังเป็นอาณาจักรที่กำลังทำสงครามกันอยู่ตอนนี้ด้วย"
"พวกเราก็ปรึกษากันแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าทหารของริลกลิมถูกชักจูงให้เกลียดอาณาจักรโพราเท็สจนต้องก่อสงครามกัน แต่พอรู้ความจริงที่ว่าอาณาจักรริลกลิมถูกครอบงำด้วยราชาไมนัสทุกคนก็เลยพร้อมใจจะต่อต้านอำนาจในทางไม่ดีนั้น"
ออสก้าอึ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาทำท่าเก้ๆ กังๆ ก่อนจะทำความเคารพกับรัชทายาทที่มีศักดิ์สูงกว่า
"ด้วยความเคารพท่านรัชทายาท"
"ไม่ต้องทำความเคารพข้าหรอก ยังไงข้าก็ไม่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดนั้น" 'แต่กับฮาวเวอร์ก็ไม่แน่'
'ข้าได้ยินนะเว้ย'
"แล้วนับจากนี้ไปท่านจะไปอยู่อาศัยที่ใดหรือขอรับ"
"ข้าจะไปอาศัยที่เขตโอ้คระยะเวลาหนึ่งก่อน แถมยังต้องช่วยคนชราที่นี่ขนย้ายของไปที่เขตโอ้คด้วย ข้าได้ยินมาว่าลอร์ดมาร์คัสอนุญาตให้มีการเคลื่อนย้ายโรงนอนคนชราไปที่นั่นแล้วด้วย"
"งั้นก็ดีเลยนะสิ ข้าคงต้องรีบเช็ดล้างของจำเป็นที่ต้องขนไปแล้วล่ะ"
ออสก้ารีบวิ่งเข้าโรงนอนคนชรา อีคอนมองที่นี่ก่อนจะระลึกถึงความหลัง ความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ เขาค่อนข้างเหงาในใจลึกๆ ที่ต้องจากที่แห่งนี้ไป ต้องจากเพื่อนเพียงคนเดียวที่หาได้จากที่นี่ด้วย
'ลีโอ ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยเช่นกัน'
ภายในห้องโถงของวิหารศักดิ์สิทธิ์ บุตรอันไม่เป็นที่รักยืนอยู่ตรงหน้าบิดาซึ่งเป็นราชาของอาณาจักรนี้ รอยฟกซ้ำที่เขาแสดงให้เห็นนั้น หากเป็นเมื่อก่อนก็คงมองข้ามไปแล้ว แต่ลอร์ดมาร์คัสผู้เป็นพี่ชายกลับกล่าวคำหนึ่งให้เขาคิด
"เจ้าก็ได้ยินที่ฮาวเวอร์พูดเอาไว้ หากเราดูแลลีโอได้ไม่ดี อาณาจักรนี้ก็ไม่จำเป็นในสายตาเขาอีกต่อไป แน่นอนว่าเราอาจขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอื่นได้ แต่เจ้าคิดหรือว่าเขาจะไม่ทำอย่างที่พูดจริงๆ "
"ทำให้อาณาจักรเหลือเพียงชื่อ มหาราชาพาวเวอร์เองก็เคยสำแดงให้เห็นเมื่อพันปีก่อนกับอาณาจักรซาราวินของราชาทรราช ข้าไม่คิดว่านั่นคือคำขู่เมื่อดูจากสายตาและพลังเวทย์มหาศาลแถมยังพิสดารอีกด้วย"
นักปราชญ์ข้างตัวราชาเอ่ยขึ้น แน่นอนว่านั่นมันยิ่งตอกย้ำความด้อยกว่าของอาณาจักรนี้จนยากจะฝืนทน เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้นเพียงแค่สืบสายเลือดเดียวกับมหาราชาก็สามารถกดข่มคนอื่นไปทั่วอย่างไม่ไว้หน้าได้แล้ว กับราชาที่ครองอำนาจมากว่าสิบปีอย่างเขากลายเป็นแค่เด็กอมมือในสายตาของฮาวเวอร์ยิ่งสร้างความคับแค้นใจให้ราชาไมนัสอย่างยิ่ง
"ไปจับคนที่ทุบตีลูกชายข้าแล้วเฆี่ยนตีมัน 20 ทีก่อนแห่ประจานความผิดบาปของมันไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง"
"ขอรับ"
เบนรับคำก่อนเดินจากไป ลีโอเห็นว่าคนเป็นพ่อไม่อยู่เฉยเหมือนทุกทีก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
"เจอร์ราด เจ้าพาลีโอขึ้นรถม้ากลับเข้าวัง ข้าจะอยู่ขอพรจากเทพ"
"ขอรับ"
ลอร์ดมาร์คัสยังคงนั่งอยู่ที่เดิมถึงแม้ราชาไคออสจะไล่คนอื่นนอกจากเขาออกไปหมดแล้ว
"ขอพรจากเทพแล้วเจ้าคิดว่าเทพจะเห็นใจเราหรือ เจ้ามองคนขอทานอย่างไร เทพก็มองเราอย่างนั้น พวกเขาไม่มาสนใจชะตาชีวิตของผู้มีบททดสอบของพระเจ้าหรอก"
"ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่เหลือหนทางอื่นแล้ว อีกไม่นานจันทร์สีเลือดกำลังจะใกล้เข้ามา หากถึงตอนนั้นแล้วข้ายังช่วยลูกอีกคนไม่ได้ ข้าคงไม่อาจไปสู้หน้าราชินีสเวนในปรโลกได้อีกแล้ว"
"อย่าพูดเป็นรางสิ เจ้ายังมีลีโออีกคน"
"กับทายาททรราชนะ ไม่มีใครอยากให้แต่งตั้งเป็นราชาหรอก อย่างน้อยเลย์ออลก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์เด่นชัดอย่างลีโอ"
เมื่อพูดถึงเลย์ออล บุตรชายอีกคนของไคออส ก็ทำให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อน ในช่วงที่ทารกทั้งคู่เกิดได้ไม่นาน
ในปราสาทใจกลางเมืองโพราเท็ส เกิดเหตุลักพาตัวเจ้าชายน้อยของอาณาจักรหนึ่งพระองค์โดยชายนิรนาม การตามจับกุมดำเนินทันทีหลังมีคนเห็นเงาร่างของโจรอุ้มทารกหนีไป มาร์คัสเข้าเฝ้าราชาก็นั่งหน้านิ่วไม่หยุด เรื่องราวประดังประเดถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนไม่รู้จะรับมือกับเรื่องไหนก่อน ทั้งเรื่องลักพาตัว ทั้งเรื่องสงคราม
"เป็นพวกบ้าสงครามของอาณาจักรริลกลิมนั่นแน่ๆ ที่จับลูกข้าไป หากไม่ใช่พวกมันข้าก็คิดเป็นอื่นไม่ได้ พวกชั่วนั่นกล้าทำสงครามไม่สนคำสัตย์ที่เคยกล่าวเอาไว้ก็คงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรให้ยึดถือจนต้องขโมยลูกผู้อื่น!"
"ราชาไคออส ข้าไม่คิดเช่นนั้นหรอก หากคนพวกนั้นทำจริง คงยึดปราสาทเราไปนานแล้ว ไม่ใช่วิธีสกปรกเช่นนี้ ข้าไม่อาจยอมรับแต่ว่าการคุ้มกันของปราสาทเราอ่อนแอเกินไป ขนาดโรงเรียนเวทย์ดีวาท์ลยังมีการคุ้มกันแน่นหนากว่านี้เลย ข้าคิดว่าแม้แต่โจรโง่เง่าก็บุกเข้าที่นี่อย่างง่ายดาย"
"เจ้าสงสัยการคุ้มกันของข้าหรือมาร์คัส ลูกข้าอายุยังไม่ครบปีเลย ต้องการการคุ้มกันอะไรหนักหนา ละแวกนี้นอกจากไอ้พวกบ้าสงครามก็ไม่มีใครเป็นปรปักษ์กับข้าแล้ว เจ้าจะให้ข้าสงสัยใครนอกจากพวกมันได้กัน"
มาร์คัสเลิกเถียงต่อเพราะไคออสเลิกใช้เหตุผลตั้งแต่ลูกชายถูกลักพาตัวไป มาร์คัสไม่สนใจว่าอาณาจักรนี้จะล่มสลายยังไง แต่เมื่อได้มองหน้าบุตรลับๆ ที่เริ่มเติบโตขึ้นทุกวันเขาก็เริ่มเปลี่ยนใจ เริ่มอยากเปลี่ยนแปลงความสิ้นหวังพวกนั้นให้แปลเปลี่ยนเป็นความหวังใหม่ เมื่อมองหน้าไคออสผู้เป็นน้องชายก็คล้ายจะเห็นตัวเองอยู่ในนั้น ในตอนที่เขาสูญเสียคนรักไป
"ตอนนี้เจ้าก็ยังเหลือลูกอีกคนอยู่ แถมภรรยาเจ้าก็เสียใจไม่ต่าง ทำไมเจ้าไม่ไปหานางเพื่อปลอบประโลมสักหน่อยล่ะ"
"ปลอบประโลม? กับทายาททรราชอย่างนั้นหรือ? กับลูกข้ายังพอทน อย่างน้อยในกายของเขาก็ยังมีเลือดของข้าไหลเวียนอยู่ แต่กับนาง ข้าสะอิดสะเอียนเต็มทนจนแทบอยากส่งเข้าคุกใต้ดินให้รู้แล้วรู้รอด ถึงนางไม่ได้มีผมสีแดงอย่างโลหิตแต่ในสายเลือดนางก็ยังมีเลือดคนชั่วพวกนั้นไหลเวียนเต็มไปหมด"
"ไคออส มันผ่านไปตั้งพันปีแล้วเจ้ายังอาฆาตแค้นคนที่ไม่ประสาเรื่องสงครามครั้งนั้นอยู่อีกหรือ? ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะใจดำเช่นนี้"
ไคออสไม่พูดตอบจนมีอัศวินนายหนึ่งเดินเข้ามารายงานการไล่จับกุมคนร้าย
"พวกเรานำเจ้าชายน้อยกลับมาไม่ได้ขอรับ แต่ระหว่างทางคนร้ายเกิดพลัดตกจากรถม้า เราจึงได้ตัวมันมาสอบปากคำขอรับ"
ประตูท้องพระโรงเปิดอีกครั้งพร้อมลากเอาชายคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วย
"ปล่อยข้า ข้าไม่ได้ทำ ข้าเป็นแค่คนแบกของ"
ต่อหน้าราชาไคออส ชายผู้นั้นถึงกับสงบปากในทันที ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา หรือกล่าวคำใดๆ ราชาไคออสเป็นผู้เริ่มถามคำถามเองอย่างไม่รีรอ
"พวกเจ้าเป็นใคร จับลูกชายข้าไปเพื่อเหตุใด"
นักโทษยังคงนิ่งอยู่ก่อนจะเอ่ยคำแก้ตัว
"ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นนะขอรับ ข้าเป็นแค่คนขนสัมภาระให้คนพวกนั้น"
"อย่ามากความ ตอบมาให้ตรงคำถามข้า!"
"นายท่าน ให้ข้าได้ลองชักถามเขาสักหน่อยเถิดขอรับ" เจอร์ราดขออาสา ราชาไคออสก็ยกมือเชิญ
"เจ้าคนยกของ เจ้าไม่รู้เลยรึว่าเจ้านายเจ้าทำผิดมหันต์ แม้เป็นคำสั่ง แต่โทษของเจ้านายกับลูกน้องก็โดนไม่ต่างกัน หากเจ้าช่วยข้าไขข้อข้องใจ บางทีเราอาจจะลดโทษให้เจ้าสักครึ่งหนึ่ง"
"ถะ ถ้าเช่นนั้นข้าจะพูดในสิ่งที่รู้ ตัวข้าเป็นเพียงทาสที่ถูกพวกมันปล้นมาจากพ่อค้าทาส คนพวกนั้นเดิมทีเป็นโจรป่าระหว่างเขตทางไปเมืองกรูเบริกกับอาณาจักรโพราเท็ส ส่วนใหญ่พวกมันจะปล้นพ่อค้าที่เดินทางไปมาระหว่างสองเมืองนี้ แต่พออาณาจักรโพราเท็สเกิดการทำสงคราม พ่อค้าก็เริ่มเดินทางน้อยลง พวกมันเริ่มอดอยากและฆ่ากันเองจนกระทั่งเมื่อ 5 ปีก่อน อยู่ ๆ ไฟในกองเพลิงก็ลุกเป็นสีแดงฉาน ใต้ดวงจันทร์สีเลือด มันมีอสุรกายน่ากลัวผุดออกมาจากเพลิงนั้นแล้วมันก็พูดเรื่องคำปรารถนา
'หากมอบวิญญาณบริสุทธิ์ให้ข้า ความปราณาใดที่เจ้าต้องการ ข้าจะทำให้เป็นจริง จนกว่าจะถึงดวงจันทร์สีเลือดอีกครั้ง จงนำวิญญาณนั้นมาให้ข้า'
ก่อนหายไปมันมอบเงินทองให้พวกโจรเป็นการทำสัญญา พวกมันไม่เอะใจด้วยซ้ำถลุงใช้เงินนั่นจนหมด เวลาผ่านไป 5 ปี จนถึงเดือนที่แล้ว ปีศาจนั่นกลับมาทวงสัญญาอีกครั้ง มันไม่เห็นดวงวิญญาณที่ต้องการจึงสังหารลูกน้องของโจรทุกคนเป็นการลงโทษ เหลือเพียงหัวหน้าโจรเอาไว้และให้เขาทำตามสัญญานั่นให้สำเร็จ หัวหน้าโจรบังคับทาสที่จับมาทุกคนให้ออกตระเวนหาคนที่มีวิญญาณบริสุทธิ์จนได้แม่มดคนหนึ่งช่วยชี้ทาง
'วิญญาณบริสุทธิ์ที่ตามหาอยู่ในชายคาสีน้ำเงิน โอบล้อมด้วยกำแพงสีขาว ผิวพรรณเปล่งประกายยามต้องแสงจันทราและเกศาสีเงิน'
เรารู้เพียงแค่นั้นก็เดาได้ทันทีว่าต้องตามหาเด็กคนนั้นที่อาณาจักรโพราเท็ส หลายต่อหลายวันหัวหน้าโจรใช้จัดแจงสอดแนมคนที่มีรูปลักษณ์เช่นนั้นก็ไม่เจอ จนเหลือเพียงที่สุดท้ายให้ตามหา ปราสาทโพราเท็ส ทาสอย่างข้าไม่อาจรอดผ่านการคุ้มกันของทหารในวังได้ พวกเราแค่รออยู่ที่ทางหนีเตรียมออกรถม้า หากพบคนที่มีวิญญาณบริสุทธิ์ข้าก็จะรีบบังคับม้าออกตามคำสั่งทันที และสุดท้ายหัวหน้าโจรก็เจอ ตอนแรกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทารกคนนั้นเป็นลูกของใคร เราแค่ทำตามที่เจ้านายสั่ง พอเราหนีได้กลางทางหัวหน้าโจรบอกว่าสัมภาระในรถมันหนักไปจึงถีบข้าลงมา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะลักพาตัวเจ้าชายของอาณาจักรนี้จริงๆ นะขอรับ"
"โจรป่างั้นรึ…" ราชาไคออสหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ "เอามันไปขังฐานสมรู้ร่วมคิด ถ้าหากลูกข้าไม่ได้กลับมาอย่างมีชีวิต ตัวเจ้าก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้เช่นกัน"
ทหารลากตัวคนของโจรออกไป มาร์คัสเห็นท่าไม่ดีก็คิดจะปลอบโยนราชาไคออสแต่ไคออสยกมือห้ามเสียก่อน
"นี่ยังไม่ใช่เวลาอาลัยอาวรณ์ ข้าต้องตามหาลูกให้เจอ ไม่เช่นนั้นข้าคงตายตาไม่หลับแน่"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ยังต้องดูแลนะ หากพูดเรื่องความตายตอนนี้จะเป็นรางเสียเปล่า"
"อย่างที่เจ้าโจรนั่นพูด เด็กคนนั้นมีวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งที่มีสายเลือดทรราชนั่นไหลอยู่ในกาย แสดงว่าความดีของสายเลือดเราอาจลบล้างมนต์ประหลาดนั่น ส่วนลูกอีกคนก็คงได้รับเลือดชั่วนั่นมาเต็มๆ สีผมถึงแดงฉานอย่างกับเลือด"
"ไคออส ข้าพูดเรื่องนั้นตั้งกี่รอบทำไมเจ้าไม่ฟัง การเลี้ยงดูสำคัญกว่าการให้กำเนิด ถ้าเจ้าให้ความรักและความใส่ใจมากพอ ไม่มีใครยากเป็นอสุรกายให้คนอื่นรังเกียจหรอก ข้าขอร้องเถอะ เลี้ยงดูเขาเสมือนเขาเป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดาได้หรือเปล่า"
ไคออสไม่ปริปากพูดอะไรตอบ มาร์คัสเหนื่อยใจที่ต้องพูดเรื่องนี้ก็ลากลับ หลังมาร์คัสออกจากท้องพระโรงไป เจอร์ราดก็เริ่มพูดประเด็นเรื่องเมื่อครู่
"เรื่องสัญญาแรงปรารถนาเป็นสัญญาที่เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้วขอรับ ปีศาจตนนั้นจะรับดวงวิญญาณบริสุทธิ์ไปและมอบแรงปรารถนาให้คนที่นำวิญญาณนั้นมา แต่ไม่ใช่ว่าจะนำวิญญาณใครก็ได้ที่บริสุทธิ์ คนที่ปีศาจนั่นต้องการไม่มีอะไรชี้วัดว่าต้องมีรูปร่างแบบไหน นั่นเป็นไปได้ว่าต่อให้เจ้าชายไม่ได้มีรูปร่างดั่งคำทำนายก็คงถูกพาไปอยู่ดี หากเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ที่มันต้องการ"
"เจ้าจะบอกว่าต่อให้ เลย์ออล จะมีเส้นผมสีชาดก็จะถูกลักพาตัวไปงั้นรึ อย่าพูดเป็นเล่น คนที่เกิดจากสายเลือดทรราชจะไปมีความบริสุทธิ์ได้ยังไง มีแต่ความชั่วช้าเสียมากกว่า"
"เช่นนั้นราชินีสเวนเองก็มีความชั่วช้าด้วยหรือขอรับ ตลอดมาพระนางไม่ได้ทำให้ท่านยอมรับด้วยความรักและความใจดีของนางหรือขอรับ นายท่าน หากทิ้งเรื่องต้นตระกูลของราชินีไป พระนางก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนทั้งยังมีเมตตาต่อผู้อื่น นายท่านอย่าให้คำของใครมาปั่นหัวใจที่แน่วแน่ของท่านเลย"
เจอร์ราดโค้งคำนับก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไปอีกคน ราชานิ่งเงียบท่ามกลางความมืดไม่ไปไหน ความสับสนทำเขาปวดหัวจนยากจะระงับ
ในเวลาต่อมาราชินีสเวนก็สิ้นพระชนม์ สร้างความเจ็บปวดให้องค์ราชาเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าหากนางตายก็ไม่ขอญาติดีด้วย แต่เมื่อนางเสียไปจริงๆ หัวใจเขากลับบีบรัดเจียนตาย ความสงสัยที่ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นทายาททรราชจริงหรือไม่ก็ได้พิสูจน์ นางไม่เคยมีสายเลือดนั้นอยู่ในกายเลยแม้แต่น้อย คนที่มีสายเลือดทรราชมาตลอดมีเพียงราชาของอาณาจักรนี้เท่านั้นที่สืบสายเลือดทรราชให้เด็กทั้งสอง ลอร์ดมาร์คัสเองก็รับรู้เรื่องนั้นด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่าสายเลือดของราชาแต่ล่ะรุ่นได้ถูกปะปนกับสายเลือดของทรราชผู้นั้นมาตั้งหลายร้อยปีก่อน
ความผิดบาปทั้งหมดได้ก่อขึ้นในจิตใจ เขาสูญเสียราชินีผู้เป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ในวันที่นางจากไปเขาไม่คิดจะเข้าไปดูใจเลยด้วยซ้ำยิ่งทำให้ตัวเขาเองรู้สึกเจ็บปวด ราชาไคออสตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่ชายผู้ผดุงความยุติธรรมอย่างที่คิด เป็นเพียงคนไร้หัวใจและน่ารังเกียจเท่านั้น
ความหลังครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชาเข้าไปทุกที ตั้งใจจะลงโทษตัวเองให้เจ็บปวดด้วยความเย็นชาต่อบุตรชายเพียงคนเดียว ลีโอไม่เข้าใจความคิดนั้นก็ได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้พ่อรังเกียจ คำสั่งห้ามละเลยลีโอของฮาวเวอร์ในครั้งนั้นทำให้เขาต้องหันมามองลูกชายผู้พยายามไม่รักคนนี้ ได้เห็นสองตาไร้เดียงสาที่ยังคงรักและเป็นห่วงพ่อไม่ได้เรื่องอย่างเขาโดยไม่รู้เลยว่า ราชาไคออสได้เคยทำอะไรไว้กับแม่ของเขาบ้าง ความรักไร้เงื่อนไขของลูกชายคนนี้ เขาไม่อยากใช้มันมาปลอบประโลมความผิดบาปในใจ
"ราชวงศ์ของเราซับซ้อนเกินกว่าผู้อื่นจะเข้าใจได้ หากคำสั่งของฮาวเวอร์สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ความคิดเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าก็มิรังเกียจที่จะทำตาม" ลอร์ดมาร์คัสกล่าวกับไคออสก่อนเดินจากไป
'ห้ามละเลยลีโองั้นหรือ ช่างกล้ามาสั่งสอนข้า มิตรภาพของพวกเจ้ามันมากถึงขนาดสั่งให้ราชาของอาณาจักรห้ามละเลยลูกตัวเองเชียวรึ นอกเสียจากเจ้านั่นจะคิดกับลูกข้ามากกว่ามิตรภาพ เจ้าฮาวเวอร์! ถ้าคิดจะครอบครองลูกชายข้าแล้วล่ะก็ จงข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!'
ระหว่างที่สวดภาวนาต่อพระเจ้า ในหัวเขาก็คิดแผนการเป็นร้อยเป็นพันขัดขวางการพบกันระหว่างเพื่อนทั้งสอง แล้วแผนการที่ใช้ได้ดีที่สุดและใช้มาหลายต่อหลายรุ่นก็คือการเสี้ยมสอนให้คนทั้งคู่เกลียดกัน
ยังไม่ถึงสามวันของการขนย้าย ภายในเย็นวันนั้นก็มีรถม้าพิเศษของทางปราสาทส่งมาเก็บข้าวของให้คนในโรงนอนคนชราออกจากเมืองหลวงเพื่อมุ่งหน้าไปเขตโอ้คทันที ลอร์ดมาร์คัสรู้ทันความคิดของราชาไคออสดีว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้ห้ามแถมยังเห็นด้วยที่ต้องแยกคนทั้งคู่ออกให้เร็วที่สุด หากลีโอถูกฮาวเวอร์ผู้ฉลาดเป็นกรดชักจูงไปในทางเสียหายตั้งแต่เด็ก ลีโออาจจะเสียผู้เสียคนไปเลยก็ได้
กลางดึกคืนนั้นรถม้าของปราสาทส่งคนทั้งโรงนอนคนชราเข้าเขตโอ้คสำเร็จ เมื่อเตรียมที่ทางในทันทีไม่ทัน ลอร์ดมาร์คัสจึงใช้บ้านของดัคลัสรับรองคนในโรงนอนคนชราไปก่อน
"ว้าว! บ้านของท่านใหญ่โตกว่าโรงนอนตั้งสองเท่า"
"ถ้าเจ้าชอบ จะอยู่นานๆ ก็ได้นะ ยังไงที่แห่งนี้ก็มีไว้รับรองอาคันตุกะอย่างท่านฮาวเวอร์ด้วย"
"ท่านฮาวเวอร์? เขาเป็นใครกันหรือ"
"เจ้าไม่รู้รึ ฮาวเวอร์เป็นอีกชื่อในร่างของอีคอนไงเล่า"
ออสก้าทำหน้างงหนักกว่าเดิม ดัคลัสตั้งท่าจะอธิบายยาวยืดแต่มีนายทหารอีกคนรีบวิ่งเข้ามาขัดเสียก่อน
"ท่านแม่ทัพ กองทัพทหารริลกลิมตั้งหลักอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พวกมันมาเยอะเป็นแสนนายเลยขอรับ!"
ดัคลัสไม่ได้มีท่าทีตกใจก่อนจะหันไปทางอีคอนที่กำลังช่วยคนอื่นๆ ยกของออกจากรถม้าอยู่
"ท่านฮาวเวอร์ กองกำลังปฏิวัติเพื่อประชาราษฎร์ริลกลิมมารอตั้งค่ายอยู่ที่ประตูทางเข้าฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ท่านจะเข้าไปจัดแจงด้วยตนเองหรือให้ข้าไปจัดแจงให้หรือขอรับ"
อีคอนหันมาทำหน้างงก่อนจะสลับจิตกับฮาวเวอร์ให้เขาพูดเรื่องยากๆ ให้ฟัง
"ข้าจะไปด้วยตัวเอง เจ้าเตรียมแผนที่ของเขตนี้แล้วไปหาข้าที่เต็นท์บัญชาการของกองกำลังปฏิวัติ"
"ขอรับ"
ฝากติดตาม มิด-ตะ-พาบ ของเด็กสองคนด้วยว่าจะลงเอยยังไง
แต่ก็อีกนานกว่าจะโต