"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กน้อยลอยตามธารจากสถานที่อันไกลโพ้น เสียงร้องแว่วกังวานผ่านโสตประสาทของผู้ที่เดินผ่านไปมา แต่ไม่มีใครกล้าโอบอุ้มเด็กน้อยคนนั้นผู้มีรูปลักษณ์น่าอดสู แทนที่จะเลี้ยงดูให้โต มิสู้ปล่อยให้ตายเสียยังจะดีกว่า ทว่าหญิงชราตาบอดไร้การมองเห็นกลับเดินเข้ามาโอบอุ้มร่างน้อยเพราะเสียงกังวานอันไพเราะนั้น เสียงของชีวิตใหม่ที่พระเจ้าประทานลงมา เพื่อเผชิญหน้ากับชะตาชีวิตอันทุกข์เข็ญ
หญิงชรานำเขากลับมาที่โรงนอนคนชราหลังจากเดินทางไปยังโรงนอนเด็กกำพร้าแล้วไม่มีใครกล้าเลี้ยงดู ที่โรงนอนคนชราแห่งนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรองรับคนชราจากครอบครัวทหารออกศึก เพราะการรบโดยที่ยังห่วงคนข้างหลัง ทำให้คนด่านหน้าไม่อาจทิ้งความกังวลและต่อสู้เพื่อคนทั้งอาณาจักรได้ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ด้านหลังฝั่งทิศใต้ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ แม้จะดูเหมือนว่าที่แห่งนี้ถูกให้ความสำคัญ ทว่านานวันกลับถูกละเลย ผู้ที่เคยดูแลโรงนอนคนชราได้ย้ายไปเขตอื่น ถึงจะส่งเงินทองและอาหารเข้ามาแต่คนชราที่นี่ไม่ได้รับแม้แต่เศษขนมปัง เพราะอย่างนั้นเจ้าถึงต้องกินใบไม้แทนยังไงล่ะ"
"เป็นอย่างนั้นเองหรือขอรับ"
"ใช่!"
เด็กน้อยนั่งฟังเรื่องเล่าของชายชราพลางเด็ดใบไม้กินไปด้วย เรื่องที่ว่าเขาลอยตามน้ำมาและไม่มีใครรับเลี้ยงนอกจากยายตาบอด เป็นเรื่องเล่าขานอย่างขบขันในชะตาชีวิตของเขา ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างมองเขาเป็นตัวตลกด้วยรูปร่างหน้าตาไม่สมประกอบ ผู้คนต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่า ที่เขาต้องลอยตามน้ำมาคงเพราะแม่ทนเห็นลูกตัวเองไม่ไหว จงใจทิ้งลงน้ำให้ตายอย่างอนาถ แต่เด็กอาภัพคนนี้กลับไม่ตายแถมร่างกายยังมีพละกำลังมากกว่าผู้ใหญ่หลายคนเสียอีก และเพราะอย่างนั้น ผู้คนถึงมองเขาเป็นสัตว์ประหลาดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
แปะ!
"ไอ้สัตว์ประหลาด!"
"อี๋ น่ากลัวจัง"
"ระวังมันจะกินสมองพวกเรานะ ไปกันเถอะ"
ผลไม้เน่าถูกปาใส่หัวเด็กน้อย หนอนแมลงยั้วเยี้ยไหลลงหัวไร้ซึ่งเส้นผม ตาเท็ปโป้เอาเศษผ้ามาเช็ดให้ออกจนหมดก่อนจะก้มกินใบไม้ต่อ
"อย่าโกรธโลกใบนี้เลยนะอีคอน ทุกอย่างที่ทำให้เจ้าทุกข์ ทุกสิ่งที่ทำให้เจ้าทรมาน ล้วนเป็นบททดสอบของพระเจ้า อย่าปล่อยให้ความทุกข์กลืนกินเจ้า ไม่งั้นเจ้าจะไม่ต่างจากปีศาจและจะไม่มีใครรักเจ้าได้อย่างแท้จริง"
"ขอรับ"
"เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว เจ้าก็ไปตักน้ำเสียเถอะ คนที่โรงนอนจะได้มีน้ำดื่ม"
หลังชายชราเดินหายไป อีคอนถือถังน้ำเดินไปยังบ่อน้ำที่อยู่อีกฟากของโรงนอนคนชรา ตรงข้ามกับโรงนอนเด็กกำพร้า ที่ซึ่งไม่ต้องการเด็กอย่างอีคอนไปเลี้ยง
"สัตว์ประหลาดมาแล้ว"
"กรี้ดดดดด"
เด็กผู้ชายต่างออกมามุงดู ส่วนเด็กผู้หญิงก็วิ่งเข้าไปหาที่หลบด้วยความหวาดกลัว แม่ชีผู้ดูแลก็เดินออกมาดูด้วย เธอกลัวว่าอีคอนจะทำร้ายเด็กในโรงนอนนี้รึเปล่า แต่ภาพที่เห็นคือเด็กผู้ชายที่ไปดูต่างขว้างปาก้อนหินใส่ร่างน้อยจนศีรษะแตกเลือดไหลนองหน้า อีคอนไม่ได้ทำท่าทีโกรธ พอตักน้ำได้แล้วก็เดินจากไป
แม่ชีโล่งใจที่เด็กๆ ไม่เป็นอะไรก็กลับเข้าไปทำงานตัวเองต่อ แต่อีคอนที่เลือดไหลนองหน้านั้นกลับไม่มีใครเหลียวแล นั่นคงเป็นเพราะ เพียงไม่กี่ก้าวที่อีคอนเดินจากมา บาดแผลที่เคยถูกรังแกกลับสมานหายจนเป็นปกติ มีเพียงความอัปลักษณ์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ นี่คงเป็นอีกสาเหตุที่ผู้คนต่างหวาดกลัวอีคอน เขารักษาตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวทย์รักษาเลยสักนิด แต่ถึงจะมีพละกำลังเหนือผู้ใหญ่ และการรักษาร่างกายอันรวดเร็วอย่างปีศาจ หากได้ใช้ทางการทหารแล้วคงเป็นเทพสงครามอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าอีคอนนั้นมีอายุได้เพียง 5 ปี ไม่สามารถเข้าใจโลกที่ผู้ใหญ่เป็นได้รวดเร็วขนาดนั้น
"นั่นใช่รึเปล่า สัตว์ประหลาดที่เขาพูดถึงกัน"
เสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามาแต่ไกล อีคอนหันไปมองผู้พูด เขาเป็นชายสูงศักดิ์สวมชุดขุนนางสีกรมเข้มดั่งท้องฟ้ายามค่ำคืน แม้ชายคนนั้นจะกล่าวถึงเขาแต่ไม่ได้พูดกับเขาแม้แต่น้อย จากที่เท็ปโป้เคยสอนมา การพบปะกับขุนนางต้องโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อีคอนทำอย่างนั้นกับชายสูงศักดิ์ตรงหน้า พอเห็นอีคอนทำท่าโค้งคำนับชายสูงศักดิ์ตรงหน้าขมวดคิ้วอย่างสงสัย และเพื่อคลายความสงสัยนั้นเขาจึงสั่งคนข้างกายให้ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด
"ไปตัดแขนของมันมา"
สิ้นคำนั้นอัศวินข้างกายรุดหน้าขึ้นก่อนจะฟันดาบข้างลำตัวของอีคอน แขนข้างขวาหลุดออกจากร่าง อีคอนดีดดิ้นด้วยความเจ็บ ทอดมองคนตรงหน้า เขามองลงมาอย่างเย็นชา อัศวินผู้นี้ไม่มีความเห็นใจให้อีคอนเลยสักนิดก่อนจะเดินกลับไปยืนข้างชายสูงศักดิ์อีกหนโดยไม่หันมามองอีก
อีคอนรีบตะเกียกตะกายวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะหันมามองทางชายสูงศักดิ์อีก
แต่อีกด้านที่ชายสูงศักดิ์ผู้นั้นเห็นคือ แขนที่เคยถูกตัดขาดไปแล้วมันกำลังใช้นิ้วทั้งห้าวิ่งตามเจ้าของร่างไป
"ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากเสียจริง จับตาดูมันให้ดี หากมันอายุครบ 15 ปีเมื่อใด จงส่งมันไปสนามรบ"
"ขอรับ องค์ราชา"
อีคอนกลับมาที่โรงนอนคนชราด้วยมือเปล่า วันนี้เขาไม่กล้าออกไปด้านนอกอีกเพราะกลัวชายสูงศักดิ์ผู้นั้น ถึงแม้เท็ปโป้จะโน้มน้าวสักเท่าไหร่ อีคอนก็ไม่ก้าวออกจากโรงนอนจนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวันเขาถึงยอมออกเพราะคนชราที่นี่จะไม่มีน้ำให้ดื่ม
3 ปีผ่านไป ในชีวิตประจำวันของอีคอนก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม ถูกรังแก อดอาหารและตักน้ำไปให้คนชราที่โรงนอนดื่ม ทว่าวันนี้ต่างออกไป เด็กน้อยสวมชุดสะอาดกับผ้าโพกหัวอย่างแม่ชีกำลังขวางทางกลับโรงนอนของเขาด้วยเหตุผลที่ว่า
"วันนี้ข้าจะปราบเจ้าให้ได้ เจ้าสัตว์ประหลาด!"
พูดจบก็พุ่งเข้ามาฟาดท่อนไม้ใส่อีคอน เขาไม่ได้ตอบโต้หรือร้องขอความเห็นใจ ได้แต่กุมศีรษะเอาไว้ไม่แสดงอารมณ์ เพราะเป็นแรงของเด็กที่อายุน้อยกว่าเลยทำให้เขาไม่เจ็บตัวมากนัก แต่กลับเจ็บที่ใจ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ถึงแม้จะไม่ตอบโต้ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเขาก็ยังถูกคนอื่นทุบตีรังเกียจ แม้แต่เด็กน้อยคนนี้ยังไม่เห็นเขาเป็นคน แล้วเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังจะโตมาเล่า แล้วถ้าคนชราที่โรงนอนต่างพากันจากเขาไปกันหมด ถ้าถึงตอนนั้นยังจะมีใครต้องการเขาอีกหรือเปล่า
"ฮึก"
เสียงสะอื้นไห้อย่างเหลืออดพรั่งพรูพร้อมหยดน้ำตา อีคอนกอบกุมใบหน้าไม่อยากให้ใครเห็น เด็กน้อยที่ทุบตีหยุดมือเพราะคิดว่าปราบปีศาจได้แล้ว แต่พอเห็นน้ำตาหยดลงมาก็ชะงักงันกับสิ่งที่เห็น ไม่นานเด็กน้อยคนนั้นก็วิ่งออกไปแล้วหลบอยู่หลังเสาวิหารมองสัตว์ประหลาดร้องไห้อยู่ห่างๆ อีคอนเลิกร้องไห้พลางเช็ดน้ำตาก็เดินถือถังน้ำไปต่อ
เส้นทางสัญจรทางเดิมเพิ่มเติมคือคนเดินตาม เด็กคนนั้นที่เคยทุบตีอีคอนเดินตามหลังพยายามแอบแต่ไม่มิดอยู่ห่างๆ อีคอนไม่ได้ห้ามหรือชวนคุย เดินไปโรงนอนต่อและทำเป็นไม่สนใจ
วันต่อมาเด็กคนเดิมเดินตามหลังเขาอีกครั้ง อีคอนไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มีจุดประสงค์อะไร ดูจากเสื้อผ้าแล้วคงเป็นนักบวชฝึกหัดของวิหารแต่กลับใส่ผ้าโพกหัวแบบแม่ชี ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ แต่การแต่งกายผิดวินัยอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่มีใครกล่าวทักท้วงคงเป็นกฎแบบใหม่ให้ทำตาม อีคอนยังคงใช้ชีวิตอย่างเดิม กินหญ้า ตักน้ำและถูกรังแก
"สัตว์ประหลาดมาแล้ว!"
"รอบนี้ใครปาแม่นสุดได้สิทธิ์เลือกขนมก่อน"
"ครั้งนี้ฉันจะปาทีเดียวสามก้อนรวดเข้าเป้าแบบไม่ต้องลืมตาเลย"
"ขี้โม้ชะมัด ฮ่าฮ่าฮ่า"
เด็กในโรงนอนแข่งกันปาหินใส่อีคอน แม้จะเจ็บแต่ก็ต้องทนเหมือนทุกที แม้จะทุกข์แต่ก็ต้องปล่อยวางไม่อาจโต้ตอบได้ ไม่ปล่อยให้ความมืดกลืนกิน
"หยุดนะเจ้าพวกคนเลว! อ๊ะ!"
เด็กน้อยคนนั้นวิ่งเข้ามาขวางก่อนจนถูกก้อนหินขว้างใส่ เด็กคนอื่นหยุดกันเพราะชุดที่ใส่นั้นมีเพียงลูกขุนนางเท่านั้นถึงจะใส่ได้ แต่คล้ายว่าทุกอย่างจะสายไป ก้อนหินที่ปาใส่เมื่อครู่สร้างบาดแผลใหญ่ให้หน้าผากใสของเด็กน้อย แม่ชีรีบวิ่งออกมาดูพอเห็นเลือดไหลจากศีรษะของลูกคนที่ไม่ควรแตะต้องก็ถึงกับตัวสั่น
"กะ แก! แกทำร้ายเจ้าชายน้อย ใครก็ได้ช่วยด้วย สัตว์ประหลาดมันทำร้ายเจ้าชาย! ใครก็ได้ช่วยด้วย"
เด็กน้อยช็อกจนสลบเมื่อเห็นเลือด ไม่ทันรู้เลยว่าการเข้ามาปกป้องครั้งนี้จะเป็นจุดพลิกพลันของชีวิตอีคอน
อีคอนถูกพาไปห้องขังรอการพิจารณาโทษ ฐานทำร้ายเจ้าชายของอาณาจักร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนั้นเป็นเจ้าชาย รู้เพียงว่าอาจเป็นลูกของขุนนางสูงศักดิ์ ถึงแม้จะต้องตกอยู่ในสถานภาพอันเลวร้ายนี้ แต่ภาพที่เด็กคนนั้นก้าวเข้ามาปกป้องเขาจากการถูกรังแกก็ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำ ครั้งแรกที่ได้รับความเห็นใจจากคนอื่นนอกจากคนในโรงนอน ถึงภายหลังจะถูกใส่ร้ายและทุบตีอย่างเมื่อก่อน ถูกตัดแขนแต่ก็กลับมาต่อใหม่ เมื่อไม่มีวิธีที่จะทรมานอีคอนให้รู้สึกเข็ดหลาบได้ จึงขังเขาต่อไปให้ไร้อิสรภาพในคุกใต้ดิน
เสียงวิ่งน้ำหนักเบาดังเตาะแตะมาแต่ไกล ไม่นานเงาร่างของคนตัวเล็กกว่าก็ปรากฏ เด็กคนนั้นที่เป็นเจ้าชายวิ่งผ่านห้องขังไปไม่นานก็วิ่งกลับมา
"เจ้าสัตว์ประหลาด" พอได้เห็นหน้าอีคอนแล้วเด็กคนนั้นก็ร้องไห้โหทันที "ขะ ข้าขอโทษ เจ้าเจ็บรึเปล่า อย่าร้องไห้อีกเลยนะ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกแล้ว"
เด็กคนนั้นเกาะกรงขังร้องไห้ต่อหลังจากพูดจบ อีคอนไม่เคยสัมผัสความเห็นใจจากผู้อื่นมาก่อนก็เดินเข้าไปหา เช็ดมือให้สะอาดก่อนปาดน้ำตาทั้งสองข้างของเด็กคนนั้นออก
"ข้าไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะขอรับ ข้าเป็นคน มีนามว่า อีคอน แล้วเจ้าชายมีนามว่ากระไรหรือขอรับ"
"ฮึก ลีโอ ข้าชื่อลีโอ" เด็กน้อยกล่าวพลางเช็ดน้ำตาออก "เจ้าไม่โกรธหรือที่ข้าทำให้เจ้าเจ็บ"
"ไม่เลยสักนิด ข้าดีใจเสียอีกที่ท่านช่วยข้าไว้ในตอนนั้น แล้วทำไมท่านถึงช่วยข้าไว้ล่ะขอรับ"
"ข้าไม่ได้ช่วยสักหน่อย! เพราะเจ้าอ่อนแอเกินไปต่างหาก! อัศวินต้องปกป้องคนอ่อนแอสิ"
แล้วมันต่างจากช่วยตรงไหนกัน?
"ข้าจะไปทูลกับท่านพ่อว่าเจ้าไม่ได้ผิด เด็กพวกนั้นต่างหากที่ผิด พวกเขาทำร้ายเราก่อน!"
"อย่าเลยขอรับ ถ้าท่านทำอย่างนั้นเด็กคนนั้นคงต้องทุกข์ทรมานแน่"
"แล้วต่างยังไงเล่า เจ้าเด็กคนนั้นก็ทำเจ้าทุกข์ใจเหมือนกัน ข้าจะไปบอกท่านพ่อ"
อีคอนหยิบเศษไม้แถวนั้นขึ้นมาให้ดูก่อนจะแทงลงที่แขนแล้วดึงออก เด็กน้อยมองเลือดไหลซึมออกก่อนจะระวิงมือหาผ้ามาซับ
"เจ้าจะทำร้ายตัวเองทำไม"
ไม่นานบาดแผลนั้นก็หายไป เด็กน้อยทำตาโตอย่างตื่นเต้นก่อนจะมองไปทางอีคอน
"ที่จริงเจ้าแข็งแกร่งใช่ไหม? "
"ขอรับ ถึงจะโดนทำร้ายยังไง บาดแผลก็สมานหายกลับมาเป็นอย่างเดิม เพราะงั้นถึงข้าจะถูกทรมานที่นี่ก็ไม่เป็นไร แต่เด็กคนอื่น ถ้าต้องถูกทำร้าย พวกเขาต้องทนความเจ็บปวดนั้นไปอีกนาน ข้าไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างที่ข้าเจอ เพราะอย่างนั้น ท่านอย่าไปบอกใครเรื่องที่ข้าไม่ใช่คนผิดเลยนะ"
"อืม… ก็ได้" ลีโอรับปากและนั่งพูดคุยกับเขาต่อก่อนจะกลับที่พักเเมื่อใกล้ตะวันตกดิน
ในทุกๆ วันลีโอจะมาหาอีคอนที่คุกใต้ดินเป็นประจำ ถึงแม้ผู้คนจะรู้แต่ไม่มีใครคิดจะห้าม เจ้าชายผู้นี้เป็นที่รับรู้กันว่าไม่เป็นที่รักใคร่ขององค์ราชา และเพราะเหตุนั้นจึงได้ส่งเจ้าชายมาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ เก็บเขาไว้ในที่มืด ที่ซึ่งห่างไกลจากสายตาผู้คน
"ท่านลีโอ ทำไมท่านถึงได้ใส่ผ้าโพกหัวของแม่ชีล่ะขอรับ"
"คงเพราะ... ท่านพ่อไม่ชอบเส้นผมของข้า" ลีโอพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ
"ทำไมกันขอรับ? "
ลีโอมองอีคอนอย่างลังเลใจก่อนจะเปิดให้ดู เส้นผมสีแดงฉานราวกับเลือดสดๆ เป็นที่สะดุดตาเพราะตั้งแต่ที่เคยเกิดมาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นสีที่ฉูดฉาดแต่พออยู่กับใบหน้าของเด็กน้อยยิ่งขับสีผิวใสให้กระจ่างราวกับมีออร่าในตัว
"งดงามมากขอรับ ตาเท็ปโป้เคยกล่าวไว้ว่า คนที่โชคร้ายในโลกนี้มีสองประเภท คือคนที่อัปลักษณ์ที่สุด กับงดงามที่สุด บางทีความงามของท่านอาจเป็นภัยให้ผู้อื่นมาทำร้ายได้นะขอรับ"
"เพราะอย่างนั้นท่านพ่อเลยให้ข้าสวมผ้านี้ไว้ตลอดอย่างนั้นเหรอ"
"ข้าคิดว่าอย่างนั้นขอรับ"
ลีโอยิ้มอย่างพอใจ ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ถูกเรียกว่าทายาททรราช เขาไม่รู้เลยสักนิดว่านั่นหมายความว่ายังไง แต่เมื่อได้ยินจากอีคอนว่าอาจเป็นเพราะเขางดงามเกินไปจึงถูกรังเกียจก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อย
"ช่วยไม่ได้นะ ถ้าความงามของข้ามันเป็นบาป ข้าจะปกปิดความงามเหลือล้นนี้ไว้จากสายตาผู้คนก็แล้วกัน"
"เป็นพระคุณอย่างยิ่งขอรับ"
อีคอนถูกจองจำได้สองปีก็ถูกปล่อยออกมายังโลกภายนอก เขากลับมาที่โรงนอนคนชราทั้งเป็นห่วงคนแก่ที่นั่นจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีเขา แต่เมื่อมาถึงกลับมีใครไม่รู้มานอนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อสังเกตใกล้ๆ เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำสมส่วน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคลารวมถึงขนตายาวเป็นแพรสวย แต่เมื่อมองที่ร่างกาย แขนข้างซ้ายของเขาหายไปและมีบาดแผลขนาดใหญ่ถากที่ใบหูข้างซ้ายจนถึงศีรษะ
"งืม… เฮ้ย!! ตัวอะไรวะเนี่ย!!"
ชายคนนั้นลืมตาตื่นมาเห็นอีคอนยืนจ้องหน้าเขา เขาหยิบดาบขึ้นมาป้องกันตัวก่อนจะมองไปที่สัตว์ประหลาดอีกครั้ง
"อ้าว อีคอน ออกจากคุกใต้ดินมาแล้วเรอะ"
"ขอรับ"
"คงเพราะอาณาจักรเราจับเชลยมาได้เลยต้องเอามาขังไว้ที่คุกใต้ดินของวิหาร นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกนั้น แกคงถูกขังลืมไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า"
อีคอนไม่รู้ว่าตาเท็ปโป้ขำอะไรก็เดินเข้าไปในโรงนอน แต่ดูท่าชายคนเดิมจะไม่ยอม
"เดี๋ยวก่อนสิ ลุงยังไม่บอกเลยนะว่าไอ้ตัวประหลาดนี่มันคืออะไร จะปล่อยให้มันเข้าโรงนอนไปง่ายๆ ได้ยังไง"
"อีคอนเป็นเด็กกำพร้าที่แม่เจ้าเก็บมาเลี้ยงยังไงเล่า ถึงจะหน้าตาอัปลักษณ์แต่นิสัยข้ารับประกันได้ว่าดี ข้าสั่งสอนเองกับมือ"
"ออสก้า ออสก้าลูกแม่ เจ้าอยู่ที่ไหนน่ะ"
"ขอรับ ข้าอยู่ตรงนี้ขอรับ"
ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาหญิงชราตาบอดที่เคยเก็บอีคอนมาเลี้ยง "ออสก้า ช่วยแม่ตามหาอีคอนที เขาหายไปไหนก็ไม่รู้ จะเป็นอันตรายอะไรรึเปล่า"
อีคอนเดินหน้าไปหาหญิงชราก่อนจะกอบกุมมือนั้นเอาไว้ "ข้าอยู่นี้แล้วยาย ข้าเผลอไปหลงอยู่ในป่ามานาน ขอโทษด้วยที่ข้าไม่ได้กลับมาดูแลท่าน"
"ไม่เป็นไรหรอก เจ้ายังอยู่ดีข้าก็ดีใจแล้ว ออสก้าเองก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าให้เจ็บป่วยเป็นไข้นะ"
"ขอรับแม่ แม่พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าหาอะไรมาให้ทาน"
ออสก้าพาหญิงชราตาบอดไปนั่งก่อนจะหันกลับมาที่อีคอน เขาถอนหายใจครู่นึงก่อนจะส่งสัญญาณให้อีคอนเดินตามไป
"ไปไหนหรือขอรับ"
"ไปหาอาหาร"
ที่ที่ออสก้าพามาคือตลาดกลางเมือง สถานที่ที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุด ทั้งชนสูงชนชั้นกลางเดินไปมาด้วยท่าทางองอาจ ออสก้าให้เขาใส่ผ้าคลุมหัวปกปิดใบหน้า ส่วนตัวเองก็แต่งตัวเป็นพ่อค้าเดินไปตามถนน
"คุณผู้หญิงช่างผิวสวยจริงๆ นะขอรับ เหมาะกับอัญมณีสีเขียวอย่างมรกตเม็ดนี้เสียจริง เพียงท่านสนใจข้าจะลดให้เป็นพิเศษชดเชยกับความงามของท่านที่พระเจ้าอุตส่าห์สร้างให้เห็น"
สตรีผู้นั้นหยิบพัดปิดครึ่งหน้าก่อนจะเหลียวมองมรกตบนมือออสก้า
"แล้วเจ้าจะให้ราคาพิเศษกับข้าเท่าไหร่กันล่ะ"
"เพียง 200 ซีรูเท่านั้นขอรับ"
เงินสกุลของเมืองนี้เรียกว่าซีรู 1 ซีรู ทำจากทอง 0.5 กรัม และยังมีเหรียญเซโรที่ทำมาจากเงิน 0.78 กรัม นิยมใช้กันในกลุ่มชนชั้นกลางจนถึงล่าง สตรีนางนั้นได้ยินราคาก็โบกพัดไปมาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วคนรับใช้ของนางก็ถือหีบขนาดกลางวางไว้ตรงหน้า เมื่อเปิดออกดูก็เห็นเป็นเหรียญซีรูสีทองอร่ามเต็มหีบ พอจะไปแตะที่เหรียญก็ถูกชักกลับทันที
"แลกของกันก่อนถึงจะตรวจสอบได้"
"ตกลง"
ออสก้ายื่นเม็ดมรกตให้คนรับใช้แล้วให้อีคอนยกทองให้แทน เมื่อออสก้าเปิดหีบตรวจสอบลองกัดเหรียญทีนึง เหรียญก็บิดเบี้ยวแล้วมีรสช็อกโกแลตเข้ามาแทน
"ของปลอม!! เจ้าพวกหัวขโมย!" กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนั้นวิ่งหนีไปแล้ว ออสก้าทำท่าโวยวายต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะวิ่งดี๊ด๊าเข้ามารวบเอาช็อกโกแลตไป
"แล้วพวกโจรล่ะขอรับ"
"ไม่ต้องสนใจ มรกตนั่นก็ปลอมเหมือนกัน พวกเราเอาช็อกโกแลตไปละลายแล้วขายใหม่กันดีกว่า ก่อนพวกนั้นมันจะรู้ตัว"
อีคอนอึ้งกับการกระทำนั้นแต่ก็หันหลังกลับ เขาไม่เห็นด้วยกับการลักขโมย
"ผมจะเอาของพวกนี้ไปคืน"
"อย่าโง่น่า พวกนั้นมันก็โจรเหมือนกัน ไม่มีทางมาเอาผิดพวกเราอยู่แล้ว"
"ไม่รู้ล่ะ การขโมยเป็นสิ่งไม่ดี ผมจะเอาของพวกนั้นไปคืน!"
พูดจบก็พุ่งเข้ามาคว้าหีบนั้นไปทันที ด้วยแรงมหาศาลทำให้อีคอนเคลื่อนไหวได้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่าตัว เขากระโดดเดินไปตามหลังคาพอมองเห็นกลุ่มสตรีสูงศักดิ์กับคนรับใช้วิ่งไปทางตรอกสลัม
"หยุดนะเว้ย อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ถึงคืนไปก็ใช่ว่ามันจะปล่อยพวกเรา อีคอน!!"
ออสก้าวิ่งฝ่าผู้คนมาตามหลัง เขารู้จุดที่ชายหญิงโจรพวกนั้นจะไปอย่างดี และรู้ดีอีกว่าคนพวกนั้นเป็นกองโจรมิจฉาชีพที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน
อีคอนวิ่งตามทันสองชายหญิงก่อนจะกระโดดลงมาตัดหน้าคนทั้งคู่ ใบหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนค่อยๆ ก้าวมาข้างหน้าพอดีกับที่สองชายหญิงก้าวถอยหลังอย่างระวังตัว
"เป็นทาสที่เก่งใช้ได้เลยนี่ แต่แกจะสู้กับคนเป็นร้อยที่นี่ไหวรึเปล่าล่ะ!!"
พูดจบก็มีคนนับร้อยโผล่ออกมาจากที่ซ่อน ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันก่อนที่อีคอนจะวางหีบเหรียญปลอมไว้ที่พื้น
"ข้าเอาของมาคืนพวกท่าน อภัยให้คนผู้นั้นด้วย เพราะพวกเราต้องอยู่อย่างอดอยาก เขาถึงต้องเลือกวิธีไม่ดีอย่างนี้ และของที่ท่านแลกเปลี่ยนกันตอนนั้นก็ไม่ใช่ของจริงด้วยขอรับ"
หญิงสาวหยิบมรกตขึ้นมาก่อนจะบีบมันเละคามือด้วยความโกรธ "พวกแกกล้าหลอกเราเหรอวะ! อยากตายรึไง" ด้วยความโทสะนางก้าวเข้าไปเตะอีคอนจนกระเด็น
"ข้าขออภัย ท่านหญิง"
"ขออภัยแล้วมันหายรึไง!!"
เธอกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอีคอนกุมตัวงอ ผู้คนรอบด้านต่างหัวเราะความอ่อนแอของเขา
"นึกว่าจะเก่งวะ ที่แท้ก็ไก่อ่อน"
แต่ล่ะคนจับอีคอนขึงกับผนังแล้วผลัดกันทุบตีอย่างทารุณ ออสก้าแอบอยู่ด้านหลัง มองดูภาพนั้นอย่างเวทนา หากเข้าไปช่วยตอนนี้คงถูกทำแบบเดียวกันไม่ต่างแล้วมันจะยิ่งแย่เข้าไปอีกถ้าไม่มีคนอยู่รอช่วยพวกเขาออกมา คงต้องรอจนมืดค่ำจนคนพวกนี้หลับก่อนถึงจะช่วยอีคอนกลับมาได้ กว่าจะถึงตอนนั้นออสก้าได้แต่ภาวนาว่าอีคอนจะไม่ตายไปเสียก่อน
ในปากคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด แผลที่เคยสมานไปแล้วก็กลับมาเป็นแผลอีก คนพวกนี้ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าอีคอนรักษาตัวเองได้เพราะเลือดอาบร่างจนมองไม่ออก
ทำไม ทำไมกัน ทั้งที่ตั้งใจจะเอาของมาคืน ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ ข้าขอโทษแล้ว ข้ายอมรับผิดแล้ว ทำไมพวกเขาถึงไม่หยุด!
ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าอำลาโลก การทุบตียังไม่หยุด จนมือของคนกระทำมันด้านชา แต่ใช่ว่าความทรมานจะสิ้นสุด เมื่ออีกคนหมดสนุกอีกคนก็เข้ามาแทน ใช้มีดกรีดเนื้อเถือหนังออกมาทั้งเป็นจนเห็นกระดูกก่อนจะเอาเนื้อที่ได้ไปย่างไฟแล้วกินให้ดู อีคอนยิ่งสั่นกลัวเมื่อเห็นคนพวกนี้ต่างจากคนอื่นที่เคยเห็น แม้แต่ทหารยังไม่ลงโทษเขาถึงขนาดนี้
'ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที ได้โปรดข้ากลัวแล้ว!!'
'หนวกหูจริงเว้ย!!!'
เสียงบางอย่างในใจดังออกมา อีคอนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่สายตาเริ่มพร่ามัว ภาพตรงหน้าส่ายไปมามองทุกอย่างที่เห็นโดยที่เขาไม่ได้ขยับ ไม่นานโซ่ที่พันธนาการตัวเองก็ถูกกระชากออกด้วยแรงมหาศาล
"ฮึฮึ 1 พันล้านปี… ฮึฮึฮึ 1 พันล้านปีในนรกแม่งโคตรน่าเบื่อ!! ไอ้ยมโลก! ถ้ากูเจอมึงอีกจะฆ่าแม่งทั้งโคตรเลย!!!"
ฝากติดตามด้วยนะ
มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง