Descargar la aplicación
80.76% รักครั้งใหม่... ขอไม่ออกแบบ / Chapter 63: คือความลึกซึ้ง

Capítulo 63: คือความลึกซึ้ง

หลังจากใจง่ายตามหนุ่มปากแดงขึ้นรถมาแล้ว จู่ๆความรู้สึกสับสนก็เกิดประดังประเดกันเข้ามาในใจฉัน

นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่ คนข้างๆคนนี้เขาเป็นเจ้าของบริษัท และฉันเป็นตัวการทำให้บริษัทของเขาตกต่ำ เขามีลูกชายวัยรุ่น และฉันก็ชักนำลูกชายเขามาใกล้ชิดกับความสุ่มเสี่ยงทางการเมือง

ที่สำคัญ… ฉันกับเขากำลังมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือต่อกัน

เราทั้งคู่ต่างนั่งเงียบๆกันมาตลอดทาง ฉันจมดิ่งอยู่ในความคิดของตัวเอง ส่วนคนข้างๆก็นั่งขับรถหลังตรงดูมีสมาธิมากกับการจ้องมองไปที่ถนนเบื้องหน้า แต่ก็มิวายหันมาส่งสายตาอบอุ่นเป็นระยะๆ ฉันไม่รู้ว่าคุณเซนเขาจะเข้าใจความรู้สึกอันซับซ้อนของฉันในตอนนี้หรือเปล่า

ไปๆมาๆฉันก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองเสี้ยวหน้ารีขาวนั้นอย่างขัดใจ

คือ… ไอ้ความรู้สึกโรแมนติคของการมีใครสักคนนั่งเงียบๆข้างๆเราในยามที่เรากำลังรู้สึกแย่ๆนั้นมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เมื่อเขาเห็นฉันนั่งเฉาหน้าซึมซะขนาดนี้ แล้วถ้าคุณเซนเป็นคนที่รู้ใจฉันจริงๆ ก็น่าจะรู้แหละว่าฉันกำลังผิดหวังเรื่องยอดขาย อย่างน้อยเขาก็น่าจะพูดปลอบใจอะไรบ้างไหมวะคะ เป็นต้นว่า…

ลินไม่ต้องกังวลนะ เราจะสู้ไปด้วยกัน… หรือ

ปีหน้ายอดขายของทีมลินต้องดีขึ้นแน่ๆ ขอแค่เราต้องร่วมมือกัน… หรือ

ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยลินเอง ลินเชื่อใจผม… หรือ

ทีมของคุณมินตราเขาก็แค่โชคดี ปีนี้ทีมของลินก็แค่โชคร้าย…

ฯลฯ

แต่คำพูดที่ออกจากปากของพ่อหนุ่มรูปหล่อหลังจากนั่งเงียบๆกันมาพักใหญ่ และรถของเรากำลังมุ่งเข้าสู่ถนนพระรามสองก็คือ…

"ตื่นเต้นจังเลย ได้หนีออกจากบ้าน ลินว่าพวกเขาจะออกตามหาเราไหม"

โอเคค่ะ โอเค ให้คะแนนความพยายามค่ะ ไม่คาดหวังก็ได้ค่ะ

"งั้นเราโทรไปบอกใบ้พวกเค้ากันดีไหมคะ ว่าเรากำลังจะหนีไปหัวหิน" ฉันฝืนรับมุกฝืดๆนั้นกลับไปอย่างซังกะตาย

แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเข้าไลน์กลุ่มของครอบครัว และก็แน่นอนที่ยัยลิสาจะกดรับในทันทีตามประสาเด็กซูเปอร์แอคทีฟ ส่วนคุณลลนามารดาฉันเธอไม่ได้กดรับ เธอคงกำลังวุ่นวายกับการฝึกโยคะยามเย็นตามเคย

ฉันบอกหลานสาวไปว่าคืนนี้ไม่ค้างบ้าน จะไปหัวหินกับเพื่อน

ไม่ได้โกหก แค่บอกไม่หมด

ซึ่งลิสาคนสวยก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าน้าสาวเป็นคนช่างเที่ยว เป็นเรื่องปกติที่จู่ๆฉันนึกจะไปเที่ยวไหนก็ไป คิดๆไปฉันก็โชคดีที่มีครอบครัวที่เข้าใจ มีมารดาที่สุขภาพแข็งแรง และมีหลานสาวที่มีความเป็นผู้ใหญ่สูง ฉันมีอิสระที่จะคิดจะทำอะไรได้ง่ายๆตามใจต้องการ

ส่วนคนข้างๆล่ะ…

คุณเซนเธอต่อสายเข้าไลน์กลุ่มครอบครัวเช่นเดียวกันฉัน และก็เป็นอย่างที่ฉันแอบคิดไว้ มีคนรับสายเพียงคนเดียวคือคุณมะพร้าว คุณพ่อบ้านซึ่งบัดนี้หายจากอาการเจ็บป่วยและกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และยังคงเป็นผู้ที่แอคทีฟที่สุดในบ้านคุณเซนเช่นเคย

สังเกตมาสักพักละจ้า บ้านนี้เขาไม่ค่อยติดโทรศัพท์มือถือกัน คุณเซนเองเน้นทำงานกับแล็ปท็อปซะเป็นส่วนใหญ่ คุณราเชนทร์นี่น่าจะหยิบมือถือมาเฉพาะตอนต้องการจะกดไลค์ในเฟซบุ๊คกับอินสตราแกรมให้หลานชาย ส่วนเจ้าเรน ตอนแรกๆก็เห็นแต่เล่นเกมบนมือถือ แต่หลังๆมานี่เจ้าเด็กนั่นเห็นพกไอแพดไว้วาดรูปตลอดเวลา

ฉันอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินคุณเซนเธออ้ำๆอึ้งๆโกหกคุณมะพร้าวไปว่าเผอิญมาทำงานที่หัวหิน และเหนื่อยมาก ขี้เกียจขับรถกลับกรุงเทพ คุณเขาคงจะไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ความพลิ้วเลยยังไม่มา

หลังเสร็จจากภารกิจการแจ้งให้ครอบครัวของเราทั้งคู่ทราบถึงเรื่องการหนีออกจากบ้านแล้ว คนข้างๆก็รีบหันมาหาฉัน ปากแดงๆนั่นรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

"ผมไม่ได้โกหกคุณมะพร้าวนะ ผมกำลังไปทำงานที่หัวหินจริงๆ มีธุระต้องพาพนักงานคนนึงไปกินข้าวแถวนั้น"

"อื้อ ยังไม่ค่อยเนียนนะเราน่ะ" แม้จะยังอยู่ในอารมณ์หดหู่ แต่ฉันก็อดที่จะเอ็นดูพ่อหนุ่มปากแดงคนนี้ไม่ได้

"ลินหิวไหมครับ เราแวะกินข้าวที่ไหนกันดี" เจ้านายที่ดีรีบปฏิบัติหน้าที่โดยทันที

ในยามอารมณ์ปกติรายชื่อร้านอาหารระหว่างทางไปหัวหินคงผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่ตอนนี้ฉันกลับไม่มีอารมณ์แม้แต่จะหิว

"ไม่รู้สิคะ ไม่หิวเลย" ฉันตอบไปตามความรู้สึก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกหดหู่ขนาดนี้ กะอีแค่เรื่องยอดขายตก

หรือเพราะบริษัทนี้เป็นของผู้ชายที่นั่งข้างๆคนนี้ ผู้ชายที่ฉันเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่า…

ฉันแคร์เขามากกว่าที่ฉันคิด!

"แต่ผมหิวมาก แล้วก็กำลังอยากกินส้มตำไก่ย่างซุบหน่อไม้" คนนั่งข้างๆพูดหน้าตาเฉย

ห้ะ! ว้อท? คุณเซนไปเอาความคิดอยากกินส้มตำเยี่ยงนี้มาจากไหนกัน ปกติคุณเขาชอบกินอาหารญี่ปุ่นไม่ใช่รึ

ฉันย่นคิ้วหันขวับไปมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ นี่คุณปากแดงเธอกังวลกับยอดขายของทีมฉันจนถึงกับเพี้ยนเลยรึ

"อ้าว ทำไมมองผมอย่างนั้นล่ะครับ แค่อยากกินซุปหน่อไม้มันผิดตรงไหน" คนปากแดงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

แม้จะยังเคลือบแคลงใจ แต่พอได้ยินชื่อซุบหน่อไม้แล้วฉันก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆน้ำย่อยเริ่มทำงานหน่อยๆ ก็ซุบหน่อไม้คืออาหารโปรดสุดๆของฉันนี่นะ เอ่อ จะเป็นรองก็แค่สปาเกตตีน้ำมันมะกอกเท่านั้น

"ลินช่วยกูเกิ้ลดูหน่อยได้ไหมครับ ว่าแถวนี้มีร้านไก่ย่างส้มตำอร่อยๆหรือเปล่า ที่สำคัญต้องมีซุบหน่อไม้ด้วยนะ"

ผู้ชายหน้าขาวตาเรียวปากแดงเสื้อเชิ้ตดำซึ่งมีท่าทางการขับรถเท่ๆคนนี้ กำลังชวนฉันไปกินซุบหน่อไม้? เฮ้ย หรือว่าคุณเซนเธอแอบไปมีกิ๊กเป็นสาวอีสานวะ! ถึงได้เกิดติดใจอาหารอีสานขึ้นมา

โอเค โอเค ช่างมันเถอะ คิดในแง่ดีว่าคุณเซนเธออาจจะอยากเปลี่ยนรสนิยมการกินบ้างแล้วก็ได้

ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าอีกทีเพื่อกูเกิ้ลดูพิกัดร้านอาหารอีสานแถวๆนี้อย่างว่องไว โอว เห็นรายการอาหารแนะนำที่โชว์ขึ้นมาแล้วก็น้ำลายสอ ตับหวาน ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ตำไหลบัวกุ้งสด…

กรี๊ด! แล้วนั่น! นั่นมันแกงผักหวานไข่มดแดง ของหากินยาก! ร้านนี้นี่มันร้านอาหารอีสานในฝันของฉันชัดๆ ไม่น่าเชื่อว่าแถวพระรามสองจะมีร้านเด็ดๆแบบนี้อยู่ด้วย

โอ้ว มายกรอชชชช… นัยน์ตาของฉันลุกวาว อาการเศร้าซึมจากเรื่องยอดขายหายวับไปชั่วครู่

"ร้านนี้เลยค่ะคุณเซน ชื่อร้านแซ่บแซ่บ ห่างไปจากตรงนี้อีกสองกิโลเอง ใกล้มากๆ อยู่ริมถนนใหญ่เลยค่ะ" ฉันรีบรายงานคุณเซนเธออย่างรวดเร็ว ก่อนที่พ่อคุณจะเปลี่ยนใจกลับไปซบอกอาหารญี่ปุ่น วันนี้เป็นลาภปากของฉันจริงๆ ไข่มดแดงจ๋า รอพี่หน่อยนะจ๊ะ

"Ok! Let's go!" คนขับรถตอบกลับมาเบาๆด้วยท่าทางร่าเริง หันมายิ้มหวานแก้มบุ๋มให้ฉัน แล้วผิวปากทำนองเพลงซากุระอย่างอารมณ์ดี

กะอีแค่จะไปร้านส้มตำไก่ย่างเนี่ยนะ ดีใจอะไรกันนักหนาคะคุณเซน…

"ลิน ลินครับ ตื่นได้แล้วครับ ถึงหัวหินแล้ว"

ฉันงัวเงียค่อยๆลืมตาขึ้นมาตามเสียงปลุก เสียงนุ่มๆจากริมฝีปากเรียวแดงที่กระซิบเบาๆที่ข้างหูและสัมผัสเบาๆที่ต้นแขนจากมือเรียวนุ่ม

ตอนนี้ใบหน้าของคนปากแดงเขาใกล้เข้ามาจนแทบจะแนบชิดกับใบหน้าของฉัน บรรยากาศที่ได้ยินเสียงเกลียวคลื่นซัดสาดอยู่ไม่ไกลนี่โรแมนติกชะมัด และความวาบหวานก็กระตุกขึ้นในใจของฉันอย่างฉับพลัน อยากจะโน้มต้นคอขาวๆนั่นลงมาจูบปากแดงๆนี่ให้รู้แล้วรู้รอด

แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่า… ตอนนี้ท้องไส้ของฉันกำลังปั่นป่วนขึ้นมาอีกแล้ว เป็นรอบที่สี่!

ตลอดระยะเวลากว่าสามชั่วโมงที่นั่งรถมา ฤทธิ์ของไข่มดแดงจากแกงผักหวานบวกกับฤทธิ์ของปลาร้าในส้มตำปูเค็มจากร้านอาหารอีสานที่เราแวะข้างทางได้เล่นงานฉันอยู่เป็นระยะๆ ก็สมควรล่ะนะ เพราะบรรดาอาหารแปลกๆที่สั่งๆมานั้นมีฉันสวาปามอย่างสุขสมอยู่คนเดียว เห็นคุณเซนเธอชิมโน่นนิดนี่หน่อย แล้วก็เน้นกินแต่ข้าวเหนียวกับไก่ย่าง ซุบหน่อไม้ที่เขาบอกว่าอยากกินนักหนาก็เห็นกินไปแค่สองสามคำ แต่เอาจริงวินาทีนั้นฉันไม่สนเรื่องการเลือกกินของคุณเซนเขานักหรอก ไข่มดแดงนั้นล่อตาล่อใจฉันมากกว่า กว่าจะรู้ตัวอีกทีฉันก็อิ่มจนพุงกาง และเผลองีบหลับมาในรถอย่างมีความสุขตั้งแต่รถออก

แต่ปรากฏว่าไม่รู้พี่ไข่มดแดงเขาไปโกรธฉันมาแต่หนไหน เขารบกวนการนอนอย่างสุขีของฉันโดยการบุกโจมตีอย่างปัจจุบันทันด่วนเป็นระยะๆ จนต้องขอให้คุณเซนขับพาแวะห้องน้ำตามปั๊มรายทางไปสามรอบแล้ว

และ ณ โมเม้นต์นี้ ก็เกือบจะกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว บ้าเอ้ย!

"เอ่อ… ด่วนอีกแล้วค่ะ ด่วนที่สุด"

น้ำเสียงร้อนรนที่บอกโค้ดลับของฉันทำเอาคนปากแดงเขาชะงักไป แล้วรอยยิ้มขำก็ปรากฏขึ้นในดวงตาคู่เรียวเช่นเคย

"อีกแล้วหรือครับเนี่ย!" น้ำเสียงนั่นกลั้วหัวเราะ เขาผละห่างออกจากฉันแล้วหันไปเปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบก้าวออกจากรถแล้วเดินนำตรงดิ่งไปเปิดประตูบ้านไม้สีขาวหลังที่คุ้นเคย

"เชิญคร้าบ รีบเลยครับรีบเลย เดี๋ยวไม่ทัน ยิ่งสูงวัยอยู่ อาจจะกลั้นยากนิดนึง"

ฉันค้อนขวับ มาแล้วค่ะ ในที่สุดมุกล้อเลียนเชยๆนี่ก็มาจนได้ แต่ณ จุดจุดนี้ ไม่มีเวลามางอนแล้ว ฉันรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องน้ำในตัวบ้านทันที…

หลังจากได้ถ่ายเทซากไข่มดแดงซึ่งฉันหวังว่าจะเป็นซากสุดท้ายออกจากตัวไป ฉันก็เดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องน้ำอย่างหมดเรี่ยวแรง พบเจ้าของบ้านกำลังนั่งไขว่ห้างจิบเครื่องดื่มรอด้วยท่าทางสบายๆอยู่ที่โซฟาหวายนอกชานบ้าน สายตาเรียวคู่นั้นกำลังมองเหม่ออย่างครุ่นคิดออกไปยังความมืดมิดของท้องทะเลเบื้องหน้า…

แต่เมื่อหันมาเห็นฉัน เขาก็พลันยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าพร้อมกับตบเบาะที่นั่งข้างๆเบาๆ

"มานั่งพักตรงนี้เร้ว! มานั่งข้างๆผมนี่ครับ ดูท่าทางจะเสียน้ำไปเยอะเลยนะเนี่ย"

คุณเซนคะ อย่าย้ำได้ไหมคะ

"รอบนี้น่าจะรอบสุดท้ายแล้วค่ะ สี่รอบแล้ว" ฉันยิ้มแห้งๆขณะหย่อนตัวลงนั่งโดยเว้นระยะห่างออกมาจากคนตัวขาวนั่นนิดนึง สายตามองกวาดไปที่บรรดาถุงขนมกรุบกรอบและขวดแอลกอฮอล์บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา คืนนี้ฉันจะมีโอกาสได้แตะต้องพวกมันไหมเนี่ย ก็ร่างกายฉันกำลังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงซะขนาดนี้ เสียดายจัง อุตส่าห์แวะขนซื้อกันมาหลังออกจากร้านส้มตำ

"หรือลินอยากจะไปให้คุณหมอตรวจหน่อยไหม โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลเลยนะครับ" แต่แล้วน้ำเสียงห่วงใยก็ดึงฉันให้ห่างออกมาจากสิ่งมึนเมาล่อตาตรงหน้า

"น่าจะโอเคแล้วนะคะ ปกติเวลากินอะไรแปลกๆก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ สามสี่รอบแล้วก็หาย"

"ผมก็สังหรณ์ใจอยู่นะ เห็นลินสั่งไม่ยั้ง" แววตานั้นล้อเลียน แล้วก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน "แต่ก็ไม่กล้าห้าม เพราะรู้ว่าถ้าลินได้กินของโปรด ลินน่าจะรู้สึกดีขึ้น จากเรื่อง… เอ้อ… ยอดขาย"

ฉันสบดวงตารีคู่นั้นอย่างขอบคุณ รู้ว่าคุณเซนเป็นคนที่ไม่ถนัดพูดจาปลอบใจใคร นี่คงพยายามหาเรื่องมาเบี่ยงเบนที่จะทำให้ฉันสบายใจขึ้น

แล้วก็ได้ผล ความตะกละของฉันทำให้ลืมอารมณ์เฉาก่อนหน้านี้เสียสิ้น

"นี่ครับนี่ ผมเตรียมเครื่องดื่มสุดพิเศษไว้ให้ลินแล้ว" คนพูดกุลีกุจอหยิบแก้วบรรจุของเหลวใสที่วางรออยู่บนโต๊ะมายื่นให้

นี่มอมอาหารอีสานกันไม่พอ ยังคิดจะมอมเหล้ากันอีกหรือคะคุณเซน

และเมื่อเห็นฉันเลิกคิ้ว เขาก็เฉลยยิ้มๆ "เครื่องดื่มเกลือแร่ที่เราแวะซื้อกันมาไงครับ"

"อ่อ อุตส่าห์ดีใจ นึกว่าเป็นจินโทนิค แหม ใส่แก้วหรูซะ" ฉันรับแก้วใสที่มีน้ำแข็งลอยหลอกๆอยู่สองสามก้อนนั้นมาดื่มพรวดจนหมดแก้ว แม้จะรสชาติจะแปร่งปร่า แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างทันใด

"แต่ก็ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์นึกถึง นี่ลืมไปแล้วว่าเราแวะซื้อเกลือแร่ติดมาด้วย"

"ไม่ได้ครับ อยู่กับผู้สูงอายุต้องมีความระมัดระวัง และต้องให้พร้อม ให้ไว"

โอ๊ย ถ้าไม่ติดว่าฉันกำลังอ่อนเปลี้ยจากการเสียน้ำ จะทุบให้พลั่ก มุกเชยๆแบบนี้

"เอ้า นั่งซะไกลเลย เข้ามาใกล้ๆหน่อยครับ" คนพูดตบเบาะข้างๆเบาๆอีกครั้ง

แต่แม้คำเชื้อเชิญนั้นจะนุ่มนวลแค่ไหน ฉันก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง

แหม่! ก็เพิ่งออกมาจากส้วมอะนะคะ ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ออกจะยังเขินหน่อยๆ

"เป็นไรไปครับ ล้างมือไม่สะอาดเหรอ สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญนะครับ วัยนี้แล้วอย่าได้พลาดเชียว" คนพูดทำหน้าตาเหลอหลา

โอเคค่ะ งั้นเตรียมรับไปหนึ่งพลั่ก!

"เปล่าค่ะ ความจริงยังไม่ได้ล้างมือ" ฉันกำมือทุบน้อยๆไปที่ไหล่กว้างนั่น พลั่ก!

"โอ๊ย! มือเหม็นนะเราน่ะ" เสียงกวนๆมาพร้อมกับหน้ายิ้มๆ

งั้นเอาไปอีกพลั่ก!

นี่มันอะไรกัน จังหวะตอนอยู่ในออฟฟิศที่คนข้างๆนี้เขาเอ่ยปากชวนฉันให้หนีมาหัวหินด้วยกันนั้นมันช่างโรแมนติค ทำให้ฉันรีบตกปากรับคำด้วยความโหยหาที่จะได้ซาบซ่านบนเตียงกับเขาอีกครั้ง ยอมรับว่าจังหวะนั้นฉันจินตนาการเลยเถิดไปถึงการกินเหล้ากันให้เมาสุดเหวี่ยง และมีเซ็กซ์กันให้มันส์สุดๆ

เอ่อ… แม้ตอนนั่งรถมาในตอนแรกฉันจะกลับมารู้สึกสับสนและยังเฉาซึมจากอาการอกหักจากยอดขายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าท้ายสุดเกมจะพลิกมาถึงขนาดนี้

กลายเป็นว่าพอมาถึงหัวหินเข้าจริงๆ ฉันกลับกำลังอ่อนเพลียจากการ_ี้แตก แล้วเราก็มานั่งล้อกันเรื่องมือเหม็น?

"งั้นเดี๋ยวผมอาบน้ำให้ ลินจะได้ตัวหอมๆสะอาดๆ"

ห้ะ! ว้อท? ฉันลอบมองคนทำหน้ากรุ้มกริ่มข้างๆอย่างมึนงง อิหยังของเค้าวะ?

หรือนี่จะเป็นแผนอันซับซ้อนโดยการล่อลวงฉันให้ไปโซ้ยส้มตำก่อน เพื่อให้ฉันท้องเสียและไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ยอมให้เขาอาบน้ำให้แต่โดยดี?

เล่นตัวดีป่าวว้า…

แต่เอ้อ… ณ จุดจุดนี้ จุดที่เกินจะอับอายแล้วจากการขับถ่ายไปซะสามสี่รอบโดยมีเขาเป็นพยานอยู่ด้วย ยังจะมีอะไรเหลือให้เล่นตัวได้อีก ยอมๆไปเห๊อะ!

หากแต่คนชวนก็ไม่ปล่อยให้ฉันได้ตัดสินใจนาน เขาลุกยืนขึ้นพร้อมทั้งฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นด้วยทันที

"ไปครับ ไปอาบน้ำกัน เดี๋ยวผมถูหลังให้"

ถูหลัง? วัฒนธรรมการนั่งอาบน้ำแล้วถูหลังให้กันแบบคนญี่ปุ่นอย่างที่เห็นในการ์ตูนน่ะรึ?

ว่าแล้วคนตาเรียวยักคิ้วหลิ่วตาให้ฉันก่อนจะสำทับอีกที

"แค่ถูหลังจริงๆครับ ผมรู้ว่าคืนนี้ลินไม่น่าไหว…"

ค่า แค่ถูหลังก็แค่ถูหลังค่า…

แม้ความนุ่มนวลของคนปากแดงขณะลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของฉันขณะที่เรายืนอยู่ในความชุ่มฉ่ำของสายน้ำใต้ฝักบัวด้วยกันจะทำเอาฉันรู้สึกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงกระนั้นพลังของฉันก็ได้สูญสิ้นไปหมดแล้วกับซากไข่มดแดง และเครื่องดื่มเกลือแร่ก็แทบไม่ช่วยอะไร ฉันได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้ความพิศวาสได้เกิดขึ้นแล้วก็มอดไหม้ไปเสียง่ายๆอย่างนั้น

ตั้งอยู่… แล้วดับไป… แม่งโคตรเสียดายเลย ฮือ ฮือ

และคุณคนปากแดงเขาก็ทำได้ตามอย่างที่พูด แค่ถูหลังเท่านั้นจริงๆ และเอ้อ… แค่ลูบไล้ฟองสบู่ไปทั่วๆตัวของฉัน ไม่มีการกอดจูบใดๆ เขาทำท่าทางอ่อนโยนและระมัดระวังเหมือนกำลังอาบน้ำให้ผู้ป่วย เฮ้อ…

ช่างน่านับถือความอดทนของคุณเซนจริงๆ!

หลังอาบน้ำเป่าผมเสร็จตัวหอมกรุ่น (ปล คุณเซนเขาเช็ดตัวให้ฉัน แล้วก็เป่าผมให้ฉันด้วยนะ) เราก็พากันมานอนเอกเขนกบนโซฟาตัวใหญ่ที่ระเบียงห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน ฉันอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวหลวมโคร่งของคุณเซน โดยที่ข้างในและข้างล่างไม่ได้สวมอะไรอีกเลยตามคำแนะนำของเจ้าของเสื้อ 'เวลาลินต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำจะได้สะดวกๆ ไม่ต้องเสียเวลาถอด'

ดีค่ะ เซ็กซี่ด้วย เผื่อไว้เวลา_ี้แตกได้ด้วย

ส่วนคุณเซนน่ะหรือคะ อยู่ในชุดกางเกงบอลเปลือยอกค่า เป็นชุดที่ดูชิลที่สุดที่ฉันเคยเห็นเขาใส่

"อื้อ สบายดีจังเลย" คนตาเรียวเขาหลับตาพริ้ม มีฉันกกกอดอยู่ในอ้อมแขน

แน่นอนสิคะคุณขา ก็ฉันเป็นผู้ออกแบบโซฟาตัวนี้เองกับมือ

บ้านไม้สีขาวหลังนี้ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยฝีมือการตกแต่งของฉัน พูดได้เลยว่ามันเป็นรสนิยมของฉันล้วนๆ คุณราเชนทร์เธอตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เมื่อตอนที่ต้องส่งเจ้าเรนมาเรียนโรงเรียนประจำที่หัวหิน ตอนนั้นเธอบอกกับฉันสั้นๆว่าอยากให้ตกแต่งแบบโปร่งๆสบายๆ จะเอาไว้มาพักเวลามาเยี่ยมหลานชาย ฉันก็ได้แต่ทำงานสุดฝีมือด้วยความภาคภูมิใจที่มีโอกาสได้ตกแต่งบ้านให้กับเจ้านาย แม้จะเป็นแค่บ้านพักตากอากาศก็เถอะ

นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะมาได้ยินคำชมจากปากของคุณเซน

"ต้องขอบคุณลินที่มาช่วยตกแต่งให้นะครับ ตอนมาหัวหินครั้งก่อน ผมมานั่งๆนอนๆดูก็รู้สึกดีนะ เหมือนได้มาอยู่ในสถานที่ที่มีดอกไม้สวยๆอยู่ล้อมรอบเต็มไปหมด รู้สึกสดชื่นดี แล้วโซฟาพวกนี้มันก็นั่งสบายนอนสบายจนเผลอหลับไปทั้งเช้าได้เลย"

"แต่คนอื่นเค้าไม่คิดอย่างนี้แล้วน่ะสิคะ สไตล์ดอกไม้แบบนี้มันขายไม่ได้แล้ว" ฉันหน้าเหี่ยวไปอีกครั้ง อดคิดไม่ได้ถึงเรื่องยอดขายในปีที่ผ่าน

คนปากแดงเหมือนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงอ่อยๆของฉัน

"…"

เราเงียบกันไปชั่วครู่ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงเขาพูดช้าๆพร้อมๆกับการถอนหายใจ

"ลิน… เรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เกิดมาก็เพิ่งเคยเป็นประธานบริษัทหนแรก"

ก่อนจะเงียบไปอีก…

ฉันกอดคุณเซนให้แน่นขึ้น บรรจงจูบที่หน้าอกของเขาเบาๆ เข้าใจความรู้สึกของเขาดี ฉันเป็นแค่ลูกจ้าง ถ้าทนไม่ไหวกับงานอย่างมากก็แค่ลาออก แต่ผู้ชายคนข้างๆนี้สิ เขามีความรับผิดชอบที่มากมายกว่าฉันหลายเท่า การตัดสินใจของเขาจะส่งผลกระทบไปอีกหลายชีวิต ผู้ชายคนนึงที่อายุยังน้อยแต่มีภาระหน้าที่มากมายทั้งครอบครัวและการงาน

"ผมคิดถึงลิน… มาก… คิดถึงตลอดเวลา" คุณเซนกอดฉันตอบแบบแน่นๆเช่นกัน ก่อนจะจูบหน้าผากฉันเบาๆ

คำถามอันสับสนพุ่งเข้ามาในใจฉันอีกครั้ง ฉันทำให้ชีวิตเขายุ่งยากหรือเปล่า เราจะลงเอยกันอย่างไร เราเหมาะสมกันหรือไม่ และที่สำคัญ… ฉันรู้สึกกับเขาอย่างไรแน่ๆ

และก็เป็นอีกครั้งตามนิสัยของฉัน ที่จงใจปัดคำถามเหล่านี้ออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว

บางที… การได้นอนกอดคุณเซนนิ่งๆบนโซฟานุ่มๆท่ามกลางแสงดาว มีลมทะเลพัดเอื่อยๆเย็นสบาย น่าจะเป็นการเยียวยาทั้งกายและใจที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคนในช่วงเวลานี้…

ในที่สุดเราทั้งคู่ต่างหลับใหลไปในอ้อมแขนของกันและกันบนโซฟาที่ระเบียงนั่นเอง เราไม่ได้แตะต้องแอลกอฮอล์ที่ขนซื้อกันมาเลย อาจเป็นได้ว่าคุณเซนเองคงจะเหนื่อยจากการทำงานและการขับรถ ฉันเองก็ไม่ได้เข้าห้องน้ำอีกเลย ข้าศึกหยุดโจมตีโดยสงบ

และก็เป็นอีกครั้งที่ฉันตื่นเช้ามาแล้วพบว่ามีตัวเองเพียงลำพังที่อยู่ในผ้าห่มผืนบาง ส่วนคนข้างๆก็นอนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าในความสลัวของเช้ามืด กางเกงบอลถูกถอดลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ภาพร่างกายแข็งแกร่งที่กำลังรอรับการลูบไล้จากแสงแดดอ่อนๆยามพระอาทิตย์ขึ้น ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปหยิบกระดาษสเก็ตซ์ในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ออกมา กระดาษหน้าที่ฉันวาดรูปดอกเกดค้างเอาไว้ตอนอยู่ในห้องออกแบบเมื่อวานเย็นถูกพลิกไปเป็นหน้ากระดาษเปล่า

ฉันกลับมากึ่งนั่งกึ่งนอนฝังตัวพิงโซฟาทรงกลมอีกตัวฝั่งตรงข้าม แล้วเริ่มลงมือสเก็ตซ์ภาพคนขี้เซาตรงหน้า พ่อหนุ่มกล้ามขาวนอนหลับตาพริ้มนิ่งไม่ไหวติงเป็นแบบให้ฉันวาดอย่างดี

จนเมื่อภาพใกล้จะเสร็จนั่นล่ะ เขาถึงได้ค่อยๆลืมตาขึ้นมาจ้องฉันเขม็ง นัยน์ตายาวรีนั้นดูจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วคุณเซนก็เอ่ยคำพูดแรกของเช้าวันนั้นด้วยประโยคที่ฉันคาดไม่ถึง

"เรามาเป็นแฟนกันดีกว่า"

"…."

"เอ่อ…" ความรู้สึกประหม่าเข้าครอบงำอย่างฉับพลัน ฉันตั้งตัวไม่ทัน ไม่คาดคิดว่าคนสมบูรณ์แบบอย่างเขาจะขอคบฉันง่ายๆอย่างนี้

ในที่สุด… เวลานี้ก็ได้มาถึง คำพูดนี้ก็ได้ถูกเอ่ยออกมา คำพูดที่ฉันทั้งรอคอยและทั้งไม่อยากจะได้ยิน ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่เห็นความจริงจังของเขา

แต่... ฉันขอเวลาอีกสักนิดจะได้ไหม

"ผมขี้เกียจต้องขับรถมาไกลถึงหัวหินบ่อยๆ" ตาเรียวนั้นยังคงจ้องเขม็งมาที่ฉัน

"ก็ถ้าเซนอยากมา แล้วลินว่าง เราก็มากันได้นี่คะ" ฉันตอบง่ายๆไป ทำเหมือนไม่เข้าใจความนัยที่เขาสื่อ

"ผมจะเปิดเผยกับทุกคนว่าเรากำลังคบกัน"

น้ำเสียงนั่นไม่ล้อเล่นแน่ๆ ฉันขยับตัววางภาพสเก็ตซ์ไว้บนโต๊ะ เปลี่ยนท่าจากการนั่งชันเข่าบนโซฟามาเป็นนั่งหลังตรงวางเท้าบนพื้นและเข่าชิด หันรีหันขวางเก้ๆกังๆ มือประสานกันไว้ที่หน้าตัก พยายามดึงเสื้อตัวหลวมนั้นมาคลุมเข่าเอาไว้ อยู่ดีๆก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก

"คือ… อย่าเพิ่งเลยค่ะ มันเพิ่งมีเรื่องเกิดขึ้นหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเจ้าเรน เรื่องยอดขาย" ฉันพยายามหาเหตุผลที่ดูเข้าท่ามาหว่านล้อมเขา ทั้งๆที่ในใจรู้ดีว่าเหตุผลเดียวเท่านั้นคือ… ก้อง

แม้ระยะนี้ฉันจะไม่ได้คุยกับก้องทุกวันเหมือนตอนที่กลับจากบาหลีใหม่ๆ แต่ก้องก็ยังคงติดต่อมาอย่างสม่ำเสมอ และเฝ้าชวนให้ฉันไปเยี่ยมเขาที่ไร่ไวน์ทุกครั้งที่เราได้คุยกัน ความพยายามและความเอาใจใส่ของก้องทำให้ฉันตัดแฟนเก่าคนนี้ออกไปจากใจไม่ได้จริงๆ

"ผมไม่สน" ตอนนี้คนเอาแต่ใจลุกขึ้นจากโซฟาใหญ่นั่นแล้วกำลังก้าวเข้ามาหาฉันแล้ว

ดะ…เดี๋ยวค่ะคุณเซน คุณไม่มีเสื้อผ้าปกปิดอยู่เลยนะคะ ฉันหันขวับไปรอบๆโดยอัตโนมัติ แสงอาทิตย์ยามเช้ามืดยังรำไร ชายหาดยังเงียบสงบ และโชคดีที่บ้านนี้เขามีสนามกว้างพร้อมรั้วรอบขอบชิด แถมยังมีต้นไม้ปลูกอยู่อย่างหนาแน่น

"ซะ…ซะ เซนคะ ใส่กางเกงก่อนไหม" ฉันรีบกวาดตาหากางเกงบอลของเขา มันไปอยู่ที่ไหนวะเนี่ย

"ไม่อะ ไม่ใส่ เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี" คนปากแดงเขาเข้ามาจับตัวฉันยกขึ้นให้เอนหลังไปบนโซฟา ก่อนจะขึ้นนั่งคุกเข่าคร่อมขาทั้งสองข้างของฉัน มือเรียวทั้งสองข้างนั้นเอื้อมผ่านฉันมาจับพนักโซฟาด้านหลังเอาไว้แน่น

แต่โอย อาการเอาแต่ใจแบบนี้… ฉันต้องกำหนดจิตให้จ้องตาเรียวคู่นั้นเอาไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเผลอไปมองคุณเซนที่แท้ทรูข้างล่างนั้น

"เซน เซนเป็นผู้บริหารนะคะ เซนจะทำตามใจชอบได้ยังไง"

"เรื่องอะไร เรื่องไม่ยอมใส่เสื้อผ้าเหรอ" ทำหน้าเหลอหลาอีก

"ไม่ช่ายยยยย" ฉันเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กล้ามอกขาวๆนั่นมันรบกวนจิตใจจริงๆ แต่ยังไงก็ต้องคุยกันเรื่องนี้ให้จบก่อน "ลินหมายถึงเรื่องที่เซนจะบอกคนอื่นเรื่องของเรา มันยังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวคนจะหาว่าเซนคอยจะเข้าข้างลิน"

"ก็มันเป็นบริษัทของผม ผมจะเข้าข้างใครก็เรื่องของผม"

"เซนคะ ไม่ได้นะคะ พนักงานคนอื่นเค้าจะคิดยังไงคะ" ฉันพยายามเอาความอ่อนหวานเข้าสู้ มือทั้งสองข้างของฉันโอบรอบคอขาวๆของเขาไว้

"อื้อ ก็ช่างเค้า" ตอนนี้มือเรียวข้างซ้ายที่แสนซุกซนเริ่มลูบไล้ไปตามต้นขาของฉันแล้ว เสื้อยืดหลวมตัวโคร่งตัวเดียวที่ห่อหุ้มร่างกายฉันไว้ทำให้เขาปฏิบัติการตามใจได้ง่ายดาย

"เซนสัญญานะคะ ว่าจะเก็บเรื่องของเราไว้ก่อน ยังไม่เปิดเผยกับใคร" แต่ฉันก็ยังไม่หยุดเซ้าซี้

"อื้อ" น้ำเสียงนั่นดูขัดใจอย่างไม่จริงจังนัก ขณะที่นิ้วเรียวเริ่มไต่ขึ้นมาถึงหน้าท้องของฉันแล้ว เสื้อยืดนั่นถูกเลิกขึ้นจนความเป็นคุณเซนที่แท้ทรูและความเป็นคุณลินที่แท้ทรูเริ่มสัมผัสกันแล้ว และใบหน้าเรียวขาวก็เริ่มซุกไซร้เข้ากับซอกคอของฉัน

"นะคะ อย่าเพิ่งบอกใคร เซนสัญญาก่อนนะ" ฉันยังพยายามจะทวงคำสัญญา แม้ตอนนี้ร่างกายที่ได้พักผ่อนเต็มที่ของฉันจะเริ่มตื่นตัวสู้มือไม้เรียวขาวที่อยู่ไม่สุขนั่นแล้ว ส่วนจิตใจก็เริ่มระส่ำกับการถูกบุกรุกกลางแจ้ง ความรู้สึกแปลกๆถาโถมเข้ามา ทั้งตื่นเต้นกลัวคนจะเห็น ทั้งเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก

"อื้อออออ นี่ลินได้ผมแล้วจะไม่รับผิดชอบเหรอ" เสียงน้อยใจดังอู้อี้ข้างๆหู

แล้วปลายติ่งหูก็ถูกขบเม้มเบาๆจากคนขี้น้อยใจ มือซ้ายเลิกชายเสื้อขึ้นมาถึงหน้าอกของฉันแล้ว ส่วนมือขวาก็เปลี่ยนจากการจับพนักโซฟามาโอบหลังของฉันไว้ ความเสียวซ่านเริ่มถาโถมเข้าใส่เราทั้งคู่

"อืออออ ลิน ลินของผม…" เสียงครางดังออกมา ก่อนริมฝีปากแดงนั่นจะเลื้อยลงมาจากปลายติ่งหูเข้าขบเม้มที่ปลายยอดถันของฉัน

"เซนนนน…" ฉันใจเตลิดอย่างกู่ไม่กลับ แอ่นตัวขึ้นรับโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในที่สุดอาการเซ้าซี้ของฉันก็ปลิวออกไปในเวลาเดียวกับที่เสื้อยืดของฉันได้ปลิวออกไปจากตัว นายแบบภาพสเก็ตซ์คนนี้เริ่มจู่โจมร่างกายของฉันอย่างหนักหน่วง คุณเซนได้นอนเต็มอิ่มมาทั้งคืน พลังความห้าวหาญของเขาเช้านี้ทำให้ฉันไม่อยากจะพลาดความวาบหวานรัญจวนเซตใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ฉันรู้ดีว่าอาการเล่นตัวอยากปกปิดเรื่องของเราอาจทำให้ผู้ชายตรงหน้าคนนี้น้อยใจ แต่เอาน่า เห็นๆอยู่ว่าคุณเซนเขาออกจะจริงใจมั่นคงและหลงใหลฉันขนาดไหน เขาคงรอฉันได้อยู่แล้ว ฉันมั่นใจ

…ซึ่งหากฉันได้มีโอกาสล่วงรู้อนาคต ฉันคงจะไม่คิดอย่างนี้แน่ๆ…


next chapter
Load failed, please RETRY

Estado de energía semanal

Rank -- Ranking de Poder
Stone -- Piedra de Poder

Desbloqueo caps por lotes

Tabla de contenidos

Opciones de visualización

Fondo

Fuente

Tamaño

Gestión de comentarios de capítulos

Escribe una reseña Estado de lectura: C63
No se puede publicar. Por favor, inténtelo de nuevo
  • Calidad de escritura
  • Estabilidad de las actualizaciones
  • Desarrollo de la Historia
  • Diseño de Personajes
  • Antecedentes del mundo

La puntuación total 0.0

¡Reseña publicada con éxito! Leer más reseñas
Votar con Piedra de Poder
Rank NO.-- Clasificación PS
Stone -- Piedra de Poder
Denunciar contenido inapropiado
sugerencia de error

Reportar abuso

Comentarios de párrafo

Iniciar sesión