Descargar la aplicación

Capítulo 8: ซีนที่ 8

ในดวงตาของเด็กหนุ่ม มีเงาของตึกสูง สะท้อนอยู่ แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความอิดโรย และเหนื่อยล้า ใบหน้าของเขาก็ไม่ต่างกัน อาการที่คนเบื้องหลังวงการบันเทิงทุกคนล้วนเป็นกัน แสดงออกมาบนสีหน้าแววตาของเขาหมดแล้วในเวลานี้ เขาเหนื่อยล้าราวกับทำงานมาทั้งปี ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาพึ่งทำงานได้สิบวัน เท่านั้นเอง

แต่ในตอนนี้ ในเวลานี้ เขาได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่า ไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานนับปี แต่ความจริงแล้ว เขาไม่ได้มาที่นี่ราว ๆ เกือบ ๆ เดือนเท่านั้น ณ ตึกบริษัท Fate Entertainment Kingdom Agency หรือ เฟทเอเจนซี่ บริษัทดูแลศิลปินดารา ที่ใหญ่ที่สุดในสยาม มีนักร้อง นักแสดง และคนในวงการบันเทิงอีกมากมายหลายแขนงอยู่ในสังกัด ซึ่งก็เป็นต้นสังกัดของเขาเช่นกันในตอนนี้ ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขาต้องกลับมาที่นี่ มีเพียงอย่างเดียวคือ มาประชุม

Fate Festival คือหัวข้อของการประชุมในวันนี้ มันเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นปีละครั้งช่วงสงกรานต์ ที่จัดมาหลายปีติดแล้ว และก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ระยะเวลาการจัดงาน ก็แล้วแต่ว่า วันหยุดสงกรานต์ในปีนั้น ๆ จะมีมากน้อยขนาดไหน อย่างในปีนี้ มี 5 วันด้วยกัน เริ่มในวันพุธที่ 13 และไปจบในวันอาทิตย์ที่ 17 เดือนเมษานี่แหละ

สถานที่จัดงานก็คือสนามกีฬาแห่งชาติ และบริเวณรอบ ๆ ที่บริษัทจ่ายเงินเช่าไปในราคามหาศาลไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรูปแบบงานนั้นมันก็เหมือนเป็นงานพบปะแฟนคลับนั่นแหละ แต่มาในรูปแบบงานวัด ของที่ขายในงานก็จะเป็นของที่เกี่ยวกับศิลปินดาราในบริษัทนั่นเช่นกัน

เมื่อมาในตีมงานวันสงกรานต์แบบนี้ มีหรือจะไม่มีการสาดน้ำประแป้ง แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอยากสาดน้ำ ประแป้งดาราล่ะก็ คุณต้องจ่ายแพงน่าดูเลยล่ะ การละเล่นอื่น ๆ ก็เช่นกัน อย่างสาวน้อยตกน้ำ ที่ศิลปินดารา จะมารับบทสาวน้อย ส่วนแฟนคลับที่รัก รวมถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่รัก ก็สามารถ จ่ายเงินรับลูกบอลไปปาเพื่อให้ศิลปินที่ท่านชื่นชอบ หรือเกลียด ตกลงไปในน้ำเย็นภายในถังได้ นี่แหละโลกของทุนนิยม

เฟทเฟสฯ ทำกำไรให้บริษัทได้หลายร้อยล้านแทบทุกปี เพราะจัดในช่วงวันหยุดยาว ที่คนในเมืองจะกลับต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมด แน่นอนว่ามันเป็นช่วงที่แทบทุกคนมีเงินเก็บไว้ใช้ เพื่อเอาไปเที่ยวกันช่วงนี้นั่นแหละ แต่แทนที่จะเอาเงินไปใช้ที่อื่น สู้เอาเงินมาเที่ยวงานเฟทเฟสฯ และได้พบกับดาราที่คุณชอบ หรือเกลียดกันจะไม่ดีกว่าเหรอ นั่นคือแนวคิดตั้งต้นของงาน ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานี้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"งานของพี่ซัทจะมีสองวันครับ วันที่ 15 จะเริ่มตั้งแต่เช้าเลย เพราะมีการตักบาตรร่วมกันกับแฟนคลับ"

"งานบุญที่ขายชุดตักบาตรให้คนที่มาร่วมงานในราคาที่ถ้าเตรียมเองคงถูกกว่านี้"

"ส่วนวันที่ 16 ก็..."

"ก็จะเน้นไปที่การละเล่นต่าง ๆ กับแฟนคลับ ก็เหมือนทุกปีนั่นแหละ"

"ครับก็คงงั้น ผมไม่น่าเสียเวลามาบอกพี่เลย"

พลูโตพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หลังจากถูกซัทพูดแทรก พูดขัดมาตลอด

"เฮ้ย อย่าพึ่งงอนสิ นายทำถูกแล้วที่มาบอกกัน เพราะนั่นหน้าที่นาย ส่วนหน้าที่ฉันคือการไปทำงานนั่น ต่อให้ฉันไม่อยากไปแค่ไหนก็ต้องไป เพราะค่ายบังคับ"

"ผมนึกว่าพี่จะชอบเสียอีกงานวัดแบบที่เราเคยไปกันแบบนี้"

"ไม่นายจืดไม่ มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด ไปเที่ยวกับไปทำงาน แค่นั้นก็ต่างแล้ว"

ความหงุดหงิดของซัทกำลังเพิ่มขึ้น เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปเดินมา ท่าทางหัวเสียสุด ๆ

"ฉันจะบอกให้อะไรนายให้นะจืด เรื่องนี้ไม่มีใครรู้หรอก วงในสุด ๆ เลย จะเอาไปลงเพจไหนก็ได้นะ ฉันไม่ว่า เผื่อจะโดนแหกแล้วเลิกจัดงานบ้า ๆ นี่สักที"

ซัทกำลังเดินวนไปวนมาอย่างเคย ก่อนที่จะค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง ด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก เป็นจังหวะช้า ๆ และมั่นคง ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงไปนั่งตรงโซฟาตามเดิม แล้วเริ่มพูดต่ออย่างใจเย็น

"เมื่อหลายปีก่อน ฉันขอวันหยุดกับพี่ไป ฉันอยากพักผ่อน อยากไปเที่ยว อยากอยู่นอกแสงของวงการมายา พี่เลยถามว่า ฉันอยากไปไหน อยากทำอะไรเหรอ ฉันหยุดคิดไปครู่หนึ่ง แล้วฉันก็นึกถึงตอนเป็นเด็ก ตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่กันครบ แม่ฉันเป็นนักแสดงตัวประกอบ พ่อฉันเป็นตากล้อง ก็อย่างที่นายรู้ ปีหนึ่งนับครั้งได้เลยที่พวกเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้า แล้วฉันก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งพวกเราสี่คนได้ไปเดินเที่ยวเล่นงานวัดด้วยกัน มันดูเป็นอะไรที่เรียบง่ายและธรรมดามากเลยนะ แต่ฉันจำความสุขนั้นได้ เลยตอบพี่ไปว่างานวัดไงเหมือนตอนเด็ก ๆ ซึ่งพี่ก็รับฟัง รับเรื่องไว้ แต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้วันหยุดที่ร้องขอไปหรอก แล้วราว ๆ ปีหนึ่งต่อมาล่ะมั้ง บริษัทก็เปิดตัวงานใหญ่ นั่นก็คือเฟทเฟสฯ แล้วมันก็ทำเงินได้มากมาย ท้ายที่สุดก็กลายเป็นธรรมเนียมที่ต้องจัดมันทุกปี"

เป็นอีกครั้งที่ซัทเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ดี ไม่มีอาการหลุดใด ๆ ออกมาเลยสักนิด

"นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่หงุดหงิด และไม่ชอบงานนี้"

ซัทพยักหน้าเป็นการตอบคำถามของพลูโต ก่อนที่เขาจะพูดต่อ

"เพราะงั้นแหละนายจืด กลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัวเถอะ แล้ววันที่ 14 ค่อยมาที่นี่ ตอนค่ำ ๆ ดึก ๆ ก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก ไปพักผ่อนเอาแรงเสีย วันที่ 15-16 งานมันหนักเอาเรื่องอยู่นะ"

พลูโตได้ยินแบบนั้นก็หยุดคิดไปครู่หนึ่ง

"รู้อะไรไหมผมก็ไม่ชอบไอ้งานนั่นเหมือนกัน จริง ๆ แค่ไปประชุมวันนี้ยังไม่ชอบเลย ผมโดนคนเดินชนตั้งหลายรอบ พวกจืดจางอย่างผมเนี่ย อยู่ในที่คนเยอะแบบนั้น แล้วไม่มีใครเห็นเลยเนี่ย อยู่ยากจัด"

"นายยังมีฉันไง ฉันเห็นนายนะ แล้วก็วันงานนายต้องตัวติดฉันไว้ด้วยล่ะ ตลอดเวลาเลยยิ่งดี ถ้านายหายไปคงหากันลำบากน่าดูแน่"

"พี่ก็มีผมเหมือนกัน เอางี้ไหม กว่าจะได้ทำงานกันอีกทีก็วันที่ 15 ได้วันหยุดมาตั้ง 2-3 วัน เราควรใช้มันให้คุ้มนะ พี่ว่ามาเลย จะไชน่าทาวน์ หรือที่ไหนผมพร้อมซิ่ง"

"ฉันไม่อยากไปไหนน่ะสิ เวลามีงานใหญ่ ฉันอยากออมแรงไว้มากกว่า"

"อืม.....งั้นเล่นเกมกันไหม ไม่สิพี่เล่นเกมเป็นไหม คือ ผมไม่ค่อยเห็นพี่เล่นเน็ตหรือโทรศัพท์เท่าไหร่ก็เลย...."

"เออเล่นเป็นสิ ฉันแค่ไม่ค่อยชอบเล่นเกมออนไลน์ หรืออินเทอร์เน็ตเท่าไหร่ สังคมออนไลน์มันค่อนข้างเป็นพิษสำหรับฉันนั่นแหละนะ"

"ไม่เป็นไร ผมมีเกมน่าสนใจอยู่ 2-3 เกมมันต้องเล่นกัน 2 คนด้วยถึงจะสนุก แต่พี่ต้องจ่ายเงินซื้อนะ"

"โอเคครับบอส มีอะไรอีกไหมครับ"

"อืม.....เวลาเรามีเหลือเฟือ ก็สลับ ๆ กันไปแล้วกันนะ เล่นเกมบ้าง ดูหนัง ดูซีรีส์บ้าง พี่คิดว่าไงล่ะ"

"ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน"

"ดีงั้นลุยกันเลย!"

พลูโตพูดด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมเต็มที่ ในขณะที่ซัทนั้นก็มีแอบยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย

กิจกรรมเล็ก ๆ อันแสนเรียบง่ายเหล่านี้มันทำให้ซัทมีความสุขอย่างมาก แต่เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วเสมอ พริบตาเดียวเท่านั้น วันทำงานก็ได้เวียนมาถึง

วันที่ 15 เมษาตอนเช้ามืด ซัทกับพลูโตต้องออกจากที่พักตอนตี 3 ไปยังสนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อไปเตรียมตัวรอใส่บาตรเวลา 6 โมงเช้า หลังใส่บาตรเสร็จก็จะมีการสรุปยอดว่า ใครทำบุญซื้อชุดใส่บาตรมากที่สุด 100 อันดับแรก จะได้กินมื้อเช้ากับเหล่าศิลปินดาราที่มาร่วมใส่บาตรกันในวันนี้ กับเหล่านักแสดงชายร่วมร้อยชีวิต แน่นอนว่าจำกัดเวลาไม่เกิน 9 โมงเช้า

บรรยากาศในการรับประทานอาหารเช้าร่วมกันศิลปินดารานั้น แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด คือมันเป็นบุฟเฟต์ ที่ทุกคนต่างต้องเดินวน เดินหยิบ เดินตักกันมั่วไปหมด ไม่ว่าจะคนทั่วไปหรือดาราชายทั้งหลาย ซึ่งไม่มีมุมไหนของห้องเลยที่ ไม่มีบอดี้การ์ดยืนคุม หรือคอยสอดส่อง ราวกับอยู่ในโรงอาหารของนักโทษก็มิปาน

แน่นอนว่าเหล่าแฟน ๆ ที่จ่ายเงินไปเขาไม่แคร์หรอก เหล่านักแสดงเองก็เช่นกัน พวกเขาชินกับการถูกจับจ้องกันอยู่แล้ว แค่ปั้นหน้าอยู่กินข้าวพอเป็นพิธีก็สักครู่เดียว เดี๋ยวก็เสร็จ

9 โมงถึง 10 ก็เป็นเวลาพัก จากนั้นเหล่านักแสดงชายทั้งหลายก็ออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ กันตามตารางงานที่กำหนดไว้ เช่น ไปเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำบ้าง ไปถูกประแป้งบ้าง ถูกสาดน้ำบ้าง แน่นอนว่าทุกขั้นตอนต้องใช้เงินทั้งนั้น

หลังจากครบชั่วโมงแล้วก็ให้นักแสดงชุดแรกไปพัก แล้วเปลี่ยนเอานักแสดงอีกชุด ที่เรียกว่าเป็นชุดใหญ่แล้วกัน อย่างซัท หรือชีค ที่จะได้พัก 9 โมงถึง 11 โมง มาสลับกับชุดเล็ก ที่เป็นนักแสดงยังไม่ดังมาก แต่ก็ไม่ใช่นักแสดงหน้าใหม่แต่อย่างใด

ซึ่งกิจกรรมทั้งหลายมีแค่นี้เลย แค่วนไปวนมา พยายามให้แฟนคลับได้มาเสียเงินกันให้ครบทุกคน และเพิ่มโอกาสสูบเงินจากแฟนคลับกระเป๋าหนักให้มากที่สุด

แน่นอนว่ากิจกรรมช่วงนี้ เหล่าแฟนคลับเลือกได้ว่า จะเสียเงินให้กับใคร จากบรรดานักแสดงหนุ่ม 100 คน และแน่นอนว่า มีการจัดอันดับ แฟนคลับที่จ่ายหนักสุดให้กับศิลปินดาราคนนั้น ๆ ด้วย ซึ่งใครเสียเงินไปกับเพื่อร่วมกิจกรรมของดาราคนนั้น ๆ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ก็จะได้ร่วมกันก่อเจดีย์ทราย กับศิลปินคนนั้น ๆ ที่ท่านหมดเงินไปกับเขามากมายกันสองคน รวมถึงได้ถ่ายรูปคู่ร่วมกันอีกด้วย

หลังสิ้นสุดการก่อเจดีย์ทรายกันแล้ว เหล่าศิลปินก็แยกย้ายกันกลับ แต่ว่างานยังดำเนินต่อไป แน่นอนว่าเหล่าแฟนคลับบางส่วนก็กลับบ้านไปบ้างเช่นกัน แต่บางส่วนก็อยู่ต่อ แถมยังมีบางส่วนที่พึ่งมาถึงงานด้วย เพราะว่างานช่วงค่ำคนจะน้อยลง เนื่องจากศิลปินดารากลับบ้านกันหมดแล้ว

จึงเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้มาเดินเที่ยว เล่นกิจกรรมอื่น ๆ อย่างพวก ปาลูกดอก ยิงปืนจุกน้ำปลา บิงโก และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อแลกของรางวัลเกี่ยวกับศิลปินดารานั่นแหละ ใครที่ไม่ชอบลุ้น จะซื้อเลยก็มีขายเช่นกัน ส่วนสายกิน ก็มีอาหารดี ๆ ขายในงานเพียบ ลูกค้าช่วงนี้จึงเป็นคนทำงานที่ไม่ได้หยุดสงกรานต์ หรือกลุ่มที่มากันเป็นครอบครัว มากกว่าเหล่าแฟนคลับ

"ทุนนิยมเนี่ยยุติธรรมดีจริง ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยังไงก็ต้องมาเสียเงินกันที่นี่"

พลูโตบ่นพึมพำระหว่างเดินเที่ยวในงานช่วง ๆ ดึก ๆ หลังจากไปส่งซัทเสร็จ เขาก็ขับรถกลับมาที่นี่ สาเหตุที่เขากลับมาที่นี่ แม้ว่าจะแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ตีสองตีสามก็เพราะว่า เขาเป็นสายกินยังไงล่ะ

พลูโตตระเวนเดินหาของกินไปทั่วงาน ไม่มีร้านไหมที่เขาไม่แวะไป เพราะมีสิทธิพิเศษในฐานะพนักงานของเฟท กิน ดื่ม ฟรี นั่นคือสาเหตุที่แม้จะเหนื่อยล้าเพียงใด เขาก็ยังอุตส่าห์ขับรถกลับมาเที่ยวงาน

นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษอีกอย่างหนึ่งด้วยสำหรับพนักงาน นั่นคือการได้เข้าไปยังพื้นที่ ที่คนทั่วไปเข้าไม่ได้ นั่นก็คือโซนที่พักชั่วคราว หรือก็คือรถบ้านที่จอดเรียงรายกันอยู่เป็นร้อยคัน พวกมันมีอยู่เพื่อเป็นที่พักของเหล่าศิลปินดาราทั้งหลาย ที่มาทำงานกันในวันนี้นั่นเอง

พลูโตนั่งอยู่ตรงหน้ารถบ้านหมายเลข 1 ซึ่งอยู่ใกล้ตัวงานมากที่สุด แล้วคันนี้ก็เป็นรถที่ซัทใช้ เท่ากับว่ามันเป็นรถของเขา ที่เป็นผู้จัดการของซัทเช่นกัน พลูโตจึงเอาอาหารที่ขนมา กอง ๆ ไว้ด้านหน้าของตัวเอง แล้วก้มลงไปจ้องมองพวกมันทีละอย่าง สองอย่าง เพื่อพิจารณาว่า ใครจะเป็นผู้ถูกเลือก ซึ่งเขาหมดเวลาไป 5 นาที เพราะตัวเลือกมันเยอะมาก ก่อนเขาจะตัดสินใจได้ แล้วหยิบมันขึ้นมา

ในจังหวะที่พลูโตหยิบสิ่งนั้น แล้วเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นคนหน้าคุ้น ค่อย ๆ เดินผ่านเขาไป สองคนนั้นคนแรกเขารู้จักเป็นอย่างดี เพราะคือเบอร์สองของค่ายอย่างชีค ส่วนอีกคนเขาไม่รู้จักหรอก แต่เขาเคยเห็นหน้าเธอมาก่อน ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ก่อเจดีย์ทรายร่วมกันกับชีคเมื่อเย็นนั่นเอง

พลูโตมองตามทั้งสองคนนั้นไป แล้วก็เห็นเต็มสองตาว่า ทั้งคู่เดินเข้าไปในรถบ้านหมายเลข 2 ที่อยู่ห่างไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถบ้านของเขา ซึ่งแน่นอนว่า รถบ้านหมายเลข 2 เป็นของนักแสดงเบอร์ 2 ของค่ายอย่างชีคนั่นแหละ

"ทำตัวแบบนี้ไง ถึงเป็นได้แค่เบอร์สอง"

พลูโตบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยัดโตเกียวไส้ทะลักชิ้นใหญ่ ๆ เข้าปากตัวเองหมดในคราวเดียวอย่างง่ายดาย แล้วเขาก็เลิกสนใจรถบ้านของชีคที่มีการสั่นเบา ๆ เกิดขึ้น แล้วหันมาสนใจของกินตรงหน้าแทน

คืนนั้นพลูโตตระเวนกินฟรีจนงานเลิกตอนเที่ยงคืน เขาไม่สามารถแบกร่างอ้วน ๆ ขับรถกลับบ้าน หรือไปหาซัทได้ เขาจึงพยายามเกลือกกลิ้ง เขาไปนอนข้างในรถบ้านหมายเลข 1 ที่เขามีกุญแจอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้ผิดแต่อย่างใด เพราะทีมงานหลายคน ผู้จัดการบางคนก็ทำแบบเขานี่แหละ คนวงการนี้ นอนในที่ทำงานกันเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งระหว่างที่พลูโตกำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับ เขาได้ยินเสียงคนคุยกันประมาณว่า

"ขอมัจฉะ"

"ขอตรวจสอบ"

พลูโตก็คิดไปว่า เขาเองก็อยากกินเหมือนกันนะ มัจฉะชาเขียวน่ะ แต่เขาลุกไม่ไหว เขากินไม่ไหวแล้ว จากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป

พลูโตสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก เพราะเขาได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก จึงลืมตาตื่นขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่า มีใครบางคนแอบขึ้นมาในรถบ้านคันนี้ด้วย

เมื่อเห็นแบบนั้นพลูโตจึงพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด หายใจให้เบาที่สุด พยายามทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด เพื่อที่คนคนนั้น จะได้ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา

ภายในความมืดพลูโตเห็นคนคนนั้น พยายามรื้อ พยายามหาอะไรบางอย่าง แบบเงียบเชียบและแผ่วเบา พลูโตไม่เห็นหรอก ว่าเขาเป็นใคร ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นเขา หรือเธอ แต่ที่แน่ ๆ คนคนนี้ ไม่มาดีแน่นอน

ผู้ไม่หวังดีคนนั้น พยายามรื้อทุกหนทุกแห่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พบสิ่งที่ตามหา ท่าทางของเขาดูหัวเสียมาก แล้วจู่ ๆ คนคนนั้นก็กลับหลังหันมองมาทางเขาอย่างรวดเร็วจนพลูโตไม่ทันตั้งตัว

พลูโตพยายามนิ่งสงบ สยบทุกการเคลื่อนไหวให้มากที่สุด เขามั่นใจว่าผู้ไม่หวังดีรายนี้ มองไม่เห็นเขาหรอก แต่กระนั้นผู้ไม่หวังดีกลับค่อย ๆ เดินตรงเข้ามาหาเขาเบา ๆ ทีละก้าว สองก้าว ทุก ๆ ย่างก้าวของคนคนนั้น ที่ขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ ทำหัวใจเขาเต้นรัวจนจะทะลุออกมา พลูโตค่อย ๆ หายใจเบาลง เบาลงเรื่อย ๆ จนแทบจะกลั้นหายใจเอาไว้ เพียงเพราะกลัวว่าเสียงหายใจจะเล็ดลอดออกไป

แล้วจู่ ก็มีเสียงดัง เพล้ง! เกิดขึ้น ที่ข้างนอกตัวรถ ผู้ไม่หวังดีคนนั้น จึงถอยกลับไปตรงประตู แอบมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ยืนรออยู่สักพัก ก่อนจะค่อย ๆ แง้มประตูแล้วเดินออกไป

หลังจากประตูปิดลง พลูโตก็หายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องไปตรงประตู แอบมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็พบว่ามีทีมงานเดินอยู่เต็มไปหมด จึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่า คนที่แอบเข้ามาในรถบ้านของเขาเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน

พลูโตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก่อนพบว่ามันแค่ตี 4 เท่านั้น แต่เขาไม่อยากจะนอนต่อแล้ว จริง ๆ เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้วด้วย ว่าแล้วพลูโตก็แอบมองไปนอกหน้าต่างอีกรอบ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงค่อย ๆ แอบย่องออกไป

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

งานในวันที่ 16 โดยรวมก็เหมือน ๆ เดิม ที่ต่างออกไปคือไม่มีการตักบาตร

อย่างที่กล่าวไปว่า งานโดยรวมยังเหมือนเดิม เพราะงั้นมันจึงเริ่มและจบลงเหมือนเดิมเช่นกัน ที่ต่างออกไปคือวันนี้คือหลังจากพลูโตไปส่งซัทแล้ว เขาก็ขอตัวกลับบ้าน หมายถึงกลับบ้านจริง ๆ ไม่ได้แวะเที่ยวแวะกินอะไรที่ไหน เพราะพรุ่งนี้ งานวันสุดท้าย เป็นคอนเสิร์ตของพวกนักร้องนักดนตรีในค่าย ซัทที่เป็นนักแสดงจึงไม่ต้องไปร่วมงาน เลยทำให้ผู้จัดการอย่างเขามีวันหยุด

ระหว่างที่พลูโตกำลังขับรถกลับบ้านอยู่นั่นเอง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงกดรับมันเสีย แน่นอนว่าเขาใส่หูฟังอยู่ ไม่ได้ปล่อยมือจากพวงมาลัยมาถือโทรศัพท์แต่อย่างใด

"สวัสดีครับ"

"นี่ฉันเองนะ นายอยู่ไหน นาย...บังโต"

เสียงปลายสายไม่ใช่ใครอื่น เป็นเจ้านายของพลูโต ประธานนั่นเอง

"ผมพึ่งส่งคุณซัทเสร็จครับ กำลังขับรถกลับบ้าน"

"ฟังนะนายรีบกลับไปอยู่กับเขาเดี๋ยวนี้ แล้วอย่าให้เขาคลาดสายตาเป็นอันขาด"

น้ำเสียงของประธานดูจริงจัง แต่ก็รู้สึกเศร้ามากไปในเวลาเดียวกัน

"เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับท่านประธาน"

"ฉันจะบอกนายให้รู้ไว้ก่อน แต่นายอย่าพึ่งบอกเขานะแล้วฉันจะรีบไป ตั้งใจฟังนะ คือพี่กบตายแล้ว"

สิ้นเสียงของประธาน พลูโตก็เหลือบไปเห็นป้ายบอกทางกลับรถพอดี เขาจึงหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนกะทันหันอย่างรวดเร็ว เขาต้องรีบกลับไปหาซัท ก่อนที่ซัทจะรู้เรื่องนี้ตอนอยู่คนเดียว

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกพลูโตก็เห็นซัทยืนรออยู่ตรงหน้าแล้ว

"ไงเห็นว่าลืมของ ลืมอะไรเหรอ"

ซัทเอ่ยทักพลูโตที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์

"อ๋อ เรื่องนั้น เอ่อ..."

พลูโตอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไปพลางระหว่างใช้ความคิด เขาอาจจะผ่านด่านแรก ให้ซัทเปิดลิฟต์รับเขาขึ้นมาได้แล้ว แต่ด่านนี้มัน...

"ผมลืมไปว่า มีแค้นที่ยังไม่ได้ชำระ"

พลูโตพูดแถไปเรื่อย ในขณะที่ผู้ฟังอย่างซัทแน่นิ่งด้วยความงงงวยไปแล้ว

"มันคาใจผมมาตลอดเลย ก่อนเฟทเฟสฯ จะเริ่ม ผมแพ้ให้คนที่ไม่ค่อยเล่นเกมออนไลน์ไปขนาดนั้นได้ยังไง ผมรับไม่ได้ วันนี้แหละ ผมจะมาสะสางเรื่องนั้น"

พลูโตแถด้วยน้ำเสียงดุดันเกรี้ยวกราด ด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง เขาตีบทแตกกระจุย

เมื่อเห็นท่าทางของพลูโตแบบนั้นแล้ว สิ่งที่ซัททำได้คือ ถอนหายใจออกมา

"เฮ้อ...จืดหนอจืด"

ซัทพูดพร้อมกับเดินเข้าไปประชิดพลูโต

เขาใช้มือซ้ายดันอกพลูโตเบา ๆ แล้วเดินไปข้างหน้า ในขณะที่พลูโตก็ค่อย ๆ เดินถอยหลังไปตามวิถีทาง จนหลังของเขาไปพิงเข้ากับประตูลิฟต์

ซัทกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ แล้วประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก ก่อนที่เขาจะพลักอกพลูโตเบา ๆ ให้พลูโตถอยหลังเข้าไปในลิฟต์ อย่างไม่เต็มใจ

ซัทมองตรงไปยังพลูโตพร้อมส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายใจ แล้วในจังหวะที่ซัทกำลังจะกดปิดลิฟต์นั่นเอง พลูโตก็พูดขึ้นมาว่า

"ทำไมกลัวแพ้เหรอ"

คำพูดยียวนของพลูโตเปลี่ยนใจซัทได้ เขากดเปิดประตูลิฟต์ทันที ด้วยความเกรี้ยวกราด

"ก็ได้ เบื่อพวกไก่ที่ทำเก่งว่ะ"

หลังจากนั้นการสงครามของทั้งคู่ก็ได้เริ่มขึ้น มันกินเวลาไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ แล้วผลที่ออกคือ จอมมารชนะทุกเกม

"ผมแค่ไม่ถนัดเกมฟุตบอลเฉย ๆ หรอก"

"แพ้แล้วก็อ้างไปเรื่อย"

ซัทได้ทีก็ไม่ปล่อยให้โอกาสในการกวนประสาทพลูโตหลุดลอยไป

"เล่นเกมยิงกัน"

"ไม่เอาอะ ฉันไม่ถนัดใช้จอยยิง"

ซัทพูดและกำลังจะวางจอย

"ไก่แล้วก็อ้างไปเรื่อย"

พลูโตกวนกลับ ทำซัทเปลี่ยนใจไม่วางจอย

น่าเสียดายที่ การดวลปืนกันของทั้งสอง ต้องหยุดลงทันทีที่ประธานโผล่มา

"ท่าทางสนุกกันใหญ่เลยนี่"

เสียงของประธานดังขึ้นจากทางด้านหลังของทั้งสองคน

พลูโตได้ยินดังนั้นก็หันไปพูดกับซัท

"ถ้างั้นผมว่า ผมกลับก่อนดีกว่า"

พูดจบพลูโตก็ลุกขึ้นยืน

"นายจืดอยู่แถวนี้ไปก่อนยังไม่ต้องกลับหรอก"

ซัทพูดกับพลูโตก่อนจะหันไปพูดกับพี่สาวของตัวเอง

"พี่ว่ามาเลย อะไรที่ผมควรรู้ ผู้จัดการของผมก็ควรจะรู้เหมือนกัน"

บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึดอัด และตึงเครียดมากขึ้นทุกวินาที ที่เข็มนาฬิกาเดินไปข้างหน้า

ประธานเข้าไปนั่งข้าง ๆ น้องชายของตน ส่วนพลูโตก็ยืนอยู่แถว ๆ นั้นนั่นแหละ

ในขณะที่ความเงียบแผ่กระจายไปทั่ว โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร ซัทเองก็เริ่มจะรู้สึกตัวแล้วว่า บางอย่างมันผิดปรกติ เขามองหน้าพี่สาวของตัวเอง สลับกับหน้าของพลูโต และสิ่งที่แสดงอยู่บนใบหน้าของทั้งสองนั้นคือสิ่งที่เรียกว่าความเศร้า

"เกิดอะไรขึ้น"

คำถามของซัทดังสนั่นท่ามกลางความเงียบ แต่ยังไม่มีใครพูดอะไร

"ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นนายจืด"

ซัทตวาดใส่พี่สาวของตัวเอง สลับกับพลูโต แต่ความเงียบก็ยังดำเนินต่อไป

ประธานหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา เปิดหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะส่งมันให้ซัท

ซัทรับมันมาดู ก่อนจะแน่นิ่งไปในทันที

"ไม่จริงใช่ไหม"

ซัทพูดด้วยเสียงสั่น

"จริง พิสูจน์ตัวตนได้แล้ว ก่อนจะออกข่าว"

"นายก็รู้ใช่ไหมนายจืด เพราะงี้นายถึงได้กลับมา"

ซัทหันไปตะคอกใส่พลูโต ในขณะที่พลูโตไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

ทันใดนั้นเองซัทก็ลุกขึ้น แล้วโยนแท็บเล็ตใส่ทีวีเต็มแรง จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

"ออกไปจากบ้านกูให้หมด!"

ซัทตะโกนจนสุดเสียง ก่อนจะเดินหายวับไปจากตรงนั้น โดยมีพี่สาวค่อย ๆ เดินตามไปติด ๆ

พลูโตผู้ซึ่งถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว จึงไม่มีทางเลือกมานัก นอกจากกลับบ้านตามที่ถูกตะเพิด

พลูโตขับรถกลับบ้านด้วยความเชื่องช้า แม้ว่าถนนในเมืองหลวงจะโล่งกว่าปรกติเพราะยังอยู่ในช่วงเทศกาล

พลูโตขับรถไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย แล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สน ไม่ทักทาย ไม่ฟัง ไม่ได้ยิน ไม่เห็นอะไรใครทั้งนั้น ทำเอาพ่อกับแม่ที่เห็นท่าทางของเขาอดเป็นห่วงไม่ได้

พลูโตเดินเข้าไปในห้องของตน ปิดประตูลงกลอนล็อกอย่างดี แล้วเดินตรงไปยังเตียงของตัวเอง ซึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั้น เขาเห็นผังสืบสวนของตนอยู่เบื้องหน้า ซึ่งในผังนั้นมีรูปกับชื่อ และข้อมูลต่าง ๆ ของพี่กบอยู่

"ไร้สาระฉิบ"

พลูโตอุทานออกมาเบา ๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเตียง แล้วรื้อผังทั้งหมดมาทำลายทิ้ง ฉีกทิ้ง แล้วยัดมันลงถุงขยะ ก่อนที่จะเอามันไปทิ้ง ในทั้งขยะนอกบ้าน เพื่อรอวันรถขยะมาเก็บไป

.......โปรดติดตามซีนต่อไป.......


next chapter
Load failed, please RETRY

Estado de energía semanal

Rank -- Ranking de Poder
Stone -- Piedra de Poder

Desbloqueo caps por lotes

Tabla de contenidos

Opciones de visualización

Fondo

Fuente

Tamaño

Gestión de comentarios de capítulos

Escribe una reseña Estado de lectura: C8
No se puede publicar. Por favor, inténtelo de nuevo
  • Calidad de escritura
  • Estabilidad de las actualizaciones
  • Desarrollo de la Historia
  • Diseño de Personajes
  • Antecedentes del mundo

La puntuación total 0.0

¡Reseña publicada con éxito! Leer más reseñas
Votar con Piedra de Poder
Rank NO.-- Clasificación PS
Stone -- Piedra de Poder
Denunciar contenido inapropiado
sugerencia de error

Reportar abuso

Comentarios de párrafo

Iniciar sesión