โรงเรียนในตอนกลางคืนช่างเป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน ค่ำคืนที่มืดสนิทมีเพียงแสงสว่างของพระจันทร์ที่ชโลมโรงเรียนแห่งนี้ด้วยแสงสีขาวสว่าง ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มตรงพอดี ทุกตึกในโรงเรียนปิดไฟหมด มีเพียงแสงเสาไฟที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการทำงานยังเปิดข้างไว้
"สวัสดีครับเจอกันพรุ่งนี้นะครับ"
"สวัสดีค่ะ ๆ"
"เจอกันพรุ่งนี้นะ บาย~"
ในตอนนี้ปาร์ตี้ต้อนรับมิสลิลลี่ก็ได้จบลงแล้ว พวกครูคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ พากันกลับบ้านไป เนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพอดีทำให้ครูคนอื่น ๆ ต้องเช่าหอพักที่ใกล้ ๆ โรงเรียนไว้ บางคนโชคดีที่บ้านของตัวเองอยู่ใกล้โรงเรียนเลยไม่ต้องเสียค่าเดินทางมากนัก แต่ทว่าบ้านของผมอยู่ต่างจังหวัดบวกกับแยกกันอยู่กับครอบครัว อีกอย่างผมขับรถไม่เป็นทำให้ไม่มีคนมารับมาส่งผมกลับบ้าน ถ้านั่งรถเมล์ในเมืองก็กลัวจะหลงอีก ทุกคนลองเดากันดูสิครับว่าผู้ชายบ้านนอกใช้ชีวิตโสดซิงอยู่คนเดียวแถมขับรถไม่เป็นจะอยู่ที่ไหนกันล่ะ คิดว่าหลาย ๆ คนคงจะเดากันออกแล้วว่าผมเช่าหอของโรงเรียนอยู่นั้นเอง
หอพักของโรงเรียนแห่งนี้อยู่ห่างจากตึกของที่ใช้สอนเด็กนักเรียนมากทำให้ต้องใช้รถเมล์ในการเดินทางไปมา ในตอนแรก ๆ ที่ผมมาสมัครเป็นครูยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับรถเมล์ฟรีที่ว่า ถ้าหากขึ้นรถเมล์ฟรีในเวลาปกติคนจะแน่นแบบมาก ๆ จนต้องยอมเดินไปสอนตั้งหลายครั้ง แต่ว่า ถ้าสามารถจับเคล็ดลับได้ล่ะก็ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น เคล็ดลับที่ว่านั้นก็คือ หลีกเลี่ยงการขึ้นรถเมล์ในเวลาก่อนเริ่มเรียนคาบแรก และตอนเพิ่งเลิกเรียน เพราะจากสถิติแล้วทั้งนักเรียนและครูส่วนใหญ่จะมาขึ้นรถเมล์กันเวลานี้เพื่อที่จะไปยังตึกเรียนของตัวเอง ดังนั้นถ้าเราไม่ขึ้นรถเมล์สองช่วงเวลานี้ล่ะก็ เวลาที่เหลือก็แทบจะไม่มีใครขึ้นรถเมล์เลย
ผมมองดูเวลาก่อนที่จะเดินไปที่เช็คตารางเวลาของรถเมล์ทำให้รู้ว่านี่คือรถรอบสุดท้ายแล้ว ถ้าหากผมไปไม่ทันผมต้องเดินกลับแน่ ๆ ซึ่งมันไกลมากเพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมเดินกลับแน่!
"งั้นกูไปละนะ ไอกิ๊ก ไอเอ็ม"
"เออ ๆ กลับดี ๆ ล่ะ"
"บายจ้า~"
"ตินจะกลับแล้วหรอ?"
"อ่าใช่ แล้วเจอกันนะลิลลี่"
"อื้ม"
หลังจากที่ผมสวัสดีทุก ๆ คนรวมถึงลิลลี่ ผมก็ขอแยกตัวออกมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมล์ให้ทัน ผมวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์อย่างเร่งรีบ ผมวิ่งมาเรื่อย ๆ จนมองเห็นป้ายรถเมล์ที่มีรถเมล์จอดรออยู่พอดี
"แฮก ๆ ทันพอดี!"
ดูจากข้างนอกแล้วน่าจะไม่มีคนเลย มันแน่อยู่แล้วล่ะเพราะครูในระดับชั้นม.6 มีแค่ผมคนเดียวที่เช่าหอพักอยู่ที่นี่ ผมก้าวขึ้นรถเมล์ไปและเริ่มมองหาที่นั่ง ผมเจอที่นั่งที่ผมต้องการและกำลังจะเดินไปนั่ง
"อ้าว นั้นตินไม่ใช่หรอ"
เสียงนั้นดังมาจากแถว ๆ ที่นั่งท้ายสุดของรถเมล์
"หวัดดี"
"เอ๊ะ…ลิลลี่?"
ลิลลี่นั่งอยู่ข้างหลังคนเดียวข้างขวาสุดของที่นั่งยาว
"นายขึ้นรถเมล์คันนี้มาทำไมน่ะ"
"ผมก็กำลังจะกลับหอพักของผมไง ลิลลี่นั้นแหละมานั่งรถเมล์คันนี้ทำไมหรอ?"
"เอ๊ะ? ฉันก็เช่าหอพักอยู่เหมือนกันนะ"
"เอ๊ะ?"
"เอ๊ะ?"
ผมลืมไปสนิทเลยว่าลิลลี่เพิ่งมาจากต่างประเทศ จะเช่าหอพักของโรงเรียนอยู่ก็ไม่แปลกล่ะนะ
"อ้อ! เข้าใจแล้วล่ะ งั้นขอนั่งด้วยได้ไหม?"
"มาเลย ๆ"
ลิลลี่พูดพร้อมยิ้มแล้วใช้มือตบเบาะที่อยู่ข้างขวาของเธอ ผมไม่รอช้ารีบเดินไปนั่งข้าง ๆ ที่นั่งที่เธอตบเมื่อกี้ พอผมเดินไปถึงที่นั่งแล้วนั่งลงเธอก็แสดงท่าทางตกใจนิด ๆ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
สักพักหนึ่งรถเมล์ก็ออกจากป้ายและกำลังมุ้งหน้าไปที่หอพักของพวกเรา ระหว่างทางที่ไปหอพักผมก็ชวนลิลลี่คุยไปด้วย
"เป็นยังไงบ้าง?"
"หืม? ก็ดีนะ"
"ไม่ ๆ หมายถึงว่ามาสอนวันแรกแล้วรู้สึกยังไงบ้าง"
"ตินนี่เหมือนพ่อชั้นเลยนะ ฮ่า ๆ ๆ"
"แหม่ การดูแลเด็กใหม่เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่นะ
"ทำเท่ใหญ่เลยน้า~"
"คร้าบ ๆ ช่วยตอบคำถามด้วยคร้าบ"
"อืม...โรงเรียนนี้ดีมาก ๆ เลยล่ะ สภาพแวดล้อมก็ดี ครูคนอื่น ๆ ก็เป็นกันเองดีนะ"
"งั้นหรอ ดีแล้วล่ะ"
บทสนทนาอยู่ดี ๆ ก็ถูกเว้นช่วงไป สักพักลิลลี่ก็หันหน้าเข้าหน้าต่างแล้วพูดขึ้นแบบเบา ๆ เหมือนพูดกับตัวเอง
"แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือมีนายอยู่ที่นี่ด้วยนั้นแหละ"
"หืม? เมื่อกี้ได้พูดอะไรหรือเปล่า"
"เปล่า! มะ ไม่ได้พูดอะไรเลยนะ" ลิลลี่พูดด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย
นั่งรถไปสักพักผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองง่วงมาก ทั้งงานที่ทำมาตลอดทั้งวัน ทั้งงานปาร์ตี้ ทำให้ตาของผมเริ่มปิดลง หัวของผมเริ่มผงกขึ้นลงเล็กน้อยจนกระทั่งผมหลับไป…
รถเมล์วิ่งไปเรื่อย ๆ เสาไฟที่ตั้งอยู่ตรงเกาะกลางสาดแสงผ่านหน้าแต่งกระจกบนรถเมล์เข้ามา ตึกทั้งสองข้างทางเปิดไฟแค่ข้างหน้าของตึก ไม่มีคนหรือรถขับผ่านไปผ่านมาเลยแม้แต่คันเดียว มีเพียงเสียงเอร์ในรถเมล์เท่านั้นที่ได้ยิน ที่เขาว่ากันว่าหลุดไปอีกโลกความรู้สึกน่าจะประมาณนี้
สวัสดีค่ะ ฉันลิลลี่ ค่ะ ฉันเพิ่งสมัครเข้ามาเป็นครูของโรงเรียน ISS ด้วยเหตุผลบางอย่างค่ะ วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันเข้ามาสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เหมือนจะเจอเขาคนนั้นแล้ว หรือเหมือนจะยังไม่เจอกันนะ? เหตุผลที่ฉันเข้ามาในโรงเรียนนี้หลัก ๆ เลยคือตามหาชายในความทรงจำที่พบกันเมื่อหลายไปก่อนค่ะแล้วตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้ว แต่จากที่พูดคุยกันตั้งแต่เช้าจนถึงเมื่อกี้ดูเหมือนว่าเขาจะจำฉันไม่ได้ค่ะ อุตสามาหาแท้ ๆ ฉันก็เลยเรียกชื่อเล่นที่ฉันเรียกเมื่อตอนที่พบกับเขาครั้งแรกหลายครั้งแต่ก็เหมือนจะจำอะไรไม่ได้อยู่ดี แถมยังทำหน้างง ๆ อีกต่างหากแต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ! บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมฉันถึงรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ ความลับจ๊ะ เมื่อถึงเวลาจะบอกเองนะ
ในระหว่างที่ลิลลี่หันหน้ามองดูข้างทางไปสักพักก็ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ข้าง ๆ หูขึ้นมา ลิลลี่หันมองไปทางต้นเสียง เธอก็เห็นต้นนั่งหลับอยู่ เธอมองหน้าต้นสักพักแล้วเริ่มรู้สึกเพลียขึ้นมาและกำลังจะหลับไป
'ตินก็หลับแล้ว เราก็พักสักหน่อยดีกว่า'
*ตุบ*
ในตอนที่เธอกำลังหลับตาลงก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรตกลงมาตามด้วยความรู้สึกหนักตรงไหล่ข้างขวาเธอจึงลองลืมตามองดู
"!!!"
หัวของต้นดันเอนลงมาซบกับไหล่ข้างขวาของลิลลี่โดยที่ลิลลี่ไม่ทันตั้งตัว
"ใกล้…"
ในช่วงเวลานั้นเธอก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ออกมา เป็นความรู้สึกที่เวิ้งว้าง เหงาแปลก ๆ คนที่ตามหาอยู่ใกล้ขนาดที่ว่าหน้าของพวกเรากำลังจะจูบกันอยู่แล้วแต่กลับรู้สึกว่าตัวตนของคนที่เราตามหาไกลออกไปจนมองไม่เห็นเลย
'นี่ติน นายจะจำฉันได้ไหมนะ สัญญาในตอนนั้นนายคงยังไม่ลืมไปหรอกนะ'
ลิลลี่คิดในใจพร้อมกับทำสีหน้ามองไปที่หน้าของต้น สักพักเธอก็ส่ายหน้าพร้อมกับทำหน้ามุ่งมั่นกับอะไรบางอย่าง
'ไม่ได้ ๆ ฉันจะยอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้!'
ในขณะที่ลิลลี่กำลังปลอบใจตัวเองอยู่นั้นก็มีเสียงพูดออกมา
"ลิ…"
"หืม ตินละเมอหรอ พูดว่าไงนะ?"
"งืม~ ลิลลี่…ครับ…"
"แฮะ ๆ ละเมอชื่อเราด้วยแหละ น่ารักจัง"
'ไม่สิ! นี่เรากำลังทำอะไรกันอยู่? การดูใบหน้าของผู้ชายที่ชอบตอนเขากำลังหลับอยู่มันรู้สึกมีความสุขขนาดนี้เลยหรอ!? เริ่มเข้าใจความรู้สึกนางเอกในนิยายแล้ว อ๊ายยยย หัวใจนุ่มฟูมากกกก' ลิลลี่คิดพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปพักใหญ่
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีกว่า ๆ ในที่สุดก็ถึงหอพักจนได้
"ติน ตื่นได้แล้ว"
"งืม~…ขออีกห้านาที"
"ไม่ได้นะ เดี๋ยวกลับไปนอนต่อที่ห้องก็ได้"
"หาวววววววว"
"หาวยาวจังนะติน"
"อืม… ถึงแล้วหรอ?"
"อืม ถึงแล้วล่ะ"
'เอ๊ะ?…ทำไมหัวเราถึงเอียงไปทางซ้ายอยู่ล่ะ?'
ต้นสังเกตุถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเขา ต้นเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับหันหน้าไปทางลิลลี่แล้วพูดขึ้นมา
"ผมหลับหรอ?"
"ใช่"
"แล้วหลับลึกมากใช่ไหม"
"ใช่"
"แล้วที่ผมเอียงหัวไปทางลิลลี่ใช่ไหม?"
"ชะ…ใช่"
"แล้ว…ผม…โดนไหล่เธอรึเปล่า…"
"…ซบเลยล่ะ"
"…"
"ไม่เป็นไรหรอกฉันไม่คิดมากหรอกนะ ฮ่า ๆ ๆ"
พอพูดคุยกันเสร็จพวกเราก็ลงจากรถเมล์ไป พวกเราเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินที่มีพุ่มไม้ทั้งสองฝั่งเดินไปสักพักก็ถึงหอพัก หอพักของผมน่าจะเรียกได้ว่าเป็นคอนโดมิเนียมแบบโมเดิร์นเลยก็ว่าได้ สวนที่อยู่ตรงกลางพร้อมกับต้นไม้และของประดับตกแต่งข้าง ๆ นั้นถูกออกแบบมาให้เข้ากับสไตล์ของตึกที่มีความสูงห้าชั้นแบบโมเดิร์นและล้อมรอบสวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บรรยากาศตอนกลางวันช่างสงบเย็นสบายน่าอยู่มาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่รักสงบ ส่วนตอนกลางคืนก็เปิดไฟสว่าง แถมมีลมพัดโชยไม่มีพักเหมาะสำหรับเดินเล่นในตอนกลางคืนมาก ๆ วิวสวยเหมือนบ้านที่ใครหลาย ๆ คนวาดฝันเอาไว้
พวกเราเดินมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าสวนตรงกลาง
"นี่ ลิลลี่พักอยู่ตึกไหนหรอ ซ้ายหรือขวา?"
"ฉันอยู่ตึกซ้ายน่ะ"
"อ้าวจริงหรอเนี่ย! ผมก็อยู่ตึกซ้าย"
เหมือนผมจะดีใจออกนอกหน้าไปหน่อยพอรู้ตัวอีกทีก็เขินเหมือนกันนะเนี่ย
ผมพาลิลลี่ไปที่ลิฟท์ที่อยู่ตรงกลางของหอแล้วกดปุ่มลูกศรขึ้น พอลิฟท์มาเราสองคนก็เข้าไป
"อยู่ชั้นไหนหรอ?"
"อยู่ชั้นห้า"
"จริงหรอ?!"
"อื้ม ทำไมหรอ?"
"ผมก็อยู่ชั้นห้านะ"
"เอ๋ โกหกกันรึเปล่าเนี่ย อะไรมันจะดี…เอ้ย บังเอิญขนาดนั้น"
"ไม่ได้โกหกนะผมอยู่ชั้นห้าจริง ๆ"
พวกเราทั้งสองคนต่างตกใจกับโชคชะตาฟ้าลิขิตที่จัดการให้พวกเราสองคนอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ!
พอลิฟท์มาพวกผมก็เดินเข้าไป ลิลลี่เดินเข้าไปด้านในสุดของลิฟท์ แล้วผมค่อยเดินเข้าตามไปกดชั้นที่ห้า เมื่อกดปุ่มเลข 5 เสร็จแล้วลิฟท์ก็ผิดแล้วพาพวกเราขึ้นไป ทั้งต้นทั้งลิลลี่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากโชคชะตากำหนดให้พวกเขาได้มากกว่านี้ล่ะก็คราวนี้ต้องห้องอยู่ติดกันซะแล้ว
พอลิฟท์ถึงชั้นที่ห้าก็มีเสียงดัง ติ๊ง จากนั้นประตูลิฟท์ก็เปิดออก ผมกับลิลลี่เดินออกมาจากลิฟท์พร้อมกันแล้วโบกมือลากัน
"บ๊ายบาย ราตรีสวัสดิ์"
"อืม ราตรีสวัสดิ์นะลิลลี่"
ดูเหมือนว่าห้องของผมกับลิลลี่จะไม่ได้อยู่ทางเดียวกันสินะ พอคิดอย่างงั้นต้นก็คอตกเดินไปทางที่จะไปห้องของตัวเองและแล้วลิลลี่ก็พูดขึ้นมาจากด้านหลังของผม
"นี่ ๆ รู้ไหมว่าเลขห้องนี้อยู่ที่ไหนน่ะ"
"ไหน ๆ เอามาดูหน่อยสิ"
ผมดูรูปเลขห้องในโทรศัพท์ที่ลิลลี่ยื่นมาให้ดูก็ถึงกับตกใจกันเลยทีเดียว
"ติน…เป็นอะไรหรอ"
"เลขนี้มัน…เลขของห้องที่ติดกับห้องผมเลยไม่ใช่หรอ!"
โชคชะตาฟ้าลิขิตให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ด้วย ขนาดห้องยังอยู่ติดกันเลย โอ๊ยยย มีความสุขแท้ ช่างเป็นวันที่ดีอะไรอย่างนี้! เรารู้สึกได้ว่าวินาทีต่อจากนี้ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนไปแน่นอน ลิลลี่ก็ทำหน้าดีใจเสียขนาดนั้นด้วย คืนนี้ฝันดีแน่นอน
"งั้นผมจะพาไปที่ห้องนะ"
"อื้ม!"
ผมกับลิลลี่เดินไปทางซ้ายของตึก ห้องของผมอยู่ริมสุดอยู่ฝั่งที่ติดถนนพอดี ห้องของลิลลี่อยู่ข้างขวาของห้องผม
พวกเราหยิบกุญแจขึ้นมาเสียบรูกุญแจห้องแล้วเปิดประตูพร้อมกัน
"งั้นขอพูดอีกทีนะติน ราตรีสวัสดิ์นะ"
"อืม ราตรีสวัสดิ์นะลิลลี่"
พอพวกเราพูดคุยกันเสร็จก็เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูห้องพร้อมกับล็อคประตู
"เห้ออออ อย่างเหนื่อย"
ผมเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"วันนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะมากเลยนะเนี่ย"
ต้นนอนลงไปบนเตียงพร้อมกับทวนความทรงจำของเขาในวันนี้ทั้งวัน พอนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ทีไรก็มีแต่เธอที่อยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ชวนให้ผมเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ ผู้หญิงผมสีทองเงาวับเหมือนทองคำของแท้ ตาสีฟ้าของเธอที่เปล่งประกายราวกับอัญมณี หุ่นที่มาพร้อมกับความผอมเหมือนถ้าแตะต้องนิดหน่อยก็สามารถแตกหักได้ ทำให้รู้สึกว่าอยากทะนุถนอมทุกครั้งที่ได้เจอกับเธอ ส่วนสูงที่ไม่ได้สูงมากทำให้รู้สึกเหมือนแมวน้อยที่คอยออดอ้อนเจ้าของตอนมันหิว ใบหน้าของชาวต่างชาติที่สวยงามราวกับนางงามจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจผมซะเหลือเกิน แต่ว่าภายใต้ความสวยงามดั่งดอกกุหลาบบานนั้นก็เหมือนจะมีหนามพิษที่อันตรายซ่อนอยู่และคอยจ้องที่จะทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ ผมรู้เบื้องหลังของเธอน้อยเกินไป เธอคือใคร รู้จักผมได้ไง อดีตของเธอเป็นยังไงผมต้องรู้ให้ได้ ที่ผมต้องการที่จะรู้เพราะผมหมดความเชื่อใจในตัวตนของผู้หญิงตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว หวังว่าเธอคงไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้นรวมทั้งคนอื่น ๆ ที่ผมเคยเจอมานะ
"เอาล่ะ ไปอาบน้ำดีกว่า~"
"เห้ออออ อย่างเหนื่อย"
ผมเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"วันนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะมากเลยนะเนี่ย"
ต้นนอนลงไปบนเตียงพร้อมกับทวนความทรงจำของเขาในวันนี้ทั้งวัน พอนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ทีไรก็มีแต่เธอที่อยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ชวนให้ผมเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ ผู้หญิงผมสีทองเงาวับเหมือนทองคำของแท้ ตาสีฟ้าของเธอที่เปล่งประกายราวกับอัญมณี หุ่นที่มาพร้อมกับความผอมเหมือนถ้าแตะต้องนิดหน่อยก็สามารถแตกหักได้ ทำให้รู้สึกว่าอยากทะนุถนอมทุกครั้งที่ได้เจอกับเธอ ส่วนสูงที่ไม่ได้สูงมากทำให้รู้สึกเหมือนแมวน้อยที่คอยออดอ้อนเจ้าของตอนมันหิว ใบหน้าของชาวต่างชาติที่สวยงามราวกับนางงามจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจผมซะเหลือเกิน แต่ว่าภายใต้ความสวยงามดั่งดอกกุหลาบบานนั้นก็เหมือนจะมีหนามพิษที่อันตรายซ่อนอยู่และคอยจ้องที่จะทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ ผมรู้เบื้องหลังของเธอน้อยเกินไป เธอคือใคร รู้จักผมได้ไง อดีตของเธอเป็นยังไงผมต้องรู้ให้ได้ ที่ผมต้องการที่จะรู้เพราะผมหมดความเชื่อใจในตัวตนของผู้หญิงตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว หวังว่าเธอคงไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้นรวมทั้งคนอื่น ๆ ที่ผมเคยเจอมานะ
"เอาล่ะ ไปอาบน้ำดีกว่า~"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้จะไม่มีทางที่พวกเขาทั้งสองคนทั้ง ต้นกับลิลลี่ จะลืมมันไปได้และการพบกันครั้งแรกในรอบหลายปีของทั้งสองคนในวันนี้จะถูกจดจำไว้ ต่อจากนี้ถึงแม้จะมีอะไรก็ตามมาขวางพวกเขาไว้ ก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาต่อไป...
ย้อนไปในตอนเย็นของวันนี้ก่อนที่จะเริ่มงานปาร์ตี้ต้อนรับลิลลี่ มีคนสามคนมาคุยกันหลังตึกหอประชุมที่จะใช้จัดงานปาร์ตี้กัน แล้วพูดคุยเรื่องอะไรบางอย่าง
"ว่าไง ได้ของตามที่มาสเตอร์บอกมารึเปล่า"
"ครับ ตอนนี้ได้มาแล้วครับ"
"หึ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ดีแล้ว ๆ ต่อจากนี้ให้เริ่มแผนการได้เลยนะ"
"โอเคครับ เดี๋ยวพวกผมจะรีบจัดการให้ทันทีครับ"
"ดีมาก ๆ แค่นี้ก่อนนะ"
"ครับ สวัสดีครับ"
"หึ ๆ ต้น ต่อจากนี้นายจะได้เจอศึกหนักแน่ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"
— Bald kommt ein neues Kapitel — Schreiben Sie eine Rezension