บทที่ 160 : พวกเราไม่ได้ใช้เหล็กทรมานนะ!
บนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยความปั่นป่วน!
แรงกดดันจากมวลชนกำลังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ!
บ้านของผู้กำกับซ่งอยู่ห่างจากโรงพักไม่น้อยจึงต้องใช้เวลาขับรถกลับไปพอสมควร ตอนนั้นเองที่มีสายเข้ามาอีกรอบ ทีแรกเขาเข้าใจว่าเป็นตำรวจจากสถานีที่โทรศัพท์มาเร่ง แต่เมื่อขยับปากเตรียมจะด่าออกไป หางตาพลันเหลือบเห็นชื่อของคนที่โทร. เข้ามา ทำให้ต้องหุบปากแทบไม่ทัน
“หัวหน้าเฉิน” ผู้กำกับซ่งรับสายอย่างสุภาพ
“เหล่าซ่ง! นี่นายก่อเรื่องบ้าอะไรกัน?” หัวหน้าเฉินกล่าวเสียงต่ำ
ผู้กำกับซ่งรีบบอก “เดี๋ยวผมจะรีบจัดการครับ รับรองว่าจะเรียบร้อยหมดจดแน่นอนครับ!”
หัวหน้าเฉินตวาดลั่นด้วยความโมโห “นายจะจัดการ ไอ้ตูดเอ๊ย! ตอนนี้เรื่องมันระเบิดไปทั่วเว็บแล้ว! ทุกคนกำลังสงสัยโรงพักของนาย! เว็บของโรงพักก็โดนถล่มเละ! แทบจะล่มอยู่แล้ว! คดีนี้กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองหลวงแล้ว! นายยังมีหน้ามาบอกว่าจะจัดการอีกเหรอ? นายจะจัดการยังไงหา? มันแค่คดีทะเลาะวิวาทธรรมดาไม่ใช่หรือไง? ทำไมโรงพักของนายถึงไม่มีปัญญาจัดการกับเรื่องแบบนี้กัน? ดูสิตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง? กลายเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน? รู้บ้างรึเปล่า? ตอนนี้โรงพักของนายถึงกับทำให้โรงพักที่นี่โดนเพ่งเล็ง! เบื้องบนของปปช. ถึงกับโทรศัพท์มาสอบถาม! ดูเหมือนว่าจะต้องการโอนคดีไปสืบสวนเองแล้วด้วย!”
“หา? ปปช. เหรอ?” ผู้กำกับซ่งช็อกตาตั้ง “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั้งครับ? พวกเราเพียงปฏิบัติตามขั้นตอน คดีนี้ยังสอบสวนไม่กระจ่าง เจ้าจางเย่นั่นทำร้ายร่างกายคนหนักจริงและสิทธิ์กักตัวเพื่อสืบสวนยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ยังไม่หมด ทุกอย่างเป็นไปตามบรรทัดฐานปกติ เราจะ...”
หัวหน้าเฉินกล่าว “นายไม่ต้องมาบอกฉัน! เก็บคำพูดพวกนั้นไว้บอกพวกปปช. เถอะ!”
“อย่าทำแบบนี้สิหัวหน้าเฉิน!” ผู้กำกับซ่งตื่นตระหนก “อย่าให้เรื่องไปถึงปปช.เลยครับ”
“ฉันขอพูดคำเดิม นายบอกฉันก็ไม่มีประโยชน์!” หัวหน้าเฉินกล่าว “ตอนนี้บนเว็บมีแต่เรื่องโรงพักของนายใช้กำลังข่มขู่ให้รับสารภาพ ทรมานคน ถึงขั้นใช้เหล็กทรมานด้วย!”
ผู้กำกับซ่งแทบเป็นลม “ไม่จริงครับ! หัวหน้าเฉิน ผมสาบานต่อฟ้าเลยว่านั่นไม่จริงแม้แต่น้อย! กลอนของจางเย่นั่นเหลวไหลทั้งเพ! ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นเลย!”
หัวหน้าเฉินกล่าว “แต่ประชาชนเขาเชื่อ! แถมยังพูดต่อกันไปแบบนั้นด้วย!”
ผู้กำกับซ่งแทบร้องไห้ “พวกเราถูกใส่ร้ายจริงๆ นะครับ! เจ้าจางเย่นั่น! ชั่วร้ายเกินไปแล้ว!”
“หัวหน้าตำรวจนครบาลอื่นๆ ก็รู้เรื่องคดีนี้กันหมด เหล่าซ่ง ถ้านายยังยืนยันจะทำตามเดิมต่อไป ต่อให้เป็นฉันก็ปกป้องนายไม่ได้! นายเลือกเอาเองเถอะ!” เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าเฉินรู้เรื่องคดีนี้อย่างดี “ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว! แค่นักเลงคนหนึ่งพยายามจะทำร้ายคนอื่น ต่อให้มันถูกกระทืบกลับก็แล้วยังไงล่ะ! ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมนายถึงกลับไปจับพลเมืองดีเสียแทน? ทางตำรวจจะดำเนินคดีก็ต้องคำนึงถึงกฎหมาย และปฏิบัติตามเจตจำนงของกฎหมาย แต่กฎหมายมาจากไหน? กฎหมายมองในอีกมุมหนึ่งก็มีไว้เพื่อรับใช้ประชาชน! ดังนั้นจะดำเนินการยังไงเราก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกและปฏิกิริยาของมวลชนด้วย! แค่นั้นแหละ ฉันไม่พูดอะไรกับนายอีกแล้ว! เรื่องที่ควรจะพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว! เหล่าซ่ง ถ้านายไม่มีปัญญาจัดการคดีนี้ก็ไม่เป็นไร ถอยไปซะ! เดี๋ยวฉันจะจัดหาคนอื่นที่เหมาะสมมาจัดการให้เอง!”
ติ๊ดๆ สายโทรศัพท์พลันถูกตัด!
“ไม่นะ หัวหน้าเฉิน หัวหน้าเฉิน...” ผู้กำกับซ่งตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กไปหมดแล้ว เขาตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังก่อปัญหาใหญ่เสียแล้ว ไม่สิ เขาไม่ใช่คนก่อปัญหานะ เจ้าจางเย่นั่นต่างหากที่ก่อเรื่องทั้งหมด!
ถึงตอนนี้ผู้กำกับซ่งอยากจะสาปแช่งหวังสุ่ยซินสักหมื่นครั้ง! อย่างที่ผู้กำกับซ่งคุยกับภรรยาของเขาไว้ เขาตั้งใจจะช่วยหวังสุ่ยซินตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น พฤติกรรมและการกระทำของจางเย่มีช่องโหว่เล็กๆ ให้พวกเขาพอจะลืมตาข้างหลับตาข้างได้ ถ้าจะให้เคร่งครัดกันจริงๆ ตามตัวบทกฎหมายพวกเขาสามารถกักตัวจางเย่ไว้ได้ถึงสองสามวัน ดังนั้นผู้กำกับซ่งจึงไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรมากนัก หรือต่อให้มีแรงกดดันเขาก็ยังรับไหว ไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับซ่งแบกรับไม่ไหวแล้ว!
ปปช. ต้องการจะทำคดีแทน?
คนทั้งเมืองหลวงต่างให้ความสนใจ?
หัวหน้าตำรวจนครบาลทั้งหลายต่างก็จับตามองเขาอยู่ด้วย?
ผู้กำกับซ่งรู้สึกถึงเหงื่อที่เย็นเฉียบผุดขึ้นทางด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนชุดเครื่องแบบเปียกไปหมด ไม่ได้การแล้ว เขาต้องรีบจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะโดนเด้งจริงๆ แน่ เขารีบเหยียบคันเร่ง บึ่งรถไปสถานีตำรวจโดยเร็ว!
……
สี่ทุ่ม
ดึกมากแล้ว
ทว่าด้านในสถานีตำรวจยังสว่างไสว ไฟสปอตไลท์หลายจุดเปิดจ้า ตำรวจที่เข้าเวรเพิ่มขึ้นจากสามสี่คนเป็นมากกว่าสิบนาย เมื่อรู้ว่าที่นี่เกิดเรื่อง ตำรวจหลายนายที่กลับบ้านไปแล้วก็กลับมาช่วยพวกที่อยู่เวรเชิญตัวพวกนักข่าวออกไป โดยกันไปไว้ที่ประตูหลังในลานว่าง
มีรถขับเข้ามา ประตูรถเปิดออก
“ผู้กำกับซ่ง!”
“ผู้กำกับ มาเสียทีนะครับ!”
“พวกเราจะทำยังไงดีครับ? ผมเห็นบนอินเทอร์เน็ตแล้ว...”
“มีนักข่าวอยู่ข้างนอกเต็มไปหมดเลย พอชุดหนึ่งกลับไป ชุดใหม่ก็เข้ามาแทน พวกเขาบังทางเข้าไว้หมด ประตูหลังกับประตูหน้ามีแต่พวกนักข่าวเต็มไปหมด!”
“ผู้กำกับ โรงพักของเรา ‘ดัง’ ใหญ่แล้ว ตอนผมนั่งรถเมล์มาที่นี่แล้วติดสายคุยเรื่องคดีเก่าอยู่ พอผมพูดว่ามาจากโรงพักนี้ มีคนบนรถได้ยินเข้า ทุกคนส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามมาที่ผมหมดเลย ความรู้สึกนี่อย่าให้บอก ทำเอาผมหัวหดจนไม่กล้าเงยหน้ามาตลอดทางเลยนะครับเนี่ย! นี่เราไปล่วงเกินใครเข้าครับ?”
ทันทีที่ผู้กำกับซ่งมาถึง ทุกคนต่างบ่นกันไม่หยุด
“จางเย่อยู่ไหน?” ผู้กำกับซ่งโพล่งถามทันที
เหล่าจ้าวชี้ไปทางด้านหนึ่ง “ยังอยู่ห้องมืด”
ผู้กำกับซ่งไม่ตอบคำถามใดๆ ของพวกเขา เดินตรงไปยังห้องเล็กนั่นอย่างเดียว
เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นจางเย่นั่งอยู่บนพื้น กำลังจับกุญแจมือตรงขาของเขา ฮัมเพลงอย่างสบายใจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผู้กำกับซ่ง?” จางเย่มอง
ตำรวจสองสามนายที่ตามมาด้วย อยากจะเห็นว่าผู้กำกับซ่งจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ในตอนนี้ที่มีการเคลื่อนไหวมากมายถึงขนาดนี้ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะกลอนสองบทของจางเย่สร้างปัญหาขึ้น ด้วยอารมณ์ร้อนของผู้กำกับซ่ง ไม่โกรธก็บ้าแล้ว! ต้องอาละวาดแน่ๆ! เป็นไปตามคาด ผู้กำกับซ่งตวาดออกมาจริงๆ แต่สิ่งที่ตำรวจทุกนายคิดไม่ถึงก็คือไม่ได้ตวาดจางเย่ แต่ตวาดพวกเขาต่างหาก!
“ใครใส่กุญแจมืออาจารย์จางเย่กัน? หา? ใครกัน!” สีหน้าผู้กำกับซ่งถมึงทึงด้วยความโกรธ ชี้นิ้วไปยังกลุ่มตำรวจ “เป็นใครก้าวออกมาเดี๋ยวนี้!”
ทุกคนมึน!
ตำรวจนายหนึ่งแทบจะกระอักเลือด ผู้กำกับซ่ง! ไม่ใช่คุณหรือไงที่ให้พวกเราใส่กุญแจมือเขาน่ะ?
ผู้กำกับซ่งทุบโต๊ะในห้องมืดอย่างเกรี้ยวกราด “นี่พวกนายต้องการจะกบฏใช่ไหม? หา? ในสายตาพวกนายยังเห็นฉันเป็นผู้กำกับอยู่หรือเปล่า?” จากนั้นก็ชี้ไปที่จางเย่ซึ่งนั่งอยู่บนพื้น “พวกนายรู้ไหมว่านี่ใคร? รู้รึเปล่า? นี่คือนักเขียนชื่อดังแห่งเมืองหลวงนะ! นักเขียน! และนักประวัติศาสตร์ด้วย! เป็นอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ! แล้วทำไมพวกนายถึงทำกับเขาแบบนี้กัน? แล้วยังใส่กุญแจมืออีกด้วย? พวกนายทำคดีประสาอะไร? หา? อยากจะให้ฉันโมโหตายใช่ไหม!”
เหล่าจ้าว “........”
ตำรวจหญิง “..........”
นายตำรวจทุกคนต่างงงเป็นไก่ตาแตก!
ผู้กำกับซ่งตะโกนต่อ “จะมองฉันหาอะไรล่ะ จะนิ่งเฉยทำอะไร ยังไม่รีบปลดกุญแจมือให้อาจารย์จางเย่อีก! มัวรออะไรอยู่!”
ตำรวจชั้นผู้น้อยรีบวิ่งเข้ามา “ผมทำเองๆ!”
เมื่อกุญแจมือถูกปลดออกผู้กำกับซ่งยังกล่าวต่อ “ฉันไม่อยู่แค่แป๊บเดียว! พวกนายก็สร้างปัญหาให้ฉันเสียใหญ่โตแบบนี้! ฉันบอกพวกนายกี่ครั้งแล้ว! กับบุคคลที่น่าเคารพยกย่องอย่างอาจารย์จางเย่! มีแต่ต้องเคารพให้เกียรติ! แต่ดูสิว่าพวกนายทำอะไรลงไป? เห็นคำพูดฉันเป็นลมผ่านหูใช่ไหม? แทนที่จะดูแลอาจารย์จางเย่ให้ดีๆ พวกนายกลับใส่กุญแจมือเขาเสียอีกเนี่ยนะ?” ผู้กำกับซ่งแสนจะปวดใจ ตบโต๊ะพลางกล่าว “ฉันรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน! ผิดหวังกับพวกนายทั้งหมดจริงๆ!”
จางเย่น่าเคารพยกย่อง?
พวกเราต้องเคารพและให้เกียรติ?
ท่านแม่*บอกพวกเราแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรเล่า!
เมื่อเห็นผู้กำกับซ่งที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน พูดจาท่าทีแบบผู้เที่ยงธรรม จางเย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก โต๊ะเล็กๆ ดูเหมือนแทบจะพังตามแรงทุบของผู้กำกับซ่ง ขาโต๊ะทั้งสี่ดูเหมือนว่าจะฝังลงไปกับพื้นซีเมนต์ข้างล่างเสียด้วย!
“ไปซะ ไปให้หมด เห็นพวกนายแล้วหงุดหงิด!” ผู้กำกับซ่งไล่ตำรวจทั้งกลุ่มไปหมด
เมื่อพวกเขาจากไป ผู้กำกับซ่งก็รีบพยุงจางเย่ให้ลุกขึ้น “อาจารย์จาง ขอโทษด้วยที่คุณต้องเดือดร้อน ผมสั่งสอนลูกน้องไม่ดีเอง ลุกขึ้นเร็วเถอะครับ”
จางเย่ลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากก้นของเขา
ผู้กำกับซ่งมองจางเย่ “ว่าแต่อาจารย์จาง ผมว่าคุณไม่พูดเกินไปหน่อยเหรอ พูดเกินไปหน่อยจริงๆ นะ แส้อะไรกัน? เหล็กทรมานอะไรกัน? คุณลองคิดดูดีๆ นะ เรายังไม่ได้แตะต้องตัวคุณเลยตั้งแต่ตอนที่คุณมาถึงใช่รึเปล่า? เราไม่ได้ทำงั้นเลยนะ! แต่ทำไมกลอนของคุณถึงมีคำพวกนี้ล่ะ ไหนจะสอบสวนทรมานอีก? ผมว่าคุณพูดเกินจริงไปหน่อยนั่นแหละ”
จางเย่ตอบกลับแบบไม่ใส่ใจ “มันเป็นการสร้างสรรค์ทางศิลปะน่ะ จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันดูเสียดสีแบบนั้น ผมแค่เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาพอดี ไม่ได้เกี่ยวกับพวกคุณเลย”
ผู้กำกับซ่งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “แต่ประชาชนเขาเชื่อแบบนั้นเนี่ยสิ ทุกคนต่างหาว่าพวกเราสอบสวนทรมานคุณ คุณไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับพวกเราหรือ? ใช่ไหมล่ะ?”
จางเย่โบกมือ “ผมแค่ทำงานวรรณกรรม คนอื่นจะเข้าใจว่ายังไงผมไปควบคุมไม่ได้หรอกนะ”
“ดูคุณสิ เรื่องนี้เราสามารถตกลงกันได้นะ ที่จริงแล้วเราไม่ได้คิดจะตั้งข้อหาอาญาคุณเลย จิตกล้าหาญมั่นคุณธรรมที่ดีอย่างนี้! นี่เป็นเรื่องที่ควรจะได้รับการป่าวประกาศและส่งเสริมอย่างแข็งขัน!” ผู้กำกับซ่งกล่าวอย่างจริงจัง “เราจะกักตัวคุณไว้? นั่นเป็นไปไม่ได้แน่! เราแค่ปฏิบัติตามขั้นตอน พาตัวคุณมาเพื่อสอบปากคำ ให้ทุกคนได้เห็นเท่านั้น ดูคุณสิ คุณต้องเข้าใจเราผิดอยู่แน่เชียว!”
จางเย่พูด “เป็นแบบนี้หรอกเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอน” ผู้กำกับซ่งเงยหน้ามองกลอน ‘เพลงนักโทษ’ ที่เขียนอยู่บนกำแพงนั่นเอง “แล้วยังกลอนนี่อีก ไอ้หยา ใครกล้าไม่ปล่อยตัวคุณออกไปกัน สำหรับคุณพวกเราพร้อมเปิดประตูใหญ่ให้ทุกเมื่อทุกเวลา ใครที่กล้ารั้งคุณไว้ผมเหล่าซ่งคนนี้จะเล่นงานให้หนักเลย! แล้ว ‘เลือดอัคคีข้าสถิตนิจนิรันดร์’ อะไรนี่อีก ไม่ถึงขนาดนั้นเลย กล่าวหนักเกินไปแล้ว กล่าวหนักเกินไป อาจารย์จาง คุณกลับได้แล้วล่ะ เดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งคุณกลับบ้าน!”
จางเย่รู้แล้วว่ากลอนของเขาได้สร้างความปั่นป่วนไว้ จึงไม่รู้สึกร้อนรน “ไม่เป็นไรหรอกผู้กำกับซ่ง ผมอยู่ที่นี่ก็สบายดี ผมเข้าใจงานของพวกคุณนะ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งผมต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว คุณทำงานเถอะ ผมจะรอจนกว่าการสืบสวนจะเสร็จสิ้นลง”
ผู้กำกับซ่งรีบกล่าว “ไม่ได้ๆ แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน สภาพแวดล้อมที่นี่แย่จะตาย ไม่เหมาะกับอาจารย์ที่น่าเคารพยกย่องอย่างสูงเช่นคุณหรอก ผมจะให้คนส่งคุณกลับเดี๋ยวนี้แหละ!”
จางเย่โบกมือไม่ยินยอม “ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วจริงๆ คุณคิดมากไปแล้วล่ะผู้กำกับซ่ง ผมอยู่ที่นี่ก็ได้ขีดๆ เขียนๆ หรือไม่ก็แต่งกลอนเพิ่ม ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียว” กล่าวจบจางเย่ก้มลงเมียงๆ มองๆ ก็เห็นว่าใต้โต๊ะที่ผู้กำกับซ่งทุบแหลกไปมีเศษซีเมนต์และก้อนดินแตกหักอยู่เต็มไปหมด จึงตรงเข้าไปหยิบขึ้นมาก้อนหนึ่ง!
ผู้กำกับซ่งเห็นแล้วขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาทันที รีบพุ่งเข้าหา “อย่า! อาจารย์จาง! หากคุณอยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ! เราพูดกันดีๆ ได้นะ! ได้โปรดอย่าเขียนกลอนเลย!” แค่สองบทโรงพักของพวกเขาก็ไก่หมาไม่เป็นสุข[1]แล้ว ยังจะเขียนอีก? นายยังอยากจะเขียนเพิ่มอีกจริงๆ เหรอ?
“ใครก็ได้! ใครก็ได้มาที่นี่เร็วเข้า!” ผู้กำกับซ่งตะโกนเรียก
ตำรวจชราพลักประตูเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่ง เกิดเรื่องอะไรครับ?”
ผู้กำกับซ่งดึงจางเย่ไว้พลางชี้ไปที่พื้น “รีบจัดการเก็บกวาดพวกเศษหินให้เรียบร้อย! อย่าให้เหลือเลยนะ!”
ตำรวจชราปาดเหงื่อ “ได้ครับ!”
จางเย่พูดไม่ออก “คุณทำอะไรน่ะ? ผมไม่ได้จะเขียนกลอน ผมแค่จะเขียนอะไรสักสองสามตัวแก้เบื่อเท่านั้นเอง”
“อาจารย์จาง! คุณอยากจะเอาชีวิตพวกเราเหรอ! อย่าเขียนเลย อย่าเขียนนะ!” ผู้กำกับซ่งเห็นว่าตำรวจชราชักช้าไม่ทันใจ เลยลงมือทำเอง ขุดเอาเศษกรวดก้อนซีเมนต์ออกมาอย่างแคล่วคล่องว่องไวจนเกลี้ยง แล้วส่งให้ตำรวจชรานำไปทิ้งข้างนอก
จางเย่ถึงกับอึ้ง
นี่นายจบมาจากรร.อาชีวะหลานเสียงเหรอเนี่ย?
ทำไมขุดเก่งจัง?
ผู้กำกับซ่งได้แต่น้ำท่วมปาก เขาไม่กล้าปล่อยให้จางเย่ขยับปากกาอีกแล้ว คนอื่นอาจจะฆ่าคนด้วยปืนหรือทำร้ายคนด้วยหมัด แต่คนอย่างจางเย่ไม่สามารถใช้ตรรกะปกติด้วยได้ หากเขาต้องการจัดการใคร ไม่จำเป็นต้องใช้ปืนใช้อาวุธใดๆ แค่ขยับปากกาก็พอแล้ว ผู้กำกับซ่งและตำรวจคนอื่นๆ ในโรงพักต่างได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้เพราะจางเย่มาแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ยอมโง่อีก!
“อาจารย์จาง ทำไมเราไม่นั่งลงดีๆ แล้วคุยกันล่ะ? ช่วยไว้หน้าเหล่าซ่งคนนี้หน่อยเถอะนะ” ผู้กำกับซ่งกล่าวต่อ “พวกเราสุภาพบุรุษใช้ปากไม่ใช้มือ!”
จางเย่กล่าว “แต่ผมไม่ได้ใช้มือเลยนะ?”
ผู้กำกับซ่งโอดครวญ “แต่ที่คุณเขียนนี่ก็เท่ากับใช้มือแล้ว! ก่อนหน้านี้ท่าทีของพวกเราอาจจะไม่เหมาะสมไปบ้าง ผมขอโทษคุณไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน อาจารย์จาง คุณรีบกลับบ้านเถอะ อย่าสร้างความปั่นป่วนให้พวกเราอีกเลย พวกเราเป็นแค่โรงพักย่อยวิหารเล็กๆ รับความปั่นป่วนแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ได้โปรดยั้งมือเถิด ได้โปรดเถิด”
จางเย่เองไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่เพราะท่าทีของผู้กำกับซ่งและคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้สร้างความรำคาญให้เขาอย่างมาก ไร้เหตุผลเกินไป “แล้วเรื่องคดีล่ะ? ยังสอบสวนกันไม่เสร็จเลยนี่!”
ผู้กำกับซ่งละล้าละลังก่อนจะกัดฟันตอบ “การสอบสวนสิ้นสุดลงแล้ว สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำผิดใดๆ เป็นเจ้าหวังเฉินนั่นที่ทำตัวอันธพาลและตั้งใจทำร้ายคนอื่น ถ้าเขาออกจากโรงพยาบาลเมื่อไรเราจะนำเขามาสอบปากคำ! กักบริเวณ! และถูกปรับทางแพ่งด้วย!”
นั่นค่อยเข้าท่าหน่อย
จางเย่คิดอยู่สักพัก “ตกลง ในเมื่อการสืบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็กลับเลยละกัน”
ผู้กำกับซ่งถอนหายใจยาวเหยียดแล้วบอกกับตำรวจชราอย่างกระตือรือร้น “รีบไปส่งอาจารย์จางเย่กลับบ้านนะ ขับให้ช้าหน่อยล่ะ อย่าทำให้อาจารย์จางเวียนหัวไม่สบาย”
ตำรวจชราตอบรับอย่างทำอะไรไม่ได้ “ครับผม”
เมื่อเห็นจางเย่กำลังเดินออกไป ผู้กำกับซ่งพูดตะโกนไล่หลังไปอีกว่า “อาจารย์จาง กลับไปแล้ว รบกวนโพสต์ลงเวยป๋อช่วยทางเราชี้แจงด้วยนะว่าโรงพักของเราไม่ได้ใช้เหล็กทรมานจริงๆ! ขนาดคลังอาวุธของเมืองยังไม่เคยส่งมันมาให้เราสักเล่มเลยด้วย!”
จางเย่ไม่ได้หันหน้ากลับไป เพียงแต่โบกมือให้ ยังไม่รู้ว่าจะตกลงตามคำขอหรือเปล่า
ผู้กำกับซ่งปาดเหงื่อที่หน้าผาก ในที่สุดเขาก็ส่งตัวกาลกิณีกลับไปได้เสียที ชั่วชีวิตนี้ขออย่าให้เจอจางเย่คนนี้อีกเลย!
เคยเห็นคนโฉดมานักต่อนัก!
แต่ไม่เคยเห็นใครโฉดเท่านี้มาก่อนเลย!
--------------------------------------------------------
[1] ไก่หมาไม่เป็นสุข คือ สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*