ตอนที่ 1022 : หน้ากากโจ๊กเกอร์ยอมแพ้!!
เสียงดนตรีเงียบไป
บทเพลงจบลงแล้ว
หน้ากากโจ๊กเกอร์โค้งกาย แล้วหมุนตัวเดินลงจากเวที
ภายในห้องอัดไม่มีเสียงร้องเรียกใดๆ ไม่มีบรรยากาศเร่าร้อนเช่นตอนที่ดอกไม้ต้องฝนแสดงจบ กระทั่งเสียงตะโกนแบบตอนที่ทานตะวันใต้ดวงดาวร้องเพลงจบก็ยังไม่มี นี่เป็นบทเพลงที่สงบอย่างมาก ไม่ใช่เพลงประเภทที่จะนำมาใช้แข่งขันได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ชมมากมายพลันลุกขึ้นยืนเงียบๆ
เสียงปรบมือหนึ่งเสียง
เสียงปรบมือสองเสียง
หานฉีปาดน้ำตาแล้วปรบมือเช่นกัน!
ผู้กำกับดนตรีไป๋หย่วนเฟยยิ้มพลางปรบมือ!
หูเฟย โหวเกอ ต้าเฟย เหยาเจี้ยนไฉ เอมี่ เฉินกวง จางเสีย ทุกคนล้วนกำลังปรบมือ!
เสียงปรบมือประสานกันเป็นหนึ่งเดียวดังต่อเนื่องเนิ่นนาน!
ในดวงตาของบางคนมีน้ำตาคลอ
บางคนสะอึกสะอื้น
เพลงเพลงนี้นำพาความรู้สึกมาให้พวกเขามากเกินไปจริงๆ มากจนทำให้พวกเขายากจะใช้ประโยคหนึ่งประโยค หรือเสียงร้องตะโกนเพียงเสียงเดียวมาแสดงความรู้สึกในหัวใจได้ คนที่ผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันมาล้วนประทับใจ ส่วนคนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ หลังจากถูกอารมณ์เศร้าโศกจากบทเพลง 'แม่บอกว่า' ของหน้ากากทานตะวันครอบงำ ในพริบตาก็ถูกเพลง 'ชีวิตไม่ได้มีเพียงเท่านี้' ชำระล้าง พวกเขาพลันรู้สึกว่าชีวิตสว่างสดใสขึ้นมา นั่นเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย บอกได้เพียงว่านั่นเป็นความรู้สึกที่ทำให้สบายใจอย่างมาก
"หน้ากากโจ๊กเกอร์ยอดเยี่ยมมาก!"
"ฉันชอบเขามากๆ เลย!"
"ฉันด้วย เพลงของเขาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมายจริงๆ!"
"แต่ว่าเพลงนี้ไม่ได้ดุดัน แล้วก็ไม่ได้สนุกสนานอะไร คนอื่นจะฟังเข้าใจไหมนะ?"
"อืม นี่ไม่ใช่เพลงที่ใช้สำหรับแข่งขัน ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไร"
"คนอื่นเข้าใจไหมฉันไม่สนหรอก แต่ว่าฉันฟังแล้วเข้าใจนะ ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!"
"ฉันไม่รู้จะบรรยายความชอบที่ฉันมีให้หน้ากากโจ๊กเกอร์ยังไงแล้ว ในสายตาฉัน เพลงเมื่อกี้นี่เขาใส่ความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองลงไปด้วย!"
ผู้ชมพากันพูดคุย
เฉินกวงก็ยังคงยิ้มขื่น "ตั้งหลายเพลงแล้วก็ยังไม่มีคนฟังออกว่าเขาเป็นใครอีกเหรอ?"
จางเสียสั่นศีรษะ "ไม่คุ้นเลยจริงๆ!"
เอมี่รีบพูดว่า "ฉันเองก็ฟังไม่ออกเหมือนกัน!"
เหยาเจี้ยนไฉปล่อยมือพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า "ผู้เชี่ยวชาญในวงการดนตรีอย่างพวกคุณยังฟังไม่ออก ผมก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน"
ไม่มีเสียงสูงที่สั่นสะเทือนฟ้า
ไม่มีเทคนิคบ้าดีเดือด
นิทานเรื่องหนึ่งถูกเล่าไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงอันน่าดึงดูดของหน้ากากโจ๊กเกอร์ ไม่มีการอวดโอ่อะไรทั้งนั้น
เพลงเพลงนี้จะมีระดับสูงมากเกินไปแล้ว!
วิธีการร้องแบบนี้จะมีระดับสูงเกินไปแล้ว!
นี่เป็นบทเพลงของนักร้องชื่อสวี่เวยในโลกนั้นของจางเย่ ชื่อเพลงว่า 'ชีวิตไม่ได้มีเพียงเท่านี้' บทเพลงและเนื้อร้องล้วนเป็นเกาเสี่ยวซงแต่งขึ้น เดิมทีจางเย่ไม่ได้วางแผนว่าจะใช้เพลงนี้ขึ้นแสดง นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือกที่เขาเตรียมไว้เท่านั้น แต่ว่าชั่วขณะที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาพลันอยากร้องเพลงนี้ ไม่มีเหตุผลอะไร ดังนั้นเขาจึงร้อง
ที่ข้างหลังเวที
หน้ากากดอกไม้ต้องฝน หน้ากากปวยเล้งและคนอื่นๆ ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
เพราะว่าเสียงปรบมือยังดังไม่หยุด ดังนั้นต่งซานซานจึงขึ้นไปยืนบนเวทีแต่ยังไม่เชิญนักร้องคนต่อไปขึ้นมา เธอกำลังรอให้บรรยากาศสงบลง
โจ๊กเกอร์กลับเข้ามาแล้ว
ดอกไม้ต้องฝนจ้องเขาอย่างลึกล้ำ "ยอดเยี่ยมมาก"
โจ๊กเกอร์ที่ดัดเสียงแล้วตอบว่า "ขอบคุณ"
ไม้ใกล้ฝั่งมองเขา "เพลงนี้ฉันชอบมากเลย ขอร้องคัฟเวอร์ได้ไหม?"
โจ๊กเกอร์ยิ้มพลางตอบ "ได้สิ"
หน้ากากปวยเล้งยิ้มขื่น "พวกคุณ พวกคุณทุกคนยอดเยี่ยมมากๆ เลย! รุ่นพี่ทั้งสามท่าน มหาเทพทั้งสาม ฉันขอประจบหน่อยนะ!"
ดอกไม้จีนในวันวานเองก็เอ่ยว่า "อาจารย์โจ๊กเกอร์ คุณเป็นคนใหญ่คนโตท่านไหนกันแน่?"
หน้ากากโจ๊กเกอร์ยิ้มบางๆ "เป็นน้องใหม่ในวงการดนตรี" เขาไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยจริงๆ
ทว่าคนอื่นกลับไม่เชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางคนที่ตื่นเต้นจนแทบเป็นลมด้วย!
หน้าใหม่?
คุณล้อเล่นอะไรหา!
ในมุมของหน้ากากปวยเล้งและหน้ากากดอกไม้จีนในวันวาน โจ๊กเกอร์และกดอกไม้ต้องฝนล้วนเป็นนักร้องที่มีทักษะการร้องระดับสูง แต่ว่าแนวทางการร้องเพลงของสองคนนี้กลับไม่เหมือนกัน ยากจะตัดสินได้ว่าใครสูงใครต่ำ ในเมื่อดอกไม้แต่ละชนิดเข้าตาคนไม่เหมือนกัน เรื่องความชอบก็ย่อมแล้วแต่คน แต่ว่าเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว อาจารย์ทั้งสองท่านนี้จะต้องรังแกพวกเขาจนหมดท่าแน่
หน้ากากปวยเล้งพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ว่า "ฉันไม่อยากขึ้นไปบนเวทีแล้ว"
หน้ากากโจ๊กเกอร์ยิ้มพลางเอ่ย "ตั้งใจร้องให้ดี คุณต้องชนะได้แน่"
ปวยเล้งตอบว่า "คุณไม่ต้องปลอบใจฉันแล้วล่ะ เพลงนี้ของคุณร้องออกไปแล้ว ใครจะเอาชนะได้กันล่ะ?"
ดอกไม้จีนในวันวานพลันพูดด้วยความยินดีว่า "เพลงนี้ของอาจารย์โจ๊กเกอร์ถือว่าเป็นเทพเซียนซ้ำกระบี่จริงๆ!" พูดถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ "ไอ้หยา ฉันขำจะตายแล้ว!"
พอปวยเล้งกับหน้ากากไม้ใกล้ฝั่งและหน้ากากดอกไม้ต้องฝนได้ยินดังนี้ก็หัวเราะพรืดออกมา
ถูกต้อง การซ้ำดาบหนนี้ดุดันมากจริงๆ!
เป็นบังเอิญเหรอ?
ไร้สาระ!
มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ที่ไหนกัน คนอื่นเขาเพิ่งร้องจบว่าชีวิตคือความมืดมิดและได้แต่อยู่ไปวันวัน คุณก็ขึ้นมาว่าชีวิตไม่ได้มีเพียงเท่านี้? ยังไงหน้ากากโจ๊กเกอร์ก็จงใจอย่างแน่นอน!
เดาว่าตอนนี้หลีอวี้ที่อยู่ในห้องพักคงจะหน้าเขียวไปหมดแล้ว?
"อาจารย์ดอกไม้ต้องฝนเองก็ยอดเยี่ยมมาก!"
"ใช่ เขี่ยหลีอวี้ออกจากตารางอันดับได้ทันทีเลย!"
"เฮ้อ แต่ว่าสัปดาห์หน้าหลีอวี้ก็ยังกลับมาได้อยู่ดี"
"อืม รอบคัดออกหยุดเขาไม่ได้หรอก"
"ถ้าเขาร้องเพลงภาษากวางตุ้ง งั้น…"
"ใช่ แพ้ชนะก็บอกได้ไม่ยาก"
"เพลงกวางตุ้งของหลีอวี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วจริงๆ"
นักร้องหน้ากากสองสามคนคุยกัน ความสัมพันธ์ล้วนเป็นกันเอง การกระทำที่เลวร้ายของหลีอวี้ทำให้นักร้องคนอื่นหันมากลมเกลียวกัน ยิ่งสนิทสนมใกล้ชิดกันมากขึ้น
……
บนเวที
เสียงปรบมือยังคงดังอยู่
ต่งซานซานไม่มีทางเลือกแล้วจึงยิ้มแล้วยกไมโครโฟนขึ้นมา "ฉันจะเล่าเรื่องตลกเรื่องหนึ่งให้ทุกคนฟังนะคะ"
เสียงปรบมือจึงหยุดลง
ต่งซานซานเอ่ยว่า "เมื่อก่อนมีพิธีกรคนหนึ่งเล่าเรื่องตลกให้ผู้ชมฟัง จากนั้นผู้ชมก็ไม่หัวเราะออกมาเลยสักคน เอาล่ะ เรื่องตลกจบแล้วค่ะ ขอเชิญนักร้องท่านต่อไป หน้ากากปวยเล้ง!"
ผู้ชมถูกเธอหยอกจนหัวเราะ
"พรืด!"
"แป้กจริง!"
"นี่มันเรื่องตลกอะไรกันหา!"
"ฮ่าๆๆๆๆๆ!"
แต่ว่าการขัดจังหวะนี้ของต่งซานซานก็ดึงอารมณ์ของผู้ชมที่ติดอยู่ในเพลงเมื่อครู่ให้หลุดออกมาจนได้
ปวยเล้งพรูลมหายใจออกมา "ฉันไปละนะ!"
โจ๊กเกอร์เอ่ย "สู้ๆ"
หน้ากากดอกไม้จีนในวันวานมองเธออย่างเศร้าๆ "พยายามให้ดีที่สุดก็พอแล้ว"
ปวยเล้งยิ้มขื่น รีบก้าวขึ้นไปบนเวที
เสียงดนตรีดังขึ้น
ท่วงทำนองคุ้นหูเป็นที่สุด
จางเย่ฟังแล้วก็งุนงงไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา
ปวยเล้งเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบาว่า
"เรียนพ่อแม่ที่รัก พวกท่าน สบายดีไหม?"
"ตอนนี้งานยุ่งไหม? สุขภาพ เป็นยังไงบ้าง?"
"ตอนนี้หนูอยู่ปักกิ่ง สบายดีมากเลย"
"พ่อ แม่ ไม่ต้องห่วงนะ"
เป็นเพลง 'จดหมายถึงที่บ้าน' ที่จางเย่เคยร้องในงานปีใหม่ที่ปักกิ่งนั่นเอง
ผู้ชมนิ่งงัน!
ร้องได้ดีมาก!
ร้องได้ดีมากเลย!
จางเย่และหน้ากากดอกไม้จีนในวันวานไม่เคยได้ยินหน้ากากปวยเล้งร้องได้ยอดเยี่ยมเท่านี้มาก่อน แนวทางการร้องเพลงของเธอสดใสและเรียบง่าย เสียงก็ใสเป็นอย่างมาก กระฉับกระเฉงมาก เพลง 'จดหมายถึงที่บ้าน' ที่เธอเป็นคนร้องกับสไตล์เพลงต้นฉบับของจางเย่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นบรรยากาศคนละแบบกัน!
เมื่อเสียงร้องเพลงจบลง มีผู้ชมบางคนร้องไห้ออกมา
ไม่นาน หน้ากากโจ๊กเกอร์ก็ถูกเชิญขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
ต่งซานซานยิ้ม "ก่อนอื่นขอเชิญแขกรับเชิญที่มาร่วมทายพูดอะไรสักหน่อยดีไหมคะ?"
เฉินอี้ตงเริ่มพูดก่อน "ปวยเล้งร้องได้ไม่เลว เสียงดี สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแล้ว ตอนที่ร้องถึงท่อนสุดท้ายนั่นผมเองก็ประทับใจมาก แต่ว่าถ้าหากเทียบกับหน้ากากโจ๊กเกอร์แล้วก็อาจจะยังขาดความเร่าร้อนอยู่"
ปวยเล้งค้อมกายอย่างถ่อมตัว "ขอบคุณค่ะอาจารย์"
จางเสียถามว่า "ปวยเล้ง พวกเราสองคนเคยทำงานด้วยกันใช่ไหม?"
ปวยเล้งกระแอมออกมาหนึ่งที " ...ค่ะ"
ผู้ชมพากันส่งเสียงฮือฮา
จางเสียถามต่อทันที "เป็นงานเลี้ยงงานไหนของเมื่อปีที่แล้ว?"
งานเลี้ยง?
งานเลี้ยงอะไร?
ผู้ชมฟังไม่เข้าใจ
หน้ากากปวยเล้งหัวเราะหยอกเย้าแล้วตอบว่า "ผู้กำกับไม่ให้พูดค่ะ"
"ดี งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว" จางเสียเอ่ยด้วยความยินดี "ที่แท้ก็เป็นคุณ ก็ไม่แปลกใจที่จะร้องได้ดีขนาดนี้"
เฉินกวงกลับไม่รู้ "เป็นใครเหรอ?"
เอมี่เอ่ยว่า "คุณย่าจาง บอกพวกเรามาเถอะ"
จางเสียยิ้มก่อนตอบ "บอกไม่ได้ แต่ฉันแนะนำให้ได้นิดหน่อย สาวน้อยคนนี้ไม่นับว่าเป็นคนในวงการดนตรี ไม่ใช่คนที่มีภูมิหลังเคยเรียนดนตรีด้วย" จากนั้นก็เอ่ยกับปวยเล้งว่า "ถึงแม้คุณจะร้องได้ดีขนาดนี้ พวกเราสองคนก็ยังนับว่าเป็นเพื่อนเก่ากัน แต่ว่าหากฉันต้องโหวตแล้วละก็ แน่นอนว่าฉันจะโหวตให้หน้ากากโจ๊กเกอร์ อย่าโทษคุณย่าเลยนะ"
หน้ากากปวยเล้งหัวเราะคิกคิก "ไม่มีปัญหาค่ะคุณย่าจาง"
ท่าทีของแขกรับเชิญล้วนชัดเจน
ความรู้สึกของคนดูก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ความจริงแล้วหน้ากากปวยเล้งก็ไม่เลว ร้องได้ดี เพลงก็ดี สร้างความประทับใจให้คนอื่นได้ แต่ว่าเพลงนี้ของหน้ากากโจ๊กเกอร์นั้นร้องไปถึงในระดับที่ว่าไม่สามารถใช้คำว่าดีหรือไม่ดีมาตัดสินได้แล้ว เขาก้าวข้ามไปในอีกระดับหนึ่งแล้ว!
……
ในห้องพัก
หน้ากากทานตะวันมองโทรทัศน์ เดิมทีก็ไม่สนใจผลลัพธ์อยู่แล้ว เขารู้ดีว่าหน้ากากโจ๊กเกอร์ต้องชนะแน่ ถ้าในกลุ่มต่อไป หน้ากากไม้ใกล้ฝั่งต้องสามารถไต่อันดับขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้นการแข่งในรอบคัดออกก็จะเป็นเขากับปวยเล้งและหน้ากากดอกไม้จีนในวันวานมาแข่งกัน เขาสรุปได้ว่าเป็นงานง่ายๆ ไม่ต้องร้องก็เดาได้ว่าจะชนะ ดังนั้นเลยไม่ใส่ใจแล้ว ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดีมากๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสถานการณ์จะกลายมาเป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดไม่ถึงว่าดอกไม้ต้องฝนจะฉีกแนวออกไปได้ขนาดนี้
ในเมื่อวันนี้ยังเป็นแชมป์ไม่ไหว!
งั้นก็สัปดาห์หน้า!
และสัปดาห์ถัดไปอีก!
อย่างไรเขาก็ยังมีโอกาส ครั้งหน้าเขาจะไม่ออมมือแล้ว ครั้งหน้าเขาจะงัดเพลงกวางตุ้งที่เขาถนัดที่สุดออกมากวาดคนที่เหลือทิ้งไปให้หมด!
……
ในห้องอัด
ต่งซานซานพยักหน้า เอ่ยว่า "เอาละค่ะ ด้านล่างเตรียมตัวโหวตนะคะ"
ความจริงแล้วไม่ค่อยกดดันมากเท่าไร
หน้ากากโจ๊กเกอร์แทบจะได้ชัยชนะที่มั่นคงแล้ว
หูเฟยกับเพื่อนร่วมงานด้านล่างเริ่มพูดคุยกัน
ต้าเฟยเอ่ยว่า "พี่หู คุณว่าปวยเล้งจะกำจัดทานตะวันออกไปได้ไหม?"
หูเฟยสั่นศีรษะ "ไม่มีทางเลย"
โหวเกอเองก็พูดว่า "ปวยเล้งแม้จะอยู่เหนือมาตรฐาน แต่ก็ไม่นับเป็นคู่มือของหลีอวี้ ยิ่งไปกว่านั้นในห้องอัดยังมีแฟนคลับของหลีอวี้ตั้งเยอะ"
เสี่ยวหลวี่เอ่ยว่า "ใช่ อย่าว่าแต่ปวยเล้งหรือดอกไม้จีนเลย ต่อให้ไม้ใกล้ฝั่งแพ้โดยไม่คาดฝัน เข้าสู่รอบคัดออก ก็ยังเอาชนะหลีอวี้ไม่ได้ หลีอวี้เป็นผู้แข่งขันที่มีเสียงสูง เพลงต่อไปต้องเป็นเพลงกวางตุ้งแน่ ต่อให้ดอกไม้ต้องฝนมาแข่งกับเขาเองอีกครั้งก็น่าจะแพ้เหมือนกัน!"
หานฉีหันมา "งั้นพรุ่งนี้ ทานตะวันก็จะขึ้นมากร่างบนเวทีสินะ? คนคนนี้น่าโมโหเป็นบ้า!"
ต้าเฟยตอบว่า "งั้นจะทำยังไงล่ะ? ฟ้าดินเป็นใจให้หน้ากากดอกไม้ต้องฝนชนะเขาได้ครั้งหนึ่งก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว ในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน นอกจากดอกไม้ต้องฝนกับโจ๊กเกอร์แล้ว ใครจะยังเขี่ยเขาออกไปได้อีก?"
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้ทุกคน
หน้ากากโจ๊กเกอร์พลันเอ่ยออกมาแล้ว เพียงแค่หนึ่งประโยคก็ทำให้ทุกคนในห้องอัดที่ได้ยินพากันมึนงง!
"รอสักครู่ได้ไหมครับ" โจ๊กเกอร์ยกไมโครโฟนขึ้น ยิ้มบางๆ "ครั้งนี้ปวยเล้งร้องได้ดีมากจริงๆ ถ้าหากให้โหวตละก็ผมกลัวผลโหวตจะต่างกันมากเกินไป แพ้แบบดูไม่ได้เอาเสียเลย งั้นก็ไม่ต้องโหวตแล้ว ผมขอยอมแพ้!" จากนั้นก็มองไปที่ต่งซานซานแล้วพูดว่า "ขอยอมแพ้ได้ไหมครับ?"
ต่งซานซานตื่นตระหนก!
หูเฟยประหลาดใจ!
จางเสีย เหยาเจี้ยนไฉ และแขกรับเชิญคนอื่นๆ ตกตะลึงไปตามๆ กัน!
สีหน้าของหลีอวี้ในห้องพักก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด!
ผู้ชมส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจออกมา!
หานฉีโง่งมแล้ว!
หน้ากากดอกไม้ต้องฝนและหน้ากากไม้ใกล้ฝั่งล้วนงุนงง!
หน้ากากปวยเล้งเองก็แทบจะล้มไปกองกับพื้น!
ยอมแพ้?
คุณยอมแพ้?
จากนั้นในชั่วพริบตาทุกคนก็พลันเข้าใจ!
เขาตั้งใจ!
เขาต้องตั้งใจแน่ๆ!
หน้ากากดอกไม้ต้องฝนขยี้หลีอวี้ไปในสนามแรก!
หน้ากากโจ๊กเกอร์เขา...เขาอยากรับช่วงต่อในสนามที่สอง!?
แม่งเหอะ!
นายบ้าไปแล้วเหรอ?
นายจะเล่นใหญ่เกินไปแล้วหรือเปล่า?