บทที่ 665 : ตีกับคนในสายงานอีกแล้ว!
__________________________________
ห้องส่งรายการ ‘เดอะวอยซ์มหาชน’
บรรดาผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นตั้งหน้าตั้งตารอชมเรื่องสนุก!
“มาดูเร็ว!”
“ดูเวยป๋อของจางเย่เร็ว!”
“ฉันกะแล้ว! ฉันกะแล้ว! อาจารย์จางต้องด่าคนได้อย่างไม่หวั่นเกรง!”
ฮาฉีฉีจับโทรศัพท์มือถือด้วยมืออันสั่นเทา!
จางจั่วกับอู่อี้พากันหันขวับไปมองจางเย่ ดวงตาฉายแววตื่นตะลึง!
……
กลอนบทนี้ระเบิดออกมาแล้ว!
บทกลอนเพิ่งถูกโพสต์บนเวยป๋อ ก็ทำให้ชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วนพากันขนลุกซู่!
“เชี่*!”
“คำแปลล่ะ? ไม่มีคำแปลเหรอ?”
“กลอนบทนี้สูงส่งเกินไปแล้ว!”
“พวกประโยคตอนวรรคต้นๆ ยังไม่เท่าไร แต่วรรคสุดท้ายสิ เยี่ยม!”
“สมกับเป็นจางเย่!”
“ใช่ นี่แหละจางเย่!”
“โคตรแสบ!”
“อาจารย์จางไม่ลงมือยังพอว่า ลงมือเมื่อไรเป็นต้องสะเทือนโลกา! นี่มันเท่ากับเหยียบหน้ารายการประเภทเดียวกันทั้งหมด! เป็นการประกาศสงครามกับรายการวาไรตี้ทั้งวงการชัดๆ !”
“คำพูดแบบนี้ ทั่วทั้งวงการบันเทิงมีแต่จางเย่เท่านั้นที่กล้าพูด!”
“อาจารย์จางหายไปจากเวยป๋อตั้งนาน ฉันนี่เกือบคิดว่าอาจารย์จางกลับตัวกลับใจสักที พอมาเห็นวันนี้ กร๊ากๆๆ จางเย่ก็ยังคงเป็นจางเย่คนเดิมที่ฉันรู้จัก!”
พออ่านกลอนบทนี้จบ ผู้คนมากมายถึงกับสั่นสะท้าน! จางเย่ไม่ได้เขียนกลอนมานานแล้ว แต่พอจู่ๆ ก็ปล่อยกลอนออกมา กลับสามารถเขย่าโลกวรรณกรรมได้ ทุกคนไม่แปลกใจกับกลอนของจางเย่ เพราะเคยเห็นเขาแต่งกลอนรักโรแมนติกอ่อนหวาน เคยเห็นเขาแต่งกลอนเสียดสีล่อแหลมโจ่งแจ้ง แต่กับกลอนโบราณเช่นนี้ ผู้คนกลับไม่ค่อยชินและมีน้อยนักที่จะเห็น วันนี้ได้ประจักษ์แล้ว นับว่าได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง จางเย่ล้วนเขียนกลอนได้ทุกรูปแบบจริงๆ !
เดิมทีจางเย่ไม่ใช่คนที่ใครจะเดาทางได้ ยิ่งคนอื่นคิดว่าเขาคงจะทำอย่างนี้ เขายิ่งกลับจะไม่ทำแบบนี้ ให้มานั่งอธิบายให้พวกคุณฟังน่ะเหรอ? ให้บอกเหตุผลพวกคุณชัดๆ ? ไม่จำเป็น!
กลอนบทนี้เป็นกลอนของยอดกวี ‘ตู้ฝู่’ จากโลกเดิมของจางเย่ เป็นกลอนโบราณที่มีด้วยกันอยู่สามบท ซึ่งจางเย่นำเอาบทกลางมาบทเดียว เป็นท่อนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกเดิมของเขา ไม่มีใครไม่รู้จัก กลอนบทนี้ของตู้ฝู่อาจจะสื่อความหมายอื่น แต่ในเวลานี้จางเย่หยิบยกออกมาใช้กับสถานการณ์เช่นนี้ ชัดเจนว่าการตีความได้กลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง!
…...เป็นความเหนือชั้นชนิดไม่เห็นหัวใครอยู่ในสายตา!
กลอนวรรคนี้ ได้บอกเล่าถ้อยคำนับหมื่นพันไปจนหมด เรื่องที่จางเย่อยากจะพูดล้วนอยู่ในนั้นทั้งหมด พวกเอ็งรวมหัวกันต่อต้านลูกพี่ก็ดี รวมหัวกันต่อว่าลูกพี่ก็ช่างสิ ลูกพี่และรายการใหม่ของลูกพี่ ‘ถูกลิขิต’ ไว้แล้วว่าจะไต่ขึ้นไปเป็นรายการวาไรตี้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับโลก! แล้วมองหยันพวกเอ็งยังไงล่ะ!
“ยืนมองยอดเขาสูง มองหยัน...เหล่าเนินจ้อย!”
“ช่างอหังการจริง!”
“พูดได้เฉียบ!”
“อาจารย์จางสู้ๆ !”
“จางเย่! พวกเราสนับสนุนคุณนะ!”
“โคตรเทพ! ฮ่าๆ อาจารย์จางไม่เคยเห็นพวกนั้นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!”
แฟนคลับของจางเย่ต่างพากันตบเท้าออกมา!
ขณะเดียวกัน พวกคนในสายงานที่พากันออกมาต่อต้านจางเย่เหล่านั้นต่างหัวร้อนกันขึ้นมา! พวกเขาคิดว่าจางเย่จะมาแก้ตัว หรือไม่ก็สงบเสงี่ยมต่อไป แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะเขียนกลอนโบราณมาด่ากันโต้งๆ ! ไม่มีความเคารพเพื่อนร่วมอาชีพ!
“มองหยัน...เหล่าเนินจ้อย! จางเย่! ปากดีนักนะ!”
“รายการใหม่ของพวกนาย ได้ 0.6% ก็เต็มกลืนแล้ว แถมคราวนี้ยังมาเร่งออกฉายอีก น่ากลัวว่าจะมีแต่ข้อผิดพลาดน่ะสิ เรตติ้งแค่ 0.5% ก็ไม่น่าถึงเสียด้วยซ้ำ แต่นายยังคิดจะเป็นวาไรตี้ระดับโลก? จะมองเหยียดรายการวาไรตี้ทั้งหมด? นายยังไม่ตื่นใช่ไหม? แหกตาดูรายการตัวเองก่อนเถอะ! แค่ไตร่ตรองดูนิดๆ ก็จะรู้ว่า ‘เดอะวอยซ์มหาชน’ เป็นได้แค่รายการตลาดที่หวังลาภลอย คนส่วนใหญ่รับไม่ได้หรอกเว้ย!”
“จางเย่ อย่ามั่นใจตัวเองให้มากนัก!”
“พูดจาใหญ่โตฉิ*! ฉันแม่*จะคอยดูว่าออกอากาศวันนี้เสร็จแล้วนายจะทำยังไง!”
“ฉันยอมรับนะว่ารายการก่อนๆ ของคุณมันสุดยอดมาก เรตติ้งออกมาดีหมด แต่ ‘เดอะวอยซ์’ นี่จะต้องเป็นผลงานสุดเฟลของคุณแน่ ยืนมองยอดเขาสูงเรอะ? ได้ ไม่เชื่อเรามาคอยดูกัน! ฉันอยากจะดูซิว่าที่คุณมั่นอกมั่นใจกับรายการใหม่ขนาดนี้ สุดท้ายแล้วเรตติ้งจะเป็นอย่างไร!”
“เหอะ ให้เรตติ้ง ‘เดอะวอยซ์’ ข้ามรายการฉันให้ได้ก่อนเถอะ!”
“ผู้กำกับจ้าว เรตติ้งรายการคุณตั้ง 0.75% นี่! เขาจะข้ามไปได้ที่ไหนกัน เขาก็แค่ปากดีไปงั้นแหละ ได้แต่พ่นคำไร้สาระ!”
“แม่*จี้ฉิ*หาย ช่างไม่รู้จักกลัวเกรง เราก็คนเก่าคนแก่คร่ำหวอดอยู่ในวงการวาไรตี้มาหลายปีกันทั้งนั้น ยิ่งคลุกคลีวงการนี้มากเท่าไร ยิ่งควรกริ่งเกรง และยิ่งต้องรู้จุดอ่อนข้อจำกัดของตัวเองด้วย แต่จางเย่เนี่ยสิ ไม่นับว่าเป็นหน้าใหม่แล้วนะ แต่กลับมั่นใจในตัวเองเวอร์ขนาดนี้ ยังจะมา ‘ยืนมองยอดเขาสูง’? จุๆ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย บทบาทของพิธีกรรายการร้องเพลงเนี่ย ทำได้แค่ประกาศโฆษณาเท่านั้นแหละ จะไป ‘ยืนมองยอดเขาสูง’อะไรได้! หา?”
“หมอนี่รนหาที่ตาย!”
“อย่าดีแต่พูดแล้วไม่ทำ! เอาเรตติ้งมาโชว์เซ่!”
“ใช่! นายอยากจะมองเหยียดรายการวาไรตี้ทั้งหมดใช่ไหม? เรามาวัดกันที่เรตติ้งเซ่!”
เพื่อนร่วมอาชีพเริ่มพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์และต่อว่าจางเย่ซึ่งๆ หน้า มีบางคนที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ร่วมต่อต้านจางเย่ แต่พออ่านกลอนจบ ก็รีบกระโดดเข้ามารวมวง!
ไฟสงครามลุกลามใหญ่โต!
จางเย่ไปแหย่รังแตนเข้าให้!
……
อีกด้านหนึ่ง
เสี่ยวหวังกล่าวอย่างดุเดือดเลือดพล่าน “ผู้กำกับจาง! กลอนนี้ทรงพลังเกินไปแล้วค่ะ!”
จางเย่กล่าวกลั้วหัวเราะ “แค่พอใช้หรอก”
เฉินกวงที่กำลังลองไมค์อยู่ตรงเก้าอี้โค้ชได้เห็นกลอนที่โพสต์บนเวยป๋อแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองจางเย่จากที่ไกลๆ ก่อนชูนิ้วโป้งให้
โค้ชฟ่านเหวินลี่เดินขึ้นมาจากด้านหลังเวที “ผู้กำกับจาง เขียนกลอนอีกแล้วหรือคะ?”
จางเย่ตอบรับ “เห็นแล้วเหรอครับ?”
“เห็นตอนที่แต่งหน้าค่ะ ตรงวรรคสุดท้ายนั่น ยิ่งอ่านฉันยิ่งชอบใจ พรสวรรค์ด้านวรรณกรรมของคุณนี่ อยู่ในระดับสิบสุดยอดของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!” ฟ่านเหวินลี่กล่าวชื่นชม “ถ้าไม่ติดว่าคุณอายุน้อยไปหน่อย และยังมีปรมาจารย์กวีอยู่ก่อนหน้ามากมายละก็ จะบอกว่าคุณเป็นที่หนึ่งในประเทศก็ย่อมไม่มีคนแย้งแน่!”
ในด้านบทกวีเพลงรวมถึงโคลงคู่ ในประเทศนี้บรรดาเหล่านักกวีและนักประพันธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ถ้าจางเย่จะบอกว่าตนเป็นอันดับสอง คงไม่มีใครกล้าพูดว่าตนเองเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ แต่วรรณกรรมนั้นเป็นธรรมชาติอันซับซ้อนอย่างหนึ่ง คุณไม่เพียงแต่ต้องมีประสบการณ์ มีผลงาน ยังต้องได้รับรางวัล ยังต้องอาศัยความแน่นอนในกลไกบารมี ในด้านนิยายนั้นจางเย่ยังไม่เคยหยิบยกเอางานวรรณกรรมอันสูงส่งออกมาเขียนจริงๆ ‘คนขุดสุสาน’ กับ ‘บันทึกอู้คง’ ล้วนเป็นนิยายจากบนอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยเบิกเส้นทางอาชีพให้กับจางเย่ นั่นยังไม่นับว่าได้รับรางวัลอะไร คุณภาพก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น การที่ฟ่านเหวินลี่ชื่นชมยกให้เป็นสิบสุดยอดของประเทศ จึงนับว่ากล่าวเกินไป
จางเย่โบกมือ “ผมไม่คู่ควรหรอกครับ”
สีหน้าฮาฉีฉีกลับเต็มไปด้วยความกังวล ที่ได้เห็นพวกสายอาชีพเดียวกันบางคนสาดโคลนใส่ ‘เดอะวอยซ์’ แถมยังมีบางเสียงบางกระแสอยากให้รายการของพวกเธอหยุดออกอากาศ ฮาฉีฉีจึงเต็มไปด้วยความโกรธเคืองแทบปรี๊ดแตก อยากจะออกไปด่าสักสองสามประโยค! ขณะที่ข่มความโกรธลงไม่ทันไร คิดไม่ถึงว่าจางเย่จะสามารถเขียนกลอนนี้ออกมาสดๆ ได้ แถมไม่ใช่แค่การโต้ตอบ แต่เป็นการประกาศสงครามกับรายการวาไรตี้ทั้งหมด! “ผู้กำกับจางๆ ! พูดออกไปอย่างนี้ จะเป็นการล่วงเกินคนมากมายเกินไปรึเปล่าคะ?”
“งั้นเหรอ?” จางเย่มีท่าทีไม่ใส่ใจ
ฮาฉีฉี “......”
จางจั่ว “......”
งั้นเหรอ? พูดแค่นี้เนี่ยนะ!
รายการ ‘เดอะวอยซ์’ ของพวกเขาทำให้คนในสายอาชีพทั้งหมดต้องเดือดเชียวนะ! นี่คือตีกราด ‘วีรบุรุษใต้หล้า’[1] ไม่อยู่ในสายตาชัดๆ ! ถ้าแค่รายการเล็กๆ เรตติ้งไม่สูงยังพอว่า ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึง CCTV1 ไปเจอพวกรายการเล็กๆ ของสถานีท้องถิ่น รายการเล็กๆ ของช่องดาวเทียมทุนต่ำเรตติ้งขาด พวกเขายังโกรธได้ไม่มาก แต่จางเย่ดันปาระเบิดเปิดรายการวาไรตี้ต่อทั้งหมดเลยนี่สิ! ไม่ว่าจะเป็นรายการดีๆ ที่ได้เรตติ้ง 0.8 - 0.9% ก็มี หรือรายการฮอตฮิตเรตติ้ง 1.0 - 1.1 ก็มา! พวกเขากล้าใช้ประโยคที่ว่า ‘มองหยัน...เหล่าเนินจ้อย!’ จะดีจริงๆ เหรอ? ไม่มีปัญหาแน่นะ? แต่ถ้าเป็นรายการวาไรตี้ทั้งหมดที่อยู่ในสังกัดช่องดาวเทียมของ CCTV ก็คงจะปล่อยผ่านได้อยู่ล่ะมั้ง?
ตรงกันข้าม จางเย่กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งไม่เก็บมาใส่ใจ เรื่องเหล่านี้สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องเป็นราว แต่สำหรับเขาคือความเคยชิน เดิมทีเขาก็ทะเลาะกับคนในสายงานมาไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ตอนออกรายการวิทยุก็ตีกับวงการวิทยุ ตอนอยู่โลกวรรณกรรมก็ตีกับคนในโลกวรรณกรรม อยู่ในวงการเซี่ยงเซิงก็ตีกับคนในวงการเซี่ยงเซิง ดังนั้นคราวนี้มาอยู่ในสนามแห่งรายการวาไรตี้แล้ว ไม่กัดใครก็ไม่ใช่สไตล์จางเย่ที่แท้จริงน่ะสิ!
จางจั่วรีบกล่าว “คำพูดของเราแบบว่า…...แบบว่าไม่พูดเวอร์ไปเหรอครับ?”
จางเย่หัวเราะ “ทำไมล่ะ? ไม่เชื่อเหรอ?”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อหรอกครับ ผมแค่กลัวว่าคนพวกนั้นจะเอากลอนของคุณมาย้อนเล่นงานเราทีหลัง” จางจั่วกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอก่อนกล่าวต่อ “ แค่วัดกันตอนเรตติ้งออก พวกเราก็ต้องให้เรตติ้งสูงอยู่แล้ว แต่ยังมีรายการวาไรตี้วงในที่เรตติ้งสูงกว่าพวกเราตลอดอยู่อีกไม่น้อยเลย นี่ไม่ถือเป็นการยื่นเครื่องมือให้พวกนั้นเหรอครับ? พวกนั้นจะต้องพล่ามว่า ‘พวกนายไม่ได้บอกว่าจะอยู่จุดสูงสุดแล้วมองต่ำมาหรอกเรอะ ทำไมเรตติ้งยังไม่สูงเท่ารายการ XXX เลยเล่า’ ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมา คุณจะตอบกลับพวกนั้นไปว่าไงล่ะครับ?”
ฮาฉีฉีพยักหน้าตามหงึกๆ นี่เป็นเรื่องที่เธอเองก็กังวล
ทว่าจางเย่กลับกระพริบตาปริบๆ ถามกลับมาอย่างคาดไม่ถึง “ทำไมถึงจะมีแต่พวกรายการวาไรตี้ที่เรตติ้งสูงกว่าเราอยู่ตลอดไปล่ะ?”
จางจั่วอึ้ง “ฮะ?”
ฮาฉีฉีเองก็งุนงง “ทำไมอะไรกันคะ? มันก็ต้องมีที่สูงกว่าเราแน่นอนอยู่แล้วสิคะ อย่างตอนต้นปีก็จะออกอากาศรายการเรียลลิตี้ลิขสิทธิ์นอกตลอด เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 1.4% เลยนะคะ ยังมีรายการลิขสิทธิ์นอกอีกตัว เรตติ้งตั้ง 1.3 แล้วค่ะ!”
จางเย่ถามต่อ “ทำไมพวกคุณถึงคิดว่าพวกนั้นจะได้สูงกว่าพวกเราล่ะ?”
จางจั่วฟังดังนั้น ก็พูดอย่างตื่นตะลึง “คุณ.. คุณคงไม่คิดว่าพอฉาย ‘เดอะวอยซ์มหาชน’ ของเราเสร็จแล้วจะได้เรตติ้งทะลุรายการวาไรตี้ผังเดียวกันทั้งหมดนั่นได้จริงๆ หรอกนะครับ?”
พอคำพูดนี้หลุดออกมา ทีมงานรายการทั้งหลายที่รายล้อมอยู่พลันหันมามองเป็นตาเดียวกัน!
จางเย่หัวเราะอย่างสบายๆ แล้วแก้ให้หนึ่งประโยค “ไม่ใช่คิดว่า แต่ทำได้จริงๆ แน่นอน!”
อู่อี้ถลึงตาใส่ “คุณอย่าล้อพวกเราเล่นสิ! เราประสาทจะกินจริงๆ นะครับ!”
เสี่ยวหวังอุทานคำหนึ่ง “อาจารย์จาง คุณ คุณจริงจังเหรอคะเนี่ย?”
บรรณาธิการหญิงจ้องมองมาอย่างอึ้งงัน “เรตติ้งที่เราสรุปกันไว้ ไม่ใช่ 0.7% เหรอคะ? ทำไมเปลี่ยนอีกแล้วล่ะ?”
“0.7% เป็นเป้าที่ทางสถานีกำหนดมาให้เรา” จางเย่กล่าวอย่างราบเรียบ “แต่ไม่ใช่เป้าที่ผมกำหนด เพราะผมคาดไว้สูงกว่านี้เยอะ!”
ทุกคนเงียบกริบ!
0.7% ยังว่าต่ำ? ที่ออกอากาศอยู่ในประเทศตอนนี้ จะมีวาไรตี้สักกี่รายการที่จะได้เรตติ้งทะลุถึง 0.7% กัน! มีแค่ไม่กี่สิบรายการเองใช่ไหม? แต่คุณกลับคาดไว้สูงกว่านั้น!? จะสูงกว่าไปได้สักเท่าไรเชียว!? เราไม่ควรล้อเล่นกันไหมผู้กำกับใหญ่! นี่มันรายการที่คนส่วนใหญ่บอกว่าไม่ดีนะ! ได้เรตติ้ง 0.7% ที่ทางสถานีกำหนดมอบหมายมาให้ก็เต็มกลืนแล้ว! แค่นี้ก็ปาฏิหาริย์สุดๆ ล่ะ!
พวกเขาแม่*ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมจางเย่ถึงมั่นใจขนาดนี้!
จางเย่เห็นถึงความเคลือบแคลงสงสัยของทุกคน ก็ไม่ได้นึกเคืองแม้แต่น้อย กล่าวว่า “ผมรู้ว่าทุกคนต่างกำลังสงสัย นี่เป็นเพราะพวกคุณยังไม่เห็นถึงกระบวนการผลิตรายการที่แท้จริง มีรายละเอียดหลายอย่างที่ผมไม่ได้แจกแจงทุกคน แล้วก็ไม่ได้เขียนไว้ในแผนรายการ” เขายิ้มน้อยๆ “อย่างเช่น..ในบทพิธีกรของผม”
ฮาฉีฉีน้ำเสียงแทบกรีดร้อง “บทพิธีกร?”
เสี่ยวหวังบอก “ไม่ใช่ว่าต้องพูดโฆษณาหรือคะ?”
จางจั่ว “คุณอยากเพิ่มเติมบทพิธีกรเวทีกะทันหันเหรอ? ไม่ใช่ว่ากำหนดบทมาหมดแล้วเหรอครับ? เปลี่ยนตอนนี้จะทันเหรอ?”
ทุกคนต่างเคยเห็นสคริปต์พิธีกรของจางเย่มาก่อน ล้วนถูกจางเย่กำหนดไว้นานแล้ว ไม่มีใครเห็นว่ามันจะพิเศษตรงไหน ส่วนนี้ยังจะเพิ่มลูกเล่นอะไรได้อีก?
จางเย่หัวเราะ “ไม่ได้เปลี่ยนบท”
ฮาฉีฉีกล่าว “งั้นทำไมคุณถึงบอกว่า……”
จางเย่แสยะยิ้ม กล่าว “อีกเดี๋ยวพวกคุณก็จะรู้เอง”
====================
[1] 天下英雄 วีรบุรุษใต้หล้า หมายถึง ผู้เก่งกาจ มีอำนาจ ยิ่งใหญ่
====================
《望岳》 ‘ชมเขาไท่ซาน’ เป็นกลอนของยอดกวี《望岳 》‘ตู้ฝู่’ กลอนโบราณมีสามบท โดนในเรื่องจางเย่ได้นำเอาบทกลางมาบทเดียว ซึ่งเป็นท่อนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด จะสังเกตได้ว่าเป็นกลอนชมวิวทิวทัศน์ หากนำมาใช้ตามสถานการณ์ในตอนนี้การตีความจะเปลี่ยนไปทันที
岱宗夫如何?
อันไท่ซานเฉกไฉน? —— ต้าจงหรืออีกชื่อคือ ไท่ซาน เป็นหนึ่งในห้าขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ที่เมืองไท่อาน มณฑลซานตง เป็นสถานที่ที่กวีเอกของจีนหลายท่านเคยมาจารึกบทกลอนมากมาย จึงถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ถูกตั้งให้เป็นมรดกโลก
齐鲁青未了。
ขจีเขียวพร่างซานตง —— เขาไท่ซานนี้มีความเขียวขจียิ่งใหญ่ไปทั้งมณฑลซานตง
造化钟神秀,
งามดังดงแดนเซียน ——เป็นดินแดนที่เหมือนกับสร้างสรรค์โดยเซียน
阴阳割昏晓。
เปลี่ยนเวียนหมุนแสงเงา ——มีหยินหยางสลับสับเปลี่ยนวันคืน
荡胸生层云,
ยืดอกล้างไอเมฆ —— เปรียบว่าตอนที่อยู่บนไท่ซานซึ่งเป็นเขาสูงเทียมเมฆ เวลายืนอยู่อกก็จะปะทะไอเมฆให้ช่วยชะล้างจิตใจได้
决眦入归鸟。
พินิจวิหคหวน —— ยืนไปยืนมาก็มองนกบินกลับรัง
会当凌绝顶,
ยืนมองยอดเขาสูง —— พอยืนอยู่บนยอดเขานี้แล้ว
一览……众山小!
มองหยัน...เหล่าเนินจ้อย ! —— แลไป ...... เห็นเขาลูกอื่นที่รายล้อมนั้นเล็กนิดเดียว
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*