บทที่ 5 : ถูกจ้างแล้ว!
----------------------------------------------------------------
Teepo >> แปล
CM >> ตรวจ
TurKish_TEA >> เช็ก + เกลา
********************************
เงียบกริบ!
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น!
จางเย่ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่เห็นทุกคนอึ้งสนิท
หลี่หงเหลียนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “คุณ...บทกวีนี่มัน...”
จ้าวกั๋วโจวฟังไม่ออก “เหล่าหลี่ แปลให้ฟังหน่อยสิ กลอนนี่ว่ายังไงเหรอ?”
หลี่หงเหลียนกระแอม “ว่ายังไงน่ะเหรอ ฉัน…ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แค่กๆ ฟังออกแค่นิดหน่อยเอง”
หา? ขนาดคนที่เรียนจนเข้าใจภาษารัสเซียอย่างคุณยังฟังไม่เข้าใจ? กรรมการหลายคนแทบจะตกเก้าอี้!
“บทกวีร้อยแก้วก็แบบนี้แหละ ภาษารัสเซียเองค่อนข้างเข้าใจยาก แถมจางน้อยยังพูดค่อนข้างเร็วด้วย...” หลี่หลงเหลียนหาข้ออ้างมากลบเกลื่อน
จางเย่บอกทันที “ถ้าอย่างนั้นผมจะแปลเป็นภาษาจีนแล้วท่องให้ฟังอีกครั้ง”
เมื่อเห็นผู้อำนวยการหลี่เสียท่า กรรมการหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกยอมรับไม่ได้ คิดอยากจะกู้ชื่อเสียงคืนให้หัวหน้าของตน ภาษาจีนเต็มไปด้วยการเล่นคำหลากหลายรูปแบบซึ่งแตกต่างจากภาษารัสเซีย ภาษาจีนต่างหากที่เป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือ ฉันไม่เข้าใจภาษารัสเซียแล้วไง? ฉันแค่คอยจับผิดบทแปลจีนของนายก็พอ! พลาดมาคำเดียวฉันไม่ปล่อยแน่! ไม่ให้นายผ่านแน่นอน! ชายหนุ่มยังจำความหมายแฝงในคำพูดของหัวหน้าได้ นายรู้ภาษารัสเซียแล้วยังไงล่ะ? บทกวีมันต้องดีด้วย! คิดว่าพล่ามภาษารัสเซียไร้สาระออกมาไม่กี่คำก็จะหลอกกันได้งั้นเรอะ? จะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร!
ทุกคนต่างมีความคิดที่ต่างกันออกไปและกำลังรอฟังบทแปลภาษาจีนจากจางเย่อยู่!
จางเย่อ่านสายตาของเหล่าผู้สัมภาษณ์ออก ชายหนุ่มรู้ว่าคนพวกนี้ยังคงจ้องจับผิดเตรียมเล่นงานเขาอยู่ ซึ่งนั่นมันก็เหมาะกับอารมณ์กลอนของเขาตอนนี้พอดี “เหนือผืนทะเลกว้างใหญ่ราบเรียบสีเทา สายลมโบกโชยพัดพาหมู่เมฆ ท่ามกลางท้องทะเลและกลุ่มเมฆ มีนกนางแอ่นเหินทะยานอย่างหยิ่งผยองราวกับสายฟ้าสีดำ ปลายปีกละเลียดยอดคลื่น พุ่งทะยานฝ่าผืนฟ้าราวลูกธนู มันกู่ร้องก้องจนแม้แต่หมู่เมฆยังรับรู้ถึงความห้าวหาญของมัน เสียงร้องนี้กระหายต่อพายุ! พลังแห่งความโกรธเกรี้ยว เปลวเพลิงแห่งความปรารถนา และความเชื่อมั่นแห่งชัยชนะ เหล่านี้เป็นสิ่งที่กลุ่มเมฆได้ยิน เสียงร้องของนกนางแอ่นก่อนการมาของพายุ – มันคร่ำครวญพลางบินฉวัดเฉวียนเหนือท้องทะเล ด้านใต้มีเหล่าผู้หวาดกลัวต่อพายุกำลังหลบซ่อน...”
ชายหนุ่มเริ่มบทกลอนอย่างราบเรียบ!
เมื่อกลอนถึงท่อนสำคัญ เสียงของจางเย่เริ่มเร็วรัวและดังก้องกังวาล “สายลมกรีดร้อง… สายฟ้าม้วนผ่า… ราวกับเปลวเพลิงสีคราม กลุ่มเมฆแปลบปลาบเหนือทะเลดั่งกับนรก ทะเลตวัดคว้าสายฟ้าดึงลงใต้ผืนน้ำ ภาพที่เกิดราวกับอสรพิษไฟกำลังเลื้อยผ่านท้องน้ำและหายไป กลายเป็นแสงสะท้อนจากฟ้าคำราม – พายุ! พายุกำลังมาถึง! นกนางแอ่นผู้อาจหาญทะยานอย่างอหังการไปในความกราดเกรี้ยวของสายฟ้าเหนือท้องทะเล เสียงร้องอันกึกก้องประหนึ่งผู้วิเศษที่กำชัยดังขึ้น...”
ทำไมความยากลำบากถึงโหมกระหน่ำใส่ฉัน?
ทำไมโลกนี้ถึงช่างไม่เป็นธรรมนัก?
แต่ทว่า! เป็นเช่นนั้นแล้วยังไงล่ะ! ถูกฉีกเนื้อป่นกระดูกแล้วยังไงล่ะ! นี่เป็นทางที่ฉันเลือกแล้ว! ฉันจะไม่มีวันก้าวถอย! ฉันไร้ซึ่งความหวาดกลัว!
จางเย่สูดหายใจและเปล่งเสียงดังกึกก้องหนักแน่น “—ให้พายุมันโหมกระหน่ำเข้ามาอีก!”
ท่อนสุดท้ายของกวีบทนี้ได้สลักลงในใจใครหลายคนในโลกเก่าของจางเย่จนเลือดเดือดพล่านมาแล้ว มาคราวนี้เมื่อปรากฏขึ้นในโลกใบนี้ ก็ราวกับเส้นเลือดถูกฉีดกระตุ้นเข้าโดยตรงเช่นกัน!
จ้าวกั๋วโจวฟังแล้วแทบคลั่ง!
หลี่หงเหลียนเองก็รู้สึกขนลุกไปหมด!
กรรมการหนุ่มที่จ้องจับผิดบทกลอนของจางเย่ ถึงตอนนี้ได้แต่อึ้งใบ้ไร้คำพูด แม้แต่ลำคอยังตีบตัน!
เงียบสงัด!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคนหลังจากฟังกลอนจบ จางเย่รู้สึกเหมือนได้ระบายโทสะออกไป อารมณ์ความรู้สึกค่อยๆ หลุดจากภวังค์แห่งบทกวีอย่างช้าๆ จนเริ่มกลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม สังคมตัดสินคนที่หน้าตามาช้านานจนจางเย่คุ้นเคยกับมันดี ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจนัก ตราบใดที่ผ่านการคัดเลือก “อาจารย์ทุกท่าน ผมตอบคำถามข้อที่สองเสร็จแล้วครับ!”
“อ่า..อื้ม” หลี่หลงเหลียนรู้สึกเหมือนวิญญาณเพิ่งกลับเข้าร่าง ก่อนหน้านี้ ความคิดของเธอได้บินฝ่าพายุตามเจ้านกนางแอ่นไป
จ้าวกั๋วโจวถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “กลอนบทนี้มีชื่อว่าอะไรหรือ?”
จางเย่ตอบ “มันมีชื่อว่า ‘บทเพลงแห่งนกนางแอ่นผู้กล้าหาญ’ ในภาษารัสเซียยังหมายถึงผู้ทำนายพายุอีกด้วย”
“นกนางแอ่นที่ยอดเยี่ยม!” จ้าวกั๋วโจวไม่เข้าใจภาษารัสเซีย แต่สำหรับภาษาจีนเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “นกนางแอ่นผู้โบยบิน นกนางแอ่นผู้หยิ่งผยอง นกนางแอ่นผู้ไร้ซึ่งความหวาดกลัว นี่เป็นคำอธิบายถึงตัวคุณเองสินะ? อานุภาพของบทกวีบางครั้งก็ช่างน่าอัศจรรย์นัก พ่อหนุ่ม วันนี้คุณได้ให้บทเรียนกับพวกเราแล้ว!”
“ผมไม่กล้ารับคำชมเชยขนาดนั้นหรอกครับ” จางเย่ตอบ
ทุกคนมองดูจางเย่ด้วยสายตาที่ต่างจากเดิม ก่อนหน้านี้ที่สามารถจำคำเป็นพันคำได้ในเวลาแค่สิบวินาทีก็น่าทึ่งพอแล้ว มาคราวนี้ บทกวีร้อยแก้วภาษารัสเซียที่แต่งขึ้นตามอำเภอใจกลับสามารถเทียบชั้นได้กับยอดกวีเอก ผลงานของจางเย่จับใจทุกคนที่อยู่ที่นี่! ทั้งยังเป็นผลงานที่ตบหน้าผู้สัมภาษณ์ทุกคนอีกด้วย!
หลี่หงเหลียนจงใจตั้งคำถามแบบนี้เพื่อไม่ให้จางเย่ผ่านการสัมภาษณ์ วางกับดักเขาไว้อย่างชัดเจน แต่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบที่ไร้ที่ติเช่นนี้กลับมา ทั้งยังเป็นคำตอบที่แสดงถึงโทสะและเจตจำนงที่ไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ตรงหน้าของจางเย่อีกด้วย มันทำให้เหล่ากรรมการต่างรู้สึกละอายแก่ใจ!
เจ้าคนเหี้ยมหาญคนนี้โผล่มาจากหินก้อนไหนกันนะ?
หลี่หงเหลียนบอกด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก “วันนี้พอแค่นี้ คุณกลับไปก่อนและรอฟังผลนะ”
นี่หมายความว่าผ่านหรือเปล่า? จางเย่ไม่มั่นใจนักได้แต่ตอบไป “ครับ ขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน”
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องและปิดประตู จ้าวกั๋วโจวที่ก่อนหน้านี้จ้องหาข้อติของจางเย่มาตลอดประกาศกร้าวทันที “ช่องวรรณกรรมของฉันต้องการคนๆ นี้!”
หลี่หงเหลียนไม่ยินยอม “เหล่าจ้าว คุณเพิ่งจะพูดเองว่าต้องตาเสียวสวี่คนนั้นไม่ใช่หรือ เสียวสวี่นั่นฉันยกให้ ส่วนจางเย่นี่ต้องมาอยู่ช่องของฉัน!”
จ้าวกั๋วโจวยืนกรานหนักแน่น “เสียวสวี่ฉันปล่อยได้ แต่คนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“คุณพูดจาไม่มีเหตุผลเลยนี่!” หลี่หงหลียนเปิดศึกแย่งคน “จางเย่นี่ฉันเล็งไว้แต่แรกนะ!”
“ฉันเล็งแต่แรกต่างหาก! ช่องภาษาต่างประเทศของคุณไม่เหมาะกับเขาหรอก ความสามารถเชิงวรรณกรรมแบบนี้ต้องมาอยู่ช่องวรรณกรรมสิ ไม่ต้องพูดแล้วเหล่าหลี่ เป็นอันตกลงตามนี้ แล้วพวกยอดอ่อนดีๆ ที่เหลือ คุณอยากได้กี่คนก็เอาไปได้เลย ฉันไม่แย่งกับคุณแน่” จ้าวกั๋วโจวกล่าวอย่างไม่ให้ทางถอย
“ฉันต้องการเขาเท่านั้น ไม่เอาคนอื่น!” หลี่หลงเหลียนเถียงด้วยสีหน้าเย็นชา
จ้าวกั๋วโจวกล่าว “ปีที่แล้วฉันปล่อยยอดอ่อนดีๆ ให้ช่องภาษาต่างประเทศของคุณไปแล้ว ปีนี้ครั้งนี้ฉันไม่ยอมแน่นอน อย่าแย่งกันเลยน่า เดี๋ยวกลับไปฉันเลี้ยงข้าวคุณเอง ถือว่าติดหนี้คุณครั้งหนึ่งด้วยเลยก็ได้เอ้า!”
……
ยามเที่ยง
ณ เจี่ยวเหมินตง
จางเย่ที่สัมภาษณ์งานเสร็จไม่ได้กลับไปยังบ้านของพ่อแม่ แต่เลือกกลับไปห้องเช่าของตัวเอง ห้องเล็กๆ ขนาดแค่สามสี่สิบตารางเมตร แต่เขาก็ชอบมันมาก อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ชีวิตด้วยตัวเองหลังจากเรียนจบ จะเอาแต่พึ่งพาพ่อแม่ทุกเรื่องไม่ได้ เขาตั้งใจว่าต้องประสบความสำเร็จให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
มื้อกลางวันหรูหรามาก — กุ้งสดๆ กับบะหมี่ บะหมี่คังซือฟุนั่นเอง
เมื่อไม่มีเงิน จางเย่จึงได้แต่กินบะหมี่สำเร็จรูป เขาไม่ได้รู้สึกขมขื่นที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหนทางที่เลือกด้วยตัวเอง ตรงกันข้ามกลับสนุกไปกับมันเสียอีก
ทันใดนั้น ประตูพลันเปิดออกไม่มีปี่มีขลุ่ย มีคนไขกุญแจเปิดเข้ามา
เหราอ้ายหมิ่นในชุดกระโปรงฤดูร้อนพัดพลิ้วเดินเข้ามาในห้อง “สัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้าง?”
จางเย่ที่ท่อนบนเปลือยอยู่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี รีบหยิบเสื้อกล้ามมาสวม “คุณน้าสาวเจ้าของห้อง ครั้งหน้าช่วยเคาะประตูหน่อยได้ไหมครับ? ผมก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกันนะ”
เหราอ้ายหมิ่นนั่งลงไขว่ห้าง เอ่ยปากเหน็บแนม “เด็กๆ อย่างนายจะต้องการความเป็นส่วนตัวอะไรกัน นี่สัมภาษณ์งานไม่ผ่านใช่ไหม? ฉันบอกนายไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าให้หางานเบื้องหลังแทนซะ หน้าตาท่าทางแบบนี้ ใครเขาจะจ้างนายไปทำงานเบื้องหน้า? ถ้าไม่ใช่พวกตาบอด!”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
จางเย่รับสาย ได้ยินเสียงคนหนุ่มพูดเข้าหูมา “สวัสดีครับ ใช่จางเย่รึเปล่าครับ?”
“ผมเองครับ คุณคือ?” จางเย่เริ่มสังหรณ์ใจ แต่ยังไม่มั่นใจเต็มที่
ชายหนุ่มกล่าว “ผมโทร.จากสถานีวิทยุนครหลวงนะครับ คุณผ่านการคัดเลือกแล้ว เบื้องบนสั่งให้แจ้งคุณว่าให้มารายงานตัวที่ช่องวรรณกรรมเพื่อจัดการเอกสารเข้างานวันมะรืนนี้ ยินดีด้วยนะครับ”
“ได้ครับ ขอบคุณๆๆๆ!” จางเย่วางสายแล้วตบต้นขาตัวเองอย่างแรง เยี่ยมยอด! สำเร็จแล้วเว้ย!
เสียงโทรศัพท์ไม่เบานัก เหราอ้ายหมิ่นที่อยู่ข้างๆ จึงได้ยินไปด้วย เธอพูดอย่างคาดไม่ถึง “ไอ้หยา? ไม่จริงน่า? เจ้าหนูนายผ่านจริงๆ เหรอเนี่ย? ปลาเค็มยังมีวันพลิก ไข่เน่ายังมีเวลาขายออก!” เธอกล่าวด้วยลิ้นอสรพิษจอมจิกกัดแบบทุกครา “แม้แต่นายก็เป็นดีเจได้? เหอะๆ มีคนบอกไว้ว่าอนาคตของมนุษย์มีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด ก่อนหน้านี้เหล่าเหนียงไม่เคยเชื่อในปาฏิหาริย์ แต่เห็นนายวันนี้แล้ว ฉันถึงได้รู้ว่าปาฏิหาริย์แห่งชีวิตหมายถึงอะไร!”
ปาฏิหาริย์แห่งชีวิตน้องสาวเธอสิ!
เจ๊ไม่ต้องปากร้ายขนาดนี้ก็ได้นะ!
จางเย่กำลังอารมณ์ดีจึงไม่ได้ใส่ใจกับหญิงสาวนัก รีบหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาพ่อแม่ เพื่อแจ้งข่าวดีว่าเขาไม่ใช่คนว่างงานอีกต่อไป เขากำลังจะได้เป็นดีเจแล้ว!
ได้มีชื่อเสียง ได้เป็นคนดัง นี่เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เริ่มต้นก้าวแรกในชีวิตแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังเป็นตำแหน่งเล็กๆ และตัวเขาเองทั้งหน้าตาไม่ให้ ความสูงไม่ถึง แต่มาตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือของแหวนเกม ความฝันของเขาก็อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ จำได้ว่าในฝันนั้น ข้อความหลังจากเกมติดตั้งเสร็จระบุว่า เกมนี้จะช่วยให้เขาบรรลุถึงความฝัน — ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ตอนนี้มันแสดงผลออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง คริสตัลเซฟที่ได้จากลอตเตอรี่วันนี้ช่วยให้เขาพลิกสถานการณ์กลับได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ การเปลี่ยนแปลงภูมิหลังของโลกที่เป็นของรางวัลเริ่มต้นสำหรับผู้เล่นใหม่ก็ช่างมหัศจรรย์มาก
ต่อไปนี้เขาจะสามารถใช้ความรู้ด้านวรรณกรรมที่ไม่เท่าเทียมนี้ มาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองขึ้นไปทีละขั้นๆ ได้ และด้วยค่าชื่อเสียงเหล่านั้น เขาจะสามารถเสี่ยงลอตเตอรี่เพื่อให้ได้ไอเทมที่จะช่วยให้ความฝันที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์ของเขาเป็นจริงได้!
มาแรงแล้ว!
พี่ชายคนนี้กำลังมาแรงแล้ว!
เวลานี้ จางเย่รู้สึกว่าต่อให้ทั้งโลกก็หยุดเขาไม่ได้!
ชื่อเสียง? บ้าน? แฟน? จะเป็นปัญหาไปได้ยังไง! บ้านไม้? ลืมตาดูโลกบ้างสิ! ที่โกโรโกโสแบบนั้นจะอยู่ไปได้อย่างไร? สมกับฐานะซุป’ตาร์ระดับโลกอย่างฉันหรือไง? มันต้องคฤหาสน์หรูหราใหญ่โต! พื้นที่ใช้สอยเป็นหมื่นๆ สิ! เรื่องแฟนน่ะเหรอ? อย่างน้อยก็ต้องสวยสุดยอดระดับเหราอ้ายหมิ่นสิ! หาแฟนคนเดียว? ระดับนี้แล้วจะมีแค่คนเดียวได้ไง? นายบ้าหรือเปล่า! ถ้าไม่ควงสาวงามทีละสามคนห้าคนฉันก็เสียหน้าแย่สิ จริงไหม? อย่างน้อยก็ต้องห้าคน! นั่นแค่ตัวเลขต่ำสุดเท่านั้นนะ! รถโรลส์-รอยซ์? นายเลิกตลกได้ไหม! ไม่ขำเลยนะ! ถ้าฉันไม่นั่งในรถกันกระสุนเกิดโดนลอบสังหารขึ้นมาจะทำยังไง? หืม? จะทำยังไง?
ในไม่ช้าเขาจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกแห่งวงการบันเทิงทีละก้าวๆ ผู้คนจะรู้จักเขา ทั้งโลกจะจดจำชื่ออันยิ่งใหญ่และโด่งดังของเขา — จางจิ่งคง!
เอ้ย ไม่ใช่ ผิดแล้วๆ!
จางเย่ต่างหากล่ะ!
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
CM : ข้าคือจางจิ่งคง กับ ข้าคือโซระ อาโอิ อันไหนเท่กว่ากัน 555
TurKish_TEA : ได้หมดถ้าสดชื่น วะฮ่าฮ่า