เพื่อนรัก?
เจ้านาย?
เลยใส่ใจเป็นพิเศษ?
ทำไมฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด
ผมกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย "ปกติเพื่อนเขาคงไม่ได้ใส่ใจกันมากขนาดนี้หรอกมั้ง"
"อื้อ ปกติเพื่อนกันธรรมดาเขาไม่ได้ใส่ใจขนาดนี้หรอก" ควินซ์ช้อนตามองผม
...ถ้าใส่ใจขนาดนี้หรือจะเป็นเพื่อนแอบชอบเพื่อน
แววตาของผมเปล่งประกายขึ้นมาเล็กน้อยแต่แล้วต้องดับวูบ
"แต่เราเป็นเพื่อนสนิทโคตรจะสนิทไม่ต้องใส่ใจ แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไร" ว่าไปแล้วก็ส่ายหัว
"ฮึ" แค่นหัวเราะในลำคอไปทีหนึ่งแล้วสะบัดหนีซึ่งปฏิกิริยาของผมก็ทำเอาคนข้างกายมึนงงไปเหมือนกันว่าพูดอะไรผิด ผิดทั้งหมดนั้นแหละ!
คำก็เพื่อน สองคำก็เพื่อน
เริ่มโมโหแล้วนะ
แต่เดี๋ยวสิ... ผมจะโมโหทำไม ก็ผมกับควินซ์เราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง ผมควรดีใจไม่ใช่เหรอที่ควินซ์มันยกให้ผมเป็นเพื่อนโคตรสนิทเป็นเพื่อนเบอร์หนึ่ง
ขนาดนี้แล้วผมยังไม่พอใจอีกเหรอวะ
หรือผมยังต้องการสถานะที่มากกว่านี้?
พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกตกใจไม่น้อย ก่อนจะส่ายหัวไปมาเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังชอบควินซ์อยู่ บ้าบอเถอะ เราเป็นเพื่อนกัน ผมเนี่ยนะจะชอบเพื่อนตัวเอง ไม่มีทางอ่ะ
ผมก็แค่หวงเพื่อน ใช่ ผมแค่หวงเพื่อน
ใช่ๆ มันต้องแค่นี้จริงๆ
พูดซ้ำย้ำตัวเองหลายๆ ครั้งในหัวว่าแค่หวงเพื่อน สักพักผมก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง... เฮ้อ อย่าไปคิดมากสินับหนึ่ง
ผมกลับคืนสู่สภาพเคร่งขรึมอีกครั้งหลังจากสติไม่อยู่กับร่องกับรอยมาทั้งวัน นั่งนิ่งมองเสาไฟด้านนอกรถตลอดทางจนมาถึงโรงแรมหรูห้าดาวใจกลางเมือง ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาลเลยไม่มีนักท่องเที่ยวนักแต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง
บาร์ชิลบาร่าอยู่ชั้นบนดาดฟ้าและดาดฟ้าของโรงแรมนี้ก็มีถึงแปดสิบแปดชั้น นับว่าสูงไม่น้อย
ใช้เวลาขึ้นลิฟต์นานพอดู และเมื่อก้าวมาถึงดาดฟ้าก็ได้ยินเสียงดนตรีเบาๆ เข้ามาในหู ตอนนี้ยังไม่ดึกเท่าไรจึงมีคนอยู่ไม่กี่โต๊ะ ควินซ์เดินหน้ายิ้มๆ ไปแจ้งชื่อกับพนักงานของบาร์ก่อนที่เขาจะพาพวกเราไปยังโต๊ะที่ดีที่สุดของบาร์
โต๊ะที่ดีที่สุดนั้นแยกเป็นเอกเทศค่อนข้างมีความส่วนตัว ห่างไกลจากโต๊ะอื่นๆ ซึ่งผมชอบมาก นั่งลงบนโซฟานุ่มแล้วมองวิวยามค่ำคืน หลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์
"จะสั่งอะไรมั้ย" ควินซ์ถามผม
"รู้ใจไม่ใช่รึไง สั่งให้ฉันสิ" ผมลืมตาขึ้นแล้วหันไปยักคิ้วกวนประสาท "ถ้าสั่งผิด ฉันจะหักเงินเดือน"
"บางทีผมทายถูกแต่คุณให้ผิดก็ได้นี่" แม่ง เสือกรู้ทันอีก
"ล้อเล่นน้า" ผมยักไหล่ "อยากสั่งอะไรก็สั่งมา"
"ป๋าจริงๆ" แขวะผมมาคำหนึ่งแล้วก็หันไปรับเมนูรายการเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นจากพนักงานสาวท่าทางสุภาพ
ผมปล่อยให้ควินซ์สั่งไปตามใจแล้วตัวเองก็พักผ่อนซึมซับบรรยากาศดีๆ ฟังเพลงเบาๆ ดนตรีเพราะๆ สมองที่ตึงเครียดมาทั้งวันได้รับการปรนนิบัติพัดวีสักที
คนตรงข้ามก็ไม่ได้รบกวนผม เขาหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดโปรแกรมวาดภาพจากนั้นก็เริ่มหยิบปากกาขึ้นขีดเขียนวาดภาพ เหล่ตามองก็เห็นเลขาคนสนิทกำลังนั่งไขว้ห้างเอนหลังพิงโซฟา ใบหน้าฉายแววผ่อนคลาย มุมปากมีรอยยิ้มน้อยๆ สายตาจับจ้องเพียงสิ่งที่กำลังวาดในไอแพด
เขาว่าเวลาที่คนเราทำอะไรอย่างตั้งใจจะดูดีมากๆ
ผมว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้น
เวลาผ่านไปอีกสักพัก พนักงานเสิร์ฟของร้านก็นำอาหารเครื่องดื่มมาวางบนโต๊ะของพวกเรา กวาดตามองดูคร่าวๆ พบว่าแปดสิบเปอร์เซ็นเป็นเครื่องดื่มที่ผมสั่งประจำ อีกยี่สิบก็เป็นอาหารทานเล่นของควินซ์
ควินซ์ไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าขมๆ แต่ถ้าเป็นพวกค็อกเทลก็พอได้อยู่
ปล่อยให้ควินซ์อยู่ในโลกของเขาไป ส่วนผมก็ดื่มด่ำไปกับรสชาติของแอลกอฮอล์... บรรยากาศเบาสบายดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
"ฉันขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วได้มั้ยคะ"
เสียงใสกังวานแลอ่อนหวานดังขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงบของผม ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นมาและต้องหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นว่าสายตาของสาวน้อยกำลังจดจ้องไปที่ใคร
"ครับ?" ควินซ์ตกใจนิดหน่อยแล้วก็ทำหน้างงๆ ใส่หญิงสาวแปลกหน้า "คุณว่ายังไงนะ"
"ฉันอยากเลี้ยงเครื่องดื่มคุณ" เธอว่ายิ้มๆ
"ไม่เป็นไรครับ" ควินซ์ส่ายหัวแล้วยิ้มสุภาพ "ผมมีเครื่องดื่มแล้ว"
เมื่อเห็นว่าควินซ์ไม่สนใจก็เบนเข็มมาทางผม "แล้วไม่ทราบว่าฉันพอจะเลี้ยงคุณ..."
"ไม่ต้อง มีเงินซื้อกินเองได้ ไม่ต้องลำบากคุณหรอก" ควินซ์น่ะสุภาพแต่ผมน่ะสถุน
"นี่คุณ!" เธอตาโตอย่างตกใจ
ผมหงุดหงิดอะไร ก็หงุดหงิดที่ผู้หญิงคนนี้มีตาหามีแววไม่ เธอควรที่จะถามผมก่อนสิ! ผมทั้งหล่อทั้งดูดีกว่าควินซ์ คนชมชอบผมเยอะแยะแต่นี่เป็นครังแรกเลยนะที่มีคนมองข้ามผม
ไม่โอเคอย่างแรง! ต้องถามผมก่อนแล้วค่อยถามควินซ์สิ!
"บอส" ควินซ์ถลึงตาใส่ "พูดดีๆ"
"เหอะ" ผมตวัดตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างหงุดหงิด เธอทำให้ฉันโดนควินซ์ดุ!
ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหมุนตัวเดินไปอีกด้าน ควินซ์รีบถาม "คุณจะไปไหน"
"สูบบุหรี่" ตอบสั้นๆ แล้วเดินไปยังโซนสำหรับสูบบุหรี่ ถามว่าทำไมถึงไม่สูบที่โต๊ะ... คุณเลขาของผมแพ้กลิ่นบุหรี่น่ะสิ ทุกครั้งที่ผมจะสูบต้องไปให้ไกลๆ ตัวควินซ์เลย
พอผมออกมาแทนที่ยัยผู้หญิงอวดรวยจะจากไป เธอกลับนั่งแทนที่ผมและคุยกับควินซ์ต่ออย่างร่าเริง แต่ควินซ์ดูอึดอัดมากกว่าอยากจะสนทนา
ไม่มีตารึไง คนเขาไม่อยากคุยน่ะ ยัยบ้า
ผมจุดบุหรี่แล้วสูบอัดนิโคตินเข้าเต็มปอดหวังระบายความหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้นอีกแล้ว... วันนี้ผมหงุดหงิดเยอะมาก แถมเหตุผลหลักๆ ก็มาจากคนข้างกายทั้งนั้น
ปกติใครจะเข้าหาควินซ์ ผมไม่เคยรู้สึกอะไร
แต่ทำไมวันนี้กลับรู้สึก
หรือเพราะได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะหาเจ้าสาวมาแต่งงานกันนะ
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาใครบางคน ไม่นานก็มีคนรับสาย
(ฮัลโหล ว่าไง~)
ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ...
"ป๋าชอบควินซ์จริงๆ เหรอ นับสอง"
"ป๋าชอบควินซ์จริงๆ เหรอนับสอง"
ปลายสายเงียบไปนิดหน่อยจนผมรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต้อมๆ
(อันนี้จริงจัง?)
"ป๋ากำลังจริงจังอยู่นะ ตอบป๋ามา" ยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้งแล้วพ่นควันสีขาวอ่อนออกมา "ป๋าชอบควินซ์เหรอ"
(อันนี้ป๋าถามตัวเองดีกว่ามั้ย) น้องชายตัวแสบของผมถอนหายใจ (ใจมันก็ใจของป๋า มาถามผมแล้วผมจะตอบได้ยังไง)
ผมขมวดคิ้ว "ก็เห็นนับชอบพูดชอบแซวป๋ากับควินซ์..."
(มันก็แค่แซวมั้ยป๋า สุดท้ายแล้วถ้าแซวให้ตายยังไง ถ้าคนมันไม่ชอบกันก็คือไม่ชอบ) ทำไมน้ำเสียงน้องมันดูเหยียดหยามผมจังวะ เดี๋ยวปั๊ดตัดค่าขนมเลย!
"ป๋ากับควินซ์มีอะไรน่าแซว ถามจริง"
(โอ้โห ไม่น่าแซวเลยมั้ง) น้องผมทวนเสียงสูง (ท่าทางพวกพี่มันเหมือนผัวเมียที่อยู่กินกันมายี่สิบแล้วไม่มีผิด พี่ควินซ์ดูแลพี่ไม่พอ ยังมาดูแลผมอีก ไหนจะพวกพี่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ พวกพี่ดูเป็นคนรักกันมากกว่าผมกับพี่เก้า พี่ออสตินกับพี่ไนน์อีก พวกเราแม่งบางทีก็ห่างกันเป็นเดือนๆ แต่พวกพี่น่ะสามร้อยหกสิบห้าวัน พวกพี่อยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าห่างกันก็สาบานเลยว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ถามจริงเถอะ...พวกพี่ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันเกินขอบเขตคำว่าเพื่อนมานานแล้วบ้างเหรอ)
"...." ผมพูดไม่ออกเพราะตกใจกับสิ่งที่นับสองพูด ...ผมไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าใช้วันเวลาอยู่กับควินซ์มากขนาดนี้ และเมื่อมานั่งทบทวนดูแล้วมันก็จริง
ผมทำงานหกวันต่อสัปดาห์ ส่วนอีกวันแม้จะเป็นวันหยุดก็ยังนั่งหางานมาทำ ไม่เคยลาพัก ลาพักร้อนเลยสักครั้ง มีลาป่วยบ่อยที่สุด เมื่อผมทำงานหนักขนาดนี้ คนเป็นเลขาก็ต้องมาทำงานด้วย ขนาดผมเข้าโรงพยาบาลก็มาตามเฝ้าตลอดทั้งที่มันก็ไม่จำเป็น
ควินซ์มานอนคอนโดผม บ้านผมมากกว่าบ้านตัวเอง... ของครึ่งหนึ่งในคอนโดส่วนตัวที่ใกล้ที่ทำงานผมก็เป็นของควินซ์ครึ่งหนึ่ง
(ผมบอกไม่ได้หรอกว่าพี่ชอบพี่ควินซ์มั้ย) นับสองถอนหายใจอย่างเอือมๆ (แต่ผมแนะนำเลยนะ พี่ควรนั่งคิดทบทวนทุกอย่างที่ผ่านมาเกี่ยวกับพี่ควินซ์)
"ทวทวนเหรอ" ผมเหม่อเล็กน้อยแล้วถามต่อ "ไม่คิดว่ามันบ้าไปหน่อยเหรอ ปีสองปีไม่ชอบ แต่พี่กลับมาชอบเขาเอาตอนนี้เนี่ยนะ"
(บางทีพี่อาจจะชอบเขามานานแต่ไม่รู้ตัวก็ได้) นับสองว่าอย่างสบายๆ (คนที่ชอบเพื่อนตัวเองแต่ไม่รู้ตัวก็มีเยอะแยะไป)
"แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงไม่รู้ตัว"
นับสองเงียบไปนิดหน่อยเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด (บางครั้งความเคยชินมันก็ทำให้เรามองข้ามบางอย่างไป)
"..."
(พี่เคยชินที่พี่ควินซ์ทำนั้นทำนี่ให้ เคยชินที่ตรงนี้มีพี่ควินซ์อยู่)
"..."
(เคยชินที่มีพี่ควินซ์อยู่ด้วยในทุกวัน) นับสองหยุดไปเล็กน้อย (แต่ถ้าวันหนึ่งมีอะไรเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทำลายความเคยชินที่มีอยู่)
การเปลี่ยนแปลงที่ว่าคือวันนี้ควินซ์บอกผมว่าจะไปหาเจ้าสาวมาแต่งงานใช่มั้ย
(มีอะไรมากระตุ้นสักหน่อยมันก็ดี มันอาจจะทำให้ใครบางคนรู้สึกตัวสักที)
รู้ตัวสักที
รู้ได้แล้วว่า...ชอบเพื่อนสนิทมานานแล้ว
เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมพูดไม่ออก คล้ายมีอะไรกำลังเบ่งบานในอก พอเสียงในหัวบอกตัวผมว่าผมชอบเขามานานแล้วก็รู้สึกสั่นไปทั้งตัว
นี่ นี่ผมชอบเพื่อนตัวเองจริงๆ เหรอ
ผมยังคงปากแข็ง "บางทีพี่อาจจะแค่หวงควินซ์"
(ถ้าแค่หวง พี่จะมาคิดมากทำไม ปล่อยพี่ควินซ์ไปหาแฟนสิ) เรื่องเหรอ ไม่มีทาง! (ถ้าพี่แค่หวงก็อย่าทำอะไรโง่ๆ ไปกีดกันคนที่เขาเข้ามาจีบพี่ควินซ์)
"พี่เปล่านะ" ผมเถียงแต่แล้วต้องเงียบเมื่อคิดถึงหน้าไอ้เด็กพารัมที่ผมเพิ่งห้ามควินซ์ไปคุย
ก็ ก็ มันไม่อยากให้คุยอ่ะ
(เหอะๆ เสียงแบบนี้คงเพิ่งไปดักคนมาจีบพี่ควินซ์มาสินะ) ทำไมน้องรู้! (ผมฉลาด ผมรู้หมดแหละ)
คิ้วกระตุกนิดๆ แล้วยกมือขึ้นบีบขมับตัวเอง "พี่จะลองไปคิดดูแล้วกัน"
(โอ๊ยยย ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว! มันมาขนาดนี้แล้ว) นับสองว้ากใส่ผม (พี่กลับไปถามตัวเองหนึ่งคำถาม)
"คำถามอะไร"
(ระหว่างเพื่อนเจ้าบ่าวกับเป็นเจ้าบ่าวเอง)
"..."
(พี่อยากเป็นอันไหนมากกว่ากัน)
"..."
(แล้วมันจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบพี่ควินซ์)
Kommentar absatzweise anzeigen
Die Absatzkommentarfunktion ist jetzt im Web! Bewegen Sie den Mauszeiger über einen beliebigen Absatz und klicken Sie auf das Symbol, um Ihren Kommentar hinzuzufügen.
Außerdem können Sie es jederzeit in den Einstellungen aus- und einschalten.
ICH HAB ES