กลุ่มคนมาใหม่เดินมาจากป่าลึกพร้อมอาวุธครบมือ บรรดาต้นไม้ละแวกนั้นต่างเดินไปรวมกองกันอีกฟากหนึ่งอย่างหวาดกลัว ฮาวเวอร์เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องพอกับที่ฝ่ายนั้นก็ต้องการมีเรื่องอยู่เหมือนกัน
"พอแค่นั้นเถอะ โมท เราไม่จำเป็นต้องหาเรื่องคนมาใหม่"
ใครอีกคนเดินมาจากด้านหลังพร้อมดันเจ้าโมทเข้าไปด้านใน เหมือนว่าชายผู้นี้จะเริ่มรู้สึกแล้วว่าคนตรงหน้านี้ไม่ธรรมดา เขากวาดตามองรถม้าข้างหลังก็เห็นเป็นทหารกับเด็กไม่กี่คน เมื่อคิดให้ดี มนุษย์ธรรมดาที่ไหนจะใช้เส้นทางป่าอาถรรพ์เดินทางเข้าออก ถึงแม้คนจะโง่แค่ไหนก็ต้องเข้าใจว่าอันตรายของที่นี่นั้นคืออะไร คนที่ยังดื้อด้านจะไปต่อให้ได้ ถ้าไม่ใช่คนคะนองตนก็คงเก่งเกินกว่าป่าทั้งเขตนี้จะรับไหว หรือจะคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากผู้ปกครองเขตทั้งสามที่เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง
"ท่านเดินทางมาที่นี่มีธุระอะไรกับคนของเขตเราหรือขอรับ"
"ข้าแค่จะขอใช้เส้นทางที่นี่เดินผ่านเข้าไปในเขตของตัวเองเท่านั้น ข้าตั้งใจจะทำการค้ากับอาณาจักรอาเรียดเลยต้องสัญจรปล่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมาขอใช้ฟรี ทุกครั้งที่พวกข้าจะขอใช้ทางก็จะจ่ายด้วยเสบียงอาหารหนึ่งลังเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าจะตกลงไหม? "
"งั้นท่านก็คือผู้ปกครองสามเขตที่เลื่องลือกันสินะ ถ้าพวกเราไม่ตกลง ท่านจะทำยังไง"
"ข้าก็คงต้องเดินอ้อมนอกไปละนะ แต่ถ้าขอได้มันก็ดีกว่าใช่ไหมล่ะ ข้าเลยต้องเจรจาดูก่อน"
"งั้นข้าไม่อนุญาต ไม่ทำข้อแลกเปลี่ยน เชิญกลับไปได้แล้ว"
ฮาวเวอร์มองอีกฝ่ายอย่างพินิจ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถม้า เหล่าต้นไม้แหวกทางให้เขาออก การเลือกเส้นทางใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากคือการคลายทิฐิของคนที่นี่ ที่คนของฝั่งนั้นไม่รับคำก็ถือว่าไม่ผิด และสาเหตุนั้นคงคิดว่าเขาต้องการเข้ามาสอดแนมหรือพยายามหาเรื่องเพื่อจะก่อสงคราม แต่ยังไงก็ช่าง หากเขาไม่ได้ที่ตรงนี้ก็แค่ต้องหาเส้นทางใหม่ ถึงมันจะเสี่ยงให้คนในอาณาจักรริลกลิมสังเกตได้ก็ตาม
ทางฝั่งฟอสเตอร์ เขามุ่งหน้ามาที่เมืองหลวงก่อนระหว่างทางก็บินผ่านเขตแรกไปอย่างง่ายดายเหมือนตอนมา แต่ทว่าพอกำลังจะผ่านอีกเขตนั้นกลับเริ่มมีปัญหา
ฟ้าว!
อมนุษย์ในเขตปกครองนี้กำลังจะเล่นงานเขา ที่แห่งนี้เป็นอมนุษย์เผ่านก พวกมันกำลังบินเข้ามาโฉบพวกเด็กๆ ออกไปจากหลัง โชคยังดีที่ฮาวเวอร์ให้ทหารหนึ่งนายติดตามมาด้วย จึงช่วยป้องกันหลังให้ และเพราะฟอสเตอร์เป็นมังกรยักษ์จึงบินข้ามเข้าเขตไปอย่างรวดเร็วจนมันตามไม่ทัน เมื่อเขาเข้าเขตฮาวเวอร์ไปแล้ว พวกอมนุษย์นกก็ไม่ตามเข้ามาอีก โทมัสรีบออกมารับฮาวเวอร์ตั้งแต่ฟอสเตอร์บินลงจอด แต่เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นแต่เด็กๆ กับทหารหนึ่งนาย
"ผู้บัญชาการทหารโทมัส นายท่านฮาวเวอร์กำลังเดินทางมายังที่แห่งนี้ด้วยรถม้าจากเขตของอีกฟากขอรับ ข้าต้องรีบไปแจ้งท่านลาติโนให้ไปเจรจาขอผ่านทางกับฝั่งนั้นก่อน แต่ว่าเขตของพวกนกกลับโจมตีเราก่อนขอรับ"
"พวกมันคิดจะเปิดศึกกับเรางั้นหรือ!"
เรื่องนี้วิ่งไปถึงหูลาติโน นางนั่งคิดพิจารณาในห้องบัญชาการก่อนเอ่ย
"ยังไม่ต้องส่งทหารบุกเข้าไป เราจะเดินทางไปเจรจาเอง และเตรียมข้าวของกับเสบียงไปด้วยบางส่วนเพื่อเปิดการเจรจา ฟังนั้นอาจมีเหตุผลอื่นที่พวกเราต้องรู้ให้แน่ชัดก่อน"
รถม้าประจำตำแหน่งของลาติโนเดินทางเข้าเขตของเผ่า นางยังคงอุ้มท้องโตใกล้คลอดเข้าเขตศัตรูโดยมีมารโมงุนและลิลลี่ประกบข้างติดตามไปด้วย เมื่อใกล้เข้าเขตของเผ่านกก็มีคนยืนขวางทางไว้ก่อน
"พวกเจ้าเป็นใครแล้วมาทำอะไรที่นี่"
คนถามเป็นยามเฝ้าประตู จาคอบคนบังคับม้าจึงตอบคำถามนั้นแทนคนข้างใน
"ท่านลาติโนรองผู้ปกครองเขตฮาวเวอร์ต้องการพบผู้ปกครองเขตของเจ้า ช่วยเปิดทางให้เราด้วย"
นายทหารนั่นหันไปมองกับคนข้างตัวก่อนจะให้เจ้านั่นวิ่งไปแจ้งข่าวกับคนภายในเสียก่อน ระหว่างนั้นเขาต้องรอนิ่งอยู่ที่หน้าประตูก่อน ไม่นานคนที่วิ่งไปแจ้งข่าวก็กลับมา
"พวกเจ้าเข้าไปพบได้"
รถม้าออกตัวเข้าไปด้านในช้าๆ พลางมองสถานที่รอบๆ แห่งนี้ จาคอบมองการเป็นอยู่ของคนพวกนี้ก็นึกถึงเผ่าตัวเองสมัยก่อน หากฮาวเวอร์ไม่ขึ้นปกครองพวกเขา ความเป็นอยู่ของเขาก็คงไม่ต่างจากที่นี่ เมื่อเข้ามาจนเกือบสุดก็เห็นโพรงต้นไม้ใหญ่ที่มีคนอาศัยอยู่ด้านใน จาคอบเคาะรถม้าเป็นสัญญาว่าถึงที่หมายแล้ว เขาเดินมาเปิดประตูให้มารโมงุนลงมาก่อน ลาติโนลงตามและตามหลังด้วยลิลลี่ สตรีทั้งสามทำให้ผู้ปกครองเขตนี้แปลกใจ แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นสาวท้องแก่อีกด้วย
"พวกเจ้าเดินทางมานี่เพราะเหตุใด หรือจะขอให้เราช่วยสู้กับมังกรที่หนีไปเขตเจ้างั้นหรือ ฝันไปเถอะ ข้าไม่คิดจะช่วยใครทั้งนั้น"
"ผิดแล้วเจ้าคะ มารฟอลคอน ข้ามาขออภัยที่คนของเราสร้างความหวาดกลัวให้กับท่าน มังกรตนนั้นอยู่ใต้การปกครองของท่านฮาวเวอร์เองเจ้าคะ และสาเหตุที่เขาบินผ่านเขตท่าน ก็คือสาเหตุเดียวกันกับที่ข้ามาที่นี่"
มารฟอลคอนและบรรดาคนในเผ่าต่างแตกตื่น ไม่รู้ว่าชายชื่อฮาวเวอร์แข็งแกร่งแค่ไหนถึงขนาดมีภรรยาเอกเป็นอมนุษย์เผ่าแมงมุม ภรรยาลองเป็นมารโมงุนแห่งเผ่าขนและภรรยาคนที่สามเป็นอสูรเวทย์ ไหนจะทาสเป็นมังกรอีก หากจะเทียบเคียง มารฟอลคอนยังด้อยกว่าเยอะ
'มิน่าเล่า ถึงได้ปกครองดินแดนถึงสามเขต'
"แล้วเรื่องนั้นคือเรื่องอะไรกันล่ะ หากเจรจาได้ข้าก็อยากทำอยู่หรอก"
'ยังไงรักษาตัวรอดไว้ก่อนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าก่อสงครามกันขึ้นมาเขตเราได้แพ้แน่ ทั้งประชากรทั้งพละกำลัง อย่าเสี่ยงทำอะไรเกินตัวจะดีกว่า'
"ท่านฮาวเวอร์มีความสนใจที่จะทำการค้ากับอาณาจักรอาเรียดซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากเขตนี้ จึงต้องการจะขอใช้เส้นทางผ่านเขตนี้ไปยังอาณาจักรอาเรียด และเรื่องค่าตอบแทนนั้น คงเป็นเสบียงหนึ่งลังต่อการเดินทางหนึ่งหน ท่านจะร่วมทำข้อตกลงหรือไม่เจ้าคะ"
'หนึ่งลังกับการเดินทางหนึ่งหน ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ได้ยินมาว่าเขตปกครองของฮาวเวอร์เปิดรับประชากรไร้การปกครองเพิ่มเข้าเขต ไม่กลายเป็นว่าเสบียงจะขาดแคลนหรอกหรือ? '
"ก็ไม่ถือว่าเหลือบ่ากว่าแรง แต่ว่าถึงที่นี่จะเป็นเขตของเราแต่ก็มีพวกนอกคอกปะปนมาบ้าง หากว่าเจ้าพวกนั้นเกิดเข้าทำร้ายพวกเจ้าขึ้นมา ข้าขอไม่รับผิดชอบก็แล้วกัน"
"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกเจ้า เผ่าเราไม่ใช้คนอ่อนแอทำงานยากอยู่แล้ว และในเมื่อท่านตกลง นี่ก็คือเสบียงหนึ่งลังที่ข้านำมามอบให้และของขวัญสำหรับไมตรีของเรา เป็นผ้าผืนที่คนในเผ่าข้าสานกันเองเพื่อใช้เป็นสินค้าไปทำการค้ากับอาเรียด หวังว่าท่านจะพอใจ"
ผ้าสานของเผ่าคูเกานั้นขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม พอได้เห็นกับตาอมนุษย์เพศชายเหล่านั้นก็ตาตื่น ตามสัญชาตญาณของนกบางสายพันธุ์นั้น มักจะแต่งกายหรือเต้นรำให้สวยงามเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเพศเมีย และบางคนในนั้นก็เป็นเหมือนกัน
"ถ้าเจ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปเถอะ ข้าจะพักผ่อนแล้ว"
"เจ้าค่ะ"
นางย่อกายเล็กน้อยก่อนจะเดินหันหลังกลับ ไปที่รถม้าพร้อมผู้ติดตามอีกสามคน เมื่อมารฟอลคอนมองคนบังคับม้าดีๆ ก็จำได้ว่าเจ้านั่นเป็นบุตรชายที่ได้เรื่องที่สุดของผู้ปกครองเขตเผ่าคามาโดคนก่อน แต่ล่ะคนอยู่ในระดับเดียวกับเขาแต่กลับเป็นเพียงผู้รับใช้ให้ผู้ปกครองเขตฮาวเวอร์ ไม่อยากจะนึกเลยว่าหากเขาไม่ยอมทำข้อตกลง ตัวเองคงได้เป็นคนยกของให้เจ้าฮาวเวอร์นั่นด้วยแน่ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อคิดละเอียดถี่ถ้วนแล้ว การจะเดินทางไปอาณาจักรอาเรียดต้องผ่านป่าอาถรรพ์อยู่สองเขต ไม่แน่ว่าพอออกจากฐานลับของเขาแล้วก็คงตรงไปเจรจากับเขตนั้นต่อ แต่อาจจะยากกับเจ้าพวกนั้นหน่อยในเมื่อแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่เข้าปกครองเขตนั้น รู้เพียงว่า ยิ่งส่งคนไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหายไปมากเท่านั้น
รถม้าเดินทางผ่านประตูรั้วของเผ่านกแล้ว แทนที่จะเดินทางกลับไปใช้เส้นทางเดิม พวกเขากลับเลี้ยวไปอีกทาง ที่ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปยังเขตปริศนาที่ไม่มีใครรู้ผู้ปกครองของที่นี่คือใคร
"หากว่าท่านฮาวเวอร์กำลังเดินทางมาที่นี่แล้วล่ะก็ เราก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไป ไม่งั้นจะคลาดกันกับเขาเสียก่อน" ลาติโนกล่าวก่อนจะหันไปหาลิลลี่ "ท่านลิลลี่ช่วยบินขึ้นไปดูการเคลื่อนไหวของเขตนั้นให้ทีได้ไหมเจ้าคะ เผื่อว่าที่นายท่านมาช้าอาจจะกำลังสู้รบกับฝั่งนั้นอยู่"
"ได้สิ"
ลิลลี่เดินออกไปนอกรถม้าก่อนจะกลายร่างเป็นอสูรแล้วบินขึ้นเหนือป่า ด้านบนเงียบไร้การโจมตีใดๆ จนกระทั่งมองเห็นอะไรบางอย่างจากที่ไกลๆ กำลังใกล้เข้ามา เมื่อโฉบบินเข้าไปดูก็พบเข้ากับรถม้าของฮาวเวอร์ที่มีเขานั่งอยู่ ลิลลี่บินลงพื้นทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปหา
"ฮาวเวอร์!"
"ลิลลี่"
พอนางเดินเข้าไปเลียบเคียงกับรถม้า ฮาวเวอร์ก็เอามือลูบหัวนางทันที
"ทำข้อตกลงกับเขตนี้เป็นไปด้วยดีสินะ"
"อื้ม ตอนแรกก็มีปะทะกันบ้าง แต่ว่าพอเจรจากันเสร็จ พวกนั้นก็ยอมทำข้อตกลงแต่โดยดี"
"ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ"
ขบวนรถม้าฮาวเวอร์เดินทางผ่านเขตของเผ่านกไปท่ามกลางสายตาแห่งความหวาดระแวงจนพ้นเขต
เมื่อกลับมาที่นครฮาวเวอร์แล้ว ฮาวเวอร์ก็เร่งสั่งให้คนงานทำผ้ายอมสีแสดและสีน้ำเงินทันที ทั้งยังขยายเขตพื้นที่ไปยังป่าลึกจนถึงถ้ำของฟอสเตอร์ ไล่ต้อนสัตว์ประหลาดเข้าเขตป่าที่ลึกเข้าไปอีก แต่เหมือนพวกมันจะไม่ยอมไป จึงต้องสร้างกรงขังเอาไว้และคอยศึกษาพฤติกรรมของพวกมัน
"นายท่านขอรับ ในเมื่อเราขยายพื้นที่ได้แล้ว แถมยังจำกัดพื้นที่ของสัตว์ประหลาดอีก จะให้ข้าส่งจดหมายถึงท่านแม่ทัพน็อลให้ส่งกองทัพมาประจำที่นี่เลยดีไหมขอรับ"
"ยังก่อน เสบียงของที่นี่ยังไม่พอให้ทหารแสนนาย เพราะงั้นต้องถางพื้นที่ป่าเยอะกว่านี้ ข้าอาจต้องเข้าไปสำรวจให้ลึกเข้าไปอีก"
"ถ้างั้นจะให้ส่งกองกำลังเข้าไปสำรวจเลยดีไหมขอรับ"
"ไม่จำเป็น เก็บคนพวกนั้นไว้คุ้มกันพื้นที่ ข้ากับจาคอบจะไปกันสองคน" จาคอบนิ่งค้างในขณะที่กำลังจะดื่มน้ำลงคอ
ป่าลึกด้านในเป็นสถานที่แบบไหนไม่มีใครรู้ ลำพังแค่มีมังกรอยู่ด้านในก็ทำเอาทุกคนไม่กล้าย่างใกล้ที่แห่งนั้นแล้ว ไหนจะสัตว์ประหลาดที่ฮาวเวอร์ล่ามาได้แล้วจับใส่กรงไว้ดูเล่นอีก
"ขอรับ"
โทมัสรับปากตามใจอย่างเคย ไม่มีใครห้ามฮาวเวอร์ได้จนจาคอบได้แต่ถอนหายใจ หากติดตามฮาวเวอร์ต่อไปคงได้ตายก่อนวัยอันควรเข้าสักวัน พอนึกเรื่องตายก็พลันเสียดายคิดว่าคงไม่ได้พบนีลอีก
"ถ้างั้นจาคอบ เจ้าเตรียมสัมภาระที่ต้องใช้เดินทางให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางตั้งแต่เช้า"
"ขอรับ ลูกพี่"
จาคอบกลับไปที่พักของตัวเอง การเป็นอยู่ที่นี่ดีกว่าก่อน คนที่คอยมาทำความสะอาดให้ ฮาวเวอร์ก็เลือกแต่คนที่ไม่เป็นโรคกระสัน ถึงจะสบายจมูก แต่ไม่ได้สบายใจเสียเท่าไหร่ การต้องอยู่ห่างจากคนที่รักมันทรมานอย่างนี้นี่เอง
"ท่านจาคอบขอรับ มีคนอยากมาพบท่านขอรับ"
"ใครรึ? "
ร้อยวันพันปีนอกจากฮาวเวอร์ก็ไม่มีใครเรียกหาเขา คนในเผ่าก็เมินหนีตั้งแต่เขาไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเขต เผ่าอื่นก็ใช่ว่าจะรู้จัก ไม่น่าจะมีใครอยากมาเจอเขาคนนี้
"เขาบอกว่าตัวเองชื่อนีลขอรับ"
"ให้เข้ามาได้" ไม่นานร่างของกิ้งก่าน้อยก็ปรากฏออกมา 'เป็นนีลจริงๆ ด้วย'
"นายท่านขอรับ"
"ข้าเคยบอกแล้วไงว่าข้าไม่ใช่เจ้านายเจ้าอีกแล้ว หรือว่าเจ้ายังอยากมาทำงานให้ข้า? " เขาถามเผื่อนีลอยากมาทำงานด้วยจริงๆ
"ไม่ใช่หรอกขอรับ ท่านฮาวเวอร์ให้คนในเผ่าคามาโดทำเกษตรบนพื้นดินและใช้ให้ถางป่า ตัวข้ามีงานล้นมือจนไม่เบื่อเลยขอรับ แต่ที่ข้ายังเรียกท่านอย่างนั้นอยู่เพราะใจจริงข้ายังรู้สึกนับถือท่านนะขอรับ" นีลพูดทั้งยิ้ม
"ข้ามีอะไรให้เจ้านับถือกัน นอกจากพลังเวทย์แข็งแกร่งแล้วข้าก็แทบไม่มีอย่างอื่นให้ใครชื่นชมหรอก พอขึ้นเป็นผู้นำก็เห็นแก่ตัวไม่ช่วยเหลือพวกพ้อง เจ้าไม่ต้องมาให้กำลังใจข้าหรอก ปล่อยให้ข้าใช้ชีวิตเดียวดายไปจนตายเถอะ" เขาพูดทั้งหันหลังให้
"ถ้างั้นก็น่าแปลกจังเลยนะขอรับ หากว่าท่านไม่มีความสามารถอื่นแล้ว แต่ท่านฮาวเวอร์ก็ยังพาท่านไปไหนมาไหนด้วยอีก ข้าคิดว่าหากไม่มีพลังเวทย์เหลือล้นที่สามารถอัญเชิญปีศาจขึ้นมาได้อีกก็คงดี อย่างน้อยท่านก็ไม่ต้องเดินทางไปกับเขาเข้าเขตป่าอาถรรพ์ที่ลึกเข้าไปอีก"
จาคอบหันหลังมามองเขาเต็มๆ หน้าสักที คำพูดเหมือนเป็นห่วงนั้นทำให้จาคอบถึงกับหวั่นไหว
"ยังไงการไปสำรวจก็ย่อมดีกว่า ท่านฮาวเวอร์ต้องการขยายดินแดนให้ทหารเข้ามาอาศัยเพิ่ม พวกเจ้าเองก็จะได้ปลอดภัยมากขึ้นด้วย"
"เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นทำไมต้องมีแค่ท่านด้วยเหล่า แม้ท่านฮาวเวอร์จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ท่านไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขา หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านขึ้นมา…"
"ไม่เป็นไรหรอก ยังไงข้าก็ไม่มีใครรออยู่ที่บ้านอยู่แล้ว เพราะเหตุผลนี้ด้วยมั้ง ท่านฮาวเวอร์ถึงพาข้าไปด้วย"
"นายท่าน…"
นีลไม่ได้พูดอะไรต่อก็เดินไปที่ประตู แต่แทนที่จะเดินออกเขากลับดันประตูปิดและหันมาบังเอาไว้ราวกับว่าไม่อยากให้ใครเข้าออก ในห้องเริ่มมีกลิ่นอายประหลาดรอยคลุ้งรอบห้องทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน จาคอบไม่เข้าใจการกระทำนั้นก็คิดจะพูดขึ้นถาม แต่นีลก็พูดขึ้นขัดซะก่อน
"ท่านจาคอบ… ข้ารักท่าน"
ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์ ไลลาพาเด็กเข้าคำนับท่านเทพแห่งความเมตตาพลางเล่าเรื่องความดีความชั่วให้ฟัง เด็กกลุ่มใหม่ที่เข้ามาจับกลุ่มรวมกันพลางนั่งคำนับ เว้นแต่คนเดียวที่ไม่ทำ
"จัสมินน้อย หากเจ้าทำไม่เป็นงั้นทำตามข้านะ เจ้าแค่ต้องคุกเข่าลงและแบมือไปข้างหน้าอย่างนี้"
จัสมินไม่ได้ทำตามก็มองหน้าของนางนิ่ง ไลลาได้แต่งงกับการกระทำนั้น ฮาวเวอร์เคยบอกว่าจัสมินถูกเลี้ยงดูโดยพวกโจร เลยอาจจะมีพัฒนาการช้ากว่าเพื่อน เพราะอย่างนั้นจึงต้องใช้ความอดทนมากๆ กับเขา
"งั้นให้ข้าจับมือสอนนะ"
ดวงตาสีแดงจ้องมองรูปปั้นเทพสลับกับไลลาจนมือของนางจับที่มือจัสมินเพื่อยื่นให้แบมือออก ไม่นานเด็กน้อยก็สะบัดมือนั้นออกจนไลลาตกใจ ฟอสเตอร์เดินมาตามหลังเห็นจัสมินทำตัวไม่น่ารักใส่ไลลาก็คิดจะดุ
"ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังนาง ข้าจะเขมือบเจ้าทั้งตัวเลยนะ เร็วๆ สิ รีบคำนับท่านเทพ"
"ฟอสเตอร์ อย่าเพิ่งไปบังคับจิตใจเขาเลย"
เพราะเสียงดุของฟอสเตอร์ทำให้เด็กคนอื่นๆ หันมามองด้วย จัสมินเองก็เริ่มประหม่าแต่ว่า…
"เจ้าก็แค่ทำมืออย่างนี้ แล้วก็คุกเข่าลง"
ฟอสเตอร์บังคับให้เด็กน้อยทำในขณะที่ไลลาร้องห้าม จัสมินเริ่มขัดขืนไม่ทำตามก็กัดเข้าที่แขนของเขา
"โอ๊ย!"
ฟอสเตอร์มองแขนที่ถูกกัด มันไม่ได้เข้าลึกเป็นเพียงรอยยุบของผิวหนัง เขาหันมามองจัสมินพลางถอยห่าง
"เจ้านี่เป็นปีศาจรึยังไงกัน? "
เพราะคำพูดนั้นทำให้เด็กคนอื่นๆ เริ่มกลัวจัสมิน เด็กน้อยทนสายตาหวาดกลัวไม่ไหวก็วิ่งหนีออกไปจากวิหาร ไลลาพยายามจะวิ่งตามแต่ก็ไปไม่ทันพลางหันมาทำหน้าโกรธใส่ฟอสเตอร์ แต่ก็หันไปทำหน้ายิ้มใส่เด็กๆ
"พวกเจ้ากลับไปรอที่ห้องเรียนก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าตามไป"
พอเด็กๆ เดินกลับออกไปหมดนางก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ฟอสเตอร์ทันที
"เจ้าเป็นบ้าอะไรหา? เก็บอาการปากพล่อยไม่อยู่หรือยังไง? "
"แล้วทำไมเจ้าต้องโมโหขนาดนั้นด้วยเล่า แถมเจ้าเด็กนั่นก็ประหลาดจริงๆ "
"ถึงเขาจะแตกต่างก็อย่าทำให้เขาแปลกแยกจากเด็กคนอื่นสิ เจ้าต้องไปขอโทษเขากับข้า!"
นางลากฟอสเตอร์ให้ตามไปหาเด็กคนนั้นเพื่อขอโทษ ฟอสเตอร์เองก็เดินตามอย่างว่าง่ายพลางยิ้มอย่างลืมตัวที่ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
ณ ห้องบัญชาการ หลังจากพักสายตาและเรื่องวุ่นวายของวันนี้ ฮาวเวอร์ยืนมองนครใต้ดินกำลังสร้างอาคารต่อเติมขึ้นไปสูง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าเด็กๆ ที่นี่จะเติบโตและสร้างนวัตกรรมให้เขาเดินทางไปรอบโลกได้ แต่ยังไงก็ต้องรอและสำรวจดินแดนแห่งนี้ไปด้วย แบบแปลนนับพันที่เขาสร้างไว้กำลังรอให้เด็กที่กำลังโตพวกนั้นมาสร้างอยู่
เมื่อมองไปเรื่อยๆ ก็สะดุดตากับก้อนสีเทาคุดคู้อยู่ให้ซอกอาคาร เมื่อมองดีๆ ก็เห็นเป็นเด็กตัวน้อย ถึงเขาจะไม่อยากสนใจแต่พอเด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผ่านไปผ่านมาก็เห็นเป็นหน้าของจัสมิน เด็กที่แปลกแยกจากทุกคน เมื่อมองเขาทีไรก็มักจะเห็นตัวเองอยู่ในนั้นจนอดรู้สึกสงสารไม่ได้ เขาเดินออกจากห้องบัญชาการแล้วเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจัสมิน
"เจ้ามาทำอะไรตรงนี้ ถ้าไม่เรียนหนังสือก็จะไม่มีความรู้ไว้เอาตัวรอดนะ"
จัสมินมองฮาวเวอร์นิ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไป แต่พอฮาวเวอร์กลับมานึกอีกที เด็กที่โรงเรียนคงไม่มีใครอยากคุยกับเขาเพราะเห็นว่ามาจากต่างถิ่น เป็นมนุษย์ หรือมีตาสีแดง ความเป็นเด็กของเจ้าพวกนั้นคงทำร้ายจิตใจเขามาไม่น้อยแน่
"เดี๋ยวก่อน!" จัสมินหยุดมองมาที่เขาแล้วฮาวเวอร์ก็เดินเข้าไปหา "เจ้าไปเรียนกับข้าดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอคนเยอะ"
จัสมินนั่งลงในห้องนอนฮาวเวอร์ ที่แห่งนี้มีกองกระดาษหนังวางเต็มไปหมด ทุกอย่างล้วนเป็นแบบแปลนที่เขาคิดจะสร้าง ในห้องนอกจากกองกระดาษก็มีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่กลางห้อง โต๊ะเขียนแบบอยู่ที่มุมห้องพร้อมโคมไฟ ขนนกและหมึกสำหรับเขียนก็วางเกลื่อน
"ระหว่างนี้ข้าจะไม่อยู่หลายวัน เจ้าก็อยู่ห้องนี้ไปก่อน เอาไว้ข้ากลับมาแล้วจะสอนอ่านเขียนให้เอง ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่ทันคนอื่นหรอกนะ"
ฮาวเวอร์พูดพลางลูบหัวจัสมินไปมา ไม่นานเสียงฝีเท้าหนักก็เดินเข้ามาที่ห้องฮาวเวอร์
"แย่แล้วฮาวเวอร์ เด็กที่ชื่อจัสมินหาย!"
ไลลาเปิดประตูเข้ามาแล้วโวยวายพลางสะดุดตาเข้ากับเด็กน้อยที่ตามหา
"เจ้าอยู่ที่นี่เองเหรอ ข้าตามหาเจ้าซะทั่วเลย"
นางเดินเข้าไปหาแล้วกอดเขาเต็มอก จัสมินไม่ได้ขัดขืนก็ปล่อยให้นางกอดต่อไป ฮาวเวอร์หันไปถามฟอสเตอร์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
"ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น"
"เจ้าเด็กนั่นไม่ยอมคำนับรูปปั้นเทพ แล้วก็กัดแขนข้า จากนั้นก็วิ่งหนีออกมา"
"เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ"
"อืมมมม แล้วข้าก็ด่าเจ้านั่นว่าเป็นปีศาจด้วย"
"หา? เจ้าปากพล่อยขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย" ฮาวเวอร์มองเขาอย่างหาเรื่องก่อนที่ฟอสเตอร์จะชูแขนที่โดนกัดให้ดู มันยังเป็นรอยยุบทั้งที่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
"ผิวหนังข้าแข็งและทนความเจ็บปวดได้มหาศาล แต่ว่าเจ้าเด็กนั่นต้องมีแรงเยอะขนาดไหนกันถึงได้กัดแขนข้าจนเป็นรอยได้ เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือไงว่ากำลังเก็บตัวอะไรมาเลี้ยง"
ฮาวเวอร์หันไปมองเด็กคนนั้นที่ถูกไลลากอดปลอบโยนก่อนตอบความถามเมื่อครู่
"ก็แค่เด็กเท่านั้นแหละ"
ฮาวเวอร์ให้ไลลากลับไปดูแลเด็กที่เหลือและปล่อยให้จัสมินได้นอนเล่นในห้องนั้นไปก่อน ส่วนตัวเองกลับมาทำงานที่ห้องบัญชาการต่อ เขาสั่งการทำดูแลห้องตัวเองเพิ่มว่าให้นำอาหารไปห้องนอนแล้วทำความสะอาดทุกวันให้เอี่ยม
เช้าวันต่อมา ฮาวเวอร์กับจาคอบเตรียมเดินทางออกสำรวจป่าลึก นีลเดินออกมาส่งจาคอบที่ด้านหน้าทางเข้าป่าลึกลงไปอีก ผู้คนใต้บัญชาการของฮาวเวอร์ก็ออกมาส่งด้วย พวกเขามั่นใจว่าฮาวเวอร์ต้องกลับมาได้แน่ แต่ไม่มั่นใจว่าจาคอบจะกลับมาได้หรือเปล่า
ทั้งคู่เดินเข้าป่าอาถรรพ์ลึกลงไปอีกไกลจนลับสายตา ผู้คนเริ่มทยอยกลับเข้านครฮาวเวอร์ มีเพียงนีลที่ยังมองอยู่และภาวนาให้จาคอบกลับมาเร็วๆ
ป่าลึกลงไปอีกเป็นสถานที่ที่มีแต่สัตว์ตัวใหญ่เกินสามเมตรขึ้นไป ฮาวเวอร์และจาคอบต่างต้องหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อพวกมันไม่ได้โผล่มาแค่ตัวเดียว เขาหนีเข้าไปหลบอยู่ใต้โคนต้นไม้ก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะวิ่งหนีออกไป
"นายท่าน ข้าว่าเรากลับกันก่อนเถอะขอรับ หากว่าขืนเข้าไปต่อเราได้ตายจริงๆ แน่ จาคอบพูดทั้งหอบ"
"ไม่ได้ เรายังเข้ามาไม่ลึกพอ ต้องลึกว่านี้อีก ไม่งั้นจะมาเสียเที่ยว"
ทั้งคู่ปล่อยให้ตัวเองได้พักอีกครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ย่องเบาอ้อมหลังสัตว์ประหลาดที่ไล่ล่าเขา เมื่อหลบสายตามันได้สำเร็จก็เดินเข้าไปในป่าลึกอีก
กร๊อบ!
จาคอบเหยียบกิ่งไม้คาเท้า เจ้าสัตว์ประหลาดที่ล่าเขาอยู่ต่างหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียว
"วิ่ง!"
ทั้งสองสับเท้าวิ่งอีกครั้ง ฮาวเวอร์โจมตีกลับบ้างพอให้มันช้าลง เหตุผลที่พวกเขาต้องวิ่งหนีก็เพราะตอนที่เขาสู้กับตัวแรกเสร็จตัวที่สองก็เข้ามาตาม ยังไม่ทันสู้กับตัวที่สองจบ ตัวที่สามก็เข้ามาแจม ถ้าหากเขายืนต่อสู้กับเจ้าพวกนี้ต่อ มันต้องยกมาเป็นโขยงแน่ แถมตอนนี้ฮาวเวอร์ก็พกจาคอบมาด้วย ถ้าพวกเขาโดนรุม จาคอบได้ตายไม่ฟื้นแน่
"นายท่าน! ตรงนั้นมันทางออกป่า!"
จาคอบชี้ให้ดูก่อนทั้งคู่จะกระโจนออกทั้งเสียหลัก ฮาวเวอร์รีบหันมาเผชิญหน้ากับพวกมันพร้อมฟาดแรงดาบหวังสังหารตัวที่จะกระโจนเข้ามา แต่ว่าพลังเวทย์เขากลับไม่แผ่ออกมา ส่วนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นก็หยุดอยู่กับที่ไม่ใกล้เข้ามา ฮาวเวอร์มองการกระทำของพวกมันก่อนจะหันไปมองดูด้านหลัง ข้างหลังเขาไม่มีตัวอะไรรออยู่ เห็นเพียงพื้นดินเปล่าโล่งไกลหลายร้อยกิโล ฮาวเวอร์เดินเข้าไปดูก็ติดเหวลึก ด้านล่างมีต้นไม้และเสียงน้ำตกไหลดังก้อง เขาหันไปมองพวกสัตว์ประหลาดอีกครั้งพวกมันก็ทยอยเดินกลับออกไปแล้ว
"ท่านฮาวเวอร์…"
"มีอะไรรึ? "
"รูปร่างท่าน…"
เสียงฮาวเวอร์เปล่งออกเล็กแหลมเหมือนเด็กต่างจากเสียงแหบแห้งอย่างเมื่อก่อนก็ทำเขาแปลกใจ เขาให้จาคอบก้มตัวลงเพื่อดูสภาพร่างกายตัวเอง ในเงาตานั้นเขาเห็นเป็นรูปร่างของเด็กคนหนึ่ง ส่วนในตาที่จาคอบเห็นคือ เด็กสิบขวบผมสีทองและในตาสีเขียวมรกต ตัวสูงเท่าเอวเขากำลังมองมาด้วยน่าฉงน
"นี่มันอะไรวะเนี่ย หรือว่านี่เป็นเขตไร้คำสาป? "
ฮาวเวอร์เดินกลับไปที่พื้นหญ้า ร่างกายก็คืนร่างคำสาปทันที เขาเดินกลับเข้ามาอีกพร้อมมองร่างจาคอบ เขาไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมยกเว้นไอเวทย์ที่หายไป ฮาวเวอร์ลองร่ายเวทย์ในมือดูก็รู้ว่าในตัวเขาไม่มีพลังเวทย์อะไรเหลืออยู่ แม้แต่พลังจากลูกแก้วของเทพก็ด้วย
"หรือนี่จะเป็น…"
"ดินแดนไร้เวทย์"
จบซีซัน 1
ผ่านไปแล้วหนึ่งช่วงกับการผจญภัยของนักล่านิรันดร์
เขียนมาจนจะจบซีซั่น แต่กลับล่าได้แต่สามวิญญาณ?
โถ่~ชีวิต
— Bald kommt ein neues Kapitel — Schreiben Sie eine Rezension