ณ เต็นท์บัญชาการของทหารอาณาจักรริลกลิม ตรงหน้าเก้าอี้ยาวขนาดใหญ่ที่ปลายสุดมีชายรูปร่างอัปลักษณ์แคระแกร็นนั่งอยู่ ท่ามกลางสายตากดดันของเหล่าหัวหน้ากองกำลังย่อย ฮาวเวอร์ดูไม่สะทกสะท้านหรือเกรงกลัวเลยสักนิด อีกทั้งตำแหน่งที่เขานั่งอยู่นี้ควรจะเป็นที่นั่งของแม่ทัพน็อลซึ่งมีตำแหน่งใหญ่กว่าใครในที่แห่งนี้ด้วย
"หัวหน้าหน่วยทุกนาย ข้ามีเรื่องจะประกาศให้รู้กันทั่วค่ายแห่งนี้ว่า ชายที่อยู่ต่อหน้าพวกเจ้าตอนนี้คือ องค์รัชทายาทของอาณาจักรริลกลิม ตลอดเวลาหลายปีข้าไม่อาจเล่าให้พวกเจ้าฟังได้เพราะมนต์ปิดปาก แต่ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว"
"ยืดเยื้อน่ารำคาญ เล่ามาเลยดีกว่าว่าตั้งแต่ที่เจ้าตกน้ำไปมันเกิดอะไรขึ้น" ฮาวเวอร์กล่าว
"วันนั้นข้าถูกทหารของอาณาจักรคว้าตัวได้ก่อนที่จะไหลไปกับน้ำ หลังจากที่ถูกคุมขังได้ไม่นานราชาไมนัสก็ได้ปล่อยตัวข้าออกไป กล่าวกับข้าว่า ให้ข้าไปรบทำศึกกับอาณาจักรโพราเท็สเพื่อปลดปล่อยราชินีเกรสสัน ข้าเชื่ออย่างนั้นมาตลอดและยอมกลืนมนต์ปิดปากเข้าไป เวลาต่อมาข้าก็ได้มารู้ทีหลังว่านั่นเป็นเพียงการโกหกไม่ให้ข้ากลับไป ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ข้าก็ทำศึกรบกับที่นี่ต่อเพราะหวังว่าสักวันคงได้กลับไป"
"แสดงว่าที่อาณาจักรริลกลิมทำสงครามกับโพราเท็สเพียงเพราะอยากกลับบ้านเท่านั้นเองหรือ"
"มันอาจจะดูเหมือนไม่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเราที่นี่ไม่อาจไว้ใจให้ราชาไมนัสปกครองอาณาจักร เขาไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงของกษัตริย์ที่เรานับถือ แถมเขายังใช้มนต์สกปรกกับข้า และขังราชินีเกรสสันโดยไร้ความผิดอีกด้วย"
"ทหารที่มารบที่นี่ถูกชักนำให้เกลียดชังโพราเท็สโดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แถมคนส่วนใหญ่ที่นี่ก็เป็นทหารที่ภักดีกับราชินีเพียงผู้เดียวอีกด้วย" หัวหน้าหน่วยข้างฮาวเวอร์ช่วยพูด
"แสดงว่าที่อาณาจักรนั้นคงมีอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่ต้องการให้เจ้าเห็นสินะ แล้วที่ทหารคนนั้นกล่าวว่าราชินีและราชามีบุตรร่วมกันแถมไม่ได้มีหน้าตาอัปลักษณ์เช่นข้ามันหมายความว่ายังไง"
"เกรงว่านั่นจะเป็นตัวปลอม มีเพียงข้ากับทหารบางคนเท่านั้นที่รู้ความจริง"
ฮาวเวอร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่แผนที่ตรงกลางโต๊ะ แผนที่นี้เป็นแผนที่ของอาณาจักรโพราเท็ส แต่ละจุดรอบอาณาจักรจะมีธงสีแดงปักไว้เป็นสัญลักษณ์ เดาว่านั่นคงเป็นจุดตั้งค่ายย่อยประจำการเตรียมรบ
"ดูเหมือนพวกเจ้าใกล้จะเผด็จศึกกับโพราเท็สเข้าไปทุกทีสินะ"
"ขอรับ ไม่นานเกินรออาณาจักรโพราเท็สต้องตกเป็นเมืองขึ้นให้พวกเราแน่ขอรับ ยังไงเสียความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรนี้ก็เทียบเท่าริลกลิมไม่ได้เลยสักนิด ถึงท่านจะเติบโตที่นั่น แต่ว่า…ด้วยสภาพถูกสาปเช่นนี้คนที่นั่นคงใจแคบไร้เมตตากับท่านมากเลยสินะขอรับ"
"ส่วนใหญ่ก็ใจแคบกับข้าจริงอย่างที่เจ้าพูด แต่ข้าสนใจส่วนเล็กๆ ที่ยังอุตส่าห์ผูกสัมพันธ์กับข้าแม้ว่าจะมีรูปร่างอัปลักษณ์ก็ตาม ตอนนี้พวกเจ้าไม่อาจทำศึกรบกับโพราเท็สได้ต่อแล้ว อาณาจักรนั้นรับรู้เรื่องการมีอยู่ของข้าและคงร่วมมือกับอีกอาณาจักรอื่นเพื่อกดดันให้ฝั่งเจ้าพ่ายแพ้ ราชาไมนัสจะตัดขาดกับพวกเจ้าถ้าหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น คนที่นี่จะตายเปล่าและปัดความผิดให้พวกเจ้า ใส่ไคร้ว่าเจ้าไร้คุณธรรม บ้าอำนาจจนกล้าทำศึกกับอาณาจักรอื่นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะทางไหน ตอนนี้พวกเจ้าก็มีแต่เสียกับเสีย"
"แล้วพวกข้าต้องทำยังไงกันต่อเล่าขอรับ ตอนนี้เราก็กลับอาณาจักรไม่ได้แล้ว" แม่ทัพน็อลเอ่ยขึ้น ชะตาชีวิตของพวกเขาตอนนี้เหมือนอยู่บนเส้นด้านที่พร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ
"โชคดีที่พวกเจ้ายังมีข้าอยู่ตรงนี้"
แม่ทัพน็อลมองฮาวเวอร์ก่อนจะหัวเราะออกมา หัวหน้าหน่วยบางคนก็ยิ้มน้อยที่มุมปากอย่างรู้นัย และบางคนก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
"ข้าไม่เข้าใจ ยังไงท่านก็ยังเป็นแค่เด็ก"
"เจ้าโง่แฮงค์เอ๊ย ท่านฮาวเวอร์ก็บอกเป็นนัยให้รู้ไปแล้ว ว่าการที่ท่านฮาวเวอร์อยู่ตรงนี้ก็คือหลักฐานการก่อกบฏของราชาไมนัสอย่างไรเล่า เพราะเขาคิดว่าท่านฮาวเวอร์ต้องตายตั้งแต่ตกน้ำตอนเป็นทารก แต่เพราะพระเจ้ายังมีตาจึงส่งเขากลับมาหาพวกเรา"
"ใช่ นับจากนี้ไปพวกเราจะไม่ใช่ทหารริลกลิมภายใต้การปกครองของราชาไมนัสอีกต่อไป เราจะตั้งกองทัพขึ้นมาใหม่เป็นกองกำลังปฏิวัติ มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มอำนาจอันมิชอบของราชาไมนัส!"
ทุกคนต่างลุกขึ้นตรงรับคำสั่งของแม่ทัพน็อล ฮาวเวอร์มองการเคลื่อนไหวของทุกคนก่อนจะลุกขึ้นบ้าง
"กองกำลังนี้ต้องอยู่นอกสายตาของราชาไมนัส ภายในวันนี้ค่ายต้องหายไปรวมถึงสายสอดแนมของเขาด้วย แม่ทัพน็อล"
"ขอรับ"
"จงเรียกทหารทั้งหมดที่ล้อมอาณาจักรมารวมกันที่ค่ายแห่งนี้ภายในเย็นวันนี้ และเรียกทหารทุกนายและทาสรับใช้ของที่นี่มารวมกันที่ลานฝึก!"
"ขอรับนายท่าน!"
หัวหน้าคนอื่นๆ วิ่งออกจากเต็นท์พร้อมคำสั่งของฮาวเวอร์ แม่ทัพน็อลทำมือให้ทุกคนเดินเข้าลานฝึกอย่างเป็นระเบียบ ฮาวเวอร์เดินออกไปนอกเต็นท์เหม่อมองท้องฟ้ามีประกายเลื่อมสะท้อนเข้ามาทำให้รู้ว่ามันยังใช้การได้ดีอยู่ เขาเดินไปหาแม่ทัพน็อลแล้วกล่าวในสิ่งที่เขาต้องตะลึงก่อนจะเดินออกไปรออีกทาง
เมื่อทุกคนยืนพร้อมหน้าที่ลานฝึก แม่ทัพน็อลเดินออกมาพร้อมกับเสียงเป่าแตรเชิญอย่างยิ่งใหญ่
"ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อประกาศเรื่องสำคัญให้เจ้าได้รับรู้กันเอาไว้ ชายที่บุกเข้าค่ายของเราวันนี้มีนามว่าฮาวเวอร์ คอลลิคสัน นายเหนือหัวของเรา ผู้ที่จะขึ้นเป็นราชาของอาณาจักรริลกลิมคนต่อไป"
นายทหารต่างแตกตื่นกับสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่เขารับรู้มาต่างจากที่แม่ทัพน็อลกล่าวมาลิบลับ หลายคนไม่เชื่อคำพูดของท่านแม่ทัพแต่ก็ไม่อาจขัดคำของเขาได้ เมื่อฮาวเวอร์ก้าวขึ้นบนคานไม้ยกสูง เห็นหัวเหล่าทหารนัยน์ตาใสซื่อก็รู้สึกหดหู่ในชะตาชีวิตของพวกเขา คำว่าส่งมาตายดังขึ้นในจิตใจ ทำเอานึกถึงอดีตชาติที่เคยเข้าร่วมสนามรบช่วงชิงดินแดนจากบ้านของคนอื่นเพื่อคำว่าประเทศ แล้วจากนั้นสงครามที่เขาเคยร่วมก็เป็นเพียงโศกนาฏกรรมให้คนรุ่นหลังของประเทศนั้นประณาม
ฮาวเวอร์กลืนความรู้สึกติดขัดพวกนั้นลงไป ในเมื่อโลกนี้ยังเป็นเพียงโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เขาต้องทำตัวใหญ่กว่าใครในที่นี้ แสดงความแข็งแกร่งไม่อ่อนข้อให้พวกเขาเห็น ไม่งั้นคนที่ยึดมั่นในคำเชื่อนั้นจะหลงผิดแล้วหันไปเข้าข้างฝ่ายศัตรูที่คิดว่าเหนือกว่า
"เจ้าที่ยืนตรงนั้นมานี่! และเจ้านั่นก็ด้วย เจ้านั่น เจ้านี่ และเจ้าโน่น"
ฮาวเวอร์ชี้นิ้วเรียกคนราว 32 คนให้มายืนอยู่ต่อหน้า คนพวกนี้ทำหน้าตกใจสุดขีดเมื่อมองหน้าทุกคนที่ถูกเรียกออกมาล้วนเป็นที่รู้กันดีว่ามีความนึกคิดเป็นยัง
"นายท่านเรียกเจ้าพวกนี้ออกมาทำไมหรือขอรับ"
"ข้าจับได้ว่าพวกมันพยายามจะส่งนกสื่อสารไปทางอาณาจักร พวกเจ้าต้องรู้ว่าเวลานี้พวกเราไม่อาจเสี่ยงให้เรื่องที่ทำอยู่ล่วงรู้ไปถึงหูราชาไมนัสได้ ไม่งั้นคนที่อยู่ในอาณาจักร ครอบครัวของทหารคนอื่นอาจเป็นอันตรายเพราะความคิดตื้นเขินของเจ้าพวกนี้!"
หนึ่งในกลุ่มทหารที่เรียกออกมารีบกล่าวปัดความผิด "นายท่านจะกล่าวหาพวกข้าไม่ได้นะขอรับ พวกเราแค่ต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้า หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ต้องรายงานให้ทางอาณาจักรรับทราบก่อน พวกเราแค่ทำตามหน้าที่"
"หึ น่าดีใจแทนราชาไมนัสเสียจริงที่มีลูกน้องที่จงรักภักดีขนาดนี้ ถ้าเจ้ายืนยันว่านั่นคือหน้าที่ แล้วพวกนกสื่อสารที่ข้ารวบรวมไว้ก่อนเข้าเต็นท์บัญชาการพวกนี้มันทำจะหน้าที่ได้ยังไง นอกเสียจากเจ้าจะมีนกสื่อสารลับที่ใช้ส่งข้อมูลกับทางราชาไมนัสโดยตรง"
กรงนกสื่อสารทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ด้านหลังของคานไม้ยกสูง ทุกคนมองไปที่นกสื่อสารของค่ายก็เห็นว่านั่นเป็นจำนวนนกทั้งหมดที่มีอยู่จริงๆ คนที่มีนกส่วนตัวนอกจากผู้ควบคุมการสื่อสารแท้จริงแล้วก็อาจเป็นสายลับให้คนในอาณาจักรริลกลิม แต่เรื่องนั้นทุกคนที่นี่ไม่ได้ใส่ใจนัก ลำพังต้องสู้กับอาณาจักรโพราเท็สก็เหนื่อยยากเพียงพอแล้ว ไม่อาจมาพะวงหลังว่าคนพวกนี้มีความคิดหรือแผนการอะไร
"นายท่าน นกพวกนั้นอาจจะเป็นนกทั้งหมดที่ต้องสื่อสารก็จริง แต่พวกเราก็ต้องมีนกตัวอื่นๆ เผื่อเอาไว้ว่าอาจมีเหตุผิดพลาดให้นกพวกนั้นถูกทำลายไปก่อน"
"บังอาจ!! กล้าตลบตะแลงต่อหน้าองค์รัชทายาทของอาณาจักร พวกเจ้ามีแผนการอะไรกันแน่ พูดออกมา!!"
แม่ทัพน็อลแผดเสียงดังกังวานน่าเกรงขาม ผู้คนในลานเองก็สงสัยความคิดของพวกที่ที่มีนกสื่อสารส่วนตัว บางคนก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น
"ท่านแม่ทัพ ท่านควรจะเชื่อพวกเราที่ร่วมรบกับท่านมานานมากกว่าใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆ ก็โผล่มาบอกว่าเป็นรัชทายาทของอาณาจักร พวกเราก็เห็นมากับตาว่าใครกันแน่ที่เป็นองค์รัชทายาทของอาณาจักร"
ฮาวเวอร์สูดลมหายใจเข้าพลางระงับอารมณ์ในอก เขาไม่อยากกล่าวนามนั้นสักเท่าไหร่เพราะอาจทำให้คนอื่นคิดไม่ได้ว่าเป้าหมายของการต่อสู้ครั้งนี้มีไว้เพื่ออะไร
"นายท่าน หรือว่าท่านควรจะเอ่ยนามต่อหน้าคนพวกนี้ดีขอรับ"
'คงไม่มีทางอื่นแล้วสินะ แต่ว่าถ้าเอ่ยนามออกไปมันก็จะเป็นการยอมจำนนแทนความภักดีหรือการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แม้เป้าหมายของเราคือการแสดงตัวว่าตัวเองคือรัชทายาทของอาณาจักร แต่ถ้าหากคนพวกนี้ไม่มีความเห็นใจต่อผู้อื่นเลยหากช่วยไปก็ไปทำร้ายคนอื่นอยู่ดี อีคอน…'
ตัวฮาวเวอร์สะดุ้งโหยงเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ายืนอยู่ท่ามกลางคนนับหมื่น แต่แท้จริงแล้วตอนนี้คือจิตของอีคอนที่อยู่ต่อหน้าทุกคน แม้จะรู้สึกประหม่าแต่ด้วยความที่เคยเป็นพระนักเทศน์ก็เริ่มทำจิตใจให้สงบ
"ท่านทั้งหลายเราขอเอ่ย ตอนนี้ท่านต่อสู้กับอาณาจักรโพราเท็สไปเพื่ออะไรกันหรือ ข้าอยากรู้"
แม่ทัพน็อลถึงกับแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป พลังเวทย์มหาศาลที่เคยปล่อยออกมาก็หายไปเหลือเพียงไอจางๆ
"เรื่องนั้นท่านก็น่าจะรู้จากแม่ทัพน็อลไปแล้วนี่ว่าอาณาจักรโพราเท็สตั้งใจจะรุกรานเราก่อน เราถึงต้องมากำราบพวกมัน"
"ทั้งที่เขาเป็นอาณาจักรเล็กกว่านะหรือ หรือพวกเจ้าทำไปเพียงเพราะต้องการอำนาจส่วนตัวแล้วก็เสวยสุขบนกองศพนักรบเพื่อนทหาร"
คำเหล่านั้นทำเอานายทหารหลายคนสะอึก บางคนที่ถูกส่งมานี่ก็เพราะต้องหาเงินเลี้ยงชีพคนในครอบครัว บ้างก็ถูกบังคับจากทางการให้ออกรบสู้เพื่อบ้านเมือง คนหลายคนไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้ แต่เพราะได้ยินมาว่าต้องปกป้องอาณาจักรจากภัยคุกคามจึงต้องมาแม้จะต่อสู้ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ พอได้ยินว่ามีคนบางกลุ่มใช้ชีวิตพวกเขาเป็นเครื่องมือไต่เต้าเอาอำนาจก็ถึงกับเดือดดาล
"ทำไมเจ้าไม่พูดมาตามตรงเล่าว่าเก็บนกสื่อสารส่วนตัวไว้ทำไม เวลาทำการรบก็ต้องมีท่านแม่ทัพน็อลคอยควบคุมอยู่แล้ว พวกเจ้าจะทำอะไรกันแน่!"
"มิใช่ว่าเป็นสายให้โพราเท็สแล้วเบี่ยงความผิดให้เป็นความไม่ไว้ใจของท่านแม่ทัพหรอกรึ"
"ใช่! พูดออกมา! พูดออกมา! พูดออกมา!"
เสียงส่วนใหญ่กดดันให้พวกเขาจนตรอก อีคอนเองก็ลำบากใจที่ต้องต้อนให้พวกเขาจนมุม แต่ว่าพอคิดเรื่องที่พวกเขาเอาความสุขส่วนตัวมาแลกกับคนทั้งกองทัพ ความปรานีของเขาก็เหลือเพียงรอยยิ้มจางๆ อย่างพยายามให้อภัย
"ข้าไม่ได้เป็นสายให้โพราเท็ส ท่านราชาไมนัสต้องการรู้ความเคลื่อนไหวอื่นนอกจากสายข่าวจากท่านแม่ทัพ พวกข้าเลยรับงานแล้วส่งข่าวออกไป"
ทุกคนยิ่งแปลกใจกับคำสั่งนั้น หากไม่ไว้ใจในตัวท่านแม่ทัพ แต่กลับส่งมายังสนามรบ เดิมทีน็อลก็เป็นที่กล่าวขานในหมู่อัศวินอยู่แล้วว่ามีความแข็งแกร่งและจงรักภักดีต่อสายเลือดของราชินีเป็นที่สุด คนที่ไม่ไว้ใจเขาก็คงมีแต่พวกคิดไม่ซื่อต่ออาณาจักรเท่านั้น พอคิดมาถึงตรงนี้หลายคนก็ถึงกับขนลุกซู่ สนามรบแห่งนี้ไม่ใช่การปกป้องบ้านเมือง แต่เป็นการรุกราน อีกไม่นานหากการศึกยืดยาวอาจมีอาณาจักรอื่นเข้าร่วมด้วยเมื่อเห็นพวกเขาเป็นภัยคุกคาม การติดต่อสื่อสารของอาณาจักรก็มีเส้นทางลับจากสายตาของท่านแม่ทัพ เป็นไปได้ว่าอาจมีการตัดการสื่อสารและร่วมมือกับอาณาจักรอื่นล้อมปราบกองทัพนี้แล้วพวกเขาต้องกลายเป็นผู้ร้ายของคนทั้งอาณาจักร
"พวกเราถูกหลอกงั้นเหรอ? "
"ใช่ พวกเจ้าถูกหลอกกันทั้งหมด ตัวข้าเองก่อนหน้านี้ถูกมนต์ปิดปากไม่ให้พูดเรื่องสำคัญออกไป อาณาจักรเราตอนนี้ถูกราชาไมนัสปกครองอย่างเต็มรูปแบบ ราชินีที่เราเคารพรักถูกคุมขังอยู่ที่คุกใต้ดินของปราสาท เจ้าชายก็ถูกสาปให้อัปลักษณ์เพื่อลบหลู่เกียร์ติของมหาราชา ตัวข้าคิดจะช่วยพวกเขาทั้งคู่ให้ออกมาแต่ก็ทำไม่ได้ อีกทั้งยังทำให้ตัวเองต้องละสายตาจากเจ้าชายน้อยอีก แต่บัดนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเราได้กระจ่างแจ้งถึงสิ่งที่ราชาไมนัสได้ทำกับคนทั้งอาณาจักร เขาตั้งใจจะสังหารคนที่ภักดีอย่างพวกเราด้วยการใส่ร้ายป้ายสี ครอบงำประชาชนพวกพ้องให้เกลียดชังพวกเรา นี่นะหรือสิ่งที่ราชาต้องทำ นี่น่ะหรือคนที่จะเป็นนายเรา! ไร้ศักดิ์ศรี ไร้เกียรติ ไร้หัวใจ! แม้แต่ลูกน้อยของตัวเองยังลงมือทำกับเขาได้ แล้วกับครอบครัวเรา พวกพ้องของเราในอาณาจักรพวกเขาจะไม่ยิ่งทำเลวร้ายมากกว่านี้อีกหรือ นับจากนี้ไปพวกเราจะไม่ใช้นามของทหารริลกลิมอีกต่อไป เราจะไม่ต่อสู้เพื่อราชาไมนัส พวกเราจะต่อสู้เพื่ออาณาจักร เพื่อครอบครัวของเราในนามกองกำลังประวัติเพื่อประชาราษฎร์ริลกลิม!!"
แม่ทัพน็อลหันธงอาณาจักรปักลงดิน คนที่ลานฝึกต่างฮึกเหิมกระแทกดาบกับโล่เรียกขวัญกำลังใจ เมื่อประกาศเจตจำนงต่อทุกคนแล้วก็ให้แต่ละหน่วยแยกย้ายไปหาหัวหน้าหน่วยเพื่อฟังรายละเอียดและกฎบัญญัติใหม่ที่ถูกตั้งขึ้น
แม่ทัพน็อลเดินมาหาอีคอนพร้อมคำนับ "ตอนแรกข้านึกว่าจะไม่เป็นไปตามแผนที่ท่านวางไว้เสียอีก ถ้าหากท่านไม่พูดเรื่องขายเพื่อน ทุกคนที่นี่คงยังไม่นึกสงสัยในตัวราชาไมนัส"
"อะ เอ่อ… อย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นไปตามแผนก็ดีแล้วล่ะ แล้วท่านจะเอายังไงกับคนที่เป็นสายให้ราชาเหรอครับ? "
แม่ทัพน็อลแปลกในกับวิธีการพูดของฮาวเวอร์ แถมไอเวทย์ก็ไม่ได้รุนแรงกดดันอย่างตอนแรกที่เจอกัน ให้ความรู้สึกเย็นสบายราวกับน้ำใสลึกของทะเลสาบ
"เราอาจต้องคุมขังเขาในกล่องมืดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันไปสักพักจนกว่าพวกนั้นจะกลับใจ"
'บอกเจ้านั่นไปว่าให้ย้ายค่ายไปที่เขตโอ้คของอาณาจักรโพราเท็ส ก่อนรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ กระจายข่าวเรื่องการตั้งกองกำลังปฏิวัติกับคนที่มาใหม่แล้วพวกเราจะกลับไปเจรจากับทางโพราเท็สต่อ' จิตฮาวเวอร์สั่งอีคอน อีคอนมองไปทางแม่ทัพน็อลก่อนเอ่ย
"ถ้าไม่ได้ฆ่าแกงกันก็ดีแล้วล่ะ นับจากนี้เจ้าก็ย้ายค่ายไปเขตโอ้ค เอ่อ ก่อนพรุ่งนี้ กระจายข่าวเรื่องกองกำลังปฏิวัติ แล้วพวกเราจะกลับไปโพราเท็สต่อ"
อีคอนตัดคำเหลือเพียงคำสั้นๆ แม่ทัพน็อลทำท่างงครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับแล้วขอแยกตัวออกไปทำตามคำสั่ง อีคอนยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่ลานเมื่อไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ
'กลับโพราเท็ส!!'
'อ้อ ได้ๆ'
อีคอนเดินเท้าไปที่ทางออกทำเอาฮาวเวอร์ถึงกับปวดจิต แล้วขอสลับเปลี่ยนจิตกับอีคอนก่อนทะยานขึ้นฟ้าไป
ทางแม่ทัพน็อลมองการจากไปของฮาวเวอร์อย่างเงียบงัน ตั้งแต่ที่ฮาวเวอร์มาก็มีเรื่องให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อย และเขาเองก็ไม่ได้ถามถึงสาเหตุของความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์นั่นจากฮาวเวอร์เลย รู้เพียงว่าพลังนั้นไม่ใช่พลังที่เด็กธรรมดาจะครอบครองได้ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเขาก็อาจต้องใช้เวลาถึงพันปีถึงมีพลังมากมายขนาดนั้น และนั่นเองก็เป็นไปไม่ได้ มนุษย์ธรรมดาบนโลกนี้มีช่วงอายุแค่สองร้อยปีก็ชราภาพเสียชีวิตไปแล้ว คนที่ทำได้ก็มีแต่มนุษย์อมตะเท่านั้น
"ท่านแม่ทัพ ข้าสังหารพวกส่งนกสื่อสารลับไปหมดแล้วขอรับ"
"ดีมาก อย่าให้เหลือความเสี่ยงใดๆ ตามคำสั่งของท่านฮาวเวอร์"
และนั่นก็เป็นอีกเรื่องที่แม่ทัพน็อลแปลกใจ ไอเวทย์ที่ต่างออกไปในตอนนั้นราวกับเป็นคนละคนกับฮาวเวอร์ในตอนแรก เหมือนว่าฮาวเวอร์คนแรกจะปิดบังการกระทำบางอย่างต่อฮาวเวอร์อีกคนด้วยการส่งสัญญาณลับที่พอจะทำให้รู้ว่าเขาต้องการอะไร
'ช่างเป็นชายที่ซับซ้อนเสียจริง'
เมื่อกลับมายังอาณาจักรโพราเท็สในห้องโถงวิหารเดิม ทุกคนยังคงอยู่อย่างร้อนรนกับการจากไปของฮาวเวอร์ ไม่รู้ว่าฮาวเวอร์จะไปสั่งกองทัพให้รีบบุกเข้ามาหรือเปล่า เพราะทางอาณาจักรตอนนี้ก็มีกำลังพลไม่มากพอจะต่อกรกับคนนับแสนอีกด้วย ลำพังแค่ฮาวเวอร์เพียงคนเดียวก็อาจจะไม่มีใครในอาณาจักรนี้ต่อกรได้
ตึง!
ร่างแคระแกร็นทะยานลงพื้นวิหารศักดิ์สิทธิ์จนยุบเป็นหลุม นักบวชถึงกับใจหายที่ทั้งเพดานและพื้นต่างถูกทำลายจนยับเยิน
"แล้วทหารเชลยของเราเหล่า"
"ตอนนี้ส่งกลับค่ายไปแล้ว ข้าได้ลองไปเจรจากับทางทหารริลกลิมมาแล้ว ทางฝั่งนั้นถูกหลอกให้มาสู้รบกับอาณาจักรโพราเท็สเพื่อเป็นเป้าสายตาให้อาณาจักรอื่นจ้องมอง ถ้าอาณาจักรนี้ถูกตีแตกแน่นอนว่าอาณาจักรอื่นก็คงแตกตื่นไปด้วย พวกเจ้าคงรู้ว่า ถึงอาณาจักรจะถูกโจมตีแต่ก็คงถูกปกครองได้ไม่นานเพราะได้ขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอื่นไว้แล้วใช่ไหมล่ะ"
"มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องทำอยู่แล้ว อาณาจักรโดยรอบนี้ล้วนมีบทเรียนจากราชาทรราชเมื่อ 1 พันปีก่อน ผู้คนต่างหันหลังให้กันจนทุกอาณาจักรถูกครอบครองจนหมด เราจึงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ หากมีอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งมีความคิดจะครอบครองอาณาจักรของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ก็จะถูกอาณาจักรโดยรอบโจมตีเพื่อยุติการกดขี่ไม่เป็นธรรม ที่น่าแปลกใจคือทางฝั่งริลกลิมกลับมองข้ามแล้วส่งคนมารุกรานเราต่ออย่างหน้าไม่อาย"
ฮาวเวอร์พยักหน้าเข้าใจความเป็นไปก่อนเอ่ยถึงสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์นับจากนี้ไป "ตอนนี้ทหารริลกลิมได้เปลี่ยนการก่อตั้งเป็น กองกำลังปฏิวัติเพื่อประชาราษฎร์ริลกลิมไปแล้ว และคงไม่รุกรานที่นี่ต่อ จากนี้ไปพวกเราคงต้องขอความร่วมมือจากอาณาจักรโพราเท็สให้รับรองความเป็นพันธมิตรต่อกองกำลังปฏิวัติของเราเพื่อให้เรามีสิทธิ์ได้อาศัยในอาณาจักรนี้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
"หากเราทำแล้วเราจะได้อะไรจากเจ้ากันเล่า"
"ได้ผูกขาดการค้ากับอาณาจักรริลกลิม และอนุญาตให้คนทั่วไปเดินทางเข้าอาณาจักรโดยไม่ต้องขอหนังสือเดินทางเพียงแค่ถือการลงนามในระบบปกครองของอาณาจักรโพราเท็ส"
"ที่เจ้าพูดมานั่นแน่ใจแล้วหรือ ไม่กลัวว่าเราจะเข้าไปเอาเปรียบหรือขูดรีดทรัพยากรของพวกเจ้าหรือ"
ลอร์ดมาร์คัสพูดอย่างหมดเปลือกจนทำเอาขุนนางบางคนไม่พอใจ หากได้อย่างนั้นจริงอาณาจักรโพราเท็สคงมีอำนาจเทียบเท่ากับอาณาจักรริลกลิมได้เสียที หลังจากถูกเมินเฉยทางเศรษฐกิจมานาน
"ขอบใจที่เป็นห่วง ดูเหมือนมีเพียงเจ้าที่ห่วงใยอาณาจักรเราจนเกือบคิดไปเองว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน ก็จริงที่เจ้าพูดมานั้นไม่ผิด แต่ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เราไม่คิดจะเอาเปรียบพวกเจ้าอยู่แล้ว อีกอย่างข้าไม่คิดว่าการทำสัญญาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อะไร อีกไม่นานอาณาจักรทั้งหมดในดินแดนแห่งนี้ต้องรวมเป็นหนึ่งและสยบให้ความก้าวหน้าเข้าสักวัน ใครที่ยังดื้อด้านยืนกระต่ายขาเดียวจะต้องถูกกลืนกินจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนจากดินแดนเดียวกัน"
"เจ้าพูดอย่างนี้คิดจะครอบครองอาณาจักรทั้งหมดในดินแดนนี้งั้นหรือ" ราชาไคออสลุกขึ้นยืนอย่างเดือดดาล
"ไม่ใช่ข้าจะครอบครอง แต่คนอื่นต่างหากที่ยินยอมเข้าร่วมดินแดนกับข้า ช่วงชีวิตของเจ้าคงจะเคยเห็น วิธีที่ปลาใหญ่กลืนปลาเล็กยังไง"
อ่านเพื่อความบันเทิงนะทุกคน