บทที่ 734 : เฉินเฉินลอกกลอนของจางเย่!
__________________________________________
ตกบ่าย
สวนสาธารณะเถาหรานถิง
ที่ริมทะเลสาบ จางเย่ที่ยังไม่ได้กลับบ้านอยู่ตรงนั้น เขาซึ่งกลับมาสวมแว่นดำและผ้าปิดปากกำลังยืนชมวิวทะเลสาบ ในเมื่อวันนี้ไม่มีธุระอะไร เขาก็แค่รอสายจากพ่อแม่ของเมิ่งเมิ่งให้ไปรับเฉินเฉินกลับบ้านพร้อมกันเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นกลับบ้านไปแล้วสักพักก็ต้องออกมารับเด็กหญิงอีก นับว่าวุ่นวาย
บรรยากาศแถวนี้ไม่เลว ผู้เฒ่าชายหญิงเดินเล่นไปมาหลายคน ตรงหน้าเขา มีชายชราผู้หนึ่งพานกออกมาเดินเล่นพร้อมเปิดวิทยุพกพาเสียงดัง ในวิทยุกำลังรายงานข่าว
"เมื่อคืน ในเขตที่อยู่อาศัยระดับสูงชุนซู่หยวนของเมืองหลวง เกิดเหตุลักขโมยมูลค่าความเสียหายเงินสดและของอื่นๆ กว่าหนึ่งแสนหยวน ยังมีตู้เซฟอีกหนึ่งใบ จากแหล่งข่าวรายงานว่าเป็นกำไลและเครื่องประดับหยกราคาหลายล้าน ร่วมกับภาพวาดที่มีชื่อเสียงซึ่งประมูลมาจากเซี่ยงไฮ้ปีก่อนในราคาสามสิบเจ็ดล้านหยวน คดีนี้ถูกส่งต่อให้กับแผนกสืบสวนอาชญากรรมพิเศษของกรมเมือง นับเป็นคดีลักขโมยที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับคดี"
"ชุนซู่หยวน?"
"ไม่ไกลจากเถาหรานถิงนี่นา"
"เฮ้อ ความปลอดภัยสมัยนี้ ชักจะต่ำเกินไปนะ"
"จะว่าไป เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนะ"
"ทรัพย์สินกว่าสี่สิบล้าน บอกปล้นเป็นปล้น? คุณว่าเอาใส่เซฟมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนเขาหอบเซฟคุณไปทั้งหลัง คุณยังจะทำอะไรได้? โจรเดี๋ยวนี้มันเหิมเกริมจริงๆ!"
"ฟังว่าทางกรมเมืองขีดเส้นตายให้ทวงถามทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปกลับมาให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่ฉันว่ายาก โจรเต็มเมืองแบบนี้ จะให้ไปเริ่มจับที่ไหน?"
เหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายฟังข่าวจากวิทยุพกพา ต่างก็แสดงความเห็นกัน
จางเย่ฟังแล้วยังนึกบ่นในใจไปด้วยหลายคำ กำลังคิดอยู่ว่าที่บ้านควรติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไว้ดีไหม? ทว่าเพิ่งคิดได้ถึงตรงนี้ สายโทรศัพท์แปลกหน้าก็ดังขึ้นจากมือถือ จางเย่คิดว่าเป็นพ่อแม่ของเมิ่งเมิ่ง จึงกดรับสายขณะเริ่มสาวเท้าเดินออกจากสวน "สวัสดีครับ?"
เพิ่งรับสาย เสียงก็ดังสับสนวุ่นวายแทรกเข้ามา มีแต่เสียงพูดคุย
ได้ยินชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าว "ฮัลโหล? ผู้ปกครองของเฉินเฉินหรือเปล่าครับ?"
จางเย่ชะงัก "ครับ คุณคือ?"
ชายหนุ่มนั้นตอบกลับทันที "ผมเป็นนายตำรวจแผนกหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษของกรมเมือง สหายตัวน้อยเฉินเฉินเพิ่งให้เบอร์กับผมมา เพราะงั้นถึงได้ติดต่อคุณ"
จางเย่ฟังแล้วพลันหน้าถอดสี!
ตำรวจ?
หน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ?
เชี่******! ยัยตัวแสบนั่นก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาอีกเนี่ย!
จางเย่รีบกล่าวอย่างหวั่นวิตก "คุณตำรวจ เกิดอะไรขึ้นครับ? ผมเป็นญาติของเฉินเฉินเอง ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ครับ เด็กคนนี้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม? ไอ้หยา ผมรู้อยู่แล้วว่าไม่น่าปล่อยให้คลาดสายตา! วันนี้ไม่น่าให้เธอออกจากบ้านเลย! เธอไปทำร้ายใครเข้าครับ? หรือว่าไปทำบ้านใครเสียหายครับ?"
นายตำรวจนั้นงุนงง "ไม่ใช่ครับ!"
จางเย่พูดอย่างรวดเร็ว "คุณวางใจนะ! ผมจะดุเธอแน่ๆ! จะตีเธอให้ตายเลย!"
นายตำรวจนั้นรีบกล่าวขัดแต่ไม่เป็นผล "ไม่่นะครับ คุณฟังผมนะ..."
"คุณไม่ต้องขอร้องแทนเธอหรอก! เด็กคนนี้ต้องโดนตีแน่ๆ! ตีให้หักเลย! ผมจะตีจนกว่าเธอจะส่องกระจกแล้วจำตัวเองไม่ได้!" จางเย่กล่าวอย่างดุดัน
นายตำรวจเหงื่อตก "ไม่ใช่นะครับ! คุณฟัง..."
จางเย่กล่าวแทรก "คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกครับ ให้ผมจัดการเอง ผมจะไปรับเด็กคนนี้ทันที ส่วนค่าเสียหายเท่าไรผมจะจ่ายให้ ขอแค่ช่วยคุยกับครอบครัวผู้เสียหายอย่าให้เอาเรื่องก็พอ ขอโทษพวกเขาอย่างจริงใจนะครับ เด็กยังเล็ก ไม่รู้อะไรมาก อย่าเอาเรื่องเธอเลย! อ้อ ทรัพย์สินเสียหายมากไหม? คนบาดเจ็บมากไหมครับ?" จางเย่ถามเสียงสั่น รู้สึกใจคอไม่ดี
นายตำรวจนั้นไม่ทราบจะพูดอะไรดีแล้ว!
ทรัพย์สินเสียหาย?
คนบาดเจ็บ?
เฮ้ย! เด็กนี่ในสายตานายมันตัวอะไรกันวะนั่น!
นายตำรวจนั้นขัดอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แต่ฟังฝ่ายตรงข้ามบ่นๆ ด่าๆ รอให้ฝ่ายตรงข้ามพูดจบเขาจึงได้โอกาสกล่าวอธิบายสักที "ท่านผู้ปกครอง! คุณฟังผมพูดให้จบก่อนนะครับ! ทำไมถึงจะตีเด็ก? ทำไมต้องมาขอโทษล่ะ? คุณพูดอะไรยืดยาวเนี่ย!"
จางเย่พลันชะงักกึก "เอ๋?"
นายตำรวจ "เด็กไม่ได้ก่อเรื่องอะไรครับ!"
"เป็นไปไม่ได้!" จางเย่คิดๆ ดูแล้ว ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้ก่อเรื่องอะไร ทำไมหน่วยสืบสวนพิเศษถึงได้โทรหาเขาล่ะ? อีกอย่าง ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของเฉินเฉิน ต่อให้ก่อเรื่องอะไรใหญ่แค่ไหน จางเย่ก็ไม่แปลกใจ "ไม่ต้องไว้หน้าผมหรอกครับคุณตำรวจ ไม่ต้องจริงๆ บอกผมมาตามตรงเถอะ ผมรับได้ แต่คุณต้องให้โอกาสเด็กคนนี้กลับตัวกลับใจนะ!"
ผมไว้หน้าอะไรคุณกันน่ะ!
กลับตัวกลับใจกะน้องสาวคุณน่ะสิ!
ประโยคต่อไปของตำรวจทำให้จางเย่งุนงงไปทันที เมื่อได้ยินเขาบอกว่า "ไม่เพียงแต่สหายน้อยเฉินเฉินไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเท่านั้น เธอยังทำความดีความชอบใหญ่หลวงอีกด้วย! ใหญ่มาก! เธอกับเพื่อนร่วมชั้นอีกสี่คนลุกขึ้นผดุงความยุติธรรมอย่างกล้าหาญ สะกดรอยตามโจรคู่หนึ่งไปถึงจุดนัดพบจนพบกับรังโจร จากนั้นโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งช่วยให้พวกเราจับโจรแก๊งใหญ่ได้ในรวดเดียว จับอาชญากรได้กว่าห้าสิบคนเชียวนะครับ! แถมยังพบทรัพย์สินที่ขโมยมาอีกสี่สิบล้านในรังโจร! พลอยทำให้คดีที่เกิดขึ้นในชุนซู่หยวนเมื่อคืนคลี่คลายได้พร้อมกันนี่แหละ!"
จางเย่อุทาน "หือ?"
นายตำรวจกล่าว "ตอนนี้พวกเราอยู่ที่เกิดเหตุ กำลังตรวจนับของที่ถูกขโมยมาอยู่ ถ้าอย่างไรคุณมารับเด็กกลับได้ไหมครับ? ทั้งพวกเรายังได้แจ้งผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ และครูที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว"
บัดซบ!
ไม่ได้ล้อเล่นกันหรอกเรอะ?
จางเย่วางสายแล้วรีบไปทันที!
……
ที่หน้างาน
ตรงร้านซ่อมรถเปลี่ยว ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุถูกนักข่าวรุมล้อมพร้อมกล้องและเลนส์ ถัดออกไปอีกเป็นกลุ่มคนมุง ทางเข้าของร้านถูกกั้นด้วยเทป อาชญากรบางส่วนถูกใส่กุญแจมือ นั่งอยู่บนรถตำรวจ ขณะที่บางส่วนถูกพาตัวออกไปก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกหลายนายจากกรมเมืองยืนรักษาการณ์พื้นที่
"อย่าเบียดสิ!"
"ออกไปห่างๆ หน่อย ห้ามถ่ายรูป!"
"นักข่าวถอยหน่อย กรุณาอย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่!"
แต่ไม่ว่าตำรวจจะว่าอย่างไร เหล่านักข่าวก็ไม่ยอมขยับสักคนเดียว ขณะนี้พวกเขารุมล้อมพื้นที่ที่เด็กวัยเจ็ดแปดขวบทั้งห้าคนยืนอยู่ นักข่าวและคนมุงทั้งหลายล้วนแต่มีสีหน้าตื่นตะลึง พวกเขาจินตนาการไม่ออกว่าเด็กประถมเหล่านี้ไขคดีได้อย่างไร!
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่สีหน้าของเหล่านายตำรวจก็เป็นเช่นกัน ขณะที่ทำการสืบสวนสอบสวน ยังหันมองไปทางเด็กๆ เป็นระยะๆ แม้พวกเขาจะทำงานนี้มาหลายปี ก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน การที่คดีลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของประเทศถูกเด็กกลุ่มหนึ่งคลีคลายลง ถ้าไม่ได้เห็นกับตา พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเชื่อแม้ว่าใครจะบอกก็ตาม! ความจริงตอนรายงาน พนักงานรับสายเองก็ได้ยินว่าเป็นเสียงเด็ก ปฏิกิริยาแรกคือคิดว่าเป็นสายกลั่นแกล้ง ไม่เชื่อเช่นกันว่าเป็นเรื่องจริง แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน พวกเขาจึงส่งคนไปตรวจสอบ ถ้าไม่มาก็ยังดี แต่เมื่อมาถึง นายตำรวจที่เกี่ยวข้องล้วนต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น!
โจรห้าสิบกว่าคน!
มูลค่าทรัพย์สินสี่สิบกว่าล้าน!
สายตาที่ทุกคนมองพวกเด็กๆ พลันเปลี่ยนไปราวกับเจอภูตผี! ในใจยังนึกว่าเด็กประถมสมัยนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก!?
"สหายน้อย พวกเธอตามไปได้ยังไงน่ะ?"
"พวกเธอเก่งมากๆ! ทำไมถึงได้กล้าแบบนี้นะ? พวกเธอถึงกับกล้าเพื่อผดุงความยุติธรรมแน่ะ!?"
ฝูงนักข่าวต่างชิงกันเบียดเสียดเข้ามา แย่งกันยิงคำถามพร้อมรัวชัตเตอร์เก็บภาพมือเป็นระวิง
ขณะนี้ เฉินเฉิน เมิ่งเมิ่งและพวกกลายเป็นฮีโร่ในวงล้อม
เสี่ยวพั่งงุนงง แต่หลังยังยืดตรง "คุณครูเคยสอนพวกเราว่า คนดีต้องกล้าหาญ รู้จักแยกแยะถูกผิด!"
เหลียนเหลียนพยักหน้าหงึกหงัก "ใช่ๆ คุณครูสอนพวกเรา!"
คุณครูประจำชั้นจ้าวเหม่ยจากโรงเรียนสาธิตประถมหมายเลขสองก็ได้รับสายแล้วตรงมาในทันทีเช่นกัน ครูคนอื่นๆ รวมถึงครูใหญ่ก็มาด้วย
จ้าวเหม่ยได้ยินคำพูดของเด็ก ๆ ก็ตะลึงไปเช่นกัน ยังนึกในใจว่าฉันสอนให้พวกเธอกล้าหาญ รู้จักแยกแยะถูกผิดก็จริง แต่ฉันไม่ได้สอนให้พวกเธอจับโจรนะ! พวกเธอมันเหลือเกินไปแล้ว! จากถนนจือซิน ตามสะกดรอยมาจนถึงที่นี่ไม่หลุด? โจรไม่เจอตัวอีก? อย่างไรเสียในฐานะครูประจำชั้น จ้าวเหม่ยรู้จักเด็กพวกนี้ดี เสี่ยวพั่ง? อย่าเห็นว่าตัวโต หมอนี่น่ะขี้ขลาดจะตาย! เสี่ยวเชากับเหลียนเหลียน? สองคนนี้ยิ่งขี้ขลาดกว่าอีก ไม่มีทางเสนอความคิดจะจับโจรเด็ดขาด! เมิ่งเมิ่งก็เป็นไปไม่ได้ เด็กคนนี้หัวอ่อน ถ้ามีปัญหาต้องบอกพ่อแม่ครูอาจารย์ก่อนแน่ๆ ไม่มีทางเสี่ยงออกไปจับโจรหรอก ไม่ต้องคิดเลย ต้องเป็นเฉินเฉินนำขบวนแน่นอน! นี่คือสิ่งที่เธอทำ! เด็กคนนี้เป็นเหมือนอาจางเย่ของเธอนั่นแหละ! ฟ้าไม่กลัวดินไม่กลัว ขวัญใหญ่คับฟ้า เรื่องอะไรก็กล้าทำ! จ้าวเหม่ยกล้าบอกเลยว่าเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่เฉินเฉินนำทัพ เธอกล้ากระโดดตึกเลย! ต้องเป็นเด็กคนนี้แน่ๆ!
ทว่าครูใหญ่ของโรงเรียนสาธิตประถมหมายเลขสองกลับรู้สึกตื่นเต้นจนใจสั่น ยืนหน้ากล้องกล่าวเสียงดัง "ผมภูมิใจอย่างยิ่งที่เด็กๆ ของพวกเรากล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง!" หันมองเด็กๆ ครูใหญ่ก็กล่าวต่อ "พวกเธอเป็นตัวอย่างที่ดี ดีเยี่ยม! วันเปิดเรียนเราจะจัดคาบเรียนให้ทุกคนได้เรียนรู้จากพวกเธอ!"
เสี่ยวเชาเกาหัวอย่างเขินอาย
ขณะนั้น ผู้ปกครองของเสี่ยวเชา เมิ่งเมิ่งและพวกก็ตามมา
"เมิ่งเมิ่ง!" แม่ของเมิ่งเมิ่งตะโกนเรียกขณะวิ่งเข้ามาหา!
เมิ่งเมิ่งร้องเรียก “แม่คะ”
แม่ของเมิ่งเมิ่งยังใจสั่นด้วยความกลัวไม่หาย "หนูทำแม่ตกใจแทบตายแล้วรู้ไหม! ทำไมถึงบ้าบิ่นแบบนี้! ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!"
พ่อของเมิ่งเมิ่งกลับยินดีเป็นที่สุด "ลูกมีความกล้าแบบนี้ ทั้งยังรู้จักใช้สมอง นี่เป็นเรื่องดีนะ!"
เมิ่งเมิ่งหน้าแดงด้วยความเขินอาย รีบกล่าว "เฉินเฉินวางแผนหมดเลยนะคะ พวกเรา พวกเราความจริงไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
“เฉินเฉิน?”
“เฉินเฉินคือใคร?”
“เธอเรอะ!?”
"เร็วเข้า รีบถ่ายรูป!"
เหล่านักข่าวเล็งกล้องไปยังเฉินเฉินทันควัน
นักข่าวหญิงอีกคนจับภาพแล้วถาม "หนูหรือเปล่าที่คอยนำเพื่อนๆ ให้ตามรอยไปทีละขั้นๆ?"
แผ่นหลังน้อย ๆ ของเฉินเฉินยืดขึ้น "ใช่ค่ะ"
นักข่าวชายถามแทรก "พวกเราสงสัยกันว่าสรุปแล้วพวกเธอตามรอยไปได้ยังไง? ทำไมอาชญากรถึงไม่เจอตัวพวกเธอน่ะ?"
เฉินเฉินกระแอมเบาๆ กล่าวเหมือนผู้ใหญ่ "ขั้นแรก หนูจัดการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ฟักทองถือมือถือไว้ติดต่อตำรวจ หนูกับหมีหมาแสร้งเป็นคนเดินถนน ผ่านไปครู่หนึ่ง อีแร้งก็มาแทนที่หมีหมาเพื่อตามรอยต่อ ส่วนแม่ม่ายดำระวังหลัง"
เหลียนเหลียนหน้าแดง กล่าวอย่างอายๆ "เฉินเฉิน เธอ เธออย่าเรียกโค้ดเนมสิ!"
เฉินเฉินพยักหน้า "ก็ได้ แม่ม่ายดำ"
เหลียนเหลียน “...”
เฉินเฉินกล่าว "ต่อมา ในกลุ่มพวกเรา คนที่อยู่ใกล้ๆ กันก็คุยกัน ถ้าห่างออกไปก็ใช้สัญญาณมือ ตอนอยู่ในโรงเรียนพวกเราก็มีเกมเล่นให้ทุกคนแยกกันยืนไกลๆ ทำได้แค่ท่าทางส่งสัญญาณ ทำให้พวกเราติดต่อกันแบบง่ายๆ ได้ หลังจากนั้น พวกเราก็ใช้จักรยานและการเดินทางแบบอื่นๆ เพื่อตามผู้ต้องสงสัยอย่างใกล้ชิด ด้วยความที่พวกเราเป็นเด็ก จึงยิ่งเพิ่มความไม่น่าสนใจหลอกโจรได้ ทำให้พวกเขาไม่สนใจ สุดท้าย หลังความลำบากทั้งหลาย พวกเราก็ตามรอยมาได้ถึงรังโจรค่ะ!"
ฟังเธอเล่าจบ ทุกคนในที่เกิดเหตุพลันชะงัก!
เหย*********!
แนวคิด…
วิธีคิด…
วิธีพูด…
เด็กนี่ไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่นอน!
เด็กธรรมดาอายุแค่เจ็ดแปดขวบคนอื่นๆ จะรู้จักโตแบบนี้ได้ยังไง!
มีเพียงจ้าวเหม่ยและเหล่าอาจารย์จากโรงเรียนสาธิตประถมเท่านั้นที่ไม่ได้เห็นว่าเกินความคาดหมาย เพราะพวกเธอรู้อยู่แล้วว่าเด็กน้อยเฉินเฉินกับเด็กทั่วไปคนอื่นๆ นั้นไม่เหมือนกัน
ที่เกิดเหตุพลันคึกคักกันไม่เบา
"อาจารย์จ้าว ปกติเฉินเฉินเรียนเป็นยังไงบ้างครับ?"
"เฉินเฉิน ให้สัมภาษณ์เดี่ยวกับพวกเราหน่อยได้ไหม?"
"ฉันเป็นนักข่าวของปักกิ่งไทมส์ พวกเราอยากจะทำรายงานพิเศษ ผู้ปกครองของเมิ่งเมิ่งครับ คุณกับเด็กๆ มีเวลาว่างไหม? พวกเราขอเวลาไม่ถึงชั่วโมง จะสัมภาษณ์ให้ไวเลย!"
"พวกเธอคือแบบอย่างของคนเมืองหลวง!"
"พวกเธอเก่งมาก วีรบุรุษตัวน้อยของเมืองกรุง!"
"เฉินเฉิน พูดอะไรกับเราหน่อยได้ไหม?"
"สหายน้อยเฉินเฉิน มีอะไรอยากบอกทุกคนไหม?"
เธอพูดทีฉันพูดที วุ่นวายอย่างยิ่ง เฉินเฉินเห็นดังนั้นก็กระแอมไอเบาๆ เรียกความสนใจจากทุกคน ก่อนจะพูด "งั้นหนูจะพูดอะไรนิดหน่อย"
ทั้งฉากกลายเป็นเงียบงัน
นายตำรวจมองเธอ ครูก็มองเธอ นักข่าวยังมองเธอ เมิ่งเมิ่ง เหลียนเหลียน เสี่ยวพั่ง เหล่าเด็กน้อย แม้แต่อาชญากรที่เตรียมจะถูกพาตัวเธอไปก็ยังมองเฉินเฉิน
เวลานั้น จางเย่ที่เรียกแท็กซี่มาก็มาถึงบริเวณด้านนอก พอลงจากรถ สายตาเขาก็มองเห็นเฉินเฉินซึ่งอยู่กลางฝูงชนที่ตีวงโอบเหมือนจันทร์เสี้ยว!
เห็นเฉินเฉินเงียบไปหลายวินาที ก่อนหันมองกล้อง อ้าปากด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อย
"เล่านิทานขับขานกล่อมผู้คน"
"สามทางหนเลือกมัชฌิมวิถี"
"ดีชั่วกรายศีรษะสิ้นกันที"
"อันวิถีแห่งโลกหล้า...คือ! เปลี่ยน! แปลง!"
คนรอบข้างล้วนฟังจนต้องตะลึง!
กลอนเปิดเวที? กลอนเย้ยหยัน? ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ? หนูน้อยคนนี้แต่งเองเหรอ? มันจะเทพเกินไปหน่อยไหม? แม่หนูคนนี้จะเด่นเกินไปแล้ว!
มีผู้ชมบางคนถึงกับปรบมือชมเชย!
"ประเสริฐ!"
"พูดได้ยอดเยี่ยมมาก!"
"ดีชั่วกรายศีรษะสิ้นกันทีอันวิถีแห่งโลกหล้าคือเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยม!"
"กลอนบทนี้สุดยอด!"
"พูดได้งดงาม! แม่หนูน้อยช่างมีสามัญสำนึก!"
เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหว เสียงชมเชยยิ่งดังขึ้นยิ่งกว่า
คนจำนวนมากล้วนแต่ต้องตื่นตะลึง
เสี่ยวพั่ง เมิ่งเมิ่ง เหลียนเหลียนและพวกมองเฉินเฉินด้วยความยอมรับนับถือ ไม่คิดว่าเธอจะสามารถพูดอะไรลึกล้ำจนทุกคนต้องตะลึงได้!
มีเพียงจางเย่ที่เดินเข้ามาจากที่ไกลเท่านั้นที่แทบจะล้มหัวทิ่มเมื่อได้ยิน!
บัดซบ!
แม่*กลอนที่ฉันเขียนที่บ้านเมื่อเช้าไม่ใช่เรอะ!
ยัยเด็กตัวแสบนี่! ตอนนั้นยังมา ‘หึหึ’ ใส่ฉันอยู่เลย! ทำไมมาตอนนี้ถึงเอาที่ฉันเขียนมาใช้ล่ะฟระ?
น้องสาวเธอน่ะสิ! เรียนอะไรไม่เรียน มาเรียนวิธีโชว์พาวกับฉันเนี่ยนะ!?
==================
说书唱戏劝人方。
เล่านิทานขับขานกล่อมผู้คน
: คือเล่านิทาน ขับบทงิ้ว การแสดงทั้งหลาย ล้วนมีขึ้นเพื่อกล่อมเกลานิสัยผู้คน
三条大道走中央。
สามทางหนเลือกมัชฌิมวิถี
: ทางสามสาย ตึงไปบ้าง หย่อนไปบ้าง จงเลือกทางสายกลางเป็นทางเดินที่ง่ายที่สุด
善恶到头终有报。
ดีชั่วกรายศีรษะสิ้นกันที
: ดีเลวสุดท้ายย่อมได้ผลตอบแทน
人间正道是沧桑!
อันวิถีแห่งโลกหล้า...คือ! เปลี่ยน! แปลง!
: วิถีทางปกติในโลกมนุษย์ ย่อมเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อยู่เนืองๆ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*